ตอนที่ 193: ขึ้นฝั่ง (2)
อิซาเบลยกมือขวาขึ้นและหงายฝ่ามือ
"เยามุเซ......เทร่า......น้ำแข็งปีศาจ!" เธอร่ายคาถาเสียงเบา
มีน้ำวนสีน้ำเงินขนาดเล็กค่อยๆปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเธอ มีจุดแสงสีแดงกะพริบอยู่ตรงกลางของน้ำวน
เธอคว้าผงสีแดงจากถุงกระเป๋าข้างเข็มขัดของเธอและโรยลงบนน้ำวน
ชี่
หลังจากที่ผงเทลงไปในน้ำวนการไหลเวียนของอากาศก็เปลี่ยนไปและผงก็กลายเป็นคริสตัลสามเหลี่ยมขนาดเล็กสามก้อน
คริสตัลสามก้อนก่อตัวเป็นวงกลมเหนือฝ่ามือของเธอและเริ่มหมุน
อิซาเบลยกมือขึ้นและโยนคริสตัลสีแดงสามก้อนที่กำลังหมุนไปทางแองเจเล่
แองเจเล่ยกแขนขึ้น ภายในไม่กี่วินาทีธนูเงินยาวสองเมตรก็อยู่ในมือของเขา ดึงสายธนูอย่างระมัดระวังและมันก็มีลูกธนูสีดำที่ทำจากอนุภาคพลังงานเชิงลบปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
คริสตัลสีแดงสามก้อนรีบบินไปที่ปลายลูกธนูและหมุนรอบมัน มันเกือบจะดูเหมือนว่าพวกมันติดอยู่กับพื้นผิวของปลาย เมื่อมีแสงจากคริสตัลที่ปลายลูกธนูทำให้ลูกธนูสีดำดูสง่างามและลึกลับ
แองเจเล่ยกธนูขึ้นและเล็งไปทางท้องฟ้า
ฟิ้ว
ลูกธนูพุ่งขึ้นไปในอากาศ
มีคลื่นสีน้ำเงินค่อยๆกระจายในอากาศขณะที่แองเจเล่ลดธนูลง
บนทะเลแม่มดมืดกรีดร้องและเริ่มวิ่งถอยหลังหลังจากที่ตระหนักได้ว่าเธอกำลังถูกโจมตี
ลูกธนูทะยานผ่านอากาศพุ่งไปทางผู้หญิงชุดคลุมดำ ทันใดนั้นลูกธนูก็เปลี่ยนเป็นภาพเงาเซนทอร์ขนาดมหึมา เซนทอร์คำรามและพุ่งไปทางผู้หญิงคนนั้น
เงาเซนทอร์สูงประมาณสองเมตร มันมีขนสีเทายาวและผิวสีขาว เขายาวทั้งสองบนศีรษะมีสีขาว ร่างกายส่วนบนเป็นผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่และส่วนล่างเป็นม้าที่แข็งแรง ในมือมีดาบปลายเปลวไฟข้างละเล่ม(ตัวใบดาบจะคดๆคล้ายๆงู ภาษาอังกฤษชื่อว่า:flamberge ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร ใครรู้ช่วยเม้นบอกด้วย) ดวงตาที่ควรมีถูกแทนด้วยเปลวไฟสีน้ำเงินทรงกลมขนาดเล็ก
"น้ำแข็ง...." เงาเซนทอร์ตะโกนในภาษาโบราณ
ตูมมม
เงาที่ทรงพลังกระแทกผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง
มีแสงสีขาวที่รุนแรงกะพริบในอากาศ แองเจเล่ไม่ได้เตรียมตัวไว้เขาจึงปิดตา จากนั้นเขาก็เห็นร่างกายซีกซ้ายของแม่มดมืดถูกแช่แข็ง ขณะที่ร่างกายซีกขวาของเธอจมอยู่ในเปลวไฟสีดำ มันเป็นฉากที่ดูน่ากลัวและแปลก
มีชั้นบาเรียเรืองแสงล้อมรอบร่างกายของผู้หญิงคนนั้น มีสีดำ สีแดงและสีเขียว มีบาเรียมากกว่าสิบชั้นพยายามป้องกันความเสียหาย
