ตอนที่แล้วตอนที่ 29   แฟนสาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31   ทักษะหลัก [ศิลปะการปรุงอาหาร]

ตอนที่ 30   คำเชิญของเฟยเฟย


ตอนที่ 30   คำเชิญของเฟยเฟย

 

ผู้แปล  :  ThreeSwords

ปรับสำนวน  :  ThreeSwords

 

 

“มู่เสวี่ย  ให้ฉันซักเสื้อผ้าของฉินฟางแทนนะ!”

 

เรื่องที่ทำให้ฉินฟางรู้สึกมีความสุขไม่เพียงแค่ถังเฟยเฟยบอกว่าเขาเป็นแฟนของเธอเท่านั้น  แต่ยังแย่งซักเสื้อผ้าให้เขาในตอนนี้ด้วย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีกางเกงในรวมอยู่กับกองผ้าที่ซักนั้น  ถ้าเพื่อนร่วมชั้นของเขามารู้เข้า  จะมีคนเท่าไหร่กันนะที่ตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า  “ดอกฟ้ากับหมาวัดชัดๆ!”

 

สำหรับถังเฟยเฟยไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอนั้นเป็น ‘ดอกฟ้า’ ในสายตาของผู้คนจำนวนมาก  แต่ในตอนนี้ฉินฟางก็รู้ดีว่าตัวเขายังไม่ได้เป็น ‘หมาวัด’ ตัวนั้น  ทว่าเขาก็มีความหวังอยู่เล็กน้อย  เพราะการได้เป็นแฟนหลอกๆ ของเธอนั้นอาจเป็นก้าวแรกในการพิชิตใจเธอ

 

“ไม่จำเป็นหรอก  ฉันเกือบจะซักเสร็จแล้ว  พวกคุณไปทำธุระของตัวเองเถอะ”

 

เซียวมู่เสวี่ยยิ้ม  และพูดห้ามถังเฟยเฟยที่กำลังเตรียมจะเข้ามา

 

“อืม  อย่างนั้นก็ได้  ฉันจะนั่งคุยกับเธอแทนล่ะกัน…”

 

ถังเฟยเฟยเพียงแค่ทำท่า  เพราะถ้าจะให้ซักเสื้อผ้าของฉินฟางจริงๆ  เธออาจไม่ได้เต็มใจที่จะทำก็ได้  ดังนั้นเธอจึงรีบนั่งเบียดอยู่ข้างเซียวมู่เสวี่ยอย่างร่าเริง  จากนั้นทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกัน  และพอสังเกตเห็นว่าฉินฟางยังคงยืนอยู่ด้วยท่าทางงุนงง  ถังเฟยเฟยเลยพูดขึ้นว่า

 

“ไม่ใช่ว่านายกำลังจะไปล้างหน้าแปรงฟันงั้นเหรอ?  อย่าบอกฉันนะว่าจะออกไปข้างนอกด้วยสภาพนี้น่ะ”

 

แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมากับคำพูดของเธอนั้นคือดวงตาที่กรอกไปมาด้วยความรังเกียจ

 

“ผมกำลังไป  ผมกำลังไปแล้ว!”

 

ฉินฟางรีบทำตามคำสั่งของถังเฟยเฟยเหมือนกับเขาเป็นข้ารับใช้ของคุณหนูจากตระกูลที่ร่ำรวย

 

เมื่อฉินฟางอาบน้ำเสร็จและกลับเข้ามา  สาวสวยสองคนที่ยังเป็นอริต่อกันเล็กน้อยเมื่อสักครู่นี้นั้น  ตอนนี้กลับใกล้ชิดเหมือนกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ  ในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและคุยคิกคัก  ส่วนเสื้อผ้าของฉินฟางที่ถูกซักไปนั้นก็ถูกตากให้แห้งอยู่ด้านนอก

 

“คุณสาวงามทั้งสองครับ  มันค่อนข้างสายแล้วนะ  พวกเราควรจะไปเปิดร้านได้แล้ว…”

