ตอนที่ 22 ชั่วมาก็ชั่วกลับ
ตอนที่ 22 ชั่วมาก็ชั่วกลับ
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
ในค่ำคืนที่สงบเงียบเช่นนี้ เสียง *เพี๊ยะ* ที่มาจากการตบนั้นดังชัดเจนมาก น่าเสียดายที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ เพื่อมาเป็นพยานกับฉากเหตุการณ์นี้
หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ร้องไห้ก็หยุดร้องและหันหน้ามายังทิศที่ฉินฟางอยู่ ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาแต่ยังคงงดงามของเธอนั้นเหมือนกับหยาดฝนบนดอกสาลี่ที่เบ่งบาน ซึ่งทำให้หัวใจของฉินฟางรู้สึกเจ็บปวด
ฉินฟางรู้ว่าหญิงสาวคนนี้สวยมาก แต่ไม่คาดคิดว่าสีหน้าที่ดูน่าเวทนาของเธอจะมีพลังโจมตีมากกว่าความงามของเธอหลายเท่านัก เธองดงามมากจนเกือบจะน็อคฉินฟางผู้ซึ่งยังบริสุทธิ์อยู่ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกลูกสมุนของมันจะไม่ทันเห็น แต่ฉินฟางก็พบว่าเหลาซูเฉียงได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว
แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร และยังคงมองเจ้าลูกสมุนตบหน้าของเหลาซูเฉียงต่อไป จนหน้าของมันเหมือนกับหัวหมูยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก เพียงแต่เมื่อเลือดเริ่มที่จะไหลออกมาเขาจึงพูดอะไรบางอย่าง
“เอาละ แกพอได้แล้ว”
เมื่อเจ้าลูกสมุนได้ยินประโยคนี้ มันก็รู้สึกราวกับว่าได้ยินเสียงจากสวรรค์ ไม่สนใจแม้กระทั่งสายตาปองร้ายของเหลาซูเฉียงซึ่งมุ่งตรงมายังมัน และหลบออกไปยืนอยู่ด้านข้างเพื่อเริ่มหอบหายใจ มันหมดเรี่ยวแรงไปแล้วหลังจากต่อสู้กับฉินฟาง และเพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกตี มันก็ใช้แรงทั้งหมดตบตีเหลาซูเฉียงอย่างจริงจัง จนในตอนนี้มันไม่เหลือแม้กระทั่งกำลังจะขยับตัว
“เหลาเกอ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะได้พบกันอีกครั้งเร็วขนาดนี้...”
ฉินฟางพูดขณะใช้มีดที่เปื้อนเลือดลูบไล้ซอกคอของเหลาซูเฉียงเบาๆ ความรู้สึกที่เย็นปานน้ำแข็งของมีดซึ่งอยู่เหนือผิวหนังทำให้ตัวของมันสั่นและไม่กล้าที่จะตื่นเต้นอะไรมาก เป็นไปได้ว่ามันอาจกลัวว่าจะตายถ้ามีดนั่นเปิดรูหายใจใหม่บนคอของมัน
น้ำเสียงที่ฉินฟางใช้กับเหลาซูเฉียงนั้นสงบนิ่งมาก ทำให้บทสนทนานี้ดูราวกับเพื่อนเก่าสองคนได้มาพูดคุยกัน ไม่ใช่ผู้ชนะกับนักโทษที่เรียกร้องขอความเมตตา
“พี่... พี่ชาย... ไม่ใช่สิ พี่ใหญ่! ได้โปรดใจกว้างปล่อยผู้น้อยไปเถอะครับ!”
สำหรับเหลาซูเฉียงที่ข่มเหงคนอ่อนแอและก้มหัวต่อผู้ที่แข็งแรงกว่านั้น สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้ามันในเวลานี้ชัดเจนมาก มันกับลูกสมุนทั้งสองร่วมมือกันยังไม่สามารถทำอะไรฉินฟางได้ และผลลัพธ์ที่ได้คือลูกสมุนคนหนึ่งถูกตีเกือบตาย ส่วนอีกคนหนึ่งก็เหน็ดเหนื่อยจนไม่สามารถขยับตัวได้ และคนสุดท้ายก็คือมันที่กลัวจนเกือบจะฉี่รดกางเกงแล้ว
“ปล่อยแกไปงั้นเหรอ?”
ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา พวกอันธพาลกลุ่มเล็กๆ ล้วนเป็นเช่นนี้ เมื่อพวกมันได้เปรียบก็จะจองหองและกดขี่ข่มเหง ไม่รีรอที่จะทำให้ชีวิตของคนอื่นเหมือนตกอยู่ในนรก แต่เมื่อพวกมันเสียเปรียบก็จะขี้ขลาดยิ่งกว่า และไม่รั้งรอที่จะเลียเท้าของคุณ
ฉินฟางชี้ไปที่แผลซึ่งอยู่ตรงเอว เลือดนั้นได้หยุดไหลไปแล้ว แต่รอยแผลยังคงอยู่ มันมีความยาวประมาณครึ่งนิ้วและเด่นมาก
“ถ้าผมปล่อยแกไป แล้วที่ผมโดนแทงล่ะ?”
