ตอนที่ 38 ทดลองทักษะ
ตอนที่ 38 ทดลองทักษะ
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
ฉินฟางไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเชฟเอฟเฟนดี้ผู้ซึ่งแต่งตัวประหลาดนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วชายคนนั้นก็เป็นคนของหลี่เฟิง และพวกเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องมีเชฟเอฟเฟนดี้ เนื่องจากฉินฟางได้เรียนรู้ทักษะ [ปิ้งย่าง] แล้ว จึงไม่ต้องการใครมาย่างให้อีกต่อไป
“ว้าว ฉินฟาง! ไปแป๊บเดียวก็ได้ปีกไก่กลับมาด้วยงั้นเหรอ? ฉันไม่รู้เลยนะว่าแกมีพรสวรรค์ในการชักจูงผู้คนเช่นนี้! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงหลอกให้เฟยเฟยมาเดทกับแกได้...”
ฉินฟางกำลังถือปีกไก่ย่างอยู่ในมือ และในเมื่อเขาค่อนข้างที่จะหิวจึงเริ่มกินมันลงไป ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นโอกาสให้หลี่เฟิงถากถางเขา
และหลี่เฟิงก็ไม่แม้กระทั่งอำพรางการดูหมิ่นของเขา ใครๆ สามารถบอกได้ว่าเขากำลังเหยียดหยามฉินฟางอยู่ ประโยคสุดท้ายก็บอกเป็นนัยว่าฉินฟางนั้นหลอกหลวงผู้คน
“หลี่เฟิง!...”
ถังเฟยเฟยไม่อาจทนได้อีกต่อไป และต้องการที่จะเผชิญหน้ากับหลี่เฟิง
เธอที่เห็นหลี่เฟิงคอยค่อนแคะฉินฟางอยู่เรื่อยๆ นั้น ตอนแรกก็นึกว่าเพราะเธอใช้ฉินฟางเป็นกันชนเพื่อไม่ให้หลี่เฟิงตามจีบ แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เธอรู้สึกว่าสาเหตุไม่ใช่เรื่องที่เรียบง่ายแบบนั้น มันราวกับว่าฉินฟางกับหลี่เฟิงได้โกรธเกลียดกันมานานแล้ว และเธอเป็นเพียงแค่ตัวเร่งปฏิกิริยาความเกลียดชังของพวกเขาให้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
“เฟยเฟย”
เพียงแต่ฉินฟางดึงรั้งเธอเอาไว้ จากนั้นก็ส่ายหน้าและเปิดปากพูด
“โชคร้ายนะที่ผมไม่ได้เกิดในครอบครัวร่ำรวย เป็นนายน้อยที่จำเป็นต้องมีคนคอยรับใช้ กระทั่งเรื่องการกิน...”
*คิกๆ~*
เมื่อพวกสาวๆ ได้ยินที่ฉินฟางพูด ตอนแรกพวกเธอรู้สึกประหลาดใจเกี่ยวกับเรื่องที่ฉินฟางรำพึงรำพัน แต่ทันใดนั้นพวกเธอก็ตระหนักได้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดเหล่านั้น และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮิฮะ
ในทีแรกหลี่เฟิงก็หาความผิดปกติในคำพูดของฉินฟางไม่ได้ แต่พอเห็นพวกสาวๆ กำลังหัวเราะ และพวกผู้ชายล้วนทำหน้าพิกล ก็เริ่มใคร่ครวญเกี่ยวกับคำพูดของฉินฟางมากขึ้น เมื่อทำอย่างนั้นแล้วสีหน้าภาคภูมิใจของเขาก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวในทันที
เริ่มต้นหลี่เฟิงคิดว่าฉินฟางกำลังบอกว่าเขาเป็นนายน้อยที่ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องอาหารและเสื้อผ้า กระทั่งมีคนคอยรับใช้จำนวนนับไม่ถ้วน จึงเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ จนเขาต้องการชี้ไปยังฉินฟางและพูดว่า ‘เป็นเพราะแกจนมากไงล่ะ!’ อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อเขาไตร่ตรองคำที่ฉินฟางเลือกใช้ให้ลึกลงไป ก็ค้นพบว่ามันมีความหมายซ่อนเร้นอยู่
คนแบบไหนกันที่จำเป็นต้องมีคนคอยรับใช้กระทั่งเรื่องการกิน?
