ตอนที่ 21 ถ้าปลุกไม่ตื่นก็ซ้อมมันซะ
ตอนที่ 21 ถ้าปลุกไม่ตื่นก็ซ้อมมันซะ
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
ด้วยความช่วยเหลือของเกี๊ยวซ่าเหล่านั้น ค่า HP ของฉินฟางเลยทรงตัวอยู่ในระดับที่ปลอดภัยอย่างมั่นคง นอกจากนี้แล้วเกี๊ยวซ่าทุกชิ้นก็จะให้คุณสมบัติ ‘ความสามารถทางกายภาพเพิ่มขึ้น 7%’ จึงทำให้ฉินฟางฟื้นฟูกำลังที่เสียไปจากการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าเจ้าลูกสมุนทั้งสองนั่นจะฝ่ายเริ่มจู่โจมก่อนตลอด แต่ปัญหาคือหลังจากทำการโจมตีฉินฟางมาเป็นเวลานานเช่นนี้ พวกมันก็เลยหมดเรี่ยวแรง อีกด้านหนึ่งฉินฟางกลับกระโดดโลดเต้นได้หลังจากกินเกี๊ยวซ่าพวกนั้นเข้าไป
“หยะ... หยุดก่อน!”
สุดท้ายแล้วเจ้าลูกสมุนทั้งสองนั่นก็หมดเรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้แทบจะไม่สามารถหายใจได้ แต่ฉินฟางกลับเปี่ยมไปด้วยพลัง พวกมันรู้ว่าไม่อาจต่อกรกับฉินฟางได้แล้วหลังจากเห็นความแตกต่างของสภาพร่างกาย ดังนั้นในขณะที่เอามือป้องศีรษะของพวกมันไว้ก็ร้องบอกให้เขาหยุด
“หยุดก่อนงั้นเหรอ?”
ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา
“พวกแกกำลังทำอะไร ขอร้องให้ผมหยุดเพียงเท่านี้น่ะเหรอ? ไม่ใช่ว่าพวกแกกำลังสนุกในการอัดผมเมื่อสักครู่นี้หรือไง?”
ขณะที่ฉินฟางกำลังพูดเยาะเย้ยพวกมัน เขาก็ไม่ได้ลดความแรงที่ใช้ในการซ้อมพวกมันเลย การทุบตีทั้งหมดของเขาถูกตัวของพวกมันรองรับไว้ และลูกเตะของเขาก็ทำให้พวกมันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
*ผัวะ* *ผัวะ* *ผัวะ*
ทิศทางของการต่อสู้เปลี่ยนไปในทันที จากเดิมที่พวกมันรุมล้อมทุบตีฉินฟาง แต่ในตอนนี้เป็นฉินฟางที่ไล่อัดพวกมัน
ถ้านี่เป็นสถานการณ์ปกติ ต่อให้พวกมันไม่สามารถเอาชนะฉินฟาง ก็ยังสามารถที่จะหลบหนีได้ การหลบหนีเป็นทักษะสำคัญที่สุดของพวกอันธพาล แต่ปัญหาก็คือเมื่อสักครู่นี้พวกมันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดไปกับรุมอัดฉินฟาง ทำให้ในตอนนี้ต้องการที่จะหลีบหนี พวกมันก็ไม่มีกำลังที่จะทำอย่างนั้นอีกต่อไป ทางเลือกเดียวที่เหลือให้กับพวกมันในเวลานี้คือการใช้ลูกเล่นพื้นฐานมากที่สุด การแยกย้ายกันหลบหนี
เนื่องจากสภาพร่างกายของฉินฟางค่อนข้างสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าแผนการที่พวกมันคิดขึ้นมาจะดีมาก แต่จริงๆ แล้วพวกมันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้อีกต่อไป สิ่งแรกที่ฉินฟางทำคือไล่ตามหนึ่งในพวกมันไปพร้อมกับอัดจนน่วม จากนั้นก็พามันกลับมายังจุดที่ทำการต่อสู้เดิมเหมือนกับเด็กเลี้ยงแกะที่กำลังต้อนแกะ
ฉินฟางให้แท่งไม้หนึ่งท่อนกับเสี่ยวซูที่ปากอ้าตาค้างอย่างสมบูรณ์ และมอบหมายให้เธอคอยเฝ้าเจ้าลูกสมุนนี่ไว้ เขาบอกเธออย่างชัดเจนว่าถ้ามันกล้าที่จะเคลื่อนไหว ก็ให้หวดได้อย่างเต็มที่