 

มองไปยังสีของท้องฟ้าในตอนนี้  มันน่าจะเป็นเวลาประมาณแปดโมงเช้า  ซึ่งเลยเวลาทานมื้อเช้าในชั่วโมงเร่งด่วนไปแล้ว  พวกเขาจึงไม่ควรเลื่อนเวลาเปิดร้านอีกต่อไป

 

“เปิดร้าน?  เปิดร้านอะไรกัน?  ฉันไม่ได้บอกนายว่าวันนี้จะไม่เปิดร้านงั้นเหรอ?”

 

ถังเฟยเฟยถามด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมาก  การแสดงออกทางสีหน้าของเธอกลายเป็นผิดแปลกไป  จากนั้นเธอก็มองไปยังฉินฟาง  สีหน้าของเขาดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องจริงๆ  เธอจึงเริ่มพึมพำด้วยความสงสัย

 

“ฉันไม่ได้บอกนายจริงๆ น่ะเหรอ?”

 

“ทั้งหมดเป็นความผิดของนาย!  ทำให้ฉันโกรธ  ฉันเลยลืมเรื่องสำคัญไปเลย…”

 

สุดท้ายแล้วถังเฟยเฟยก็แน่ใจว่าเธอไม่ได้พูดจริงๆ  และจากนั้นก็กรอกตาไปที่ฉินฟางพร้อมกับบ่นเขาแบบทีเล่นทีจริง  ต่อข้อกล่าวหาของถังเฟยเฟย  ฉินฟางทำได้เพียงหัวเราะอย่างจำยอม  และไม่ได้พูดอะไรกลับไป

 

“แต่ตอนนี้ฉันไม่โมโหนายแล้ว  มาพูดเกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่ตั้งใจจะมาบอกนายตอนแรกดีกว่า  ฉันมาที่นี่แต่เช้าเพื่อขอร้องให้นายไปงานเลี้ยงกับฉัน...”

 

ถังเฟยเฟยแสร้งตำหนิฉินฟางแบบขำๆ  แต่ในใจของเธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ  เธอรีบยิ้มให้กับฉินฟางและบอกกล่าวเป้าหมายที่แท้จริงออกมา

 

“งานเลี้ยง...”

 

หลังจากได้ยินคำนี้  ใบหน้าของฉินฟางก็กลายเป็นมืดครึ้ม

 

ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุไม่มากนัก  แต่หลังจากเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงมาสองสามงาน  เขาก็รับรู้ในวัตถุประสงค์ของงานพวกนี้  ถ้าไม่ใช่งานสำหรับโอ้อวดแฟนของตัวเองแล้ว  ก็เป็นงานแสดงฐานะความร่ำรวย  พอได้ยินว่าถังเฟยเฟยชวนเขาให้ไปร่วมงานด้วย  ภายในใจก็รู้สึกอิดออดในทันที

 

เกี่ยวกับเรื่องฐานะกับสถานะของตัวเขา  ฉินฟางรู้แน่อยู่แก่ใจว่าต่ำต้อยขนาดไหน  เขาจึงไม่ชอบไปงานเลี้ยงที่ไร้ประโยชน์แบบนี้จริงๆ

 

“อย่าคิดมากนะ!  งานเลี้ยงนี้มีเพียงหลี่เหยา ฟางหมิน กับเพื่อนผู้หญิงในห้องอีกสองสามคน  วันหยุดช่วงฤดูร้อนใกล้หมดแล้ว  และพวกเราจะแยกย้ายไปตามทางของตัวเองในไม่ช้า  พวกเธอกำลังจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซึ่งไม่ได้อยู่ในเมืองนี้  ดังนั้นพวกเราเลยตัดสินใจที่จะจัดงานเลี้ยงบาร์บีคิวที่ภูเขาหยกขาว  ก่อนที่จะจากกันไปตามเส้นทางของแต่ละคน”

 