พอพูดถึงตอนที่ถูกเสียบด้วยมีดก่อนหน้านี้ ฉินฟางก็รู้สึกกลัวจริงๆ เขากลัวว่าจะตายไปแบบนั้น ไม่คาดคิดว่าถึงแม้จะเจ็บปวดแต่มีดไม่ได้โดนจุดสำคัญ เสียเลือดอย่างรุนแรงแต่ก็ไม่ได้ถึงจุดที่จะทำให้เขาตาย ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ช่วยให้เขารักษาชีวิตไว้ได้แม้จะโดนแทง
แต่โดยรวมแล้วมันก็คือประสบการณ์เฉียดตาย ฉินฟางรู้สึกว่าเขาเพิ่งจะเดินผ่านประตูยมโลก แผ่นหลังของเขาเย็นเฉียบเนื่องจากความกลัวมากเกินไป นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาจะไม่ปล่อยเหลาซูเฉียงไปง่ายๆ
“ข้าจะจ่าย ข้าจะจ่ายค่ารักษาให้ โอเคไหม?”
เหลาซูเฉียงมองไปที่บาดแผล และก็รู้สึกขนลุกด้วยเช่นกัน
มันต่อสู้บ่อยๆ เลยได้เห็นคนที่ถูกแทงมาก่อนด้วยเช่นกัน บาดแผลรุนแรงที่ฉินฟางได้รับมานั้นมันเคยเห็นมาก่อนครั้งสองครั้ง แต่คนที่โดนแทงแล้วไม่กรีดร้องและไม่ร่ำร้องไปโรงพยาบาลหลังโดนแทงเนี่ยนะ? ไม่เพียงเลือดของฉินฟางจะหยุดไหล แต่บาดแผลก็...
ฟังจากที่ฉินฟางพูด เหลาซูเฉียงรู้ว่าถ้ามันไม่เสียอะไรบางอย่างที่นี่ มันก็จะไม่ได้จากไป โชคดีที่มันรีดไถเงินหนึ่งหมื่นกว่าหยวนมาจากคนอ้วนเฉิน ดังนั้นมันจึงนำห่อเงินนั่นออกมาจากประเป๋าอีกครั้ง
“พี่ใหญ่ เงินนี่ถือว่าเป็นของขวัญให้กับคุณ...”
ท่าทีของเหลาซูเฉียงในเวลานี้ เป็นเพราะมันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ และก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงใช้เงินเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ใบหน้าของมันก็พยายามทำให้ดูน่าเวทนาและเกรงกลัว หวังว่าจะช่วยให้ฉินฟางยุติเรื่องนี้
จากการคาดคะเนของมัน ฉินฟางเป็นแค่เจ้าของร้านแผงลอย ต่อให้ยอดขายดี มันก็ไม่อาจสร้างผลกำไรหนึ่งหมื่นกว่าหยวนได้ภายในหนึ่งเดือน มันโยนเงินพวกนี้ให้กับฉินฟาง ปรารถนาว่ามันจะทำให้ฉินฟางสับสนเพราะความตื่นเต้นดีใจและปล่อยมันไป
“ในเมื่อเป็นของขวัญจากเหลาเกอแล้ว ผมก็ไม่เกรงใจล่ะนะ...”
ดวงตาของฉินฟางส่องประกายผิดปกติ จากนั้นใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มที่น่าพิศวงฉาบไว้ เมื่อเขาหยิบเงินหนึ่งหมื่นกว่าหยวนมาจากมือของเหลาซูเฉียง ก็กล่าวขอบคุณมันไปด้วยเช่นกัน
“นาย...”
