ตอนที่ 13 ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง
ตอนที่ 13 ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
“เรื่องนี้... ผมก็ยังหิวอยู่จริงๆ นั่นแหละ...”
ฉินฟางกระดากอายมาก เพราะกระเพาะของเขายังรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้กินอะไรมาก่อนเลย
“นาย... ความอยากอาหารของนายช่างน่าขันจริงๆ หรือว่าไม่ใช่ล่ะ? ไปทำมาอีกชามเลย เร็วเข้า!”
ถังเฟยเฟยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ราเม็งสองชามใหญ่ลงไปอยู่ในกระเพาะของเขาแล้ว แต่นายคนนี้พูดว่ายังกินไม่พอ ความอยากอาหารแบบไหนกันเนี่ย....
ไม่คำนึงถึงว่าเธอแปลกใจขนาดไหน แต่ฉินฟางที่ยังหิวอยู่ก็เป็นเรื่องจริง ดังนั้นเธอจึงกระตุ้นให้ฉินฟางไปทำบะหมี่มารับประทานให้มากขึ้น
ฉินฟางที่รู้สึกอายมากจริงๆ ก็รีบลุกขึ้นและตรงไปทำเส้นบะหมี่ ท่าทางในการเดินดูแข็งแรงมากขึ้นและสภาพร่างกายที่ไม่สบายก็หายไปโดยสิ้นเชิง ตัวของเขารู้สึกได้ถึงความสดชื่นและมีพลัง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังผิดแปลกไปก็คือ.... เขายังรู้สึกหิวอยู่
ค่าประสบการณ์ทักษะในการทำบะหมี่ของฉินฟางเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว และไม่ห่างจาก 100% ของขั้นเริ่มต้น เขาเชื่อว่าภายในสองสามวันความเชี่ยวชาญจะเพิ่มระดับขึ้นอย่างแน่นอน
จึงเป็นธรรมดาที่ความเร็วการทำบะหมี่และคุณภาพของเส้นบะหมี่ที่ได้ของเขาจะสูงขึ้น จนเมื่อเร็วๆ นี้ลูกค้าขาประจำในบางครั้งก็พูดในลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน และฉินฟางทำได้เพียงแต่ยิ้มรับเท่านั้น
ในไม่ช้าราเม็งสดใหม่ชามใหญ่ก็พร้อมทาน และคุณสมบัติก็เป็นเช่นเดียวกับชามก่อนหน้าไม่มีความแตกต่างใดๆ ฉินฟางในเวลานี้ค่า HP กลับมาเต็มโดยสมบูรณ์แล้วและความสามารถทางกายภาพก็อยู่จุดสูงสุดเช่นกัน
*ซร๊วบ*
หลังจากกินเข้าไปคำใหญ่ ฉินฟางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากระเพาะที่ว่างเปล่าของเขาก็ถูกเติมเต็มด้วยอาหารขึ้นมาเล็กน้อยในทันที
ฉินฟางรู้สึกประหลาดใจแต่ปากของเขาก็ยังไม่หยุดกินจนราเม็งชามใหญ่หมด ความรู้สึกแน่นในท้องค่อยๆ กลายเป็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“มันเป็นแบบนี้เองเหรอ...”
การค้นพบในครั้งนี้มาพร้อมกับความประหลาดใจของฉินฟาง ทำให้เขาเข้าใจได้ว่าทำไมหลังจากกินราเม็งเข้าไปสองชามแล้วยังไม่รู้สึกอิ่ม สัญชาตญาณบอกเขาว่าราเม็งสองชามใหญ่ที่กินไปก่อนหน้านั้นได้ถูกเปลี่ยนไปแทนที่ค่า HP ซึ่งเขาสูญไปจนกลับมาเต็มเปี่ยม
และในตอนนี้ที่เขากินหลังจากค่า HP เต็มไปแล้วก็จึงรู้สึกว่าได้เติมเต็มกระเพาะของเขาจริงๆ
“ฉินฟาง นายคิดว่าพวกเรายังตั้งร้านต่อไปได้อีกมั้ย?”
พอมองไปยังฉินฟางที่กำลังทานบะหมี่ ถังเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความรู้สึกกังวล ร้านแผงลอยแห่งนี้เป็นการร่วมทุนของพวกเขาสองคน และพูดได้ว่าเป็นร้านที่ได้จากเลือดและน้ำตาของพวกเขา จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับเงินที่หาได้มา แต่การหยุดขายเนื่องจากถูกก่อกวนเช่นนี้ก็ค่อนข้างน่าเสียดาย
“ขายต่อได้อยู่แล้ว ทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะ?” ฉินฟางพูดอย่างแน่วแน่
ร้านค้าแผงลอยแห่งนี้สำคัญที่สุดสำหรับฉินฟาง เขาวางแผนหาเงินค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันผ่านธุรกิจนี้ และยังต้องการให้เงินช่วยเหลือกับแม่ของเขาด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ยังมีเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่จะทำธุรกิจนี้ ฉินฟางไม่ได้วางแผนที่จะให้ธุรกิจของเขาล้มเพราะถูกอันธพาลสามคนก่อกวน เพราะถ้าเขาหยุดขายที่นี่แล้วไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปตามความต้องการของใครบางคนที่ซ่อนเร้นเจตนาที่มุ่งร้ายงั้นเหรอ?
