ตอนที่ 30 คำเชิญของเฟยเฟย
ตอนที่ 30 คำเชิญของเฟยเฟย
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
“มู่เสวี่ย ให้ฉันซักเสื้อผ้าของฉินฟางแทนนะ!”
เรื่องที่ทำให้ฉินฟางรู้สึกมีความสุขไม่เพียงแค่ถังเฟยเฟยบอกว่าเขาเป็นแฟนของเธอเท่านั้น แต่ยังแย่งซักเสื้อผ้าให้เขาในตอนนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีกางเกงในรวมอยู่กับกองผ้าที่ซักนั้น ถ้าเพื่อนร่วมชั้นของเขามารู้เข้า จะมีคนเท่าไหร่กันนะที่ตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า “ดอกฟ้ากับหมาวัดชัดๆ!”
สำหรับถังเฟยเฟยไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอนั้นเป็น ‘ดอกฟ้า’ ในสายตาของผู้คนจำนวนมาก แต่ในตอนนี้ฉินฟางก็รู้ดีว่าตัวเขายังไม่ได้เป็น ‘หมาวัด’ ตัวนั้น ทว่าเขาก็มีความหวังอยู่เล็กน้อย เพราะการได้เป็นแฟนหลอกๆ ของเธอนั้นอาจเป็นก้าวแรกในการพิชิตใจเธอ
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเกือบจะซักเสร็จแล้ว พวกคุณไปทำธุระของตัวเองเถอะ”
เซียวมู่เสวี่ยยิ้ม และพูดห้ามถังเฟยเฟยที่กำลังเตรียมจะเข้ามา
“อืม อย่างนั้นก็ได้ ฉันจะนั่งคุยกับเธอแทนล่ะกัน…”
ถังเฟยเฟยเพียงแค่ทำท่า เพราะถ้าจะให้ซักเสื้อผ้าของฉินฟางจริงๆ เธออาจไม่ได้เต็มใจที่จะทำก็ได้ ดังนั้นเธอจึงรีบนั่งเบียดอยู่ข้างเซียวมู่เสวี่ยอย่างร่าเริง จากนั้นทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกัน และพอสังเกตเห็นว่าฉินฟางยังคงยืนอยู่ด้วยท่าทางงุนงง ถังเฟยเฟยเลยพูดขึ้นว่า
“ไม่ใช่ว่านายกำลังจะไปล้างหน้าแปรงฟันงั้นเหรอ? อย่าบอกฉันนะว่าจะออกไปข้างนอกด้วยสภาพนี้น่ะ”
แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมากับคำพูดของเธอนั้นคือดวงตาที่กรอกไปมาด้วยความรังเกียจ
“ผมกำลังไป ผมกำลังไปแล้ว!”
ฉินฟางรีบทำตามคำสั่งของถังเฟยเฟยเหมือนกับเขาเป็นข้ารับใช้ของคุณหนูจากตระกูลที่ร่ำรวย
เมื่อฉินฟางอาบน้ำเสร็จและกลับเข้ามา สาวสวยสองคนที่ยังเป็นอริต่อกันเล็กน้อยเมื่อสักครู่นี้นั้น ตอนนี้กลับใกล้ชิดเหมือนกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ ในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและคุยคิกคัก ส่วนเสื้อผ้าของฉินฟางที่ถูกซักไปนั้นก็ถูกตากให้แห้งอยู่ด้านนอก
“คุณสาวงามทั้งสองครับ มันค่อนข้างสายแล้วนะ พวกเราควรจะไปเปิดร้านได้แล้ว…”
มองไปยังสีของท้องฟ้าในตอนนี้ มันน่าจะเป็นเวลาประมาณแปดโมงเช้า ซึ่งเลยเวลาทานมื้อเช้าในชั่วโมงเร่งด่วนไปแล้ว พวกเขาจึงไม่ควรเลื่อนเวลาเปิดร้านอีกต่อไป
“เปิดร้าน? เปิดร้านอะไรกัน? ฉันไม่ได้บอกนายว่าวันนี้จะไม่เปิดร้านงั้นเหรอ?”
ถังเฟยเฟยถามด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมาก การแสดงออกทางสีหน้าของเธอกลายเป็นผิดแปลกไป จากนั้นเธอก็มองไปยังฉินฟาง สีหน้าของเขาดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องจริงๆ เธอจึงเริ่มพึมพำด้วยความสงสัย
“ฉันไม่ได้บอกนายจริงๆ น่ะเหรอ?”
