ตอนที่ 42 ดวลบาร์บีคิว!
ตอนที่ 42 ดวลบาร์บีคิว!
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
ทันทีที่เอฟเฟนดี้ตอบตกลงตามเงื่อนไขของฉินฟาง มันก็ยากที่หลี่เฟิงกับคนอ้วนหลี่จะดึงเอาแผนสกปรกออกมาใช้ โชคยังดีที่คนอ้วนหลี่รู้ดีว่าเอฟเฟนดี้นั้นมีฝีมือจริงๆ เพราะเอฟเฟนดี้ได้ตำแหน่งแชมป์ทำบาร์บีคิวสามสมัยมาด้วยความสามารถ ไม่ได้มาจากการเล่นใต้โต๊ะ
ซึ่งก็เหมือนกับคนอ้วนหลี่ที่สามารถมาเป็นผู้จัดการของลานบาร์บีคิวนี้ได้ ไม่ใช่เพราะว่ามาจากการเลียแข้งเลียขาหรือใช้เส้นสาย ตัวเขาก็มีฝีมือ และเมื่อลงมือทำงาน มันก็จะลื่นไหลราวกับสายน้ำและปุยเมฆ
ไหนๆ ทั้งคู่ก็ตกลงที่จะท้าทายกันแล้ว คนอ้วนหลี่จึงส่งคนไปจัดเตรียมเวทีแข่งขันในทันที หลังจากสิบนาทีผ่านไป พนักงานก็เตรียมสถานที่ให้ฉินฟางกับเอฟเฟนดี้แข่งขันเสร็จ พวกนั้นกระทั่งเรียกดีเจจากบาร์มาทำหน้าที่เป็นพิธีกรด้วย
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีครับ วันนี้พวกเรากำลังจะจัดให้มีการแข่งขันขึ้น! หัวข้อการแข่งขันแน่นอนว่าคือการทำบาร์บีคิว และผู้ตัดสินคือทุกคนที่นี่ในตอนนี้!”
ตอนแรกพิธีกรพูดเกริ่นเรื่องราวคราวๆ และเร่งเร้าความสนใจของผู้คนที่สังเกตเห็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในกลุ่มของฉินฟาง
“อันดับแรก ผมขอแนะนำผู้เข้าแข่งขัน! ทางซ้ายมือของผม เชฟหลักของลานบาร์บีคิวเรา และยังเป็นแชมป์การแข่งขันทำบาร์บีคิวงานเทศกาลอาหารเมืองหนิงไห่สามสมัย เอฟเฟนดี้!”
เมื่อได้ยินที่พิธีกรกล่าวนำ เอฟเฟนดี้ที่สวมเครื่องแบบพ่อครัวอยู่แล้วก็เดินขึ้นมาบนเวที และยืนตรงหน้าเตาย่างบาร์บีคิวที่จัดเตรียมไว้ แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะสร้างความชื่นชอบให้กับกลุ่มคนซึ่งจะกลายมาเป็นผู้ตัดสิน พร้อมทั้งพูดทักทายพวกนั้น
“เอาเลยเอฟเฟนดี้!”
“ฉันเอาใจช่วยคุณนะ เอฟเฟนดี้!”
ลูกค้าส่วนใหญ่ซึ่งมาที่นี่บ่อยๆ ล้วนรู้จักเอฟเฟนดี้ และเคยได้ลองทานอาหารฝีมือของเขามาก่อน รสชาตินั้นแน่นอนว่าดี คนบางส่วนมีแม้กระทั่งที่อยากจะมาเรียนรู้จากเอฟเฟนดี้ ดังนั้นช่วงเวลาที่เอฟเฟนดี้ปรากฏตัวขึ้น กลุ่มคนบางส่วนก็เริ่มส่งเสียงเชียร์
“ทางด้านขวามือคือหนึ่งในลูกค้าของลานบาร์บีคิวเรา ฉินฟาง! ถึงแม้ว่าอาจจะดูอายุน้อยไปบ้าง แต่ฝีมือในการทำบาร์บีคิวของเขานั้นน่าตื่นตาตื่นใจมาก! ดังนั้นการแข่งขันในครั้งนี้คือศึกยักษ์ชนยักษ์อย่างแน่นอน!”
