ตอนที่ 25 พาสาวสวยกลับบ้าน
ตอนที่ 25 พาสาวสวยกลับบ้าน
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
“ผมคิดว่า... เรื่องนี้... จะดีที่สุดถ้าเธอไปหารือกับเจ้าของเฉินก่อน...”
กับข้อเสนอของเซียวมู่เสวี่ย ต่อให้มันเย้ายวนใจเขาแต่หลังจากคิดใคร่ครวญสักพัก ฉินฟางก็ยังรู้สึกว่ามันไม่เหมาะจริงๆ สุดท้ายแล้วเขาทำได้เพียงพูดอ้อมๆ เพื่อปฏิเสธเธออีกครั้ง
“ฉันจะไม่กลับไป”
อย่างไรก็ตามเซียวมู่เสวี่ยยังคงยืนยันอย่างหนักแน่น และเธอตอบปฏิเสธโดยไม่ลังเล
พอเธอปฏิเสธ ฉินฟางก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ พฤติกรรมก่อนหน้านี้ของคนอ้วนเฉินนั้นไร้ยางอายจริงๆ ไม่เพียงลากหลานสาวตัวเองเข้ามาพัวพัน แต่ยังหนีเอาตัวรอดไปเมื่อเธอตกอยู่ในอันตราย ถ้าคนอ้วนเฉินยืนตรงหน้าของฉินฟางในเวลานี้ เป็นไปได้ว่าคงโดนเขาเอาก้อนอิฐฟาดไปแล้ว
แต่หลังจากคิดให้มากอีกนิด ตอนนี้เซียวมู่เสวี่ยมีเงินหมื่นกว่าหยวนของคนอ้วนเฉินอยู่กับตัว ถ้าใช้เงินอย่างประหยัดแล้ว กระทั่งในเมืองใหญ่อย่างหนิงไห่ เธอก็สามารถอยู่รอดได้เป็นปี ข้อเท็จจริงนี้ทำให้ฉินฟางลดความกังวลเกี่ยวกับเซียวมู่เสวี่ยลงได้อย่างมาก
“ถ้าเธอไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ คืนนี้พักที่บ้านผมก่อน ส่วนพรุ่งนี้จะไปเช่าบ้านอยู่หรือพักโรงแรมก็แล้วแต่เธอล่ะกัน”
พอคิดถึงตรงนี้แล้ว ฉินฟางก็โบกมือและหยุดเอาเรื่องของเธอมาใส่ใจอีก เซียวมู่เสวี่ยกับเขาไม่ใช่ญาติหรือคนในครอบครัว เขาช่วยเธอในวันนี้เป็นเพียงเพราะว่าต่อมรักความยุติธรรมในตัวถูกกระตุ้น เขาไม่คาดคิดว่าการกระทำนี้จะนำปัญหาเล็กๆ มาให้
“อืม”
เซียวมู่เสวี่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เนื่องจากเธอก้มหน้าลง ประกอบกับท้องฟ้ามืดอยู่บ้าง ฉินฟางจึงไม่ได้สังเกตเห็นสีแดงที่ระบายอยู่บนใบหน้าของเซียวมู่เสวี่ย
ด้วยความพยายามอีกเล็กน้อย พวกเขาก็มาถึงพื้นที่บริเวณห้องพักซึ่งฉินฟางอาศัยอยู่ ขณะที่กำลังจะเข้าไปที่ห้อง พวกเขาก็เห็นร่างของฟ่านเจี่ยเจียที่กำลังตาปรือและสวมชุดนอน เป็นไปได้ว่าเธอกำลังมาเข้าห้องน้ำจึงพบกับพวกเขาโดยบังเอิญ
ตอนแรกฟ่านเจี่ยเจียไม่ได้สนใจ และเตรียมตัวที่จะกลับไปนอนต่อที่ห้อง อย่างไรก็ตามขณะที่เธอกำลังจะก้าวเท้าก็ชะงักตัวไปในทันใด ฉินฟางซึ่งกำลังสังเกตท่าทางของฟ่านเจี่ยเจียอยู่ตลอดนั้น ทันทีที่เขาเห็นเธอหยุด ฉินฟางก็สบถในใจทันที
“เสี่ยวฉิน...”
อย่างที่คาดไว้ ฟ่านเจี่ยเจียหันหน้าของเธอกลับมา
“ฟ่านเจี่ยเจียยังไม่หลับอีกเหรอครับ?”
ฉินฟางยิ้มอย่างขมขื่น แต่ก็ยังพูดทักทายฟ่านเจี่ยเจีย
หลังมองดูฉินฟางที่มีท่าทางอึดอัดเล็กน้อย และจากนั้นก็มองดูเซียวมู่เสวี่ยที่ก้มหน้าอยู่ข้างฉินฟาง ฟ่านเจี่ยเจียก็อ้าปากพูดว่า
“พี่กำลังจะไปนอนแล้วล่ะ หญิงสาวคนนี้คือ...?”