พื้นที่ที่ถูกแช่แข็งบนร่างกายของเธอเริ่มขยายตัวและในที่สุดก็หยุดเปลวไฟจากการเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นและคร่ำครวญ
แองเจเล่ที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าส่ายหัว "มันจบแล้ว" เขาพึมพำ
อิซาเบลเดินมาที่แองเจเล่และยิ้มกว้างให้เขา
"ทักษะการยิงธนูของเจ้าน่าประทับใจจริงๆและลูกธนูพลังงานนั้นทรงพลังมาก ด้วยความช่วยเหลือของคาถาบัพน้ำแข็งของข้ามันสามารถทำลายบาเรียของเธอสองชั้นได้อย่างง่ายดาย....." อิซาเบลจ้องที่แม่มดมืดและพูดออกมา
"คลื่นพลังจิตของเธอเต็มไปด้วยความชั่วร้าย เราเตือนเธอแล้วแต่ดูเหมือนว่าเธอกลัวพ่อมดเมอร์โฟล์คเหล่านั้นมากกว่าเรา" แองเจเล่พยักหน้า "อิซาเบล คาถาที่เจ้าร่ายเรียกว่าน้ำแข็งปีศาจใช่ไหม ข้าตกใจที่ผู้หญิงคนนี้มีชั้นบาเรียมากมายเช่นนั้น"
"ใช่ มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง" อิซาเบลตอบเสียงเบา "ผู้หญิงคนนั้นมีอุปกรณ์เวทมนต์ระดับต่ำมากมายและพยายามที่จะเปิดใช้งานพวกมันทั้งหมดเพื่อช่วยตัวเธอป้องกันลูกธนูแต่มันสูญเปล่า"
"มีชั้นบาเรียสิบห้าชั้นจากอุปกรณ์เวทมนต์ อย่างไรก็ตามพวกมันอ่อนแอเกินไป...." แองเจเล่ขบริมฝีปาก "เธอกำลังเผาผลาญพลังงานเชิงลบที่เก็บไว้ในร่างกายของเธอเพื่อต่อต้านความเสียหายน้ำแข็ง ข้าเดาว่าครั้งนี้เธอสามารถรอดไปได้.....พลังงานเชิงลบแห่งความตายนั้นแข็งแกร่งแต่มันก็มีผลข้างเคียงที่รุนแรง" แองเจเล่นึกถึงวิธีที่เขาใช้อนุภาคพลังงานแห่งความตายไม่นานมานี้ แม้ว่าเขาจะควบคุมปริมาณและเวลาแต่อวัยวะบางส่วนของเขาก็ยังได้รับความเสียหายอย่างถาวร
มันดูเหมือนผู้หญิงคนนี้มีอนุภาคพลังงานเชิงลบจำนวนมากเก็บไว้ในร่างกายของเธอ
ผู้หญิงคนนั้นที่บนทะเลกำลังดิ้นรน เธอหันกลับไปและพุ่งไปทางพ่อมดเมอร์โฟล์ค
น้ำภายใต้ฝ่าเท้าของเธอถูกแช่แข็งขณะที่เธอไปข้างหน้า
พ่อมดเมอร์คโฟล์คมีสีหน้าเคร่งเครียด หัวหน้าชรามองไปที่เรือและตะโกนในภาษาที่แองเจเล่ไม่เข้าใจ เขาไม่แน่ใจว่าพ่อมดชรากำลังพูดกับเขาหรือผู้หญิงคนนั้น
แม่มดมืดไม่สนใจ ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวเนื่องจากความเจ็บปวดที่รุนแรงจากร่างกายของเธอ
ตูมมม
ผู้หญิงคนนั้นระเบิดขณะที่เธอเข้าไปใกล้พ่อมดเมอร์โฟล์คมากขึ้น
ร่างกายของเธอแตกเป็นเสี่ยงเหมือนเศษน้ำแข็งกระเด็นไปทุกหนทุกแห่ง
เศษน้ำแข็งหายไปในอากาศและกลายเป็นหมอกเลือดสีเข้มท่ามกลางสายตาของแองเจเล่ หมอกล้อมรอบพื้นที่ใกล้ๆพ่อมดเมอร์โฟล์ค พวกเขาไม่ได้คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะหันกลับมาก่อนที่เธอจะตาย