ขณะที่คิดมาถึงตรงนี้ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะหันสายตาไปยังร้านแผงลอยของคนอ้วนเฉิน ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะคนอ้วนเฉินรู้สึกสำนึกเสียใจหรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นใด แต่เมื่อสายตาของเขาปะทะกับของฉินฟาง คนอ้วนเฉินก็รีบเบนสายตาไปในทันที แสงสีแดงที่เปล่งออกมาจากร่างกายยังไม่เลือนหายไปเลย
“ถังเฟยเฟย เธอรู้สึกไหมว่ามีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้?”
“แปลกเหรอ? มีอะไรที่แปลกงั้นเหรอ?”
ถังเฟยเฟยตกใจเมื่อถูกถามและถามกลับไปด้วยความงุนงง ในเวลาเดียวกันเธอก็ขมวดคิ้วและเริ่มคิดตามเช่นกัน เพราะเธอไม่ได้คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นผิดไปจากธรรมดา
“เธอไม่คิดว่าอันธพาลสามคนนั่นตั้งใจที่จะมาสร้างปัญหาที่นี่งั้นเหรอ?”
ฉินฟางเริ่มชี้นำความคิดของถังเฟยเฟยไปยังเหตุการณ์ขู่กรรโชกในทันที
“ฉันก็คิดอย่างนั้น แต่พวกมันแค่เล็งเป้าหมายมาที่พวกเราเพราะขายดีไม่ใช่ยังงั้นเหรอ?”
ถังเฟยเฟยพยักหน้าเห็นด้วย ใครๆ ก็คิดอย่างนั้นเช่นกันเพราะตอนที่ฟ่านเจี่ยเจียคุยกับเธอเมื่อครู่นี้ เธอก็ยังพูดถึงเกี่ยวกับการกระทำที่ชั่วร้ายของเหลาซูเฉียงกับพวกซึ่งเคยทำไว้ก่อนหน้านี้
“เธอก็เห็นว่าที่นี่มีร้านแผงลอยอย่างน้อย 10 ร้าน แต่ทำไมพวกมันถึงไม่ไปรีดไถคนอื่นและตั้งใจที่จะเลือกพวกเราด้วยล่ะ? มันเป็นเพราะว่าพวกเรายังเด็กและดูเหมือนกลั่นแกล้งได้ง่ายงั้นเหรอ?”
ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเยียบเย็น บางที่เหลาซูเฉียงอาจจะต้องการที่จะรีดไถเงินจริงๆ ก็ได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีแรงจูงใจการเลือกร้านของเขา
ถ้าต้องการที่จะรีดไถเงินโดยเฉพาะร้านแผงลอยขายอาหารที่เคลื่อนที่ได้นั้น พวกอันธพาลก็จะพยายามเลือกคนที่บังคับได้ง่าย พวกมันเจาะจงที่จะหลีกเลี่ยงพวกคนหนุ่มสาวและไม่กล้าที่จะข่มเหงพวกเขามากเกินไปเพราะมีแนวโน้มที่พวกนั้นจะหุนหันพลันแล่นและบ้าดีเดือดมากขึ้น ดังนั้นเป้าหมายในการรีดไถของพวกมันส่วนใหญ่แล้วจะแก่กว่ามากเพราะข่มเหงได้ง่ายกว่า
แต่จากร้านแผงลอยขายอาหารที่มีทั้งหมด เหลาซูเฉียงไม่ได้ไปที่ร้านของคนอื่นและตรงมาที่ร้านของฉินฟางเพื่อรีดไถเขา
“นายกำลังบอกว่า... มีใครบางคนชักจูงให้พวกมันมากลั่นแกล้งพวกเรายังงั้นเหรอ?”