พอเห็นใบหน้าที่ดูไม่สบายใจของฉินฟาง  ถังเฟยเฟยก็รีบพูดเสริมด้วยรอยยิ้ม  แต่สายตาของเธอที่จับจ้องยังฉินฟางก็บ่งบอกเรื่องราวอีกแบบหนึ่ง  มันถ่ายทอดข้อความที่ว่าถ้าฉินฟางปฏิเสธคำเชิญ  เธออาจจะโผเข้าหาและกัดฉินฟางจริงๆ ก็ได้

 

“ถ้าเป็นแบบนี้ก็... โอเค...”

 

สาวๆ ที่ถังเฟยเฟยพูดถึงคือเพื่อนร่วมห้องของเขาตอนเรียนมอปลาย  และความสัมพันธ์ของพวกเธอกับถังเฟยเฟยก็ดีมาก  ฉินฟางยอมไปงานเลี้ยงเพราะเขารู้ว่าอย่างน้อยพวกผู้หญิงที่ถังเฟยเฟยกล่าวถึงนั้นไม่ใช่คนไม่ดี

 

“เย้!  เยี่ยมมาก!”

 

พอเห็นฉินฟางตอบตกลง  ถังเฟยเฟยก็ชูสองนิ้วในทันที  และเริ่มหัวเราะเสียงดัง

 

อันที่จริงแล้วถังเฟยเฟยไม่ได้บอกว่าตอนที่เพื่อนผู้หญิงเหล่านั้นขอให้เธอมา  ไม่เพียงไปงานเลี้ยงบาร์บีคิวกับว่ายน้ำกันแล้ว  พวกเธอยังมีเงื่อนไขพิเศษคือให้พาเพื่อนผู้ชายมาด้วย

 

ถังเฟยเฟยเป็นคนสวยและน่ารักมาก  จึงเป็นธรรมดาที่มีคนมาจีบเยอะ  น่าเสียดายที่ถังเฟยเฟยไม่นึกชอบคนพวกนี้เลย  มีเพียงฉินฟางที่เธอรู้สึกดีกว่าคนอื่นอยู่บ้าง  ประกอบกับเขาไม่ใช่คนที่ชอบฉวยโอกาสกับหญิงอื่น  และนั่นเป็นเหตุผลที่เธอขอให้เขาไปงานเลี้ยงด้วย  อีกทั้งอย่างน้อยเธอก็ได้กลายเป็น ‘แฟนหลอกๆ’ ของเขาแล้ว  จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ

 

“งั้นนายก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะดีกว่า  พวกเราจะได้ไปกันเลย...”

 

เนื่องจากการแก้ไขความเข้าใจผิดนั้นใช้เวลามากอยู่บ้าง  ถังเฟยเฟยเลยค่อนข้างรีบ  ดังนั้นเธอจึงดันตัวเขาให้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า  อย่างไรก็ตามตอนที่เธอพูดว่า ‘เปลี่ยนเสื้อผ้า’ ก็สังเกตเห็นเซียวมู่เสวี่ยที่ยืนเก้กังอยู่ข้างๆ

 

“ขอโทษนะมู่เสวี่ย  ฉันลืมเธอไปเลย...”

 

เซียวมู่เสวี่ยตอนนี้กำลังสวมเสื้อผ้าของฉินฟางอยู่  ถ้าพวกเขาไปแล้ว  ไม่เพียงเซียวมู่เสวี่ยจะไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่  กระทั่งหาอะไรกินก็ยังเป็นปัญหา

 

“ทำไมฉินฟางกับฉันไม่ไปหาซื้อเสื้อผ้ามาให้เธอก่อนล่ะ?”

