ตอนที่ 32 พลังของค่าความอร่อย +5
ตอนที่ 32 พลังของค่าความอร่อย +5
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
ความจริงที่หญิงสาวทั้งสามไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีกต่อไปหลังจากที่เขาใช้ข้อแก้ตัวว่า ‘ใช้ซอสสูตรลับ’ นั้น ทำให้ฉินฟางรู้สึกพอใจ
ฟ่านเจี่ยเจียไม่ได้ใส่ใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เธอเป็นเพียงคนที่เข้ามาขอกินฟรี และความคิดเห็นของเธอก็ไม่มีความสำคัญใดๆ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ถามหาเหตุผลอันแท้จริง เพราะแม้ว่าต่อให้เธอถาม เป็นไปได้ที่ฉินฟางจะไม่พูดอะไรเลย
สำหรับเซียวมู่เสวี่ย เป็นเพราะเธอได้เห็นการแลกเปลี่ยนระหว่างฉินฟางกับเหลาซูเฉียงด้วยตาของตัวเอง และได้ยินเหลาซูเฉียงบอกสูตรของซอสลับนั่นด้วยหูของตัวเอง ดังนั้นเธอจึงคิดว่าราเม็งของฉินฟางอร่อยขึ้นด้วยซอสสูตรลับตามที่เขาบอก
ส่วนถังเฟยเฟย เป็นเพราะเธอเป็นหญิงสาวที่ไม่เคยต้องกังวลเกี่ยวกับเสื้อผ้าและอาหาร กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเธอไม่มีประสบการณ์ชีวิต ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน ประกอบกับการที่เธอเป็น ‘แฟน’ และเจ้าของร้านร่วมกับฉินฟาง เธอจึงมีความสุขมากเมื่อฉินฟางแสดงให้เห็นถึงฝีมือที่พัฒนาขึ้นมากเช่นนี้ ดังนั้นตอนที่ได้ยินฉินฟางพูดเกี่ยวกับซอสสูตรลับนั่น เธอจึงคิดสรุปเอาเอง
เธอไม่ได้คิดอะไรมากเมื่อฉินฟางบอกเธอในตอนแรก และตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอคิดนั้นก็คือราเม็งแสนอร่อยที่เธอกำลังกินอยู่ในขณะนี้
หลังจากบอกไปว่าเขาไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆ ลงไปในราเม็งเหล่านี้ ฉินฟางก็มองไปยังสามสาวที่กำลังสวาปามราเม็งของเขา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังมีความสุข โดยเฉพาะตอนที่มองไปยังถังเฟยเฟยกับเซียวมู่เสวี่ย สองสาวงามที่กำลังกินอยู่นั้น ถึงแม้ว่าวิธีการรับประทานของพวกเธอจะไม่สุภาพและให้ความรู้สึกดุเดือดก็ตาม
*จ๊อกๆ จ๊อกๆ ~*
ขณะที่ฉินฟางมองไปยังสาวๆ ที่กำลังทาน ท้องของเขาก็เริ่มส่งเสียงร้อง เนื่องจากเขากำลังมีความสุข ก็เลยลืมไปว่าตัวเขานั้นก็ยังไม่ได้ทานมื้อเช้า!
“ฉันขออีกชาม...”
“ฉันด้วย!”
“คือว่า... ฉันก็ต้องการอีกชามเหมือนกัน!”
