ตอนที่ 10 ปราบพวกอันธพาล
ตอนที่ 10 ปราบพวกอันธพาล
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
ฉินฟางในเวลานี้เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า โดยเฉพาะสายตาของเขาที่กำลังเปล่งประกายเยียบเย็นจนสามารถทำให้ผู้คนตัวสั่นได้
“แก.... อย่าเข้ามานะ!”
เจ้าลูกสมุนคนที่สองในทีแรกกังวลว่ามันฆ่าฉินฟาง แต่หลังจากเห็นฉินฟางลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก็รู้สึกดีใจ อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นท่าทางน่าสยองขวัญของฉินฟาง มันก็ตกตะลึงและมีทีท่าราวกับว่าสูญเสียความกล้าหาญของตัวเอง ใบหน้าบางส่วนแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว
ฉินฟางที่ถือเก้าอี้อยู่ในมือกำลังจ้องมองมาด้วยความดุร้าย เลือดไหลออกมาจากหน้าผากลงไปยังคอและย้อมเสื้อเชิ้ตจนกลายเป็นสีแดงในที่สุด พอเห็นฉินฟางในสภาพนี้ค่อยๆ ตรงเข้ามาหามัน เจ้าลูกสมุนก็หน้าซีดด้วยความหวาดกลัวและเดินล่าถอยไปในขณะที่ฉินฟางก็เดินหน้า พร้อมกันนั้นมันก็บอกให้ฉินฟางถอยไปด้วยน้ำเสียงตกใจกลัว
“อย่าเข้ามางั้นเหรอ? ไม่ใช่แกเองที่อยากจะเล่นหรือไง? ผมจะเล่นพวกแกให้สาสมเลย...”
ฉินฟางในเวลานี้ทำท่าราวกับถูกปีศาจครอบงำ ด้วยดวงตาที่สยองขวัญคู่นั้นพร้อมกับการรุกล้ำไปทีละก้าวจนทำให้เจ้าลูกสมุนนั่นถอยหนี ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้น้ำเสียงซึ่งเย็นชาอย่างที่สุดตอบมันไป
ด้วยความบังเอิญ ในขณะที่เจ้าลูกสมุนคนที่สองเดินถอยหลังไปในพร้อมกับที่ฉินฟางรุกคืบอยู่นั้น มันก็ถอยไปจนถึงลูกสมุนคนแรกที่ฉินฟางฟาดล้มลง ฉินฟางกวัดแกว่งเก้าอี้ไปมาจนลูกสมุนคนแรกที่กลัวหัวหดและซ่อนอยู่ในมุมไม่กล้าที่จะส่งเสียง อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าฉินฟางจะไม่ได้ละเลยมัน และด้วยการแกว่งของเก้าอี้หนึ่งครั้งก็ตีจนมันหมดสติ
อีกครั้งหนึ่งแล้วที่การลอบโจมตีประสบผลสำเร็จและค่าประสบการณ์ก็เพิ่มขึ้นอีก 1% นี่ทำให้ฉินฟางค่อนข้างมีความสุข
เปรียบเทียบกับการทำบะหมี่ที่เพิ่มค่าประสบการณ์เพียง 0.1% ในแต่ละครั้ง ทักษะ [ลอบโจมตี] จะเพิ่มขึ้น 1% ทุกการลงมือที่ประสบผลสำเร็จ แต่โอกาสที่จะทำเช่นนั้นได้มีน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับการทำบะหมี่ ไม่ใช่ทุกครั้งที่ฉินฟางลงมือจะกลายเป็นการลอบโจมตีทั้งหมด
พอเห็นฉินฟางทำการโจมตีอีกครั้ง บรรยากาศคุกคามก็เริ่มที่จะรุนแรงขึ้น เจ้าลูกสมุนคนที่สองซึ่งเดิมทีก็กลัวมากอยู่แล้ว แต่หลังจากมองไปยังพวกทั้งสองคือลูกพี่ของมันเหลาซูเฉียงซึ่งนอนหมดสติอยู่บนพื้นไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้กับคู่หูของมันที่เพิ่งถูกอัดจนนอนแผ่โดยฉินฟาง และจากนั้นก็มองต่อไปยังฉินฟางที่มีสายตาอันดุร้ายแล้ว ดูเหมือนว่ามันต้องเสี่ยงชีวิตเข้าสู้แต่มันสามารถรวบรวมความกล้าที่จะลงมือได้งั้นเหรอ?
“แม่จ่า....”