"ข้าว่าแล้ว" แองเจเล่ยิ้มเยาะและเฝ้าดูพ่อมดเมอร์โฟล์คติดอยู่ในหมอก "ผู้หญิงคนนั้นมีอุปกรณ์เวทมนต์ปีศาจอยู่และกระตุ้นมันก่อนที่เธอจะตาย"
ร่างกายของพ่อมดเมอร์โฟล์คและสัตว์ขี่ที่เหมือนโลมาเริ่มหลอมละลายในหมอกเลือด พวกเขากลายเป็นของเหลวสีแดงเข้มภายในไม่กี่วินาที
หลังจากที่หมอกเลือดถูกสายลมพัดไปอย่างรวดเร็วสิ่งเดียวที่แองเจเล่มองเห็นก็คือน้ำสีแดงที่ผสมกับน้ำสีน้ำเงิน
อิซาเบลหันมาหาแองเจเล่และจ้องเขา
"เรากำลังเข้าใกล้จุดหมายปลายทางของเรา แผนการของเจ้าคืออะไร เจ้ายังต้องการเข้าร่วมหอคอยหกวงแหวนอยู่ไหม"
เธอเริ่มถามเกี่ยวกับแผนในอนาคตของแองเจเล่หลังจากที่ขจัดภัยคุกคาม มันดูเหมือนอิซาเบลไม่สนใจเบื้องหลังของสิ่งที่เกิดขึ้น
"ใช่ นั่นคือทางเลือกเดียวของข้าตอนนี้ ข้าจะต้องหาของที่ข้าต้องการ" แองเจเล่พยักหน้า "หอคอยหกวงแหวนเป็นทางออกที่ดีที่สุดของข้า แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องพักผ่อนสักหน่อย"
บทสนทนาจบลงแค่นี้
ตอนนี้เรือกำลังเข้าใกล้ท่าเรือ อย่างไรก็ตามคนบนเรือยังตกใจ วิธีที่แองเจเล่และอิซาเบลจัดการแม่มดมืดทำให้พวกเขาตกใจ แม้แต่พ่อมดฝึกหัดขั้นที่สามก็อิจฉาพลังของพ่อมดทางการทั้งสอง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็กลัวว่าจะจัดการเรื่องแบบนี้อย่างไร ลูกเรือออกห่างจากทั้งสองเพราะพวกเขาไม่อยากทำให้ทั้งสองขุ่นเคือง
เรืออยู่ในความเงียบ ตอนนี้กำลังเตรียมตัวเทียบท่า สิบนาทีต่อมาความเร็วในการแล่นเรือก็เริ่มลดลง
แองเจเล่เห็นคนยืนอยู่ข้างฝั่ง ข้างหน้าของฝูงชนมีพ่อมดแสงหลายคนยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขากำลังมองมาที่เรือที่กำลังจะถึง ด้านหลังของพวกเขามีทหารที่มีชุดเกราะเต็มตัวอยู่
"พวกเขาเป็นสมาชิกในตระกูลของข้า" อิซาเบลไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
แองเจเล่พยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบ
อิซาเบลส่งข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์ให้กับแม่ของเธอแล้วขณะที่พวกเขาเข้าไปใกล้และพ่อมดของตระกูลถูกส่งมาที่ท่าเรือเพื่อต้อนรับการกลับมาของอิซาเบล
พ่อมดมีวิธีลับของตัวเองในการส่งข้อความไปหาผู้อื่นโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
เรือค่อยๆเทียบท่าที่ฝั่ง อิซาเบลก้าวไปข้างหน้าและรอลูกเรือพาดบันได
เธอหันกลับมาและมองที่แองเจเล่
"ติดต่อข้าด้วยตรา" เธอส่งข้อความโดยใช้อนุภาคพลังงานและลงบันได้อย่างระมัดระวัง
แกรนด์อัศวินสองคนโค้งให้แองเจเล่และตามอิซาเบลไป
แองเจเล่เดินไปที่ราวและมองลงไป
อิซาเบลพูดกับพ่อมดแสงเสียงเบา