ฉินฟางก็เดินขึ้นมาอยู่ที่หน้าเตาย่างบาร์บีคิวด้วยเช่นกัน ส่วนถังเฟยเฟยก็เดินตามหลังฉินฟางอย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะมาเป็นผู้ช่วยของฉินฟาง
“โห่!”
“ว้าว สาวสวยนี่!
“เหี้ยไรวะเนี่ย ดอกฟ้ากับหมาวัดชัดๆ !”
“น้องชาย ฉันเอาใจช่วยนะ!”
เปรียบกับเอฟเฟนดี้ ตอนที่ฉินฟางขึ้นไปบนเวที มีคนเชียร์เขาแค่สองสามคน แต่เสียงโห่ฮากลับดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ในเวลาเดียวกันก็มีคนสังเกตเห็นถังเฟยเฟยที่อยู่ข้างฉินฟาง จึงอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนด้วยความอิจฉา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีคนไม่มากที่ชอบฉินฟาง
“ผมจะอธิบายกฎกติกาในการแข่งขันนี้ให้เข้าใจกันอย่างง่ายๆ นะครับ ทุกคนที่นี่จะได้รับการ์ดใบหนึ่ง และนั่นคือบัตรลงคะแนน ตรงนี้มีกล่องลงคะแนนสองใบ คุณฉินกับเชฟเอฟเฟนดี้จะทำบาร์บีคิวให้รับประทาน และปล่อยให้พวกท่านประเมินผล จากนั้นก็ขอให้พวกท่านลงคะแนนให้กับผู้เข้าแข่งขันที่ทำบาร์บีคิวได้ดีและตรงใจมากกว่า สุดท้ายแล้วจำนวนคะแนนเสียงที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนได้รับจะเป็นตัวกำหนดผู้ชนะ”
กฎนั้นเรียบง่ายและปฏิบัติได้จริง หลังจากการทำบาร์บีคิวเสร็จสิ้นก็จะทำการลงคะแนนเสียงในทันที ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นเล่นตุกติกได้เลย นอกจากนี้พนักงานในรีสอร์ทแห่งนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการลงคะแนน เพราะหนึ่งในผู้เข้าแข่งนั้นคือเอฟเฟนดี้
“ตอนนี้พอใจหรือยังล่ะ?”
ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม เอฟเฟนดี้ก็เดินเข้าถามฉินฟางเป็นการเฉพาะ
“ก็โอเค”
เกี่ยวกับเรื่องกฎกติกานั้น ฉินฟางไม่ได้มีข้อข้องใจใดๆ เกี่ยวกับมัน ถึงแม้ว่าการแข่งขันนี่จะเกิดจากความขัดแย้งเล็กๆ จนเลยเถิดกลายเป็นเรื่องใหญ่
“ข้าหวังว่าแกคงจะไม่แพ้อนาถจนเกินไปนะ... ฮ่าฮ่า!”
เอฟเฟนดี้พูดเย้ยหยันและหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินกลับไปเตาของตัวเอง ซึ่งตอนนี้วัตถุดิบทั้งหมดได้ถูกเตรียมพร้อมไว้แล้ว
“โอเค! ตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองก็พร้อมแล้ว ผมขอประกาศเริ่มการแข่งขัน ณ บัดนี้!”
