ตอนที่แล้วตอนที่ 09 หนึ่งต่อสาม !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 แรร์ไอเทม [ฮูลิแกนบริค]

ตอนที่ 10 ปราบพวกอันธพาล


ตอนที่ 10   ปราบพวกอันธพาล

 

ผู้แปล  :  ThreeSwords

ปรับสำนวน  :  ThreeSwords

 

 

ฉินฟางในเวลานี้เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า  โดยเฉพาะสายตาของเขาที่กำลังเปล่งประกายเยียบเย็นจนสามารถทำให้ผู้คนตัวสั่นได้

 

“แก.... อย่าเข้ามานะ!”

 

เจ้าลูกสมุนคนที่สองในทีแรกกังวลว่ามันฆ่าฉินฟาง  แต่หลังจากเห็นฉินฟางลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก็รู้สึกดีใจ  อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นท่าทางน่าสยองขวัญของฉินฟาง  มันก็ตกตะลึงและมีทีท่าราวกับว่าสูญเสียความกล้าหาญของตัวเอง  ใบหน้าบางส่วนแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว

 

ฉินฟางที่ถือเก้าอี้อยู่ในมือกำลังจ้องมองมาด้วยความดุร้าย  เลือดไหลออกมาจากหน้าผากลงไปยังคอและย้อมเสื้อเชิ้ตจนกลายเป็นสีแดงในที่สุด  พอเห็นฉินฟางในสภาพนี้ค่อยๆ ตรงเข้ามาหามัน  เจ้าลูกสมุนก็หน้าซีดด้วยความหวาดกลัวและเดินล่าถอยไปในขณะที่ฉินฟางก็เดินหน้า  พร้อมกันนั้นมันก็บอกให้ฉินฟางถอยไปด้วยน้ำเสียงตกใจกลัว

 

“อย่าเข้ามางั้นเหรอ?  ไม่ใช่แกเองที่อยากจะเล่นหรือไง?  ผมจะเล่นพวกแกให้สาสมเลย...”

 

ฉินฟางในเวลานี้ทำท่าราวกับถูกปีศาจครอบงำ  ด้วยดวงตาที่สยองขวัญคู่นั้นพร้อมกับการรุกล้ำไปทีละก้าวจนทำให้เจ้าลูกสมุนนั่นถอยหนี  ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้น้ำเสียงซึ่งเย็นชาอย่างที่สุดตอบมันไป

 

ด้วยความบังเอิญ  ในขณะที่เจ้าลูกสมุนคนที่สองเดินถอยหลังไปในพร้อมกับที่ฉินฟางรุกคืบอยู่นั้น  มันก็ถอยไปจนถึงลูกสมุนคนแรกที่ฉินฟางฟาดล้มลง  ฉินฟางกวัดแกว่งเก้าอี้ไปมาจนลูกสมุนคนแรกที่กลัวหัวหดและซ่อนอยู่ในมุมไม่กล้าที่จะส่งเสียง  อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าฉินฟางจะไม่ได้ละเลยมัน  และด้วยการแกว่งของเก้าอี้หนึ่งครั้งก็ตีจนมันหมดสติ

 

อีกครั้งหนึ่งแล้วที่การลอบโจมตีประสบผลสำเร็จและค่าประสบการณ์ก็เพิ่มขึ้นอีก 1%  นี่ทำให้ฉินฟางค่อนข้างมีความสุข

 

เปรียบเทียบกับการทำบะหมี่ที่เพิ่มค่าประสบการณ์เพียง 0.1% ในแต่ละครั้ง  ทักษะ [ลอบโจมตี] จะเพิ่มขึ้น 1% ทุกการลงมือที่ประสบผลสำเร็จ  แต่โอกาสที่จะทำเช่นนั้นได้มีน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับการทำบะหมี่  ไม่ใช่ทุกครั้งที่ฉินฟางลงมือจะกลายเป็นการลอบโจมตีทั้งหมด

 

