ตอนที่ 28 ถูกจับได้?!
ตอนที่ 28 ถูกจับได้?!
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
ทั้งสองคนพูดคุยกันไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ผล็อยหลับไป โดยไม่รู้เลยว่าใครกันที่หลับก่อน
*ก๊อก* *ก๊อก* *ก๊อก* *ก๊อก*
เมื่อยามเช้ามาถึง ขณะที่ฉินฟางยังคงสะลึมสะลืออยู่ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูแว่วมา เสียงเคาะนั้นเบามากๆ เนื่องจากฉินฟางยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ เขาจึงคิดไปว่าเป็นเสียงเคาะประตูของห้องอื่น
จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีเงาอะไรบางอย่างผ่านตาเขาไป ฉินฟางที่อยู่สภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นจึงมองไปที่เงานั่นและเห็นว่ามันคืออะไร แต่สมองของเขายังทื่ออยู่ ดังนั้นเขาหลับตาลงนอนอีกครั้ง
“ซวยแล้ว!”
แต่ก่อนที่ฉินฟางจะกลับไปหลับต่อ ดวงตาของเขาก็เปิดกว้าง เพราะนึกได้ทันทีว่าในห้องนี้นอกจากตัวเขาแล้ว ก็ยังมีเซียวมู่เสวี่ยอยู่ด้วย ยิ่งไปกว่านี้แล้วเสียงเคาะประตูนั่นดูเหมือนจะมาจากประตูของเขาอีกด้วย
ประตูห้องถูกเปิดออก
“ฉินฟาง สายแล้วนะ ทำไมนายถึงยังไม่ออก...”
ถังเฟยเฟยรู้สึกงุนงงว่าฉินฟางที่ปกติตื่นเช้าทำไมถึงยังไม่ตื่น ดังนั้นเธอจึงรีบมาที่ห้องของเขาเพื่อสอบถามสาเหตุ แต่เมื่อประตูห้องถูกเปิด หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งและสามารถมองเห็นปทุมถันได้อย่างลางๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอ ซึ่งนี่ทำให้สิ่งที่เธอกำลังพูดอยู่นั้นหยุดชะงักในทันที ขณะที่ตัวเธอก็กลายเป็นแข็งทื่อไป
เซียวมู่เสวี่ยมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าซึ่งสวยราวกับนางฟ้าด้วยความประหลาดใจ อายุของหญิงสาวคนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่แตกต่างจากเธอ แต่เสื้อผ้านั้นเห็นได้ชัดว่าดีกว่า พอเห็นว่าหญิงสาวคนนี้เรียกชื่อของฉินฟาง เธอจึงรีบพูดด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ว่า
“คุณมาหาฉินฟางเหรอค่ะ? เขายังไม่ตื่น...”
“เธอเป็นใคร? ทำไมถึงได้มาอยู่ในห้องของฉินฟาง?”
ใบหน้าของถังเฟยเฟยอึมครึมในทันที ดูแตกต่างจากเซียวมู่เสวี่ยที่กำลังยิ้มแย้ม น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกเจ็บแปลบ แต่เธอก็ยังบังคับให้ตัวเองสงบและถามต่อไป
สาวสวยคนหนึ่งกำลังสวมเสื้อยืดผู้ชายไซซ์ใหญ่และไม่ได้สวมอะไรอยู่เลยใต้ร่มผ้า ซึ่งดูจากที่ถังเฟยเฟยเห็นแสดงว่าสาวสวยคนนี้นอนค้างคืนที่ห้องของฉินฟาง หลักฐานทั้งหมดนี่บ่งบอกว่าเป็นเรื่องอย่างว่าแน่ๆ
“ฉัน...”
ขณะที่เซียวมู่เสวี่ยจะเอ่ยอะไรบางอย่าง เธอก็ได้ยินเสียงจากข้างหลัง เลยรู้ว่าฉินฟางตื่นแล้วและหยุดพูดต่อ
“เอ่อ… ผมตื่นแล้ว”
ตอนนี้ฉินฟางจะกล้าหลับต่อได้ยังไง? ช่วงเวลาที่เขาพบว่าเซียวมู่เสวี่ยกำลังไปเปิดประตู เขาก็รู้ว่าตัวเองซวยแน่แล้ว ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้น พร้อมกับโผล่หน้าออกไปให้เห็นจากข้างหลังเซียวมู่เสวี่ย และพูดอย่างเงอะงะ
พอเห็นว่าฉินฟางตื่นแล้ว เซียวมู่เสวี่ยก็ยิ้มให้กับถังเฟยเฟย จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ซึ่งดูเหมือนว่าเธอกำลังจะเข้าไปเก็บเตียง
“ฉินฟาง นายมัน... ไร้ยางอาย!”