คนที่ไม่มีมือ คนที่นอนอัมพาตอยู่บนเตียง... คนทั้งสองแบบเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การบรรยายที่ดีเกี่ยวกับตัวเขา เพราะเขานั้นสุขภาพดีมากและมีแขนขาครบถ้วน
การสบประมาทของฉินฟางในครั้งนี้ช่างซ่อนเงื่อนจริงๆ กระทั่งหลี่เฟิงยังไม่รู้ว่าโดนหลอกด่าในทันที โชคดีที่เขายังไม่ได้แสดงความชื่นชมกับคำสบประมาทนั่นจนตัวเองขายหน้า
“พอได้แล้วฉินฟาง ของที่สั่งไปทั้งหมดได้เตรียมมาพร้อมแล้ว ไปทำบาร์บีคิวกันเถอะ! ฉันกำลังรอที่จะกินของที่นายย่างอยู่นะ!”
พอเห็นสีหน้าของหลี่เฟิงดูน่าเกลียดน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ถังเฟยเฟยก็เข้ามาพูดแทรกในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ จากนั้นเธอก็จัดแจงให้ฉินฟางไปทำหน้าที่ปิ้งย่างเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทั้งสองคนต่อสู้กัน เพราะหลี่เฟิงเป็นเจ้าของที่นี่ ในเวลานี้จึงเห็นได้ชัดว่าฉินฟางอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ
เธอมองไปยังชายหนุ่มที่มีกล้ามซึ่งอยู่ไกลออกไป ผู้ซึ่งสวมเสื้อผ้าลำลองและดูเหมือนไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แต่ถังเฟยเฟยรู้ดีว่าชายคนนั้นเป็นบอดี้การ์ดของหลี่เฟิง เขามีความสามารถในการต่อสู้เป็นอย่างดี และถ้าฉินฟางเผชิญหน้ากับเขาแล้ว ถังเฟยเฟยคาดว่าบอดี้การ์ดนั่นสามารถคว่ำฉินฟางได้ด้วยการออกหมัดธรรมดาๆ
ฉินฟางเองก็รู้ดีเช่นกันว่านี่เป็นขีดจำกัดในการทำให้หลี่เฟิงโกรธโดยที่เขาจะไม่โดนเล่นงานกลับ
“กำลังไปแล้ว ดูให้ชัดๆ นะ ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวังแน่!”
“นายน้อยเฟิงครับ ท่านต้องการจะ...”
มองฉินฟางซึ่งกำลังเดินตรงไปยังเตาย่างบาร์บีคิว คนอ้วนหลี่ที่ยืนข้างหลี่เฟิงก็ถามขึ้นมาเบาๆ ถึงเขาจะเป็นคนนอกแต่ก็มองเห็นเรื่องราวได้อย่างชัดเจน ในฐานะที่เป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลหลี่ เขารู้ดีว่าถ้าเลียได้ถูกจุดแล้ว ก็จะได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
“ที่นี่เป็นทรัพย์สินของตระกูล และเป็นรีสอร์ทระดับสูงอีกด้วย ไม่อนุญาตให้ก่อเรื่องวุ่นวาย”
ถึงแม้ว่าหน้าของหลี่เฟิงจะไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก แต่เขาก็พูดปรามคนอ้วนหลี่เบาๆ
“ขอรับ ครับ กระผมเข้าใจ กระผมเข้าใจ...”
คนอ้วนหลี่พยักหน้ารับทันที หลี่เฟิงอาจจะดูเหมือนกำลังว่ากล่าวคนอ้วนหลี่ แต่คนอ้วนหลี่ก็สามารถอ่านความนัยของคำพูดเหล่านั้นได้ ไม่อนุญาตให้ก่อเรื่อง ‘ที่นี่’ แล้วถ้าเป็นตอนที่ออกจาก ‘ที่นี่’ ไปล่ะ?