“ทั้งหมดเป็นความผิดของนาย! ทำให้ฉันโกรธ ฉันเลยลืมเรื่องสำคัญไปเลย…”
สุดท้ายแล้วถังเฟยเฟยก็แน่ใจว่าเธอไม่ได้พูดจริงๆ และจากนั้นก็กรอกตาไปที่ฉินฟางพร้อมกับบ่นเขาแบบทีเล่นทีจริง ต่อข้อกล่าวหาของถังเฟยเฟย ฉินฟางทำได้เพียงหัวเราะอย่างจำยอม และไม่ได้พูดอะไรกลับไป
“แต่ตอนนี้ฉันไม่โมโหนายแล้ว มาพูดเกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่ตั้งใจจะมาบอกนายตอนแรกดีกว่า ฉันมาที่นี่แต่เช้าเพื่อขอร้องให้นายไปงานเลี้ยงกับฉัน...”
ถังเฟยเฟยแสร้งตำหนิฉินฟางแบบขำๆ แต่ในใจของเธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ เธอรีบยิ้มให้กับฉินฟางและบอกกล่าวเป้าหมายที่แท้จริงออกมา
“งานเลี้ยง...”
หลังจากได้ยินคำนี้ ใบหน้าของฉินฟางก็กลายเป็นมืดครึ้ม
ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุไม่มากนัก แต่หลังจากเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงมาสองสามงาน เขาก็รับรู้ในวัตถุประสงค์ของงานพวกนี้ ถ้าไม่ใช่งานสำหรับโอ้อวดแฟนของตัวเองแล้ว ก็เป็นงานแสดงฐานะความร่ำรวย พอได้ยินว่าถังเฟยเฟยชวนเขาให้ไปร่วมงานด้วย ภายในใจก็รู้สึกอิดออดในทันที
เกี่ยวกับเรื่องฐานะกับสถานะของตัวเขา ฉินฟางรู้แน่อยู่แก่ใจว่าต่ำต้อยขนาดไหน เขาจึงไม่ชอบไปงานเลี้ยงที่ไร้ประโยชน์แบบนี้จริงๆ
“อย่าคิดมากนะ! งานเลี้ยงนี้มีเพียงหลี่เหยา ฟางหมิน กับเพื่อนผู้หญิงในห้องอีกสองสามคน วันหยุดช่วงฤดูร้อนใกล้หมดแล้ว และพวกเราจะแยกย้ายไปตามทางของตัวเองในไม่ช้า พวกเธอกำลังจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซึ่งไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ ดังนั้นพวกเราเลยตัดสินใจที่จะจัดงานเลี้ยงบาร์บีคิวที่ภูเขาหยกขาว ก่อนที่จะจากกันไปตามเส้นทางของแต่ละคน”
พอเห็นใบหน้าที่ดูไม่สบายใจของฉินฟาง ถังเฟยเฟยก็รีบพูดเสริมด้วยรอยยิ้ม แต่สายตาของเธอที่จับจ้องยังฉินฟางก็บ่งบอกเรื่องราวอีกแบบหนึ่ง มันถ่ายทอดข้อความที่ว่าถ้าฉินฟางปฏิเสธคำเชิญ เธออาจจะโผเข้าหาและกัดฉินฟางจริงๆ ก็ได้
“ถ้าเป็นแบบนี้ก็... โอเค...”
สาวๆ ที่ถังเฟยเฟยพูดถึงคือเพื่อนร่วมห้องของเขาตอนเรียนมอปลาย และความสัมพันธ์ของพวกเธอกับถังเฟยเฟยก็ดีมาก ฉินฟางยอมไปงานเลี้ยงเพราะเขารู้ว่าอย่างน้อยพวกผู้หญิงที่ถังเฟยเฟยกล่าวถึงนั้นไม่ใช่คนไม่ดี
“เย้! เยี่ยมมาก!”
พอเห็นฉินฟางตอบตกลง ถังเฟยเฟยก็ชูสองนิ้วในทันที และเริ่มหัวเราะเสียงดัง
อันที่จริงแล้วถังเฟยเฟยไม่ได้บอกว่าตอนที่เพื่อนผู้หญิงเหล่านั้นขอให้เธอมา ไม่เพียงไปงานเลี้ยงบาร์บีคิวกับว่ายน้ำกันแล้ว พวกเธอยังมีเงื่อนไขพิเศษคือให้พาเพื่อนผู้ชายมาด้วย
ถังเฟยเฟยเป็นคนสวยและน่ารักมาก จึงเป็นธรรมดาที่มีคนมาจีบเยอะ น่าเสียดายที่ถังเฟยเฟยไม่นึกชอบคนพวกนี้เลย มีเพียงฉินฟางที่เธอรู้สึกดีกว่าคนอื่นอยู่บ้าง ประกอบกับเขาไม่ใช่คนที่ชอบฉวยโอกาสกับหญิงอื่น และนั่นเป็นเหตุผลที่เธอขอให้เขาไปงานเลี้ยงด้วย อีกทั้งอย่างน้อยเธอก็ได้กลายเป็น ‘แฟนหลอกๆ’ ของเขาแล้ว จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ
“งั้นนายก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะดีกว่า พวกเราจะได้ไปกันเลย...”
