ตอนที่ 41 ท้าทาย
ตอนที่ 41 ท้าทาย
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
“แกพูดว่าอะไรนะ?”
ทันทีที่ประโยคนั้นหลุดจากปากของถังเฟยเฟย มันก็เหมือนกับน้ำมันที่ลุกติดไฟ ใบหน้าของหลี่เฟิงดำคล้ำลงเล็กน้อย แต่เอฟเฟนดี้ที่ยืนอยู่ข้างเขาตอนนี้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แชมป์ทำบาร์บีคิวสามสมัยของเมืองหนิงไห่ เป็นเกียรติยศที่เอฟเฟนดี้ได้รับหลังจากทำงานหนักมาหลายสิบปี เขามีความสามารถจนถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในเชฟบาร์บีคิวระดับแถวหน้า
เพราะฉะนั้นบาร์บีคิวที่เขาใช้ทักษะซึ่งผ่านการขัดเกลามาหลายสิบปีถูกบอกว่าด้อยกว่าของมือสมัครเล่นนั้น เขาจะสามารถยอมรับมันได้อย่างไร?
หน้าของเอฟเฟนดี้แดงด้วยความโกรธ ใบหน้าที่ดำอยู่บ้างของเขากลายเป็นสีดำม่วงเนื่องจากความแดง ในเวลานี้หน้าของเขาดูดุร้ายมาก และดวงตาทั้งคู่ราวกับจะพ่นไฟได้ตลอดเวลา
“ทำหน้าดุแล้วได้อะไร? คิดว่าตัวเองถูกเพราะเสียงดังกว่างั้นเหรอ?”
บางครั้งถังเฟยเฟยก็ค่อนข้างมีอารมณ์รุนแรง ถึงแม้ท่าทางที่ดุร้ายของเอฟเฟนดี้จะทำให้ถังเฟยเฟยกลัวจริงๆ ซึ่งแสดงให้เห็นจากการที่เธอเอามือทาบหน้าอก หลังจากที่ตั้งสติอยู่สักพัก จากนั้นเธอก็ท้าวเอวและตะโกนกลับอย่างมีอารมณ์
“แก...!”
เอฟเฟนดี้โกรธจนควันออกหู เขาโมโหจนอยากแทงใครสักคน และไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้ เขาสะบัดมือขึ้นไปในอากาศทันที พร้อมที่จะฟาดใส่ถังเฟยเฟย
ฉินฟางดึงถังเฟยเฟยไปข้างหลังของเขาเบาๆ จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและเตะไปที่เอวของเอฟเฟนดี้
“หยุดนะ!”
แทบจะในเวลาเดียวกับที่ฉินฟางเคลื่อนไหว หน้าของหลี่เฟิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน และพูดห้ามเอฟเฟนดี้ในทันที
*ผัวะ!*
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าหลี่เฟิงตอบสนองช้าเกินไป ฉินฟางได้ดึงตัวถังเฟยเฟยไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่เป็นอันตราย แต่ฉินฟางก็รู้สึกปวดร้าวจากด้านหลัง แรงตบของเอฟเฟนดี้ที่อัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังนั้นไม่เบาเลย
แล้วเอฟเฟนดี้ล่ะ?
เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉินฟาง ลูกเตะของฉินฟางทำให้เขาต้องถอยหลังไปสองสามก้าว และเนื่องจากเป็นการเตะอย่างฉับพลัน ทักษะ [ลอบโจมตี] จึงถูกใช้งาน นั่นทำให้เอฟเฟนดี้ติดสถานะ [มึนงง] ช่วงสั้นๆ
ผมจะเตะแกจนกว่าจะล้ม!
ตั้งแต่แรกฉินฟางไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยเอฟเฟนดี้ไปง่ายๆ หลังจากเตะไปแค่หนึ่งที เขาฉวยโอกาสที่เอฟเฟนดี้ติดสถานะ [มึนงง] และยังไม่ฟื้นตัว เตะออกไปอีกหนึ่งครั้ง
*ผัวะ!*
ลูกเตะนี้ทรงพลังมากขึ้น จนตัวของเอฟเฟนดี้ลอยออกไปเมตรกว่าๆ จากนั้นก็ตกลงมาโดยเอาหน้าลงพื้นก่อน ต้นหญ้าสีเขียวกระทบถูกใบหน้าอย่างต่อเนื่อง ปลุกให้เขารู้สึกตัว
“สารเลว! ฉันจะฆ่าแก!”
เมื่อเอฟเฟนดี้ได้สติก็เผลอเอามือไปสัมผัสกับใบหน้า ถึงแม้ว่าจะไม่มีเลือดออกก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง เอฟเฟนดี้ที่ถูกยั่วยุอารมณ์อย่างต่อเนื่องก็ไม่สามารถทนรับได้อีกต่อไป และดึงมีดออกมาตามสัญชาตญาณ แต่เขาก็ตกใจที่พบว่าไม่มีมีดเหน็บอยู่ที่เอว
นับตั้งแต่ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองก็ค่อยๆ ห่างเหินจากชนเผ่าดั้งเดิมของเขาที่เป็นนักล่าสัตว์และผนวกตัวเองเข้ากับชีวิตสมัยใหม่ จึงเป็นธรรมดาที่นิสัยชอบพกมีดไปกับตัวก็เปลี่ยนด้วยเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้เขารู้สึกโกรธจริงๆ ถึงได้พยายามดึงมีดออกมาตามสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ตามการที่ไม่มีมีดไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอาวุธอื่นให้เขาใช้ ยกตัวอย่างเช่นอุปกรณ์ที่ใช้กันบ่อยๆ ในการทำบาร์บีคิว เช่น เหล็กเสียบบาร์บีคิวที่ใช้ในการเสียบอาหาร และบังเอิญว่าตัวของเขาตกลงใกล้เตาที่มีคนกำลังปิ้งบาร์บีคิวอยู่ เขาจึงแทบจะไม่ต้องคิดและกระชากเหล็กเสียบนั่นมา เตรียมพร้อมที่จะดวลกัน
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ฉินฟางไม่ได้รังเกียจที่จะดูแลเอาใจใส่เอฟเฟนดี้อีกครั้ง แบบโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น มันกล้าที่จะตบตีถังเฟยเฟย ดังนั้นฉินฟางเองก็กล้าที่จะหักแขนมันทั้งสองข้างด้วยเช่นกัน
แต่หลี่เฟิงไม่ได้มีความอดทนมากนัก ใบหน้าของเขาดำทมึน ส่วนคนอ้วนหลี่ที่อยู่ข้างเขาก็เหงื่อไหลโชก กลัวว่าเอฟเฟนดี้จะเริ่มการนองเลือด เหตุผลที่หลี่เฟิงสั่งให้เอฟเฟนดี้หยุดนั้น ชัดเจนว่าต้องการสร้างความประทับใจให้กับสาวสวยที่อยู่ข้างฉินฟาง แต่เอฟเฟนดี้ซึ่งไม่รู้จักกาลเทศะกล้าที่จะตบตีถังเฟยเฟย นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าหัวเราะเลย นั่นเป็นสาเหตุที่เขาตะโกนให้เอฟเฟนดี้หยุดด้วยอาการตกจริต
“นายน้อยหลี่เฟิง วันนี้กระผมจะจัดการมัน! ทำไมนายน้อยถึงห้าม...”
เอฟเฟนดี้ยังค่อนข้างให้ความเกรงใจกับคนอ้วนหลี่ แต่เขาก็ไม่อาจกล้ำกลืนความจริงที่ฉินฟางทำให้เสียเกียรติ ในฐานะที่เคยเป็นนักรบในชนเผ่า เขาต้องยกอาวุธขึ้นสู้กับศัตรูของตัวเอง
*ผัวะ*
“หุบปากของแกซะ”
ในเวลานี้หลี่เฟิงก็เดินเข้ามา และฟาดหลังมือใส่เอฟเฟนดี้
“แกกล้าแตะต้องผู้หญิงของฉันงั้นเรอะ? เชื่อไหมว่าแค่ฉันพูดประโยคเดียว แกจะเป็นศพลอยในแม่น้ำพรุ่งนี้?”