เห็นได้ชัดว่าฉินฟางที่ ‘ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ’ นั้นล้มเหลวเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้มีประสบการณ์อย่างฟ่านเจี่ยเจีย เธอรีบรุกถามเกี่ยวกับหญิงสาวที่ฉินฟางพามาด้วย ตัวของฟ่านเจี่ยเจียก็เป็นผู้หญิง เธอจึงรู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องนี้มีบางอย่างที่น่าสงสัย หลังจากมองดูเซียวมู่เสวี่ยที่กำลังก้มหน้าและมีท่าทางเอียงอาย
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอไปกินฟรีที่ร้านของฉินฟางทุกวัน ดังนั้นฟ่านเจี่ยเจียกับถังเฟยเฟยจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นอย่างมาก ถ้าไม่เป็นเพราะเธอแก่กว่าถังเฟยเฟยเป็นสิบปี พวกเธอคงกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว
สำหรับความสัมพันธ์ของฉินฟางกับถังเฟยเฟยนั้นก็ยังไม่ค่อยชัดเจน เธอเป็นคนนอกจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ฉินฟางตอนนี้พาสาวสวยกลับมาบ้านกลางดึก เห็นได้ชัดว่าคืนนี้พวกเขาน่าจะพักอยู่ด้วยกัน... ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย
“เธอคือ...”
ฉินฟางยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขากำลังจะอธิบายเรื่องราวของเซียวมู่เสวี่ยนั้น เธอซึ่งตลอดการสนทนาไม่ได้พูดอะไรก็เอ่ยปากออกมาก่อน
“พี่สาวคะ ฉันชื่อเซียวมู่เสวี่ย เป็น... เพื่อนของฉินฟางค่ะ”
บางทีอาจเป็นเพราะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าความสัมพันธ์ของเธอที่มีต่อฉินฟางนั้นคืออะไร เซียวมู่เสวี่ยจึงลังเลอยู่สักพัก ก่อนที่จะใช้คำว่า ‘เพื่อน’
แน่นอนว่าฉินฟางก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่ฟ่านเจี่ยเจียจะเชื่อหรือไม่นั้น มันก็ยากที่จะบอกได้
พอได้ยินที่เซียวมู่เสวี่ยพูด ทันใดนั้นฟ่านเจี่ยเจียก็ทำหน้าราวกับว่าเธอเข้าใจบางอย่าง และไม่ได้รู้สึกโกรธหรือแสดงอาการอะไร แต่กลับพูดหยอกล้อฉินฟางอย่างมีความสุข
“อ๋อ เพื่อนหญิง นี่แฟนของเธอใช่ไหมล่ะ? เสี่ยวฉิน เธอซ่อนไว้มิดเลยนะ!”
“ไม่ใช่นะ...!”
ฉินฟางในเวลานี้รู้สึกตื่นตระหนก ถ้าฟ่านเจี่ยเจียเข้าใจผิดอย่างนี้แล้ว ต่อให้กระโดดลงไปในแม่น้ำฮวงโหก็ไม่สามารถลบล้างหรือเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นเขาจึงรีบพยายามปฏิเสธเรื่องที่ฟ่านเจี่ยเจียพูดออกมา
“เอาล่ะ เอาล่ะ! ไม่ต้องอธิบายแล้ว! ฉันเป็นพี่สาวของเธอ ย่อมเข้าใจ! นี่ค่อนข้างดึกแล้ว และพี่ก็ง่วงด้วย ตอนนี้ได้เวลาที่จะไปนอนแล้ว~…”
ฟ่านเจี่ยเจียเป็นคนแบบไหนงั้นเหรอ? เธอเป็นคนปากตลาดและชอบนึกไปเอง ตอนที่เห็นว่าฉินฟางพยายามปฏิเสธสิ่งที่เธอพูด ก็โบกมือขัดในทันทีและทำทีท่าว่าเข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกฉินฟาง จากนั้นเธอก็ขอตัวกลับไปนอน
“ผมจบสิ้นแล้ว...”
พอเห็นร่างของฟ่านเจี่ยเจียหายเข้าไปหลังประตูห้อง ฉินฟางก็ยิ้มอย่างขมขื่นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ในวันนี้
บรรดาผู้อาศัยใกล้เคียงล้วนรู้จักนิสัยของฟ่านเจี่ยเจียดี นอกเหนือจากการชอบเอาเปรียบคนอื่นเล็กๆ น้อยๆ แล้ว เธอยังเป็นคนปากสว่างด้วย ฉินฟางพาหญิงสาวมาพักค้างคืนอาจจะเป็นที่รู้โดยทั่วกันของเพื่อนบ้านในวันพรุ่งนี้
“ขอโทษค่ะ...”