เนื่องจากการแก้ไขความเข้าใจผิดนั้นใช้เวลามากอยู่บ้าง ถังเฟยเฟยเลยค่อนข้างรีบ ดังนั้นเธอจึงดันตัวเขาให้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่างไรก็ตามตอนที่เธอพูดว่า ‘เปลี่ยนเสื้อผ้า’ ก็สังเกตเห็นเซียวมู่เสวี่ยที่ยืนเก้กังอยู่ข้างๆ
“ขอโทษนะมู่เสวี่ย ฉันลืมเธอไปเลย...”
เซียวมู่เสวี่ยตอนนี้กำลังสวมเสื้อผ้าของฉินฟางอยู่ ถ้าพวกเขาไปแล้ว ไม่เพียงเซียวมู่เสวี่ยจะไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่ กระทั่งหาอะไรกินก็ยังเป็นปัญหา
“ทำไมฉินฟางกับฉันไม่ไปหาซื้อเสื้อผ้ามาให้เธอก่อนล่ะ?”
ถังเฟยเฟยแท้จริงแล้วเป็นคนที่จิตใจดีมาก และเข้าใจในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจของเซียวมู่เสวี่ย ดังนั้นเธอเลยเริ่มพูดเสนอหาหนทางแก้ไข
“ไม่จำเป็นหรอก พวกคุณไปกันเถอะ อากาศวันนี้ร้อนมาก เสื้อผ้าน่าจะแห้งไว ฉันไปซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองทีหลังได้”
เซียวมู่เสวี่ยยิ้ม และชี้ไปยังเสื้อผ้าที่กำลังจะแห้ง
“แต่ว่า...”
ถึงแม้เรื่องที่เซียวมู่เสวี่ยพูดจะมีเหตุผล ถังเฟยเฟยก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดี และต้องการที่จะพูดโน้มน้าวต่อไป อย่างไรก็ตามขณะที่เธอกำลังจะพูดต่อ เธอก็เห็นฟ่านเจี่ยเจียที่สะลึมสะลือกำลังเดินออกมาจากห้อง
“หืมม? เสี่ยวฉิน เฟยเฟย ทำไมพวกเธอยังไม่ไปเปิดร้านอีกล่ะ ตอนนี้มันสายมากแล้วนะ?”
ฟ่านเจี่ยเจียมีร้านของตัวเองที่อยู่ตลาดประตูทิศใต้ แต่มักจะไม่ได้ไปเปิดร้านแต่เช้า เธอจะตรงไปที่กินข้าวเช้าที่ร้านของฉินฟางก่อนเสมอ แต่เธอไม่คิดว่าวันนี้ฉินฟางกับถังเฟยเฟยจะอยู่บ้านและไม่ได้เปิดร้าน เธออดไม่ได้ที่จะบ่นอุบอิบในใจ “เฮ้อ ดูท่าวันนี้ฉันคงต้องเสียเงินซื้อข้าวเช้าซะแล้ว...”
ฉินฟางไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่ฟ่านเจี่ยเจียคิดอยู่ในใจ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ทันใดนั้นก็นึกได้ว่าถังเฟยเฟย เซียวมู่เสวี่ย กับตัวเขายังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย และจริงๆ แล้วตอนนี้เขาก็รู้สึกหิวอยู่เล็กน้อย
“ฟ่านเจี่ยเจีย เฟยเฟยกับผมมีธุระที่จะต้องไปทำวันนี้ พวกเราเลยไม่ได้เปิดร้าน ตอนนี้เฟยเฟยกับมู่เสวี่ยก็น่าจะหิวแล้วใช่ไหม? เดี๋ยวผมทำราเม็งให้ทานนะ!”
เห็นได้ชัดว่าฉินฟางไม่ลืมที่จะประจบประแจงเพื่อความชื่นชมจากสาวงามในช่วงเวลาที่เหมาะสม เขารีบเสนอตัวทำอาหารให้สองสาวด้วยรอยยิ้ม ตอนที่เขาเห็นฟ่านเจี่ยเจียชะงัก ก็สังเกตสีหน้าของเธอและพูดเพิ่มไปอีกประโยคหนึ่ง
“ฟ่านเจี่ยเจีย ผมจะทำให้พี่ชามหนึ่งด้วย พี่น่าจะหิวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”
แม้ว่าเขาไม่ได้เปิดร้านวันนี้ แต่ความยากในการปรุงราเม็งมีเพียงแค่ทำเส้นบะหมี่ ส่วนประกอบอื่นนั้นค่อนข้างทำได้ง่ายกว่า เพราะสามารถปรุงได้ในห้องครัวของบ้านเรือนทั่วไป
“ผมขาดค่าประสบการณ์อีกเล็กน้อย ทักษะ [การทำบะหมี่] ก็จะเข้าสู่ระดับกลาง...”
พอมองไปยังหน้าต่างทักษะ ค่าประสบการณ์ของทักษะในระดับเริ่มต้นใกล้ที่จะเต็มร้อยเปอร์เซนต์แล้ว
……………………………..