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของฉินฟางดูต่างออกไปในสายตาของเสี่ยวซู หญิงสาวอ้าปากต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ขณะที่กำลังจะพูดออกไปเธอก็กล้ำกลืนมันเอาไว้
เงินนั่นเป็นของลุงที่เธอนำมาส่งด้วยตัวเอง พวกอันธพาลให้เงินนี้กับฉินฟางเหมือนกับการยืมดอกไม้มาถวายพระ (เป็นการเอาของผู้อื่นมาแสดงน้ำใจ) เธอจึงไม่อาจจะยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้
แต่เมื่อเธอหวนนึกถึงความเลือดเย็นของคนอ้วนเฉิน และความจริงที่ฉินฟางช่วยชีวิตเธอ ปกป้องความบริสุทธิ์ของเธอ กระทั่งโดนแทงก็เพราะเธอ ภายในใจของหญิงสาวก็หยุดความปรารถนาที่จะพูดในทันที เธอคิดว่าเงินพวกนี้สมควรที่จะเป็นของฉินฟางแล้ว
“รับมันและรีบกลับไปได้แล้ว”
อย่างไรก็ตามขณะที่หญิงสาวยังคิดว่าทำไมฉินฟางสมควรได้รับเงินพวกนี้ ฉินฟางก็โยนห่อใส่เงินไปให้เสี่ยวซู พร้อมกับพูดออกมาหนึ่งประโยค เพื่อไล่ให้เธอไปไกลๆ
“นายให้มันกับฉันงั้นเหรอ?”
หญิงสาวอึ้งไปในทันที และถูกทำให้สับสนโดยการกระทำที่แปลกและไม่คาดคิดของฉินฟาง
แต่ฉินฟางก็ไม่ได้เสียเวลามาสนใจเธอ เพราะเขาได้หันไปเผชิญหน้ากับเหลาซูเฉียงแล้ว
“ผมได้รับของขวัญอย่างดีจากแก แต่ตอนนี้เราควรคุยเกี่ยวกับจำนวนเงินค่ารักษาที่แกจะจ่ายให้กับผม...”
“เพี๊ยะ!”
เหลาซูเฉียงกำลังชมเชยตัวเองว่าตัดสินใจได้ดี แต่ไม่คาดว่าฉินฟางจะฟาดหลังมือใส่ทั้งที่มันยังดีใจได้ไม่ถึงนาที ถ้าตอนนี้มันสามารถกระอักเลือดออกมาได้ แน่นอนว่ามันก็คงกระอักใส่ทั่วทั้งใบหน้าของฉินฟางไปแล้ว
“พะ... พี่ใหญ่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นนะ!”
ใบหน้าที่บวมปูดของเหลาซูเฉียงขมวดเข้าหากัน ทำให้มันดูหยาบกระด้างมากยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็ก็พยายามใช้สีหน้าที่น่าสงสารและเวทนามองไปยังฉินฟาง
“ล้อเล่นงั้นเหรอ? ผมไม่เคยล้อเล่นกับใครมาก่อน... แกพูดมาเองว่าเงินเมื่อสักครู่นี้เป็นของขวัญสำหรับผม ซึ่งผมก็ยอมรับไว้เพราะเห็นแก่หน้าแก แต่ผมไม่ควรโดนแทงโดยไม่ได้อะไรเลย ถูกมั้ย? ค่ารักษาจึงควรต้องจ่าย... แต่ถ้าแกไม่จ่าย ผมก็ไม่รังเกียจที่จะจ้วงแทงสักแผล พวกเราจะได้เสมอภาคกัน”
ขณะที่เขาพูดประโยคเหล่านี้ออกมาช้าๆ ใบหน้าของฉินฟางก็มีรอยยิ้มที่ดูนุ่มนวลเป็นอย่างมาก เขายังใช้มีดที่เปื้อนเลือดเขี่ยเสื้อของเหลาซูเฉียงขึ้น เลื่อนมีดไปตามเอวของเหลาซูเฉียง และตรวจสอบเอวของเหลาซูเฉียงด้วยตัวเองเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ก็พูดพึมพำออกมาเบาๆ ว่า “ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นตรงนี้...”
“อย่า อย่า! ข้าจะจ่าย ข้าจะจ่าย โอเคไหม?!”
มีดที่เยียบเย็นเหมือนเช่นเคย ประกอบกับเลือดที่ยังไม่ทันแห้งดีบนเอวของเหลาซูเฉียง ทำให้เหลาซูเฉียงตกใจกลัวสุดขีดเมื่อได้เห็น จนลืมเลือนความไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะจ่ายค่ารักษาโดยสิ้นเชิง ขณะที่มันพยายามหลบหลีกสุดชีวิต เหลาซูเฉียงก็ได้พูดตกลงว่าจะจ่ายด้วยเช่นกัน
“ชั่วมาก็ชั่วกลับ… อ๊า! เขาไม่น่าจะใช่คนเลวหรอก ใช่มั้ย?”
ไม่ไกลออกไป หญิงสาวที่ยังคงอึ้งอยู่จากเงินที่ได้รับ เธอมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างด้วยตาของตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดที่ว่า ‘ชั่วมาก็ชั่วกลับ’ แต่ทันใดนั้นเธอก็ฉุกคิดได้ว่าคำพูดนี้ไม่เข้ากับเรื่องราว และรู้สึกเสียใจในทันที ใบหน้าที่สะสวยของเธอจึงแดงขึ้นและขับเน้นความงามให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
……………………………..