ตอนที่ 11 แรร์ไอเทม [ฮูลิแกนบริค]
ตอนที่ 11 แรร์ไอเทม [ฮูลิแกนบริค]
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
“ฟิ้ว~”
พอมองดูเหลาซูเฉียงหายลับไปภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ฉินฟางก็ถอนหายใจโล่งอกอีกครั้ง และนั่งลงอย่างหมดเรี่ยวแรง
เหล่าผู้มุงดูหลังจากเห็นว่าการแสดงนั้นจบลงแล้วก็สลายตัว ท่ามกลางผู้คนที่จากไปนั้นก็มีชายร่างอ้วนซึ่งก็คือเจ้าของร้านเฉินที่ร่างกายเปล่งแสงสีแดงภายใต้ดวงตาของฉินฟาง
< ปราบอันธพาล เลเวล 1, ได้รับค่าประสบการณ์ +30, ได้รับแรร์ไอเทม [ฮูลิแกนบริค] >
เมื่อเรื่องราวทั้งหลายจบลง ข้อความแจ้งเตือนอีกข้อความหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวจนฉินฟางสะดุ้งตกใจ
“แรร์ไอเทม?”
เมื่อเขาได้ยินข้อความนี้ ฉินฟางก็เผลอมองไปยังมือของเขาที่ไม่มีอะไรอยู่เลย
ตอนที่เขาขยับหัวไปมาเล็กน้อยเพื่อมองไปข้างๆ ก็ไม่พบอะไรเช่นเดียวกัน
จนถึงตอนนี้จู่ๆ ฉินฟางก็ตระหนักถึงบางอย่าง บนหน้าต่างทักษะที่อยู่ในหัวของเขา นอกเหนือจากทักษะทั้งสองคือ [การทำบะหมี่] กับ [ลอบโจมตี] และค่า HP ซึ่งยังคงอยู่ที่ 3 หน่วย... เลือดก็ได้หยุดไหลออกมาจากบาดแผลของเขาแล้ว ดังนั้นค่า HP จึงไม่ได้ลดลงไปอีกแต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน แสดงว่าแค่การพักผ่อนนั้นไม่ใช่วิธีการที่ดีพอสำหรับการฟื้นฟูค่า HP ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่ฉินฟางสนใจ เขาพบว่าใต้หน้าต่างทักษะมีคำว่า [กล่องไอเทม] ถูกเขียนไว้ ดังนั้นฉินฟางจึงเพ่งสมาธิไปที่มันซึ่งอยู่ภายในจิตใจของเขาในทันที เพื่อให้การเปิดใช้งานสามารถทำได้จริง
รายละเอียดของ [กล่องไอเทม] เป็นแบบเดียวกับกระเป๋าทั้งหลายที่พบเจอได้ในเกมส์ต่างๆ แต่มีช่องสำหรับใส่ไอเทมเพียงสามช่องซึ่งในตอนนี้ว่างเปล่าอยู่สองช่อง ขณะที่ช่องแรกมีอิฐรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนึ่งก้อนอยู่ภายใน
พอมองไปยังคำอธิบายของอิฐก้อนนั้นแล้ว รอยยิ้มก็ลอยอยู่บนใบหน้าของฉินฟาง
**********
[ฮูลิแกนบริค]
พลังโจมตี +1
ความคงทน 3/3
คำอธิบาย : มีโอกาสมากขึ้นที่จะติดสถานะ [มึนงง] ถ้าใช้ร่วมกับทักษะ [ขว้าง] แล้วก็จะสามารถสร้างความเสียหายเพิ่มเติมได้
***********
รายละเอียดของคำอธิบายมีไม่เยอะ แต่ก็สั้นกระชับและแนะนำความสามารถของไอเทมได้อย่างชัดเจน
มันไม่ได้มีความแตกต่างจากก้อนอิฐโดยทั่วไปมากนัก สิ่งเดียวที่เหนือกว่าก็คือมีโอกาสมากขึ้นที่จะติดสถานะ [มึนงง] ข้อความนี้อาจจะดูไม่มีอะไรมากแต่ก็ทำให้ฉินฟางรู้สึกมีความสุขจริงๆ ทักษะ [ลอบโจมตี] ของเขาในตอนนี้สามารถสร้างโอกาสที่จะติดสถานะ [มึนงง] ได้ และถึงแม้ฉินฟางไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าจะ ‘สร้างโอกาส’ ได้มากขนาดไหน แต่จากการโจมตีสองสามครั้งของเขาที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าโอกาสนั้นไม่สูงนัก
และด้วยอิฐก้อนนี้จะทำให้มี ‘โอกาสมากขึ้น’ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างกระจ่างว่าโอกาสที่จะติดสถานะ [มึนงง] นั้นจะสูงกว่าทักษะ [ลอบโจมตี] ที่อยู่ในระดับเริ่มต้น
“ทักษะ [ขว้าง]…”
เป็นธรรมดาที่ฉินฟางจะสังเกตเห็นทักษะ [ขว้าง] ที่ถูกเขียนไว้ข้างหลังซึ่งแสดงให้เห็นว่าอิฐก้อนนี้ นอกจากสามารถใช้ในการทุบตีผู้คนแล้วยังสามารถขว้างใส่ได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อปราศจากทักษะ [ขว้าง] เขาสามารถใช้งานอิฐก้อนนี้ได้เพียงการโจมตี +1 เพื่อสร้างความเสียหายพื้นฐาน แต่ถ้าเขามีทักษะนี้แล้วก็จะสามารถสร้างความเสียหายเพิ่มเติมได้
“แต่... ผมจะเรียนรู้ทักษะ [ขว้าง] ได้ยังไงล่ะ?”
ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น ทักษะทั้งสองที่เขาได้เรียนรู้มานั้นล้วนได้รับมาในสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดและก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะเรียนรู้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ทักษะต่างๆ ได้อย่างแท้จริง
“ฉินฟาง ฉินฟาง”
ขณะที่ฉินฟางกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับ [ฮูลิแกนบริค] ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังเอาศอกดุนเขาเบาๆ และก็ได้ยินเสียงอันอ่อนโยนซึ่งเจือไปด้วยความกังวลเล็กน้อย
“ใครกำลังเรียกผมอยู่นะ?”
ฉินฟางที่ศีรษะยังอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงเนื่องจากการบาดเจ็บหันหัวที่หนักอึ้งของเขาไปโดยไม่ทันได้รู้สึกตัว เพื่อพยายามหาว่าใครที่กำลังเรียกหาเขา
แต่เมื่อเขาหันหน้าไป ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและบางอย่างที่ชุ่มชื้นบนริมฝีปากของเขา...
ถังเฟยเฟยในตอนนี้ตกตะลึงและหยุดนิ่งไปแล้ว
ตอนที่เห็นฉินฟางนอนฟุบอยู่บนโต๊ะโดยไม่เคลื่อนไหว เธอก็ร้สึกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขาอยู่บ้าง ดังนั้นจึงเรียกหาเขาด้วยความเป็นห่วง แต่เธอก็ไม่ได้คาดคิดว่าจู่ๆ ฉินฟางก็หันหน้ามาแบบนั้น ทำให้ริมฝีปากของพวกเขาที่ปราศจากช่องว่างระหว่างกันก็ถูกบรรจบเข้าด้วยกัน
“ว้าย!”
ดวงตาของถังเฟยเฟยเบิกกว้างในทันที เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้สมองของเธอลัดวงจร ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งการหันหน้าหนี เพียงแต่เมื่อเธอพบว่าฉินฟางก็มีสีหน้าท่าทางเช่นเดียวกันก็ร้องอุทาน หน้าแดง ริมฝีปากแยกออกจากกัน และย้ายร่างของเธอห่างไปไกลจากฉินฟาง
ใบหน้าของฉินฟางก็แดงก่ำด้วยเช่นกัน เขาหันหน้าหนีและไม่กล้ามองไปยังถังเฟยเฟยที่กำลังหลบลี้หนีหน้า อย่างไรก็ตามโดยไม่ทันได้รู้ตัวเขาก็หวนระลึกถึงริมฝีปากอันแสนหวานของถังเฟยเฟย และราวกับมีอะไรดลใจเขาก็เริ่มที่จะโลมเลียริมฝีปากประหนึ่งเหมือนว่ากำลังพยายามดูดรสหวานเหล่านั้นเข้าไปในปาก
อย่างไรก็ตามตอนที่ฉินฟางรู้สึกเขินอายและไม่กล้าที่จะหันหน้ากลับไป เขาก็สังเกตเห็นชามราเม็งที่ยังทานไม่หมดวางอยู่บนโต๊ะ ถ้าจะพูดให้เจาะจงมากขึ้นก็คือคำอธิบายที่อยู่ใต้ราเม็งชามนั้น
[บะหมี่เหลือทิ้งไว้ไม่ถูกสุขลักษณะ]
การบริโภคเข้าไปจะช่วยเพิ่ม HP 1 หน่วย แต่ก็มีโอกาสเล็กๆ ที่จะเจ็บป่วยถ้าบริโภคมันเข้าไป