 

ถังเฟยเฟยแท้จริงแล้วเป็นคนที่จิตใจดีมาก  และเข้าใจในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจของเซียวมู่เสวี่ย  ดังนั้นเธอเลยเริ่มพูดเสนอหาหนทางแก้ไข

 

“ไม่จำเป็นหรอก  พวกคุณไปกันเถอะ  อากาศวันนี้ร้อนมาก  เสื้อผ้าน่าจะแห้งไว  ฉันไปซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองทีหลังได้”

 

เซียวมู่เสวี่ยยิ้ม  และชี้ไปยังเสื้อผ้าที่กำลังจะแห้ง

 

“แต่ว่า...”

 

ถึงแม้เรื่องที่เซียวมู่เสวี่ยพูดจะมีเหตุผล  ถังเฟยเฟยก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดี  และต้องการที่จะพูดโน้มน้าวต่อไป  อย่างไรก็ตามขณะที่เธอกำลังจะพูดต่อ  เธอก็เห็นฟ่านเจี่ยเจียที่สะลึมสะลือกำลังเดินออกมาจากห้อง

 

“หืมม?  เสี่ยวฉิน เฟยเฟย  ทำไมพวกเธอยังไม่ไปเปิดร้านอีกล่ะ  ตอนนี้มันสายมากแล้วนะ?”

 

ฟ่านเจี่ยเจียมีร้านของตัวเองที่อยู่ตลาดประตูทิศใต้  แต่มักจะไม่ได้ไปเปิดร้านแต่เช้า  เธอจะตรงไปที่กินข้าวเช้าที่ร้านของฉินฟางก่อนเสมอ  แต่เธอไม่คิดว่าวันนี้ฉินฟางกับถังเฟยเฟยจะอยู่บ้านและไม่ได้เปิดร้าน  เธออดไม่ได้ที่จะบ่นอุบอิบในใจ  “เฮ้อ  ดูท่าวันนี้ฉันคงต้องเสียเงินซื้อข้าวเช้าซะแล้ว...”

 

ฉินฟางไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่ฟ่านเจี่ยเจียคิดอยู่ในใจ  แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ  ทันใดนั้นก็นึกได้ว่าถังเฟยเฟย เซียวมู่เสวี่ย กับตัวเขายังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย  และจริงๆ แล้วตอนนี้เขาก็รู้สึกหิวอยู่เล็กน้อย

 

“ฟ่านเจี่ยเจีย  เฟยเฟยกับผมมีธุระที่จะต้องไปทำวันนี้  พวกเราเลยไม่ได้เปิดร้าน  ตอนนี้เฟยเฟยกับมู่เสวี่ยก็น่าจะหิวแล้วใช่ไหม?  เดี๋ยวผมทำราเม็งให้ทานนะ!”

 

เห็นได้ชัดว่าฉินฟางไม่ลืมที่จะประจบประแจงเพื่อความชื่นชมจากสาวงามในช่วงเวลาที่เหมาะสม  เขารีบเสนอตัวทำอาหารให้สองสาวด้วยรอยยิ้ม  ตอนที่เขาเห็นฟ่านเจี่ยเจียชะงัก  ก็สังเกตสีหน้าของเธอและพูดเพิ่มไปอีกประโยคหนึ่ง

 

“ฟ่านเจี่ยเจีย  ผมจะทำให้พี่ชามหนึ่งด้วย  พี่น่าจะหิวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”

 

แม้ว่าเขาไม่ได้เปิดร้านวันนี้  แต่ความยากในการปรุงราเม็งมีเพียงแค่ทำเส้นบะหมี่  ส่วนประกอบอื่นนั้นค่อนข้างทำได้ง่ายกว่า  เพราะสามารถปรุงได้ในห้องครัวของบ้านเรือนทั่วไป

 

“ผมขาดค่าประสบการณ์อีกเล็กน้อย  ทักษะ [การทำบะหมี่] ก็จะเข้าสู่ระดับกลาง...”

 

พอมองไปยังหน้าต่างทักษะ  ค่าประสบการณ์ของทักษะในระดับเริ่มต้นใกล้ที่จะเต็มร้อยเปอร์เซนต์แล้ว

 

 

……………………………..

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด