ตอนที่ 39 ปิ้งย่างจานแรกของฉินฟาง
ตอนที่ 39 ปิ้งย่างจานแรกของฉินฟาง
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
ขณะที่ฉินฟางกำลังยุ่งอยู่นั้น เอฟเฟนดี้ที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้อยู่เฉย เพราะได้ให้คำรับรองกับหลี่เฟิงลูกชายของเจ้านายแล้ว ดังนั้นในตอนนี้เขาจะหย่อนยานได้ยังไงกันล่ะ?
แชมป์บาร์บีคิวสามสมัยไม่ใช่คำยกยอกันเล่นๆ เขาทำการเตรียมอาหารแปดอย่างในคราวเดียว การเคลื่อนไหวของเขาล้วนลื่นไหล สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้นานนับปี
อีกด้านหนึ่งฉินฟางกำลังปิ้งบาร์บีคิวตามวิธีในตำราอย่างช้าๆ เอฟเฟนดี้มองไปยังฉินฟางช่วงที่หยุดพัก ก็พบว่าฉินฟางดูจะไม่คุ้นเคยกับการทำบาร์บีคิวและเห็นได้ชัดว่าเป็นการลงมือทำครั้งแรก จึงอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก และคิดในใจว่าการส่งเขามาจัดการกับมือสมัครเล่นเช่นนี้ช่างเป็นงานที่ลดตัวจริงๆ
แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ? เขาต้องทำทุกอย่างที่ลูกชายเจ้านายขอให้ทำ ไม่งั้นก็อาจตกงานที่จ่ายเงินเดือนดีมากนี้ได้ เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงๆ แล้วก็คงต้องกลับไปขายบาร์บีคิวที่ร้านแผงลอยอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นหลังจากที่สุขสบายในเวลานี้ เอฟเฟนดี้ไม่อาจยอมรับมันได้จริงๆ
เอฟเฟนดี้เริ่มทำทีหลังฉินฟาง แต่ความเร็วในการทำของเขามากกว่าของฉินฟางเล็กน้อย นอกจากนี้ส่วนผสมส่วนใหญ่เป็นผักจึงสุกเร็วกว่า ทำให้ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็วางบาร์บีคิวสองสามไม้ลงบนจานสะอาดที่เตรียมไว้ และเสิร์ฟมันให้กับหลี่เฟิงด้วยท่าทางนอบน้อม
“นายน้อยเฟิง ทำเสร็จแล้วครับ โปรดลองชิมดู”
อาหารบนจานส่งกลิ่นหอมยวนใจและกระทั่งสีสันก็สวยงาม ไม่มีแม้แต่กลิ่นเหม็นเกรียมซึ่งแตกต่างไปจากพ่อครัวบาร์บีคิวมือใหม่ที่ไม่ชำนาญ
“ว้าว กลิ่นหอมมาก...”
เมื่ออาหารถูกเสิร์ฟมาที่กลุ่ม ทุกคนสามารถได้กลิ่นของอาหารที่ดึงดูดใจ แม้ว่าพวกสาวๆ จะไม่ชอบหลี่เฟิง ก็ยังชื่นชมอาหารจานนี้อย่างไม่มีอคติ
“อืม ฉันจะลองชิมดูก่อน...”
หลี่เฟิงขยับปากเพื่อต้องการจะถามถังเฟยเฟยให้ลองชิมด้วยกัน แต่เธอบังเอิญหันหน้าไปมองฉินฟางที่ยังคงยุ่งอยู่ ดังนั้นหลี่เฟิงจึงกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอและหยิบเนื้อสะเต๊ะมาชิมหนึ่งไม้
หลี่เฟิงคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด และมีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่าเขาเคยกินอาหารชั้นสูงมามากขนาดไหนแล้ว แต่เนื้อสะเต๊ะไม้นี้ที่ก่อนจะส่งเข้าปากก็ส่งกลิ่นหอมหวน และเมื่อทานมันเขาก็รู้สึกได้รสชาติที่ดีในทันที ซึ่งจากที่เคยชิมมาตลอด เนื้อสะเต๊ะไม้นี้ไม่ด้อยไปกว่าอาหารที่ปรุงโดยพ่อครัวในโรงแรมห้าดาว
“รสชาติไม่เลว ไม่เลวเลยจริงๆ”
หลี่เฟิงเผยอยิ้ม และชื่นชมอาหารนี้พลางผงกหัว
“ทุกคน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจนะ ทานได้ตามที่ใจอยากเลย เฟยเฟย นี่ปีกไก่ของชอบเธอไง กลิ่นของมันหอมจริงๆ ลองทานดูสิ”
ขณะที่ทำการพูดเชิญชวนพวกสาวๆ เป็นธรรมดาที่เขาจะให้ความสนใจกับถังเฟยเฟยมากที่สุด
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะรอกินของฉินฟาง”
อย่างไรก็ตามถังเฟยเฟยส่ายหน้าและตอบปฏิเสธ ถึงแม้ว่าปีกไกที่หลี่เฟิงยื่นให้จะมีกลิ่นซึ่งหอมหวนจริงๆ แต่เธอรู้ถึงจุดมุ่งหมายซ่อนเร้นของหลี่เฟิง จึงไม่ปล่อยให้เขามีโอกาส
“เฟยเฟย ในเมื่อหลี่เฟิงมีน้ำใจ อย่างน้อยเธอก็ควรจะลองทาน จะได้เอาเปรียบเทียบกับของฉินฟางทีหลัง เพราะถ้าฉินฟางย่างมาไม่ดี เธอจะได้ให้เขาไปฝึกทำมากกว่านี้ไง!”
ไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มของฟางหมินกับจางถิงพูดกับพวกเธอยังไง แต่สองสาวที่ไม่ได้ให้ความเกรงใจใดๆ กับหลี่เฟิงเมื่อครู่นี้กำลังหว่านล้อมให้ถังเฟยเฟยไว้หน้าหลี่เฟิง
“ไม่เป็นไรจริงๆ ... กะ ก็ได้ ฉันจะลองทานดู...”
ถังเฟยเฟยคิดที่จะบอกปัดต่อไป แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นเพื่อนสนิทของเธอก็คงจะไม่หยุดพูดจาหว่านล้อม ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องไว้หน้าเพื่อนๆ และกินปีกไก่นั่นโดยไม่มีทางเลือก อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้กินไม้ที่หลี่เฟิงหยิบมาแต่หยิบไม้อื่นจากจานแทน ซึ่งนี่ทำให้หลี่เฟิงที่ยังคงถือปีกไก่ไม้นั้นอยู่ดูอึดอัดใจในทันที
แต่วันนี้หลี่เฟิงเองก็ได้รับความขายหน้ามาหลายครั้ง จึงไม่ใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้ เพราะอย่างน้อยถังเฟยเฟยก็ยอมทำตามที่เขาขอ และนั่นก็ถือว่าเป็นชัยชนะเล็กๆ ของเขา แม้ว่าจะไม่ได้ทำตามเพราะเขาเลยก็ตาม
เขาเขย่ามือราวกับจะสลัดความน่าอึดอัดใจนั้นออกไป จากนั้นก็เอาปีกไก่ไม้นั้นใส่เข้าไปในปากตัวเอง มองไปยังถังเฟยเฟยที่กำลังทานปีกไก่ของเธอ หลี่เฟิงเริ่มจินตนาการว่าปีกไก่ที่ถังเฟยเฟยทานอยู่นั้นคือของเขา...
หลี่เฟิงเป็นพวกหลงตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ เขามองข้ามฟางหมินกับจางถิงที่ช่วยพูดให้อย่างสิ้นเชิง คนในกลุ่มนอกจากถังเฟยเฟยแล้ว หลี่เฟิงก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับใครอื่นเลย ต่อให้เขาถูกคนเหล่านั้นช่วยไว้ก็ตาม โชคดีที่ถังเฟยเฟยไม่ได้รับรู้ถึงความคิดหยาบช้าอย่างลับๆ ของหลี่เฟิง ไม่งั้นแล้วเธอคงตบหน้าเขาอย่างแรง
“เป็นคนไร้ยางอายที่ไม่รับรู้ถึงความเมตตาแม้ว่าจะถูกจ้องมองอยู่ก็ตามจริงๆ!”
พวกสาวๆ ที่มีน้ำใจช่วยหลี่เฟิงแต่กลับถูกเขามองข้ามไปโดยสิ้นเชิงนั้น ฟางหมินกับจางถิงกลายเป็นไม่พอใจในทันที และจ้องเขม็งไปยังแฟนหนุ่มของพวกเธอ พวกนั้นไม่ได้เอ่ยอะไรแต่ภายในเริ่มที่จะเกลียดชังหลี่เฟิง
“เฟยเฟย รสชาติเป็นยังไงบ้าง? เธอชอบมันหรือเปล่า? เอาอีกไม้ไหม?”
ปีกไก่ไม้เดียวไม่ได้มีเนื้อมากนัก ดังนั้นในเวลาไม่นานปีกไก่ย่างไม้นั้นก็ถูกถังเฟยเฟยกินจนหมด พอสังเกตเห็นว่าถังเฟยเฟยทานเสร็จ จึงเป็นธรรมดาที่หลี่เฟิงจะเริ่มประจบเอาใจเธออีกครั้ง
“ไม่เป็นไร ฉันพอแล้ว”
เมื่อสักครู่นี้ถังเฟยเฟยเพียงเพราะรักษาหน้าฟางหมินกับจางถิงเพื่อนสนิทของเธอ สำหรับตอนนี้... เธอไม่จำเป็นต้องไว้หน้าหลี่เฟิง
หลังจากโดนถังเฟยเฟยตอบปฏิเสธ หลี่เฟิงที่ไม่มีทางเลือกอื่นเลยใช้สายตาของเขาจ้องตรงไปยังฟางหมินกับจางถิงอีกครั้ง สายตาของเขาดูหยิ่งผยองมากราวกับกำลังสั่งให้คนรับใช้ของเขาทำงาน ฟางหมินกับจางถิงที่อาฆาตแค้นอยู่แล้ว และตอนนี้เขาต้องการให้พวกเธอช่วยอีกรอบน่ะเหรอ? ฝันไปเถอะ!