"ลุงเดรอน ทำไมลุงถึงมาที่นี่ แม่ของข้าส่งลุงมางั้นหรือ"
พ่อมดแสงวัยกลางคนจมูกโตเหลือบมองที่แองเจเล่ขณะที่ขมวดคิ้ว
"ท่านอิซาเบล แม่ของท่านไม่พอใจกับสิ่งที่ท่านทำในครั้งนี้......ท่านขึ้นเรือและไปที่ซากปรักหักพังโดยไม่ได้รับอนุญาต" (อาจจะเปลี่ยนสรรพนามในภายหลัง)
"ข้าจะอธิบายกับแม่เองไม่ต้องห่วง" อิซาเบลตอบด้วยเสียงที่ไร้อารมณ์ "กลับไปที่ปราสาทกันก่อนเถอะ"
"ครับ" เดรอนพยักหน้า "บนดาดฟ้านั่นคือพ่อมดกรีนใช่หรือไม่ ทำไมท่านทั้งสองถึงมาด้วยกัน ท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ในข้อความ"
เดรอนอาจจะเห็นอิซาเบลพูดกับแองเจเล่ก่อนหน้านี้
"เขาเป็นเพื่อนคนแรกที่ข้ามี ข้าไม่คิดว่าข้าจะต้องรายงานทุกอย่างให้กับลุง" อิซาเบลจ้องไปที่เดรอน
เดรอนขบริมฝีปากและกำลังจะพูดอะไรอีก แต่อิซาเบลหันกลับไปและเดินตรงไปยังรถม้าที่จอดอยู่ข้างถนน
เขามองไปที่แองเจเล่อีกครั้งและหรี่ตา
มันเป็นเรื่องยากสำหรับพ่อมดที่จะไปถึงขั้นต่อไปเนื่องจากโอกาสล้มเหลวสูง เขารู้ว่าพ่อมดเหมือนแองเจเล่ทุกคนมีปัญหาในการไปสู่ขั้นต่อไป
พ่อมดส่วนใหญ่จากพื้นที่อื่นจะหยุดก้าวหน้าหลังจากที่ถึงขั้นแก๊สและถ้าปราศจากการสนับสนุนขององค์กรใหญ่ก็แทบจะไม่สามารถเข้าสู่ขั้นของเหลวได้
พ่อมดมีอายุขัยที่ยาวนานแต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ตายจากการพยายามก้าวไปสู่ขั้นต่อไป ทรัพยากรที่สำคัญยากที่จะพบ
อย่างไรก็ตาม สำหรับพ่อมดที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ในโนล่าการก้าวหน้าทำได้ง่ายกว่า มีทรัพยากรที่หาได้ยากมากมายสำหรับพวกขาที่จะซื้อและตระกูลจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะสนับสนุนผู้สืบทอด
เดรอนสันนิษฐานว่าพ่อมดที่ชื่อกรีนอาจจะอยู่ขั้นแก๊สมามากกว่าหนึ่งร้อยปีและโอกาสที่เขาจะก้าวหน้านั้นต่ำ อิซาเบลต้องการเวลาอีกประมาณสิบปีเท่านั้นในการไปถึงขั้นต่อไปและกลายเป็นพ่อมดขั้นคริสตัล หลังจากที่ถึงขั้นคริสตัลมันก็มีโอกาสที่เธอจะพยายามก้าวไปสู่ระดับต่อไป พ่อมดระดับสองหาได้ยากมากในปัจจุบัน
เดรอนส่ายหัว ช่องว่างระหว่างกรีนและอิซาเบลนั้นใหญ่มาก มันจะยิ่งใหญ่ขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หลังจากที่อิซาเบลถึงขั้นต่อไปเธอก็จะใช้เวลาเป็นร้อยปีในการทดลองและค้นคว้า แต่เมื่อถึงเวลานั้นแองเจเล่ก็อาจจะล่วงลับไปแล้ว
เขารู้ว่าอิซาเบลถูกพ่อมดกรีนดึงดูด น่าเศร้าที่มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะกลายเป็นเพื่อนสนิท อิซาเบลจะต้องสืบทอดตระกูลหลังจากที่ไปถึงระดับต่อไป