ตอนที่ 29 แฟนสาว
ตอนที่ 29 แฟนสาว
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
“ฉันเพิ่งจะเห็น...”
ถังเฟยเฟยยังต้องการที่จะโต้เถียง แต่หลังจากเห็นฉินฟางมองเธอด้วยสายตาที่จริงใจแล้ว เธอก็ลังเลที่จะพูดต่อให้จบ ลองนึกย้อนกลับไปสองสามปีที่เธอรู้จักกับฉินฟางมา ก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนประเภทนั้น เพราะถ้าเขาเป็นคนอย่างนั้นแล้ว คนแรกที่เขาน่าจะลงมือคงไม่ใช่หญิงสาวที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ แต่คงเป็นตัวของเธอเอง
“ก็ได้ อธิบายมา หวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง...”
หลังจากที่คิดใคร่ควรญ ถังเฟยเฟยตัดสินใจที่จะให้โอกาสฉินฟางได้อธิบายตัวเอง
“มานั่งตรงนี้ก่อนนะ เรื่องราวมันค่อนข้างซับซ้อน ผมจะอธิบายให้เธอฟังอย่างช้าๆ...”
พอเห็นว่าสุดท้ายถังเฟยเฟยก็คล้อยตามเขา ฉินฟางก็ฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็จูงมือถังเฟยเฟยพาเธอไปที่ม้านั่งตรงถนนซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป เขาใช้แขนปัดกวาดม้านั่งที่ค่อนข้างสกปรกอย่างระมัดระวัง กระทั่งใช้กางเกงขาสั้นของเขาทำความสะอาดเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ที่เขาทำทั้งหมดนั้นเพราะกังวลว่าฝุ่นผงจะทำให้กระโปรงสั้นสีขาวของถังเฟยเฟยเปื้อน
ถังเฟยเฟยจ้องมองฉินฟางทำความสะอาดม้านั่งอย่างหนักแบบเงียบๆ และรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำดูติ๊งต๊องมาก อย่างไรก็ตาม...
“ท่าทางติ๊งต๊องของเขาดูน่ารักมาก” เธอพึมพำ
แต่เมื่อจำได้ว่าหญิงสาวที่อยู่ในห้องของฉินฟางคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาไม่ด้อยไปกว่าเธอ แถมใต้ร่มผ้าก็ไม่ได้สวมใส่อะไรไว้ ภายในใจของถังเฟยเฟยก็เริ่มที่จะโกรธนิดๆ และรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกเผา ดังนั้นท่าทางน่ารักของฉินฟางจึงถูกความรู้สึกโกรธของเธอปิดทับไว้ทันที
“ทำไมนายทำความสะอาดนานจัง? ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมา ไม่งั้นฉันจะไปแล้วนะ…”
“โอเค ผมพูด ผมพูดแล้ว”
เวลานี้ฉินฟางเกือบจะปัดกวาดม้านั่งเสร็จแล้ว เขารีบพาถังเฟยเฟยลงนั่ง และจากนั้นก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“เรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอต้องฟังตั้งแต่ต้นจนจบ มันเริ่มหลังจากผมปิดร้านและกลับไปที่ห้อง... บลาๆๆ และเมื่อเป็นเช่นนั้น เซียวมู่เสวี่ยเลยกลับมาพร้อมกับผม แต่อย่างที่เธอเห็น ห้องของผมเล็กมาก ก็เลย...บลาๆๆ”
ฉินฟางบอกถังเฟยเฟยทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ สำหรับความลับเช่นการกินเกี๊ยวซ่าเพื่อฟื้นค่า HP นั้น เป็นธรรมดาที่เขาจะกลบเกลื่อนไว้ และพูดว่าถึงแม้จะถูกแทง มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร แค่เลือดออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เรื่องราวส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้แหละ ระหว่างเซียวมู่เสวี่ยกับผมไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ!”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ น่ะเหรอ?”
ฉินฟางหัวเราะอย่างขมขื่น หลังจากลังเลอยู่สักพัก เขาก็ยกชายเสื้อยืดขึ้น บริเวณผิวหนังที่เปิดให้เห็นนั้นมีบาดแผลซึ่งกำลังตกสะเก็ดอยู่
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เธอดู! ผมได้รับบาดเจ็บและแผลก็ยังอยู่ตรงนี้...”
“โอเค ฉันจะเชื่อนายก็ได้!”