พอได้เห็นภาพที่เซียวมู่เสวี่ยอยู่กับฉินฟางตำตา หัวใจของถังเฟยเฟยก็กลายเป็นอึดอัดมาก เธอจ้องฉินฟาง และอยากที่จะตบหน้าเขาจริงๆ แต่ตอนที่ด่าฉินฟางไป เธอไม่กล้าใช้คำพูดที่หยาบคายเพราะตัวเธอถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี
“มันไม่ใช่อย่างนั้น ถัง...”
พอเห็นสีหน้าของถังเฟยเฟย ฉินฟางรู้ได้ในทันทีว่าเธอเข้าใจเขาผิด และเมื่อพบว่าถังเฟยเฟยกำลังจะจากไป ฉินฟางก็เผลอยื่นมือออกไปดึงตัวเธอกลับมา เพื่อต้องการให้เธอได้ฟังคำอธิบายของเขา
*เพี๊ยะ*
ถังเฟยเฟยที่ตอนนี้หัวใจเหมือนกำลังจะถูกเผา เมื่อเธอเห็นเขากำลังยื่นมือมาหา ก็ไม่ได้คิดอะไรมากและตบหน้าของฉินฟางไปหนึ่งครั้ง เสียงตบนั้นดังชัดเจน จากนั้นใบหน้าของฉินฟางก็มีรอยนิ้วมือปรากฏขึ้นในทันที และตรงบริเวณที่โดนตบเริ่มจะบวมแล้ว
“ฉัน...”
การตบครั้งนี้เธอไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ และพอเห็นใบหน้าของฉินฟางบวม ถังเฟยเฟยก็กลายเป็นรู้สึกห่วง ขณะที่เธอกำลังจะพูดอธิบาย สายตาของเธอก็บังเอิญมองผ่านฉินฟางไปตกลงที่เซียวมู่เสวี่ย ในเวลานี้เซียวมู่เสวี่ยกำลังก้มตัวลงเพื่อทำบางอย่าง และจากตำแหน่งที่ถังเฟยเฟยยืนอยู่นั้น เธอสามารถมองผ่านคอเสื้อยืดจนเห็นอะไรบางอย่างที่ขาวเนียนและกลมกลึง
“…ฮึ!”
หลังจากที่ได้เห็นอย่างนั้น ความรู้สึกห่วงที่เหลืออยู่น้อยนิดของถังเฟยเฟยก็สลายไปโดยสิ้นเชิง เธอจ้องมองฉินฟางอีกครั้ง แต่สุดท้ายเธอก็หันหน้าหนีและเดินจากไป
ฉินฟางรู้สึกว่าหน้าที่โดนตบของเขาเหมือนกำลังจะถูกเผา การตบของถังเฟยเฟยค่อนข้างไม่ปรานีเลย ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่คนไม่ชอบการออกกำลังกายมากนักอย่างฉินฟางจะสามารถทนได้โดยไม่ถอยหนี
“ถังเฟยเฟย รอก่อน!”
อย่างไรก็ตามพอเห็นถังเฟยเฟยกำลังจะเดินจากไปพร้อมกับโกรธจนพลุ่งพล่าน และตอนนี้ก็ออกไปที่ลานแล้ว ฉินฟางก็ตื่นตระหนก การเข้าใจผิดในครั้งนี้ไม่ควรมาจนถึงขั้นนี้ เขารีบร้อนไล่ตามถังเฟยเฟยไป
โชคยังดีที่ฉินฟางระวังตัวเนื่องจากมีหญิงสาวมานอนค้างด้วย ถึงแม้อากาศจะร้อนมากแต่เขาก็ยังสวมเสื้อยืดกับกางเกงไว้ มิฉะนั้นแล้วถ้าเขาสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบาย กระทั่งไล่ตามถังเฟยเฟยไปยังอาจจะล่าช้าเพราะต้องสวมใส่เสื้อผ้า
“ตาบ้า บ้า บ้า!”