‘เพิ่มค่า HP ขึ้น 1 หน่วย’
ด้วยคำพูดเฉพาะเจาะจงนี้ ภายในดวงตาของฉินฟางก็ดูสดใสขึ้นอย่างมาก
เหตุผลที่ว่าทำไมเขากับถังเฟยเฟยถึงได้มาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ มันไม่ใช่เป็นเพราะค่า HP ของเขาต่ำมากเกินไปจนทำให้ป้ำๆ เป๋อๆ งั้นเหรอ? กระทั่งปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็ช้าลงกว่าเดิมมาก
ขณะที่ฉินฟางกำลังกังวลเกี่ยวกับวิธีที่ใช้ในการฟื้นฟูค่า HP เขาก็เห็นชามราเม็งที่เห็นได้ชัดว่าถูกกินไปเพียงสองสามคำเท่านั้น เป็นไปได้ว่าลูกค้าคนนั้นเห็นฉินฟางกับพวกอันธพาลกำลังเริ่มต่อสู้กันตอนที่เพิ่งจะเริ่มทาน จึงได้ทิ้งราเม็งชามนั้นไว้และวิ่งหนีไป
หลังจากฉินฟางหลับตาและสะบัดหัวเล็กน้อย เขาก็มองไปยังราเม็งชามนั้นอีกครั้ง ประโยคเหล่านั้นก็ยังคงอยู่ที่นั่นซึ่งแสดงว่าเขาไม่ได้เห็นภาพหลอน หลังจากลังเลอยู่สักพักฉินฟางก็ลากร่างกายที่หนักอึ้งของตัวเองเดินไปยังแผงลอยขายราเม็งของเขา
เมื่อเขาเดินผ่านโต๊ะอื่นๆ ก็สังเกตเห็นว่าชามราเม็งที่ว่างเปล่าหรือมีเหลืออยู่ครึ่งชามเหล่านั้นไม่ได้ขึ้นข้อความ [บะหมี่เหลือทิ้งไว้ไม่ถูกสุขลักษณะ] และมีเพียงราเม็งซึ่งเหลือมากกว่าครึ่งชามเท่านั้นถึงจะปรากฏข้อความที่เขียนไว้ว่า ‘เพิ่มค่า HP ขึ้น 1 หน่วย’
“เสี่ยวฉิน เธอสบายดีอยู่ไหม?”
ฉากพระนางระหว่างฉินฟางกับถังเฟยเฟยในช่วงเวลานี้ถูกพบเห็นโดยฟ่านเจี่ยเจีย และเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่เข้าไปขัดจังหวะ เพียงแต่เมื่อถังเฟยเฟยตกใจจนวิ่งหนีไปเธอก็ช่วยดึงตัวถังเฟยเฟยกลับมา และหลังจากพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำให้ถังเฟยเฟยสงบลงแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปหาฉินฟาง
“ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วครับ...”
แม้ว่าหัวของเขายังคงหนักอึ้งอยู่เช่นเคยและการก้าวเดินไม่ค่อยมั่นคง แต่เมื่อฉินฟางรู้ว่าเขาได้ค้นพบวิธีที่จะฟื้นฟูค่า HP แล้ว จึงส่ายหัวและพูดออกไปอย่างนั้น
“เด็กเอ่ย... ถ้าเธอยังรู้สึกไม่สบาย ก็อย่าทำท่าว่าเข้มแข็ง รีบไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจเถอะนะ”
ฟ่านเจี่ยเจียส่ายหัว เธอรู้ว่าฉินฟางต้องการเงินอย่างเร่งด่วนจึงต้องประหยัดเป็นอย่างมาก เลยไม่ยอมที่จะใช้จ่ายเงินไปกับค่ารักษาพยาบาล แต่เพราะความเป็นห่วงในสุขภาพของฉินฟาง เธอจึงยังคงเตือนฉินฟาง
“ผมสบายดีครับ มันจะดีขึ้นในไม่ช้านี้”
…………………………