ตอนแรกเจ้าลูกสมุนต้องการที่จะลองดีกับเสี่ยวซูที่มันคิดว่าเป็นหญิงสาวอ่อนแอและไม่กล้าทุบตีผู้คน แต่มันไม่คาดคิดว่าเสี่ยวซูนั้นจะไม่ยั้งมือเลย บางทีอาจเป็นเพราะความตื่นตระหนกจากความจริงที่ว่าเธอเกือบจะถูกข่มขืน ทำให้เมื่อเจ้าลูกสมุนแสดงให้เห็นถึงการขยับตัว ก็ถูกหวดเข้าไปยังศีรษะและเจ็บปวดจนต้องร่ำร้องหาบิดามารดาของมัน ซึ่งหลังจากโดนไปอย่างนั้นแล้วมันก็ไม่กล้าที่จะลองดีอีกเลย และเน้นการปกป้องตัวมัน
สำหรับฉินฟางเป็นธรรมดาที่เขาจะใช้วิธีการเดิมเมื่อสักครู่นี้ ในการไล่ตามเจ้าลูกสมุนคนสุดท้ายที่คิดว่าตัวมันหนีรอดปลอดภัยแล้ว แต่ไม่คาดว่าจะถูกฉินฟางขวางทางก่อนที่จะไปถึงถนนทางออก แน่นอนว่ามันไม่รอดจากการโดนอัดอย่างหนัก และลูกแกะตัวที่สองก็ถูกเด็กเลี้ยงแกะต้อนกลับไปที่เดิม
เมื่อฉินฟางกลับมา เขาเห็นฉากที่เสี่ยวซูทำการทุบตีเจ้าลูกสมุนคนแรก และขณะที่ทำการฟาดมันนั้นเธอก็หลับตา เธอหวดมันจนถึงจุดที่ครึ่งเป็นครึ่งตาย
“เอาล่ะ พอได้แล้ว! เธอกำลังจะฟาดมันจนตาย!”
ฉินฟางรีบเข้าไปหยุดเสี่ยวซูไว้ ถ้าเธอยังคงฟาดต่อไปแล้ว เจ้าลูกสมุนคนแรกก็จะตายจริงๆ ฉินฟางกับเสี่ยวซูคงจะได้เข้าไปกินข้าวแดงในคุกถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้น
“ตาย? อ๊า!”
หญิงสาวที่เรียกว่าเสี่ยวซูไม่ทันได้ตอบสนองในคราวแรก แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตาย’ จากปาดฉินฟาง เธอก็ตื่นตระหนกในทันที พร้อมกับร้องอุทานและโยนไม้ในมือของเธอทิ้ง ราวกับว่ามันเป็นอาวุธฆาตกรรม
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ…”
พอเห็นหญิงสาวอยู่ในอาการหวาดกลัว ฉินฟางก็รีบคว้าตัวเธอที่กำลังสั่นไว้เบาๆ และปลอบโยนอย่างนุ่มนวล
บางทีคำพูดของฉินฟางอาจจะมีผลจริงๆ เพราะหญิงสาวนั้นสงบลงหลังจากฉินฟางทำการปลอบโยน ในเวลานี้เธอกำลังนั่งยองกับพื้นพร้อมกับกอดเข่าตัวเองไว้และร้องไห้ นี่แสดงให้เห็นว่าเธอนั้นหวาดกลัวขนาดไหน
แต่ฉินฟางก็ไม่ได้พูดปลอบอะไรอีก สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือความสงบและเวลาสำหรับตัวเธอเอง
“ไปตรงนั้น...”
ฉินฟางเตะเจ้าลูกสมุนคนที่สองซึ่งสภาพร่างกายค่อนข้างดีกว่า
“… และปลุกมันซะ!”
ฉินฟางสั่งพร้อมกับจ้องมองไปยังเหลาซูเฉียง
หลังจากได้ยินที่ฉินฟางสั่ง เพื่อช่วยชีวิตตัวมันเองจากการถูกทุบตีอีกรอบ เจ้าลูกสมุนคนที่สองไม่กล้าเล่นตลกอะไร มันวิ่งไปอยู่ข้างเหลาซูเฉียงในทันที พร้อมกับแตะไปที่หน้าเบาๆ และร้องเรียก ‘ลูกพี่ ลูกพี่’ เพื่อพยายามปลุกเหลาซูเฉียงให้ตื่น
แต่เหลาซูเฉียงยังคงไม่เคลื่อนไหว ซึ่งนี่ทำให้เจ้าลูกสมุนคนที่สองตกใจกลัว ถ้าไม่เป็นเพราะความจริงที่ว่าหน้าอกของเหลาซูเฉียงมีการขยับขึ้นลงอยู่ มันอาจคิดว่าเหลาซูเฉียงถูกเตะจนตายไปแล้ว
*ผัวะ!*
ฉินฟางหยิบเอาแท่งไม้ที่เสี่ยวซูเคยใช้มาหวดไปยังเจ้าลูกสมุนคนที่สองอย่างถนัดถนี่ หลังจากที่เห็นว่ามันไม่สามารถปลุกเหลาซูเฉียงให้ตื่นได้ ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะพูดขู่มันอย่างไร้ความปรานี
“แกไม่ได้กินข้าวมาหรือไง? ถ้าปลุกไม่ตื่นก็ซ้อมมันซะ! ไม่จำเป็นต้องสงสาร... ผมจะให้เวลาแกสองนาที ถ้าไม่สามารถซ้อมมันให้ตื่นได้ ผมก็จะอัดแกให้เข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝันแทน...”