หลังจากรับฟังเรื่องเล่าของฉินฟาง ถังเฟยเฟยรู้สึกว่าสิ่งที่ฉินฟางพูดน่าจะเป็นเรื่องจริง จากนั้นเธอก็มองไปยังบาดแผลที่เอวของฉินฟาง ถึงแม้ว่ามันจะตกสะเก็ดแล้ว แต่ก็เป็นแผลยาวและเห็นได้ชัดว่าเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ดังนั้นตอนนี้ถังเฟยเฟยจึงเชื่อในเรื่องเล่าของฉินฟางโดยสนิทใจ
“ฉันไม่คาดคิดเลยว่าเซียวมู่เสวี่ยจะน่าสงสารมากเช่นนี้…”
ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้นี้เธอยังเกลียดเซียวมู่เสวี่ยมาก ในใจเธอด่าทอเซียวมู่เสวี่ยว่าเป็นนางแมวขโมย แต่เพียงชั่วพริบตา ถังเฟยเฟยก็รู้สึกสงสารเซียวมู่เสวี่ย และอยากจะดึงเซียวมู่เสวี่ยเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเพื่อทำการปลอบใจซะแล้ว
“ผมคิดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าจะหารือเรื่องนี้กับเธอวันนี้ การให้เซียวมู่เสวี่ยอาศัยอยู่ในห้องผม แน่นอนว่ามันไม่เหมาะสมเอาซะเลย...”
ฉินฟางไม่คาดคิดว่าถังเฟยเฟยจะแสดงความเห็นอกเห็นใจเซียวมู่เสวี่ย ดังนั้นเขาจึงรีบพูดประโยคดังกล่าวออกมา เพื่อทำให้ถังเฟยเฟยรู้สึกว่ามีความสำคัญจนความไม่พอใจต่างๆ ของเธอนั้นหายไปอย่างสิ้นเชิง
“ไม่เหมาะสมแน่นอน! คนอ้วนเฉินนั่นเลวมาก ดังนั้นพวกเราต้องไม่ปล่อยให้เธอกลับไป แต่การให้อาศัยอยู่ในบ้านของนายก็ไม่เหมาะจริงๆ เอายังงี้ไหม? ฉันจะไปคุยกับฟ่านเจี่ยเจียให้ เซียวมู่เสวี่ยจะได้ไปพักอยู่กับฟ่านเจี่ยเจีย หรือพวกเราอาจหาสถานที่อื่นให้เธออาศัยถ้าหากฟ่านเจี่ยเจียไม่รับปาก สำหรับเรื่องที่เซียวมู่เสวี่ยจะขอทำงานกับพวกเรานั้น... ในเมื่อตอนนี้เรากำลังขาดคนอยู่แล้ว ทำไมไม่ให้เธอมาช่วยล่ะ? แถมยังเป็นโอกาสที่จะได้ฉีกหน้าคนอ้วนเฉินด้วย! ฮิฮิ ฉันร้ายไปหรือเปล่านะ?”
การให้อภัยเซียวมู่เสวี่ยที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา และกระทั่งเข้าใจในชีวิตที่น่าสลดของเซียวมู่เสวี่ย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะถังเฟยเฟยมีความรู้สึกสะเทือนใจที่ล้นปรี่ และความเห็นอกเห็นใจของเธอเลยช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดของฉินฟางในคราวเดียว หลังจากที่เธอพูดจบ ก็ดูเหมือนจะนึกได้ว่าคำพูดแบบนี้ไม่ควรออกมาจากปากของกุลสตรี จึงแสดงท่าทางที่น่ารักมากออกมาจนฉินฟางยิ้มและหัวเราะ
“ไม่ร้าย ไม่ร้าย เธอไม่ร้ายเลย! เธอเป็นคนที่จิตใจดีมาก!”
ฉินฟางพยักหน้ารัวจนเหมือนกับไก่ที่กำลังจิกข้าว และเห็นพ้องกับข้อเสนอของถังเฟยเฟยร้อยเปอร์เซ็นต์
“ตอนนี้พวกเราคุยกันจบแล้วนะ ผมกลับห้องได้ใช่ไหม? เพราะยังไม่ได้ล้างหน้ากับแปรงฟันเลย...”
สุดท้ายถังเฟยเฟยก็ถูกกล่อมให้กลับไปที่ห้องกับฉินฟางจนได้ เพราะเขาในตอนนี้กำลังพูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่น
“หืม? ถ้านายไม่พูด ฉันคงไม่ได้สังเกต! ว่าผู้ชายสกปรกที่อยู่ต่อหน้าฉันเป็นใคร?!”
