ตอนที่ 44 มาทีหลังดังกว่า
ตอนที่ 44 มาทีหลังดังกว่า
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
“ไม่เห็นต้องพูดเกินจริงขนาดนั้นเลย ใช่มั้ย...”
ขณะที่ชายคนนั้นกำลังตั้งข้อสงสัย เขาก็เห็นภาพเหตุการณ์ที่คนเจ็ดคนทำตัวเหมือนกับผีผู้หิวโหย และรีบร้อนเข้าไปแย่งอาหารพร้อมกับตวาดว่า พวกนั้นไม่แม้แต่จะใส่ใจว่าคนที่อยู่ข้างๆ เป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย และทำแค่ฉกชิงกันอย่างอิรุงตุงนัง
คนที่แย่งมาได้นั้นย่อมมีความสุขอย่างที่สุด และเริ่มกินมันอย่างร่าเริง การเคลื่อนไหว ลักษณะท่าทางและรายละเอียดอื่นเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น ล้วนบ่งบอกถึงเสน่ห์ของอาหารฉินฟาง
“เป็นไปไม่ได้! อาหารของเขาแค่ดีกว่ามาตรฐานเล็กน้อยเท่านั้น และพวกนั้นยังไม่ลองกินอาหารของเอฟเฟนดี้มาก่อน”
เขาไม่เชื่อว่าอาหารของฉินฟางจะอร่อยมากจนทำให้ผู้คนลืมเลือนสิ่งอื่น เขาเพิ่งจะได้กินอาหารของเอฟเฟนดี้ และยังคงระลึกถึงรสชาตินั้นได้ ดังนั้นเขาจึงเกิดเหตุผลขึ้นในใจที่ว่าตัวเองคิดถูกในทันที
“สหายทั้งหลาย! พวกเราไปถล่มเจ้าเอฟเฟนดี้กัน!”
คุณลุงให้การสนับสนุนฉินฟางเป็นอย่างมาก หลังจากที่กินอาหารชุดสุดท้ายเสร็จ เขาก็ตะโกนบอกสหายให้ร่วมกันเคียงบ่าเคียงไหล่ไปร่วมยังศึกแย่งอาหารแนวหน้า และรีบเร่งไปยังฝั่งของเอฟเฟนดี้อย่างกระตือรือร้น
ผู้คนที่มาทีหลังรู้ว่าฉินฟางกับเอฟเฟนดี้แข่งขันทำอาหาร แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นสงครามกลุ่ม!
หลังจากแฟนพันธุ์แท้อาหารฉินฟางชุดแรกจากไป ผู้คนจำนวนมากก็มาถึงในทันทีหลังจากนั้น ฉินฟางจึงไม่มีเวลาที่จะได้พักเลย และใช้ความเร็วสูงสุดของตัวเองเพื่อเตรียมทำอาหารชุดต่อไป ก่อนที่จะวางมันลงในจานที่ถูกทำให้ว่างเปล่าโดยกลุ่มแฟนผู้คลั่งไคล้...
คนที่มาหลังจากนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อฉินฟางจะเก่งจริงตั้งแต่อายุน้อยเช่นนี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็นึกถึงภาพการกินของพวกที่เพิ่งจากไป พวกเขามองหน้าซึ่งกันและกัน มีบางคนบ่นพึมพำและลังเลที่จะลองมัน
“ทำไมไม่ลองดูล่ะ?”
ด้วยประโยคนั้น ความลังเลของทุกคนก็หมดไป และเข้าไปหยิบอาหารที่ตัวเองชอบ จากนั้นก็เดินออกไปด้านข้างอย่างเงียบๆ และเอาอาหารใส่ลงไปในปาก นี่เป็นเพราะพวกเขากลัวว่าถ้าต้องคายทิ้งเพราะรสชาติอันย่ำแย่แล้ว ฉินฟางก็อาจแสดงอาการและทำอะไรบางอย่างกับพวกเขาก็เป็นได้
แต่เพียงแค่กัดลงไปคำเดียว ทุกคนก็ตกตะลึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่แสดงตนว่าเป็นแฟนตัวยงของเอฟเฟนดี้เมื่อครู่นี้ เขานั้นตกใจจนเซ่อไปเลย เพียงแค่เคี้ยวอาหารเบาๆ ก็ทำให้กลิ่นหอมและรสชาติอันน่ามหัศจรรย์พรั่งพรูออกมา
ทั้งๆ ที่เมื่อกี้นี้เขากลัวว่าจะได้กินอาหารรสชาติย่ำแย่ ก็เลยหยิบสะเต๊ะมาเพียงหนึ่งไม้ แต่หลังจากที่กัดไปหนึ่งคำ เขากินก็หมดไปแล้วหนึ่งในสามของไม้ และอีกสองคำต่อมาทุกอย่างก็หมดสิ้นไป
“เยี่ยมมาก โคตรอร่อยเลย!”
สะเต๊ะไม้นั้นลงไปอยู่ในกระเพาะของเขาแล้ว แต่รสชาติกับกลิ่นอันหอมหวนยังคงหลงเหลืออยู่ในปาก เขาดูดลิ้นของตัวเบาๆ และรู้สึกว่ารสชาติที่หลงเหลืออยู่นั้นช่างน่ามหัศจรรย์ เป็นอาหารที่ทำให้อยากจะกลืนกินแม้กระทั่งลิ้นของตัวเอง ภายในใจร่ำร้องไปด้วยความปีติยินดี
อดีตแฟนตัวยงของเอฟเฟนดี้ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ลองทาน คนอื่นที่ลองทานก็มีปฏิกริยาแบบเดียวกัน และใบหน้าของพวกเขาก็แสดงอาการตกใจกับรสชาตินี้ ก่อนที่ดวงตาของพวกเขาจะลุกวาวและมองตาโตไปยังจานที่ฉินฟางวางอาหารไว้
คนที่ไม่ได้ห่างจากหน้าเตาของฉินฟางรีบเข้าประจำที่ในทันที และเลือกในตำแหน่งที่ได้เปรียบ พวกเขาเห็นสิ่งที่กลุ่มของลุงคนนั้นทำก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ในเวลานี้รู้สึกเสียดายมาก เพราะถ้าพวกเขามากันให้เร็วกว่านี้ อย่างน้อยก็อาจจะได้กินจนอิ่มไปเกือบครึ่ง ตอนนี้พวกเขาต้องรอจนกระทั่งมีส่วนเกินหลังจากคนอื่นได้ลองทาน หรือไม่ก็บังเอิญได้มาสองสามไม้โดยอาศัยข้อได้เปรียบของตำแหน่งที่ยืน
ในระยะเวลาไม่นาน ก็มีคนออกันเต็มอยู่ด้านหน้าของฝั่งฉินฟาง และส่วนใหญ่เป็นคนที่ได้ทานอาหารของฉินฟางไปครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนคนมาทีหลังล้วนไม่รู้จักรสชาติจึงมีไม่มากที่เข้ามาลอง ซึ่งเป็นแบบเดียวกับพวกที่มาแรกๆ ก็คือไม่ได้หยิบไปลองทานกันมากนัก ของที่ฉินฟางทำส่วนมากจะถูกเอาไปโดยคนที่ได้ลองทานแล้ว
ชาวจีนมีพฤติกรรมประหลาดอย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ นั่นคือพวกเขาชอบที่จะทำตามฝูงชน
โดยไม่ได้ใส่ใจว่าอาหารของฉินฟางจะดีหรือไม่ แต่ถ้ามีคนต่อแถวรอกินมันแล้ว คนส่วนใหญ่ย่อมคิดว่ามันดีแน่ๆ นอกจากนี้ยิ่งแถวยาวเท่าไหร่แสดงว่าอาหารก็ต้องดีมากเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนแรกฝั่งของเอฟเฟนดี้ถึงเต็มไปด้วยผู้คน ในขณะที่ของฉินฟางมีเพียงแปดคน
เมื่อมีคนมาอออยู่ฝั่งของฉินฟางมากขึ้น และทุกคนที่กำลังกินอาหารของฉินฟางก็ทำท่าเหมือนกับว่ามันอร่อยมาก คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าอาหารนี่จะต้องดีจริงแน่ๆ จึงเริ่มต่อคิวด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ฝั่งของฉินฟางเต็มไปด้วยผู้คน จนเมื่ออดีตแฟนอาหารตัวยงของเอฟเฟนดี้กลับมา ก็พบว่าเขาไม่มีทางแทรกตัวกลับเข้าไปได้อีกเลย
“สหาย คุณลองทานแล้วใช่ไหม? รสชาติเป็นไงบ้าง? ถ้าไม่อร่อยฉันจะได้ไปต่อคิวที่ฝั่งเอฟเฟนดี้อีกรอบ...”
คนที่มาทีหลังบังเอิญเห็นคนที่มาก่อนหน้าซึ่งเคยตะโกนสนับสนุนเอฟเฟนดี้เสียงดัง ก็เลยดึงตัวเขามาและถามเกี่ยวกับอาหารของฉินฟาง คนที่ถามนั้นค่อนข้างอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการเข้าไปหยิบอาหารของฉินฟาง
“อืมมม อย่าให้พูดเลย มันห่วยมาก! ผมแนะนำให้คุณรีบกลับไปกินของเอฟเฟนดี้...”