วัตถุดิบทั้งหมดเจ้าของสถานที่ล้วนจัดเตรียมให้ ในส่วนของค่าใช้จ่ายก็ถูกรวมไว้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นฉินฟางจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเงินในกระเป๋าสตางค์ของเขา และเริ่มทำอาหารในทันที ส่วนเอฟเฟนดี้ก็เริ่มการทำด้วยเหมือนกันอย่างไม่ยอมล้าหลัง
ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองมีความแตกต่างกันในเรื่องของความนิยมค่อนข้างมาก เพราะคนจำนวนมากไปอออยู่ทางด้านเอฟเฟนดี้ในทันที แต่มีสิ่งหนึ่งที่ควรต้องรู้ว่า เอฟเฟนดี้นั้นเป็นเชฟหลักของลานบาร์บีคิวแห่งนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วลูกค้าทั่วไปไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ทานอาหารของเขา ดังนั้นเมื่อตอนนี้พวกนั้นมีโอกาส แถมไม่ต้องจ่ายเงิน จึงเป็นธรรมดาที่จะยกโขยงไปลิ้มลองอาหารของเอฟเฟนดี้
ในทางตรงกันข้ามพื้นที่ในส่วนของฉินฟางค่อนข้างไร้ผู้คน มีเพียงแมวจรจัดสองสามตัวเดินไปมารอบบริเวณนั้น แต่ฉินฟางก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขาสังเกตเห็นบางคนที่ไม่สามารถแย่งพื้นที่หน้าเตาของเอฟเฟนดี้กำลังเดินเข้ามาที่นี่
วันนี้อากาศร้อนเกินไป ดังนั้นถ้าผู้คนเบียดเสียดยื้อแย่งกันแล้ว ก็คงจะมีคนที่ไม่สามารถทนรับมันได้ไหว ฉินฟางไม่คิดว่าจะมีใครอดทนรออยู่ได้เป็นเวลานาน
“ฉินฟาง ฉันอยากกินปีกไก่...”
ถังเฟยเฟยเรียกร้อง เมื่อกี้นี้เธอยังกินไม่หายอยาก ดังนั้นเลยต้องการทานเพิ่มอีก
“ขอแกะสะเต๊ะให้พี่สองสามไม้ด้วย!”
ซุนซูร้องบอก ถึงปีกไก่ย่างจะอร่อย แต่เขาชอบเกินเนื้อแกะพร้อมกับเบียร์เย็นๆ มากกว่า
“เฮ้ เจ้าหนุ่ม ทำกระเทียมเสียบไม้ย่างให้ลุงมาลองทานหน่อย...”
คุณลุงซึ่งมีสำเนียงพูดเป็นเอกลักษณ์กล่าว
“เฮ้ รูปหล่อ ฉันอยากกินไส้ย่าง...”
คำพูดนี้เอ่ยโดยหญิงสาวนัยน์ตาหงส์ท่าทางดุดัน หลังจากที่พูดจบเธอก็เลียริมฝีปากจนฉินฟางรู้สึกกลัว เขารีบก้มหน้าและทำตามออเดอร์อย่างจริงจัง
อย่างที่ใครบางคนเคยกล่าวไว้ เมื่อคุณชำนาญในส่วนหนึ่งแล้ว ก็จะเข้าใจส่วนที่เหลือทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ทุกการเปลี่ยนแปลงสามารถย้อนรอยกลับไปยังต้นกำเนิดได้เสมอ
ตั้งแต่แรกเริ่มที่เขาได้เรียนรู้การทำบาร์บีคิวจนกระทั่งตอนนี้ เวลาผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลย และเขาเพิ่งจะได้ย่างปีกไก่ไปสองไม้เท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกปั่นป่วนอะไรเมื่อตอนนี้ต้องมาปิ้งย่างอย่างอื่น ถึงแม้ว่าท่าทางจะยังดูงุ่มง่ามเล็กน้อย ฉินฟางก็ไม่ได้กังวลอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ปีกไก่ย่าง แกะสะเต๊ะ หมูสะเต๊ะ ไส้ย่าง กระเทียมย่าง... อาหารทุกอย่างถูกปรุงโดยฉินฟาง นอกจากนี้แล้วเขายังทำการปิ้งย่างตามขั้นตอนให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ อีกทั้งควบคุมเวลาในการปิ้งย่างให้เหมาะสม การดูไฟจึงกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ในขณะที่ท่าทางในการทำอาหารของเขาดูลื่นไหลมากขึ้น ความเร็วในการปิ้งย่างก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน อย่างเดียวที่น่าเสียดายคือค่าประสบการณ์ของทักษะกลับเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้า...
“คาดไว้ไม่ผิด ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นช้ามากหลังจากทักษะขยับมาอยู่ระดับกลาง”
ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าโศกอยู่ในใจ แต่มือของเขาก็ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวเลย
……………………………..