แต่ตอนที่เขาหันกลับไปเพื่อที่จะทำอาหารให้ตัวเองทานนั้น สาวๆ ที่อยู่ด้านหลังเขาก็จัดการราเม็งในชามจนหมดไปแล้ว จากนั้นพวกเธอก็เริ่มเรียกร้องให้เขาทำเพิ่ม จนเกือบทำให้ฉินฟางสะดุดล้ม
สำหรับฟ่านเจี่ยเจีย ซึ่งรู้กันดีว่าเธอค่อนข้างที่จะกินเยอะ ฉินฟางเลยเพิ่มเส้นบะหมี่ให้เธอเป็นพิเศษ และปริมาณที่เพิ่มไปนั้นแน่นอนว่ามันเพียงพอกระทั่งทำให้ผู้ชายตัวใหญ่อิ่มได้ครึ่งหนึ่ง
ส่วนถังเฟยเฟยที่ต้องการรักษารูปร่าง ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้มงวดกับสิ่งที่เธอจะทานเข้าไป และไม่เคยยอมให้ตัวเองดื่มเหล้านั้น ฉินฟางค่อนข้างเคยชินกับนิสัยในการบริโภคของเธอแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงปริมาณที่ถังเฟยเฟยรับประทานจริงๆ เป็นประจำทุกมื้อ
แม้ว่าเซียวมู่เสวี่ยนั้น ฉินฟางจะไม่รู้ถึงปริมาณที่เธอทานได้ แต่มองดูจากรูปร่างของเธอแล้ว ถึงจะมีส่วนหนึ่งขนาดใหญ่กว่าของถังเฟยเฟยเล็กน้อย ทว่าส่วนที่เหลือก็ยังเหมือนๆ กัน ดังนั้นฉินฟางจึงให้ปริมาณของอาหารเท่าๆ กันกับของถังเฟยเฟย
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉินฟางถึงได้รู้สึกประหลาดใจมาก ไม่เพียงพวกเธอจะฟาดราเม็งที่เพียงพอทำให้อิ่มได้จนหมดในทันที กระทั่งต้องการมันเพิ่มอีก...
“เอ่อ... พวกเธอแน่ใจนะ?”
เนื่องจากกลัวว่าจะได้ยินมาไม่ถูกต้อง ฉินฟางที่นึกสงสัยจึงถามพวกเธออีกครั้งเพื่อทำการยืนยัน
“แน่สิ!”
และเมื่อทั้งสามตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน ด้วยพลังอำนาจของพวกหล่อน ฉินฟางจึงไม่มีทางเลือกที่จะต้องทนหิวและไปทำราเม็งให้พวกเธอทางอีกรอบ
ไม่นานหลังจากนั้น ราเม็งอีกสามชามก็พร้อมรับประทาน ปริมาณที่แบ่งในรอบนี้ไม่ได้ต่างไปจากที่ทำในรอบแรก แต่ฉินฟางประมาณไว้แล้วว่ามันน่าจะเพียงพอสำหรับสามสาว
รอบนี้ฉินฟางไม่ได้ยืนซื่อบื้อและจ้องมองพวกเธอกินอีกต่อไป หลังจากทำการเสริฟ์ราเม็ง เขาก็วิ่งที่ไปห้องครัวเพื่อทำราเม็งชามใหญ่ให้กับตัวเอง โดยส่วนผสมที่ใส่ลงไปนั้นมีค่อนข้างเยอะ และในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็สังเกตเห็นคุณสมบัติของราเม็งชามนี้
< [ราเม็งแสนอร่อย] รสชาติเป็นเลิศ เครื่องปรุงรสชั้นเยี่ยม การปรุงอาหารของคุณยกระดับ!>
ตอนแรกที่ฉินฟางมองไปยังผลการประเมิน แน่นอนว่าผลการประเมินนั้นดีกว่าราเม็งชามแรกที่เขาทำ ซึ่งมันได้ถูกประเมินไว้ว่าเป็น [ราเม็งแบบเรียบง่าย]
จากนั้นเขาก็มองไปยังคำอธิบายของราเม็งชามนั้น
[ราเม็งแสนอร่อย]
การบริโภคเข้าไปจะช่วยเพิ่มค่า HP 4 หน่วย, เพิ่มความสามารถทางกายภาพ 30% และระดับความสุข 10%
คุณสมบัติที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าไม่ได้ต่างไปจากราเม็งชามใหญ่ที่เคยทำ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างคือ ‘ระดับความสุข +10%’ ซึ่งเป็นค่าสถานะที่มากเป็นสองเท่าจากเกี๊ยวซ่าสูตรเฉพาะของลุงหวังที่เพิ่มระดับความสุขได้แค่ 5%
“จากสิ่งที่เห็น ยอดขายของผมน่าจะพุ่งทะยานสุดๆ เลยล่ะมั้ง?”