ความสามารถในการทำความเข้าใจของถังเฟยเฟยสูงมาก พอแค่ได้ยินที่ฉินฟางบอกก็คาดคะเนข้อสงสัยของฉินฟางได้โดยไม่จำเป็นต้องอธิบาย และเมื่อเอาแนวความคิดของฉินฟางมาเปรียบเทียบกับของตัวเธอเองแล้ว ถังเฟยเฟยจึงคิดว่ามันอาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้ในทันที
“ใช่แล้ว ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
ฉินฟางพยักหน้าและสายตาก็เคลื่อนไปยังคนอ้วนเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ ในตอนนี้คนอ้วนเฉินกำลังหลบซ่อนอยู่ในมุมร้านของเขาพร้อมกับคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางน่าสงสัย และมองมายังทิศทางที่มีฉินฟางอยู่บ่อยครั้ง
“แล้วใครที่นายคิดว่าเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ล่ะ?”
ถังเฟยเฟยสังเกตเห็นสายตาของฉินฟางและมองไปยังทิศทางที่ฉินฟางกำลังดูอยู่เช่นกัน แต่เปรียบเทียบกับการมุ่งความสังเกตที่ฉินฟางกำลังทำนั้น ถังเฟยเฟยทำได้เพียงเฝ้าดูร้านแผงลอยที่น่าสงสัย 6-7 ร้านเท่านั้น
“พวกเราเปิดร้านเป็นเจ้าแรก ทำราเม็งที่อร่อยและขายดีที่สุดรอบบริเวณนี้ เนื่องจากทั้งหมดล้วนเป็นร้านขายอาหาร ถ้าร้านของพวกเราขายดีแล้วแน่นอนว่าจะมีผลกระทบกับยอดขายของร้านอื่น แต่จะแตกต่างเพียงกระทบมากหรือกระทบน้อยเท่านั้น”
ตั้งแต่ฉินฟางแน่ใจว่าคนอ้วนเฉินมีเอี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้ จึงเป็นธรรมดาที่จะคิดว่าคนอ้วนเฉินเป็นผู้บงการ
ที่นี่มีร้านขายอาหารจำนวนมากทั้ง ราเม็ง ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ข้าวผัด ซุปเสฉวนรสเผ็ดร้อน บาร์บีคิว ฯลฯ หรือพูดง่ายๆ ว่าที่นี่มีอาหารมากมายหลากหลายชนิด ร้านแผงลอยโดยทั่วไปจะมีหลายอย่างให้เลือกรับประทาน ดังนั้นจึงสามารถที่จะดึงดูดลูกค้าได้จำนวนมาก แต่ร้านของฉินฟางกลับเรียบง่ายกว่ามากและมีอาหารขายชนิดเดียวก็คือราเม็ง
ดังคำที่กล่าวไว้ว่าถ้ามีความสามารถพิเศษที่ดีเยี่ยมแล้วก็จะสามารถอยู่รอดได้ทุกที่
ฉินฟางอาศัยเพียงทักษะในการทำบะหมี่ที่ดีก็สามารถทำให้ลูกค้าจำนวนมากที่ชอบกินบะหมี่มายังร้านของเขา จึงเป็นธรรมดาที่จะส่งผลให้ร้านขายบะหมี่อื่นๆ หนักใจกับยอดขายที่ลดลง
และร้านของคนอ้วนเฉินส่วนใหญ่ก็จะขายเกี่ยวกับบะหมี่...
“ลืมมันซะ ผมจะจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง…”
อย่างไรก็ตามหลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เขายังคงรู้สึกว่าการไม่ให้ถังเฟยเฟยมาเกี่ยวข้องด้วยเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า ในเมื่อคนอ้วนเฉินกล้าที่จะก่อความวุ่นวายให้กับเขาอยู่หลังฉากแล้ว แน่นอนว่าฉินฟางก็จะไม่ปล่อยให้เขาหลุดรอดไปได้ง่ายๆ
“ฉินฟาง ฉันคิดว่าพวกเราควรลืมมันไปซะ มีปัญหาน้อยเรื่องดีกว่ามากเรื่องนะ”
เมื่อถังเฟยเฟยเห็นสายตาแหลมคมที่ฉินฟางแสดงออกมาอยู่ชั่วขณะ ถังเฟยเฟยก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยและกลัวว่าฉินฟางจะทำอะไรเลยเถิด จึงเตือนไม่ให้เขาทำการคิดบัญชี
ถ้าจริงๆ แล้วมันเป็นเพราะเจ้าของร้านแผงลอยอิจฉายอดขายของพวกเขา เลยชักจูงให้พวกอันธพาลเข้ามาก่อกวนที่ร้านแล้ว ในตอนนี้ที่ฉินฟางทุบตีพวกอันธพาลนั่นจนฟกช้ำดำเขียว พวกมันก็น่าจะกลัวและหยุดก่อความวุ่นวาย ดังนั้นเรื่องราวในครั้งนี้ก็น่าจะได้รับการแก้ไขแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเขาก็จะเปิดร้านนี้จนกระทั่งเปิดเรียนและจะไม่ขายอยู่ที่นี่เป็นเวลานานนัก เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยเถิดเกินไป
…………………………