พร้อมกับเสียงร้องแปลกๆ เจ้าลูกสมุนคนที่สองก็โยนเก้าอี้ในมือทิ้งในทันที จากนั้นก็หันหลังและวิ่งหนีไปทางฝูงชน ถึงแม้ว่าผู้คนยังต้องการที่จะดูโชว์ต่อแต่การแสดงก็ต้องขึ้นอยู่กับหลักการที่ว่า ‘น้อยเรื่องดีกว่ามากเรื่อง’ พวกนั้นจึงเปิดช่องทางหลบหนีเล็กๆ ให้กับเจ้าลูกสมุนคนที่สองโดยอัตโนมัติ ซึ่งจากนั้นมันก็หลบหนีจากไปโดยไม่ทิ้งไว้แม้กระทั่งเงาที่อยู่เบื้องหลัง
“ฟิ้ว~”
หลังจากเห็นเจ้าลูกสมุนคนที่สองวิ่งหนีไป ฉินฟางก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อันที่จริงแล้วร่างกายของเขาก็อ่อนล้าเต็มที ถึงแม้ว่าเขาจะใช้การลดลงของ HP แทนการบาดเจ็บของร่างกาย แต่หัวของเขาที่เลือดกำลังไหลอยู่ก็เป็นเรื่องจริง ซึ่งหลังจากนั้นเพียงชั่วขณะหนึ่ง HP ของเขาก็ลดลงไปอีก 1 หน่วย
หลังจากทำการดูข้อมูลบนหน้าต่างทักษะอย่างคร่าวๆ นอกเหนือจากทักษะ [การทำบะหมี่] และ [ลอบโจมตี] แล้ว ก็มีแถบข้อความอื่นที่บอกไว้ว่า [HP : 4/10]
ลองคำนวณดูแล้วหลังจากถูกตีโดยเก้าอี้จากเจ้าลูกสมุนคนที่สองค่า HP ของเขาลดลง 4 หน่วย เมื่อศีรษะถูกบาดโดยเศษชามค่า HP ของเขาก็ลดลงอีก 1 หน่วย และเมื่อเลือดของเขายังคงไหลอยู่ค่า HP ก็เลยลดลงอีก 1 หน่วย รวมแล้วเป็น 6 หน่วยพอดิบพอดี
“ค่า HP 10 หน่วย ดูเหมือนว่าค่า HP ของผมนั้นจะเยอะมาก...”
ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันตัวเขาเองหลังจากที่ถูกตีอย่างแรง ถ้าเป็นคนธรรมดาที่โดนแล้วพวกเขาอย่างน้อยก็น่าจะกระดูกแตก แต่ฉินฟางกลับรู้สึกสมบูรณ์ดีเพราะค่า HP ของเขานั้นลดลงเพียง 4 หน่วย ในทางกลับกันเขารู้สึกว่าค่า HP 2 หน่วยที่เสียไปเนื่องจากมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลของเขาในภายหลังนั้นมันไม่จำเป็น และนั่นทำให้เขาเย้ยหยันตัวเอง
*ฝุบ*
แต่อย่างรวดเร็วค่า HP ของฉินฟางก็ลดลงไปอีก 1 หน่วย
ในเวลานี้เขาที่มีค่า HP เหลือเพียง 3 หน่วย ฉินฟางก็รู้สึกหน้ามืดในทันทีและไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง เขาคว้าไปยังเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างจากนั้นก็นั่งทิ้งตัวลงไปอย่างแรง และเริ่มที่จะหยุดนิ่งพร้อมหอบหายใจอย่างหนัก
“ฉินฟาง!”
“เสี่ยวฉิน!”
พอเห็นฉินฟางโซเซ ถังเฟยเฟยก็รีบสะบัดมือของฟ่านเจี่ยเจียออกและวิ่งเข้าไปหาเขา ในตอนนี้นอกจากสามอันธพาลนั่นที่สองคนหมดสติและหนึ่งคนหลบหนีไป มันจึงปลอดภัยและเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่รู้สึกกังวลใดๆ
“นายยังโอเคอยู่ไหม?”