ถังเฟยเฟยที่ออกเดินไปกับฉินฟางพูดติดตลกเกี่ยวกับตัวเขา แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกและเดินกลับมาพร้อมกับฉินฟาง
โดยที่ไม่มีใครรู้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนดูเหมือนจะใกล้ชิดกันมากขึ้นหลังจากความเข้าใจผิดได้รับการแก้ไข พวกเขาไม่ได้สงวนท่าทีอีกต่อไป ความระแวงต่อกันได้จากหายไป กระทั่งคุ้นเคยกันมากยิ่งขึ้น สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความจริงนี้คือมือของถังเฟยเฟยถูกฉินฟางกุมไว้ตลอดทางที่เดินกลับไป
ระหว่างทางกลับบ้าน ฉินฟางกับถังเฟยเฟยได้พูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เมื่อพวกเขากลับมาถึงก็บังเอิญเห็นเซียวมู่เสวี่ยกำลังซักผ้าอยู่ อาจเป็นเพราะเรื่องเข้าใจผิดเมื่อครู่นี้ เซียวมู่เสวี่ยเลยเปลี่ยนไปสวมชุดนักเรียนของฉินฟางที่เขาไม่ได้ใส่มานานแล้ว ตอนนี้เมื่อเธอสวมเสื้อผ้าแบบนี้แล้ว อย่างน้อยก็นับได้ว่าเธอไม่ได้เดินไปรอบๆ ด้วยสภาพที่เกือบเปลือย แต่ฉินฟางก็ยังค่อนข้างรู้สึกอึดอัด
ตอนที่เธอเกือบจะซักเสื้อผ้าในกะละมังเสร็จ ฉินฟางกับถังเฟยเฟยก็กลับมาถึง ดูจากท่าทางกับสีหน้าของคนทั้งสองแล้ว ก็พบว่าพวกเขากำลังจ้องมองมาที่เธอ ใบหน้าของเซียวมู่เสวี่ยเลยแดงขึ้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเธอนั้นอายมาก
เสื้อผ้าในกะละมังทั้งหมดน่าจะเป็นของเซียวมู่เสวี่ย แต่ก็มีที่ต่างออกไปซึ่งฉินฟางพบว่ามันค่อนข้างคุ้นตามาก มันดูเหมือนกับ... กางเกงในของเขา?! สีหน้าของฉินฟางเปลี่ยนไปในทันที ตอนนี้ไม่เพียงเขาจะรู้สึกอึดอัด แต่ยังไร้คำพูดที่จะกล่าวและยิ้มอย่างขมขื่น
“ฉันกำลังซักเสื้อผ้าของตัวเอง พอดีเหลือบไปเห็นกองเสื้อผ้าของนายซึ่งมีรอยเปื้อนเต็มไปหมด ฉันเลยช่วยซักพวกมันให้...”
พอสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของฉินฟาง เซียวมู่เสวี่ยก็พูดอย่างอายๆ ท้ายที่สุดแล้วเธอได้พักอยู่ในห้องของฉินฟางหนึ่งคืน และเขากระทั่งเคยช่วยชีวิตเธอมาก่อน ถึงแม้การแต่งให้กับเขาอาจเป็นไปไม่ได้ แต่การช่วยฉินฟางซักเสื้อผ้าของเขานั้นเป็นไปได้อย่างแน่นอน
“มู่เสวี่ย ฉันชื่อว่าถังเฟยเฟยนะ เป็น... แฟนสาวของฉินฟาง ขอบใจที่ช่วยซักเสื้อผ้าของฉินฟางให้ เขาเป็นแบบนี้เสมอแหละ ชอบรอให้กองเท่าภูเขาเล็กๆ ก่อนที่จะลงมือซักพวกมัน
อันที่จริงแล้วใบหน้าของถังเฟยเฟยเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยตอนที่เธอเจอเซียวมู่เสวี่ยกำลังซักเสื้อผ้าของฉินฟาง อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นสีหน้าของเซียวมู่เสวี่ย จู่ๆ ถังเฟยเฟยก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว เธอที่เดิมทีนั้นกำลังกุมมือของฉินฟางไว้ ได้เปลี่ยนไปกอดแขนของเขาแทนและพูดประโยคเหล่านี้กับเซียวมู่เสวี่ย ในเวลาเดียวกันนั้นดวงตาของเธอก็คอยเฝ้าดูปฏิกิริยาของเซียวมู่เสวี่ย
“ฉินฟางช่วยเหลือฉันไว้มาก เพราะฉะนั้นการซักเสื้อผ้าให้กับเขาไม่ได้เรื่องที่ลำบากเลย”
เซียวมู่เสวี่ยแสดงให้เห็นท่าทางที่สงบมาก ราวกับเธอไม่รู้สึกกังวลใจเลย ซึ่งมันบ่งชี้ให้เห็นว่าฉินฟางกับเธอนั้นเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามตอนที่ถังเฟยเฟยบอกว่าฉินฟางเป็นแฟนของเธอ ถังเฟยเฟยได้สังเกตเห็นว่าเซียวมู่เสวี่ยตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะหนึ่ง ต่อให้เซียวมู่เสวี่ยกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่ถังเฟยเฟยแน่ใจว่าปฏิกิริยาที่เซียวมู่เสวี่ยแสดงออกมานั้นไม่ตรงกับภาพที่เธอเห็น
เพราะการที่เซียวมู่เสวี่ยชะงักไปเล็กน้อย ทัศนคติของถังเฟยเฟยที่มีต่อเซียวมู่เสวี่ยเลยเปลี่ยนจากความเห็นอกเห็นใจอย่างแท้จริงกลายเป็นระมัดระวังมากขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ยังแสดงท่าทีที่เป็นมิตรอยู่
มีเพียงฉินฟางซึ่งยังคงยืนอยู่ด้านข้างนั้นที่ปากอ้าตาค้าง ในเวลาเดียวกันเขาก็ครุ่นคิดว่า ‘ถังเฟยเฟยกลายเป็นแฟนของผมตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า?...’
“แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง... ก็ดีมากเลย!”
พูดได้ว่าสิ่งที่ฉินฟางกำลังหวังไว้นั้นใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากๆ
……………………………..