“เฟยเฟย ผมย่างปีกไก่เสร็จแล้วนะ อยากลองชิมไหม?”
ในเวลานี้เอง ตอนที่บรรยากาศภายในกลุ่มกำลังย่ำแย่ ทันใดนั้นเสียงของฉินฟางก็ดังขึ้น เขามาพร้อมกับปีกไก่สองสามไม้ที่เพิ่งย่างเสร็จ
“เฟยเฟย เธอห้ามกินสิ่งนั้น! ดูที่ปีกไก่นั่นสิ ด้านนอกของมันไหม้แล้ว! ไม่รู้ว่าข้างในจะสุกหรือเปล่า ฟังฉันนะ ถึงแม้การทำบาร์บีคิวจะดูง่าย แต่การทำบาร์บีคิวให้อร่อยนั้นเป็นไปไม่ได้โดยไม่ฝึกทำมาเป็นปีๆ เอฟเฟนดี้เป็นแชมป์ทำบาร์บีคิวสามสมัยของเมืองเรา และอาหารของเขาแน่นอนว่า...”
พอเห็นฉินฟางยกปีกไก่เข้ามา ถึงแม้ว่าจะมีกลิ่นหอมอยู่บ้าง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับของเอฟเฟนดี้แล้ว ลักษณะภายนอกของอาหารดูน่าตกใจจริงๆ นอกจากนี้หลี่เฟิงสังเกตเห็นว่าฉินฟางไม่ได้คุ้นเคยกับการทำบาร์บีคิวและรู้ว่าเป็นมือใหม่ แล้วเขาจะยอมพลาดโอกาสนี้ในการดูหมิ่นฉินฟางไปได้ยังไงล่ะ?
“อืม ให้ฉันลอง!”
พอได้ยินหลี่เฟิงพูดเกี่ยวกับอาหารที่ฉินฟางทำว่ามันเป็นขยะขนาดไหน หน้าของถังเฟยเฟยก็มืดครึ้ม และคิ้วของเธอก็ขมวด เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจที่หลี่เฟิงพูดเกี่ยวกับฉินฟางเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้เห็นรอยยิ้มที่มั่นใจและการไม่แยแสคำดูหมิ่นของฉินฟาง ถังเฟยเฟยก็ยิ้มและหยิบปีกไก่ย่างที่อยู่ในมือของฉินฟางมาทานในทันที
“ถังเฟยเฟย อย่าทานนะ!”
พอเห็นว่าถังเฟยเฟยไม่ฟังที่เขาแนะนำ และต้องการที่จะกินปีกไก่ของฉินฟางไม่ว่ายังไงก็ตาม หลี่เฟิงเลยแสร้งร้องอุทานออกมาเสียงดัง
ถึงแม้ว่าเขาส่งเสียงร้องตกใจในเชิงเย้ยหยัน แต่เขาก็รู้สึกตกใจจริงๆ กับการกระทำของถังเฟยเฟย ตอนที่ถังเฟยเฟยเอาปีกไก่นั่นเข้าไปในปาก แล้วรอยยิ้มสวยของเธอก่อนหน้านี้แข็งค้าง
สายตาของทุกคนจับจ้องบนใบหน้าของถังเฟยเฟย และเห็นสีหน้าของเธอที่แสดงออกมาในเวลานี้ ทุกคนใช้สายตาประหลาดมองไปยังฉินฟาง และมองเข้าไปในตาของพวกเขาก็ล้วนแสดงออกว่าต้องการที่พูดจา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่เฟิง เขาไม่ได้โกรธถังเฟยเฟยที่กินอาหารดิบเข้าไป จริงๆ แล้วเขารู้สึกพอใจที่เธอทำ เพราะนี่ทำให้เขามีเหตุผลที่จะใส่ร้ายฉินฟางได้มากขึ้น และตัวเขาดูดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกัน
“เฟยเฟย ถ้ามันย่างไม่สุกก็รีบคายออกมา ถ้าท้องของเธอเสียเพราะเรื่องนี้ มันจะไม่ดีเอานะ...”
หลี่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ จากการกระทำของเขา ดูราวกับว่าเขารอคอยไม่ไหวที่จะเหยียบย่ำเกียรติของฉินฟางจนกระทั่งกลายเป็นคนไร้ค่า
……………………………..