พอเห็นฉินฟางยังคงมีเลือดไหลออกมาจากหน้าผาก ถังเฟยเฟยจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของเธอพร้อมกับทำการเช็ดเลือดออกไปและถามด้วยความเป็นห่วง
ท่าทางของถังเฟยเฟยนั้นอ่อนโยนมาก พร้อมกับดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่โดยทำการเช็ดเลือดออกไปพลางใช้ลมปากเป่าแผล ราวกับว่าทำอย่างนั้นแล้วจะช่วยให้เลือดหยุดไหลได้ในทันที
คนทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันอย่างมาก ขณะที่ฉินฟางซึ่งกำลังนั่งและถังเฟยเฟยที่ยืนต่อหน้าเขาโดยตรงพร้อมกับดูแลบาดแผลของเขาอย่างระมัดระวังอยู่นั้น ในตอนนี้มีคนหนึ่งอยู่ต่ำกว่าขณะที่อีกคนหนึ่งอยู่สูงกว่า ดังนั้นหน้าอกที่อ่อนนุ่มของถังเฟยเฟยจึงเกือบที่จะสัมผัสกับริมฝีปากของฉินฟาง และสำหรับสายตาของเขานั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนอะไรมาก
ใบหน้าของฉินฟางถูกย้อมเป็นสีแดงในทันทีด้วยความเขินอาย และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ขณะที่กำลังหายใจเขาก็สามารถได้กลิ่นหอมจางๆ ซึ่งให้ความรู้สึกพึงพอใจต่อจมูกเป็นอย่างมากและกระทั่งทำให้ฉินฟางรู้สึกว่าเขากำลังถูกสะกดจิต
บางทีอาจเป็นเพราะเขาเป็นคนขี้อายหรือเพราะเหตุผลอื่นๆ ฉินฟางจึงไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อีกต่อไป เขาพยายามที่จะระงับความรู้สึกตื่นเต้นที่มาพร้อมกับปฏิกิริยาบางอย่างซึ่งมาจากส่วนหนึ่งของร่างกาย และหันหน้าหนีในเวลาเดียวกัน
ขณะที่ถังเฟยเฟยกำลังมุ่งความสนใจไปกับการดูแลบาดแผลของฉินฟาง เธอไม่ได้คาดคิดว่าฉินฟางจะไม่ใส่ใจต่อความรู้สึกของเธอและพยายามที่จะหันหน้าหนี ซึ่งนี่ทำให้ถังเฟยเฟยแปลกใจและโกรธเล็กน้อย และตอนที่เธอกำลังจะตำหนิฉินฟางสำหรับการไม่เชื่อฟัง ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นจริงๆ ว่าหน้าอกตัวเองนั้นอยู่ชิดกับฉินฟางเกินไป ใบหน้าที่ขาวซีดของเธอจึงแดงขึ้นในทันทีและทิ้งระยะห่างระหว่างกันอย่างอิหลักอิเหลื่อ
เกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวนั้นฟ่านเจี่ยเจียที่อยู่ด้านข้างไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะ และในทางกลับกันเธอก็เริ่มช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้ที่ยุ่งเหยิงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
และในตอนนี้เองดวงตาของฉินฟางจู่ๆ ก็กลายเป็นเย็นชา เขาลุกขึ้นยืนอย่างไม่ค่อยมั่นคง และยกเก้าอี้ที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดขึ้นอีกครั้ง
“ฉินฟาง นายทำอะไรน่ะ”
ขณะที่กำลังตกใจถังเฟยเฟยก็พูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็พบว่าฉินฟางเดินเลยเธอไป เพราะเหลาซูเฉียงที่ก่อนหน้านี้หมดสติได้กลับมาฟื้นคืนสติอีกครั้ง ตอนที่เหลาซูเฉียงซึ่งกำลังยืนขึ้นและนวดศีรษะของตัวเองอยู่นั้น คำพูดของมันทำให้ถังเฟยเฟยประหลาดใจ
“ไม่ ไม่ พี่ชาย ไม่...”
แม้ว่าสติรับรู้ของเหลาซูเฉียงจะยังพร่ามัวอยู่เล็กน้อยแต่สายตาของเขาก็สมบูรณ์ดี เมื่อเห็นฉินฟางเดินตรงมาหาด้วยท่าทางข่มขู่ ทำให้มันไม่อาจลืมเลือนถึงการลงมือที่รุนแรงของฉินฟาง
สำหรับอันธพาลอย่างพวกมันแล้ว ความสามารถอันยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการข่มขู่คนที่อ่อนแอในขณะเดียวกันก็เกรงกลัวผู้ที่เข้มแข็ง ถ้าจัดการกับคนที่ไม่หือไม่อือแล้วมันก็จะแสดงตัวว่ามีอำนาจ แต่ถ้ามาเจอกับคนบ้าบิ่นอย่างฉินฟางที่กล้าจะใช้ความรุนแรงแล้วก็จะรู้สึกเกรงกลัวจริงๆ ดังนั้นขณะที่มันตะโกนให้ฉินฟางหยุดและกำลังนวดศีรษะของตัวเอง มันก็เตรียมตัวที่จะวิ่งหนีไป
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
อย่างไรก็ตามขณะที่มันกำลังจะพยายามหลบหนี ฉินฟางก็ตะโกนเสียงดังจนเหลาซูเฉียงสะดุ้งและหยุดนิ่ง
“เอาไอ้เจ้าขยะนี่ไปกับแกด้วย”
โชคดีที่ฉินฟางไม่ได้เอาความเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป หลังจากลังเลอยู่สักพักในที่สุดเหลาซูเฉียงที่แสดงให้เห็นถึงท่าทียอมจำนนก็แบกลูกสมุนของเขาและวิ่งจากไปอย่างรีบร้อน ถึงแม้ว่าจะยังก้าวเท้าไม่มั่นคงก็ตาม
…………………………