หลังจากที่เห็นรายละเอียด เรื่องแรกที่ฉินฟางคิดก็คือร้านของเขานั้นจะได้รับอานิสงส์ขนาดไหนกันนะ เส้นบะหมี่ของเขานั้นค่อนข้างดีแต่ซอสที่ใช้รสชาติธรรมดา มิเช่นนั้นแล้วเขาคงไม่ใส่ใจอะไรเกี่ยวกับซอสสูตรลับของเหลาซูเฉียงมากนัก
เขาไม่คิดเลยว่าซอสสูตรลับที่ได้มานั้น จะทำให้เขาได้รับ [ทักษะหลัก] ที่มอบคุณสมบัติค่าความอร่อย +5 ซึ่งยกมาตรฐานของราเม็งเขาไปสู่อีกระดับหนึ่ง
และจากปฏิกิริยาของสามสาว ฉินฟางก็รับรู้ได้เลยว่าร้านของเขาจะขายดีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“ผมควรเลิกเรียนและหันมาทำธุรกิจแทนจะดีไหมนะ?”
ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่ของเขาซึ่งยังคงทำงานหนักอยู่ที่บ้าน และคาดหวังให้ท่านสามารถมีชีวิตที่สุขสบายกว่านี้
“ไม่ ผมเลิกเรียนไม่ได้ แม่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ผมมีอนาคตที่สดใส ผมไม่อาจทำให้ท่านต้องผิดหวัง!”
ฉินฟางยกเลิกแผนการที่จะหยุดเรียนไปอย่างรวดเร็ว
ต่อให้ร้านบะหมี่แผงลอยของเขาขายดีมากแล้วยังไง? สิ่งที่เขาสามารถทำต่อได้คือขยายกิจการและยกระดับให้กลายเป็นร้านขายบะหมี่ ซึ่งนั่นก็ถึงขีดจำกัดแล้ว เขาจะสามารถทำเงินได้มากพอจนกลายเป็นธุรกิจใหญ่โตเหมือนเช่นโรงแรมผ่านการขายบะหมี่ได้งั้นเหรอ? ไม่มีทาง!
ทำไมราเม็งของเขาถึงได้ขายดีงั้นเหรอ? ไม่ใช่เป็นเพราะเขาได้รับทักษะและยกระดับมันหรือยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นความสามารถที่ไม่มีใครอื่นมีนอกจากเขา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นพ่อครัวตลอดชีวิตหรอก ใช่ไหมล่ะ? เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เป้าหมายของเขา ดังนั้นบทสรุปก็คือ...
“ทักษะ ผมต้องเรียนรู้ทักษะให้มากกว่านี้”
ครั้งนี้ฉินฟางมีความคาดหวังต่อทักษะลึกลับเหล่านั้น เขาเชื่ออย่างแน่นอนว่าด้วยความสามารถเหล่านี้ จะสามารถทำเงินได้อย่างมากมายจนแม่ของเขาสุขสบายและเลิกทำงานหนัก
“งั่มๆ รสชาติเป็นไปตามที่หวังไว้ อร่อยมาก!”
หลังจากทำการชิมราเม็งชามแรกที่ทำด้วยทักษะใหม่ของเขา ฉินฟางก็เคลิบเคลิ้มกับการซดบะหมี่จนถึงจุดที่เขาจะเขมือบลิ้นลงไปด้วย โชคดีที่เขายังค่อนข้างมีสติและกินมันเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
เมื่อฉินฟางทานราเม็งของเขาหมดอย่างรวดเร็ว สามสาวก็กินชามที่สองเสร็จด้วยเช่นกัน ตอนนี้พวกเธอกำลังเอามือลูบหน้าและส่งเสียงพึมพำ
“อิ่มจัง!... เอิ๊กกก”
ไม่จำเป็นต้องพูดว่านี่คือเสียงของฟ่านเจี่ยเจีย ปกติแล้วเธอจะทำตัวเหมือนกับผู้ชาย และกระทั่งเสียงเรอของเธอก็ดังจนน่าตกใจ
“แน่นมาก...”