พอเห็นชายคนนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ดีเช่นนี้ อดีตแฟนตัวยงของเอฟเฟนดี้ก็นึกอะไรบางอย่างออก และตอบคำถามกลับไปด้วยท่าทางเจ็บใจ
“แย่ขนาดนั้นเชียว? งั้นก็ลืมที่ถามเถอะ ฉันจะกลับไปต่อคิวที่เดิมล่ะกัน...”
ชายคนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากได้ยินจากแฟนอาหารของเอฟเฟนดี้ว่าอาหารของฉินฟางแย่ ก็ไม่ได้สงสัยและออกมาจากตำแหน่งที่ดีของเขา เตรียมที่จะกลับไปยังฝั่งของเอฟเฟนดี้
ทันทีที่ชายคนนั้นถอยออกมา อดีตแฟนอาหารตัวยงของเอฟเฟนดี้ก็รีบร้อนแทรกเข้าไปสุดตัวในทันที เพราะกลัวว่าถ้าเขาชักช้า ตำแหน่งนี้จะถูกแย่งไป
“เฮ้ คุณ? คุณกำลังทำอะไรน่ะ?”
เพียงแต่ในขณะที่ชายซึ่งถูกล่อลวงคนนั้นกำลังจะจากไป เขาก็หันหน้ากลับมาและพบว่าคนที่พูดว่าอาหารของฉินฟางแย่นั้นแย่งที่ของเขาไป ดังนั้นชายผู้ถูกล่อลวงจึงรีบแตะไหล่อดีตแฟนอาหารตัวยงของเอฟเฟนดี้ในทันที และถามด้วยท่าทีตกใจ
“แหะๆ ขอโทษด้วยนะ... อาหารนี่มันอร่อยมากเกินไป ก็เลยอดไม่ได้ที่จะ...”
อดีตแฟนตัวยงของเอฟเฟนดี้พูดด้วยใบหน้าที่เก้อเขิน และไม่ลืมที่จะกล่าวขอโทษต่อสิ่งที่เขาทำไปเมื่อครู่นี้
“ไม่ต้องกังวลไป คุณจะได้ส่วนแบ่งจากอะไรก็ตามที่ผมเอามาได้แน่ๆ ...”
ในขณะที่เขาพูดจบนั้น ฉินฟางก็ได้ทำอาหารชุดใหม่เสร็จแล้ว อดีตแฟนอาหารเอฟเฟนดี้จึงยื่นมือเข้าไปแย่งชิงอาหารนั่นอย่างรีบร้อน ปล่อยให้ชายซึ่งโดนโกงตำแหน่งยืนที่ดีของตัวเองไปยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความมึนงง สุดท้ายผ่านไปพักใหญ่ชายคนนั้นก็ได้สติ จึงตระหนักได้ว่าเขาโดนโกง และตะโกนเสียงดังว่า “พวกแซงคิว!”
“สหาย อย่างเพิ่งโมโห! ลองนี่ก่อน! ผมต่อสู้อย่างลำบากเพื่อให้ได้มันมา สิ่งนี้คืออาหารที่คุณสมควรเรียกมันว่าบาร์บีคิว! ของเอฟเฟนดี้มันคือขยะชัดๆ!”
อดีตแฟนอาหารตัวยงของเอฟเฟนดี้เป็นคนรักษาคำพูดอย่างคาดไม่ถึง ถึงแม้จะแย่งมาได้ไม่กี่ไม้หลังจากที่ใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังเหลือไว้ไม้หนึ่งให้กับชายคนนั้น
ชายคนนั้นไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย และรับอาหารไม้นั้นไปทาน ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเป็นแบบเดียวกับคนอื่นที่ได้กินในทีแรก ตาโตและเลียปากเพื่อรำลึกถึงรสชาตินั้นหลังจากกินเสร็จ
“เป็นยังไงบ้าง สหาย? ผมไม่ได้โกหกคุณใช่มั้ยล่ะ?”
อดีตแฟนตัวยงของเอฟเฟนดี้พูดราวกับว่าเขากำลังพยายามทำความดีบางอย่าง
“ไม่ต้องพูดแล้ว! แน่นอนว่ามันอร่อย! แมร่งเอ้ย ทำไมคุณยังยืนอยู่ที่นั่นล่ะ รีบกลับไปแย่งมาเพิ่มอีก! เปิดทางให้ฉันเร็วเข้า ฉันจะเข้าไปร่วมด้วย!”
ฉินฟางทำอาหารจนรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเหมือนกับเครื่องผลิต แต่เมื่อเห็นอาหารของเขาเป็นที่ชื่นชอบเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขายังไม่ได้ลองทานของตัวเอง ฉินฟางก็ยังรู้สึกมีความสุขอย่างที่สุด
……………………………..