ถังเฟยเฟยโกรธจนพลุ่งพล่าน และขณะที่เธอกำลังเดินไปอย่างรวดเร็วนั้น ก็บ่นพึมพำอย่างโมโหด้วยคำด่าที่หยาบคายที่สุดเท่าที่เธอนึกได้ให้กับฉินฟาง เธอไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงได้รู้สึกขุ่นเคือง กระทั่งขอบตาก็เปียกนอง
“ถังเฟยเฟย รอผมก่อน!”
ถึงแม้ว่าฉินฟางจะสวมรองเท้าแตะ แต่ความเร็วในการวิ่งของเขาอย่างน้อยก็เร็วกว่าถังเฟยเฟย ไม่นานหลังจากนั้นฉินฟางก็ตามเธอทัน โดยที่ถังเฟยเฟยไม่ต้องหันหน้ามา เธอก็สามารถได้ยินเสียงฝีเท้าที่มาจากรองเท้าแตะของเขา และเห็นได้ชัดว่าฉินฟางไม่ลืมที่จะร้องเรียกถังเฟยเฟยด้วย
เกือบจะในเวลาเดียวกับที่ฉินฟางร้องเรียกถังเฟยเฟยเสร็จ เธอก็รู้สึกได้ถึงมืออันใหญ่โตที่กำลังดึงแขนไว้ ตอนที่มือนั่นผ่านรักแร้ของเธอไปนั้นก็กระทบถูกกับส่วนหนึ่งของร่างกายโดยบังเอิญ ใบหน้าของเธอเลยกลายเป็นแดงก่ำด้วยความเขินอาย
“ปล่อยนะ”
แต่เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่ฉินฟางทำก่อนหน้านี้ หน้าของถังเฟยเฟยก็แดงเพราะโมโหแทน เธอเหวี่ยงแขนเพื่อพยายามที่จะสลัดมือของฉินฟางออก
“ผมไม่ปล่อย ฟังคำอธิบายของผมก่อน!”
ในเวลานี้ฉินฟางไม่กล้าที่จะปล่อยมือ ถึงแม้ว่าวิธีการของเขาจะค่อนข้างหน้าด้านไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นทางเลือกเดียวที่เขามี
“ฉันเห็นด้วยตาของตัวเอง มีอะไรที่ต้องอธิบายอีกล่ะ? ใครจะไปนึกล่ะว่าฉินฟางผู้หล่อเหลาของเรามีเสน่ห์มากขนาดนี้? ถึงกับพาสาวสวยกลับมาค้างคืนที่บ้านได้”
ในใจของถังเฟยเฟยขุ่นเคืองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นปากของเธอจึงเป็นเหมือนกับปืนใหญ่ ระเบิดคำพูดที่เสียดแทงออกมา
ฉินฟางไม่เคยคิดเลยจะเห็นท่าทางที่แปลกไปเช่นนี้จากถังเฟยเฟย เธอที่ปกติแล้วจะเป็นคนน่ารักและกระตือรือร้น แต่ถ้ารู้จักเธอให้มากยิ่งขึ้นก็จะบอกได้ว่าเธอเป็นคนที่ปักใจเชื่อมากเกินไปบ้าง เหมือนกับที่เธอแสดงออกอยู่ในตอนนี้
“เรื่องราวมันไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิด...”
ฉินฟางดึงแขนของถังเฟยเฟยไว้และปฏิเสธที่จะปล่อยมือ ขณะที่ถังเฟยเฟยยังดิ้นรนขัดขืนต่อไป ซึ่งระหว่างเหตุการณ์มันช่วยไม่ได้ที่ถังเฟยเฟยจะพลาด โดยการปล่อยให้มือของฉินฟางกวาดโดนส่วนที่นูนของเธอเบาๆ สำหรับตัวของฉินฟางอาจจะไม่ทันได้สังเกต แต่คนที่โดนล่ะ ถังเฟยเฟยไม่สามารถเพิกเฉยความรู้สึกแปลกๆ ที่มาจากการถูกสัมผัสนี้ได้ ดังนั้นใบหน้าของเธอจึงกลายเป็นแดงยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของถังเฟยเฟยไม่ถูกเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญในสายตาของฉินฟาง เขาคิดว่าหน้าของถังเฟยเฟยที่แดงขึ้นเนื่องจากความโกรธ ซึ่งนี่ยิ่งทำให้เขาตื่นตระหนกมาก ทั้งๆ ที่ตัวเขาก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่สัมผัสได้ว่าถ้าปล่อยให้ความรู้สึกนี้ดำเนินต่อไป ก็อาจจะสูญเสียบางสิ่ง...
……………………………..