วิธีของฉินฟางค่อนข้างจะเหี้ยมโหด ซึ่งนี่เป็นเพราะเขาเกลียดพวกมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหลาซูเฉียง มันไม่เพียงสร้างปัญหาที่ร้านของเขา แต่ยังกล้าคุกคามถังเฟยเฟยอีก
หลังจากที่ขับไล่พวกมันไปในครั้งที่แล้วอย่างยากลำบาก แต่พวกมันก็ยังกลับมาอีกครั้งเพื่อรีดไถเงินจากคนอ้วนเฉิน ถึงแม้ว่าฉินฟางจะชอบใจ ทว่าเขาก็ไม่ได้คิดว่าพวกมันจะเหลือขอจนถึงจุดที่ต้องการจะย่ำยีหญิงสาวอีกคนหนึ่งหลังจากลงมือพลาดไปกับถังเฟยเฟย ฉินฟางจึงไม่อาจทนกับพฤติกรรมของพวกมันได้อีกต่อไป
*เพี๊ยะ* *เพี๊ยะ*
“ลูกพี่ ลูกพี่! ตื่นเร็วเข้า!”
*เพี๊ยะ* *เพี๊ยะ*
“ลูกพี่ ลูกพี่! ตื่นเร็วเข้า!”
…
ดังนั้นฉากดังกล่าวจึงเกิดขึ้นซ้ำๆ ต่อหน้าฉินฟาง ในทีแรกเจ้าลูกสมุนคนที่สองเพียงแค่ใช้แรงมากกว่าเดิมเล็กน้อยแตะไปที่หน้าของเหลาซูเฉียง แต่เหลาซูเฉียงก็ยังคงนิ่งและนอนไม่เคลื่อนไหวอยู่กับพื้น
เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าทำให้ฉินฟางไม่พอใจและจ้องมองไปยังเจ้าลูกสมุนคนที่สอง สายตาที่จ้องมองมาของฉินฟางทำให้มันรู้สึกราวกับวิญญาณจะออกจากร่างด้วยความหวาดกลัว และนี่ทำให้การปลุกครั้งถัดไปของมันกลายเป็นรุนแรงมากขึ้น ซึ่งหลังจากความพยายามที่จะปลุกล้มเหลวอีกรอบ มันก็ลงมือหนักยิ่งขึ้นไปอีก จนตอนนี้มันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีตบเข้าไปยังหน้าของเหลาซูเฉียง และร้องเรียกเหลาซูเฉียงอย่างไม่หยุดหย่อน
ใบหน้าที่ซูบผอมราวกับหนูของเหลาซูเฉียงจึงกลายไปเป็นเหมือนกับหมูในเวลาไม่นาน แก้มทั้งสองของมันบวมและมีสีแดงสดใส อีกทั้งก็เริ่มที่จะมีเลือดไหลออกมาแล้ว
ต้องยอมรับว่าวิธีการปลุกคนที่ไม่รู้สึกตัวของฉินฟางนั้นได้ผลจริงๆ เพราะหลังจากผ่านการตบซ้ำๆ หลายครั้ง เหลาซูเฉียงก็ตื่นขึ้นมา ซึ่งบางทีอาจเป็นผลมาจากหน้าของมันได้รับความเจ็บปวดมากเกินไป
และในช่วงเวลาที่ลืมตามันก็พบว่ามีมือหนึ่งกำลังตบมาอย่างแรง มันพยายามจะหลบเลี่ยงตามสัญชาตญาณ แต่ใบหน้าที่บวมเป่งของมันก็ไม่ได้ช่วยในเรื่องนี้ เมื่อมันเอียงหัวไปเล็กน้อย แก้มของมันข้างหนึ่งก็สัมผัสกับหินก้อนเล็กบนพื้น จนเหลาซูเฉียงรู้สึกเจ็บปวดทรมานในทันที
“อย่า... อย่าตี... อย่าตีอีกเลย!”
เหลาซูเฉียงพยายามเค้นคำพูดดังกล่าวออกมา ใบหน้าของมันปวดแสบปวดร้อน และปากของมันก็บวม ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงส่งเสียงแหบแห้งจากลำคอ
แต่เสียงร้องวิงวอนนั้นเบามากๆ ซึ่งในระหว่างที่มันถูกตบก็มีเสียงดังลั่น จนเสียงร้องนั้นแทบจะไม่ทันได้สังเกต นอกจากนั้นเจ้าลูกสมุนคนที่สองก็มุ่งความสนใจไปยังฉินฟางตลอดเวลา ดังนั้นจึงพลาดที่สังเกตเห็นว่าลูกพี่ของพวกมันนั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว
……………………………..