เอฟเฟนดี้ตกตะลึงโดยทันที ถึงแม้คนอ้วนหลี่จะเป็นหัวหน้าเขา แต่เนื่องจากลานบาร์บีคิวแห่งนี้ไม่สามารถเปิดได้ถ้าปราศจากเอฟเฟนดี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เกรงกลัวอะไรคนอ้วนหลี่มากนัก
แต่ถ้าเป็นหลี่เฟิงแล้วก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในฐานะที่เป็นลูกชายเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ เขาจึงเป็นคนที่มีอำนาจมากในเมืองนี้ ต่อให้เอฟเฟนดี้เป็นนักรบของชนเผ่า ก็จะมีคนจำนวนมากที่ความสามารถมากพอจัดการกับเอฟเฟนดี้เหมือนเป็นคนธรรมดา และไม่จำเป็นต้องพูดหนึ่งประโยคหรอก แค่หลี่เฟิงใช้สายตาที่เกลียดชังมองไปที่มัน คนจำนวนมากก็พร้อมที่จะจัดการเอฟเฟนดี้ในทันที
“แกไม่เห็นด้วยและบอกว่าถังเฟยเฟยคิดผิดไปใช่ไหม? ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสแก ฉินฟางเองก็อยู่ที่นี่ ถ้าแกต้องการจะพิสูจน์ว่าถังเฟยเฟยคิดผิด ก็ท้าทายเขาอย่างเปิดเผย เอาชนะเขา และฉีกหน้าเขา”
เป็นไปตามคาดของลูกชายที่มาจากครอบครัวซึ่งร่ำรวย แม้ว่าจะพูดให้คนอื่นทำงานสกปรกให้ แต่คำพูดที่ใช้นั้นราวกับว่าเขาเป็นฝ่ายถูก
“ถ้าแกชนะ นั่นหมายความว่าแกคู่ควรกับการถูกเรียกว่าแชมป์ทำบาร์บีคิว และฉันจะขอโทษแกแทนถังเฟยเฟย พร้อมกับขึ้นเงินเดือนให้เท่าตัว แต่ถ้าแกแพ้ ก็รีบไสหัวไปทันที”
ในเวลานี้หลี่เฟิงโมโหอย่างที่สุด วันนี้เต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คาดคิด ไม่เพียงถังเฟยเฟยจะไม่ไว้หน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งบอกว่าไอ้ยาจกฉินฟางนั่นเป็นแฟนของเธอ นี่ก็ทำให้หลี่เฟิงรู้สึกโกรธอยู่แล้ว แต่เหมือนน้ำมันราดเข้าไปในกองเพลิง ฉินฟางเริ่มเป็นปรปักษ์กับเขาและทำให้เขาเสียหน้า และที่เหนือกว่าเรื่องอื่นใด ลูกน้องของเขาเริ่มโบกอาวุธไปมาทั้งที่เขาสั่งให้หยุด ตอนนี้เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปพบผู้คนซึ่งเป็นพยานเรื่องความอับอายอย่างที่สุดของตัวเขาเองได้ยังไงแล้ว
“ได้ครับ”
พอเห็นความโมโหโกรธาของหลี่เฟิงและได้ฟังคำพูดของเขา ในที่สุดเอฟเฟนดี้ก็ตระหนักได้ว่าตัวเองไม่ยั้งคิดขนาดไหนที่จะตบถังเฟยเฟย โชคยังดีที่เขาไม่ได้ฟาดโดนถังเฟยเฟย ไม่งั้นแล้วพรุ่งนี้เขาคงจะเป็นศพลอยอยู่ในแม่น้ำ
เอฟเฟนดี้โยนเหล็กเสียบที่เขาเตรียมใช้โจมตีฉินฟางทิ้งไป จากนั้นก็เดินเข้าไปหาและมองหน้าฉินฟาง ก่อนที่จะมองไปยังถังเฟยเฟยที่อยู่ด้านหลังซึ่งมีท่าทีตื่นกลัวเล็กน้อย
“ในฐานะนักรบของชนเผ่าอุยกูร์ ข้าขอท้าแก ในเมื่อคุณผู้หญิงท่านนี้คิดว่าบาร์บีคิวของแกดีกว่าแล้ว ก็มาแข่งขันกันอย่างยุติธรรม ข้าจะแสดงให้แกเห็นถึงพลังของแชมป์บาร์บีคิวสามสมัย”
เอฟเฟนดี้ประกาศท้าทายอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าความโกรธของมันยังไม่ได้ลดลงเลย แต่ฉินฟางก็รู้ดีว่าเอฟเฟนดี้จะไม่ต่อสู้กับเขาอีกต่อไป หรืออาจพูดได้ว่าไม่กล้าที่จะต่อสู้กับเขาอีกแล้ว
“ฉินฟาง รับคำท้าเลย!”
ฉินฟางลังเล เพราะยังไม่ได้ลองชิมอาหารที่ตัวเขาและเอฟเฟนดี้ทำเลย พอไม่ได้รับรู้รสชาติโดยตรง เขาจึงไม่อาจตัดสินใจได้โดยง่าย ในทางกลับกัน ถังเฟยเฟยนั้นเชื่อมั่นและผลักดันให้ฉินฟางรับคำท้า
“ก็ได้ ผมตกลง แต่ผมต้องการให้ทุกคนที่นี่มาเป็นกรรมการตัดสิน เพราะต้องการป้องกันใครบางคนเล่นโกง”
เห็นได้ชัดว่าที่เอฟเฟนดี้ประกาศท้าทายไม่ใช่เพราะมาจากความต้องการส่วนตัว เป็นหลี่เฟงที่กระตุ้นให้ทำอย่างนี้แน่ๆ และตามความเข้าใจของฉินฟาง ชายคนนี้มีเจตนาร้ายแน่นอน ดังนั้นฉินฟางจึงพูดออกมาหนึ่งประโยคเพื่อทำลายแผนการของหลี่เฟิงอย่างเด็ดขาด
“โอเค!”
เอฟเฟนดี้เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองมาก จึงตอบตกลงในทันทีก่อนที่หลี่เฟิงกับคนอ้วนหลี่จะทันได้พูดอะไร
……………………………..