เซียวมู่เสวี่ยเห็นได้ว่าเป็นหญิงสาวที่ฉลาดมากคนหนึ่ง พอเธอเห็นสีหน้าของฉินฟาง ก็ทราบว่าตัวเองได้นำปัญหามาให้กับเขา ทำให้ตอนนี้เธอยิ่งก้มหน้ามากกว่าเดิม และไหล่ทั้งสองก็สั่นเล็กน้อย เหมือนว่าเธอนั้นกำลังร้องไห้อยู่
ฉินฟางถอนหายใจ
“อย่าร้องนะ อย่าร้อง!... นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ ผมผิดเอง”
สำหรับฉินฟางที่เคยพูดคุยกับผู้หญิงไม่มาก ย่อมมีประสบการณ์น้อยเมื่อเผชิญกับหญิงสาวที่กำลังร้องไห้ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นเซียวมู่เสวี่ยที่เป็นแบบนี้แล้ว ก็เลยตื่นตระหนก
พอเห็นท่าทางกระวนกระวายของฉินฟาง เซียวมู่เสวี่ยจึงกลั้นน้ำตา และเงยหน้าขึ้นมองฉินฟางที่เริ่มร้อนรนแล้ว เพื่อกล่าวขอโทษอีกครั้ง
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ...”
“ลืมมันซะ รีบเข้าไปข้างในห้องกันเถอะ ถ้าถูกคนอื่นเห็นอีก ผม...”
“เฮ้ เสี่ยวฉิน! ทำไมเธอกลับมาดึกจังล่ะ?”
ฉินฟางรู้สึกหมดหนทางอยู่บ้าง เพราะขณะที่เขากำลังพูด ก็ได้รีบหยิบกุญแจและเริ่มทำการเปิดประตูห้องแล้ว แต่ก่อนที่จะพูดจบก็มีเสียงของอีกคนพูดแทรกขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าเสียงนี้ไม่ใช่ของเซียวมู่เสวี่ย แต่เป็นของเพื่อนบ้านฉินฟาง
“ครับ ลุงหวัง คืนนี้ผมมีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำ ก็เลยกลับมาช้า”
“โฮะโฮะ! ไอ้เสือน้อย... อืม! ไม่เลวนี่”
ลุงหวังเหลือบมองเซียวมู่เสวี่ยเล็กน้อย และไม่ได้ถามซอกแซกเหมือนกับฟ่านเจี่ยเจีย เขาทำเพียงยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับฉินฟาง และกลับไปทำธุระของเขาหลังจากนั้น ทิ้งฉินฟางที่มีใบหน้าทุกข์ระทมใจไว้เบื้องหลัง
“ขอโทษค่ะ...”
ฉินฟางไม่คิดเลยว่าเรื่องที่เขานึกกลัวไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะกลายเป็นจริง อีกด้านหนึ่งเซียวมู่เสวี่ยก็พูดขอโทษอีกครั้ง
“เฮ้อออ ไปข้างในกันเถอะ...”
ฉินฟางทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ตอนนี้ประตูห้องเปิดอยู่ เขาจึงเชิญเซียวมู่เสวี่ยเข้าไปข้างใน สำหรับข่าวลือที่จะแพร่กระจายหลังจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ฉินฟางจะสามารถทำอะไรได้
ห้องพักของฉินฟางเล็กมาก นอกจากเตียงแล้วก็มีเพียงโต๊ะตัวน้อยที่มุมห้อง พื้นที่ที่เหลือมีพอให้คนยืนเท่านั้น
“ห้องค่อนข้างเล็กไปหน่อย หวังว่าคงจะไม่รังเกียจ เธอนอนบนเตียงก็แล้วกัน เดี๋ยวผมจะปูที่นอน...”
ฉินฟางนับได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษ ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจพาเธอกลับมาแต่ก็ไม่ทำตัวใจดำ ดังนั้นเขาจึงทำการปูที่นอนกับพื้นห้องพร้อมกับหยิบผ้าห่มจากเตียง จากนั้นก็ทำการเปลี่ยนผ้าปูเตียงใหม่ให้กับหญิงสาว ถึงแม้ว่ามันจะดูธรรมดาไปบ้าง แต่โชคดีที่ตอนนี้เป็นหน้าร้อนจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนจับไข้
การจัดสรรที่นอนในครั้งนี้ดีที่สุดเท่าที่ฉินฟางนึกออก เขาไม่อาจ...จัดให้ทั้งสองคนนอนบนเตียงเดียวกันได้หรอก ใช่มั้ยล่ะ?”
……………………………..