“ไปตามเจ้าเอฟเฟนดี้นั่นมาที่นี่”
พอมองไปยังฉินฟางที่กำลังเตรียมเครื่องมือสำหรับย่างบาร์บีคิวตรงหน้าเตาแล้ว ดวงตาของหลี่เฟิงก็มีประกายของความมุ่งร้าย
เป็นธรรมดาที่คนอ้วนหลี่จะเชื่อฟังคำสั่ง และรีบไปตามเชฟเอฟเฟนดี้ผู้แต่งตัวทันสมัย บางทีอาจเป็นเพราะอาศัยอยู่ในห้องหรูและทำงานในรีสอร์ทแห่งนี้มานาน เอฟเฟนดี้ในเวลานี้จึงรู้จักวิธีที่จะประจบและรับใช้
ในฐานะที่เป็นเชฟหลักของลานบาร์บีคิวแห่งนี้ ตอนนี้น้อยครั้งที่เอฟเฟนดี้จะย่างบาร์บีคิวให้แขกเป็นการส่วนตัว เขาทำให้เฉพาะแขกวีไอพีเท่านั้น เมื่อได้ยินจากคนอ้วนหลี่ว่าลูกชายเจ้าของรีสอร์ทมา และมีข้อเรียกร้องบางอย่างกับเขา เลยรีบเร่งเข้ามาเพื่อรับคำสั่ง
“ตั้งใจฟังให้ดี ทันทีที่... บลา บลา บลา... ดังนั้น... บลา บลาบลา... แกเข้าใจแล้วใช่ไหม?”
หลี่เฟิงสื่อสารกับเอฟเฟนดี้ในสิ่งที่เขาต้องการให้ทำอย่างตรงไปตรงมา
“เข้าใจแล้วครับ นายน้อยเฟิง เตรียมดูโชว์ดีๆ ได้เลย”
เอฟเฟนดี้ตอบกลับอย่างอ่อนน้อม และตบหน้าอกตัวเองเสียงดังกระเพื่อม
—
ฉินฟางไม่ต้องระมัดระวังในการจัดเตรียมเครื่องมือมากนัก บางทีอาจเป็นเพราะการปรากฏตัวของหลี่เฟิง เห็นได้ชัดว่าอุปกรณ์ทั้งหมดล้วนใหม่ และเป็นชนิดที่ดีที่สุด ต่อให้ฉินฟางไม่อาจทนรอที่จะฉีกหลี่เฟิงเป็นชิ้นๆ แต่สำหรับตอนนี้แล้วเขามีชีวิตอยู่ได้เพราะหลี่เฟิงยังเมตตา
แหล่งความร้อนของเตาบาร์บีคิวคือถ่านไม้ และพวกมันทั้งหมดกำลังเผาไหม้ ปลดปล่อยเกลียวควันไฟออกมา ตอนนี้พร้อมสำหรับการทำบาร์บีคิวแล้ว
ฉินฟางหยิบปีกไก่มาสองสามไม้ จากนั้นก็เริ่มทำการย่างพวกมันในทันที นี่เป็นการทำบาร์บีคิวครั้งแรกของเขา จึงเป็นธรรมดาที่จะเริ่มจากวัตถุดิบที่คุ้นเคยมากที่สุด ทำไมถึงเป็นปีกไก่งั้นเหรอ? ถามเจ้าสารเลวนั่นสิว่าทำไมเขาถึงเลือกใช้ปีกไก่ในการสาธิต
ขณะทำการทาเนยบนปีกไก่ ราวกับว่ามีคำแนะนำออกมาจากจิตของฉินฟาง เขาทาเนยด้วยวิธีที่เนื้อไก่สามารถดูดซับเนยเข้าไปในเนื้อได้ทั้งหมด หลังจากทำการทาอย่างสม่ำเสมอแล้ว ฉินฟางก็วางปีกไก่ลงบนเตาที่ถ่านกำลังคุเพื่อย่างมันในทันที
*ฉ่า* *ฉ่า* *ฉ่า*
เปลวไฟและควันสัมผัสกับปีกไก่เสียบไม้ น้ำมันจากเนื้อไก่หยดลงบนถ่านไม้เป็นครั้งคราวส่งเสียง *ฉ่า* ทำให้การย่างนั้นดูน่าสนใจมากขึ้น ในเวลาเดียวกันสีบนปีกไก่ก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป
เมื่อสีนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ฉินฟางก็พลิกไปย่างอีกด้านในทันที และโรยพริกไทยบนเนื้อไก่ ตอนนี้เขาเริ่มทำการปรุงรสแล้ว
ทุกอย่างดำเนินการไปอย่างเรียบร้อยและเป็นระเบียบ การกระทำของฉินฟางไม่ได้ช้าเกินไปหรือเร็วเกินไป มันพอเหมาะพอเจาะ ฉินฟางต้องการให้ทุกขั้นตอนไม่มีข้อบกพร่อง และสมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
ภายใต้มือทั้งสองของฉินฟาง เนื้อไก่สีขาวสดใหม่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง และน้ำมันก็เริ่มวาววับ ในเวลาเดียวกันกลิ่นอันหอมหวนของเนื้อไก่ก็แพร่กระจายออกมา
……………………………..