เสียงนี้ของเซียวมู่เสวี่ย แม้ว่าเธอจะอิ่มมาก แต่ก็ยังค่อนข้างสงวนกิริยาจนถึงที่สุด
“การลดน้ำหนักของฉัน... ฉินฟาง! เอาไดเอทที่ฉันเสียไปกลับคืนมาเลย! %#&@!*%!”
เสียงนั่น... เห็นได้ชัดว่าเป็นของถังเฟยเฟย ฉินฟางรู้ว่าเธอกำลังไดเอท และก็... เห็นได้ชัดจริงๆ ว่าวันนี้มันเสียไปแล้ว โดยตัวของเธอเองด้วย
“อะไรกัน!? สาวสวยทั้งสามขอรับ ก่อนหน้านี้กระผมได้ถามไปแล้วว่าแน่ใจนะที่ต้องการเพิ่มอีก…”
เมื่อเผชิญกับสายตาอันน่ากลัวของสามสาว ฉินฟางทำได้เพียงบิดขี้เกียจและมีท่าทางทำอะไรไม่ถูก
“นายยังกล้าที่จะเถียงงั้นเหรอ?!... ทั้งหมดเป็นความผิดของนาย ฉันจะลงโทษนาย นายโดนแน่!”
สองคนที่เหลือไม่ได้แสดงอาการอะไร แต่ถังเฟยเฟยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอบ่นอย่างไม่หยุดหย่อนพร้อมกับคิดหาวิธีที่จะลงโทษฉินฟางทุกรูปแบบ ทันใดนั้นเธอก็จับจ้องไปยังจักรยานมือสองเก่าๆ ที่จอดอยู่ในลาน ดวงตาของเธอเจิดจ้าและเกิดความคิดขึ้นในทันที
“ใช่แล้ว! นี่ไงล่ะ! พวกเราจะไม่นั่งรถไปภูเขาหยกขาว นายจะต้องใช้จักรยานคันนี้พาฉันไปที่นั่น!”
“เอ่อออ... ได้โปรด ไม่...”
พอได้ยินวิธีการลงโทษของถังเฟยเฟย ฉินฟางก็รู้สึกว่าขาของเขาสั่นในทันที เขาเริ่มร้องขอความเมตตา ใบหน้าของเขาในตอนนี้เหมือนกับลูกหมาที่กำลังอ้อนวอนขอให้ยกโทษหลังจากทำบ้านรก อย่างไรก็ตามในใจของเขานั้นก็กำลังกรีดร้อง “บ้าไปแล้ว?! ระยะห่างจากที่นี่กับภูเขาหยกขาวอย่างน้อยยี่สิบกิโลเมตรเลยนะ!”
“ห้ามปฏิเสธ นายต้องใช้รถจักรยานนั่นพาฉันไป ฮิฮิ นายจะทำหรือไม่ทำล่ะ?’
แต่เมื่อเธอเผชิญหน้ากับฉินฟางที่ร้องขอความเมตตา ถังเฟยเฟยก็ทำมือปฏิเสธการขอร้องของเขา จากนั้นเธอก็มองไปยังฉินฟางด้วยใบหน้าที่มีความสุขจากการทรมานคนอื่นซึ่งมันดูเหมือนกับนางจิ้งจอกตัวน้อยจริงๆ
“ก็ได้! เธอชนะ!”
ภายใต้การบังคับและคุกคามอันน่ากลัวของถังเฟยเฟย ฉินฟางก็กัดฟันตอบตกลง อย่างไรก็ตามเมื่อตาของเขามองผ่านไปยังจักรยาน รอยยิ้มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขาโดยไม่ทันรู้ตัว เพราะจักรยานคันนี้มีขนาดเล็ก ถ้าคนสองคนจะนั่งไปด้วยกัน คนที่นั่งด้านหลังจะต้องจับยึดหรือกอดคนด้านหน้าไว้อย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อที่จะนั่งให้มั่นคง
เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ด้านหน้าเพื่อถีบจักรยานนั้นจะต้องเป็นฉินฟาง และถังเฟยเฟยเป็นคนนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ด้วยการจัดการนี้... บอกได้เลยว่ามันจะเป็นสถานการณ์ที่มีความสุข
……………………………..