พอเห็นฉินฟางทำการโจมตีอีกครั้ง  บรรยากาศคุกคามก็เริ่มที่จะรุนแรงขึ้น  เจ้าลูกสมุนคนที่สองซึ่งเดิมทีก็กลัวมากอยู่แล้ว  แต่หลังจากมองไปยังพวกทั้งสองคือลูกพี่ของมันเหลาซูเฉียงซึ่งนอนหมดสติอยู่บนพื้นไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้กับคู่หูของมันที่เพิ่งถูกอัดจนนอนแผ่โดยฉินฟาง  และจากนั้นก็มองต่อไปยังฉินฟางที่มีสายตาอันดุร้ายแล้ว  ดูเหมือนว่ามันต้องเสี่ยงชีวิตเข้าสู้แต่มันสามารถรวบรวมความกล้าที่จะลงมือได้งั้นเหรอ?

 

“แม่จ่า....”

 

พร้อมกับเสียงร้องแปลกๆ  เจ้าลูกสมุนคนที่สองก็โยนเก้าอี้ในมือทิ้งในทันที  จากนั้นก็หันหลังและวิ่งหนีไปทางฝูงชน  ถึงแม้ว่าผู้คนยังต้องการที่จะดูโชว์ต่อแต่การแสดงก็ต้องขึ้นอยู่กับหลักการที่ว่า ‘น้อยเรื่องดีกว่ามากเรื่อง’  พวกนั้นจึงเปิดช่องทางหลบหนีเล็กๆ ให้กับเจ้าลูกสมุนคนที่สองโดยอัตโนมัติ  ซึ่งจากนั้นมันก็หลบหนีจากไปโดยไม่ทิ้งไว้แม้กระทั่งเงาที่อยู่เบื้องหลัง

 

“ฟิ้ว~”

 

หลังจากเห็นเจ้าลูกสมุนคนที่สองวิ่งหนีไป  ฉินฟางก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก  อันที่จริงแล้วร่างกายของเขาก็อ่อนล้าเต็มที  ถึงแม้ว่าเขาจะใช้การลดลงของ HP แทนการบาดเจ็บของร่างกาย  แต่หัวของเขาที่เลือดกำลังไหลอยู่ก็เป็นเรื่องจริง  ซึ่งหลังจากนั้นเพียงชั่วขณะหนึ่ง HP ของเขาก็ลดลงไปอีก 1 หน่วย

 

หลังจากทำการดูข้อมูลบนหน้าต่างทักษะอย่างคร่าวๆ  นอกเหนือจากทักษะ [การทำบะหมี่] และ [ลอบโจมตี] แล้ว ก็มีแถบข้อความอื่นที่บอกไว้ว่า [HP : 4/10]

 

ลองคำนวณดูแล้วหลังจากถูกตีโดยเก้าอี้จากเจ้าลูกสมุนคนที่สองค่า HP ของเขาลดลง 4 หน่วย  เมื่อศีรษะถูกบาดโดยเศษชามค่า HP ของเขาก็ลดลงอีก 1 หน่วย  และเมื่อเลือดของเขายังคงไหลอยู่ค่า HP ก็เลยลดลงอีก 1 หน่วย  รวมแล้วเป็น 6 หน่วยพอดิบพอดี

 

“ค่า HP 10 หน่วย  ดูเหมือนว่าค่า HP ของผมนั้นจะเยอะมาก...”

 

ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันตัวเขาเองหลังจากที่ถูกตีอย่างแรง  ถ้าเป็นคนธรรมดาที่โดนแล้วพวกเขาอย่างน้อยก็น่าจะกระดูกแตก  แต่ฉินฟางกลับรู้สึกสมบูรณ์ดีเพราะค่า HP ของเขานั้นลดลงเพียง 4 หน่วย  ในทางกลับกันเขารู้สึกว่าค่า HP 2 หน่วยที่เสียไปเนื่องจากมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลของเขาในภายหลังนั้นมันไม่จำเป็น  และนั่นทำให้เขาเย้ยหยันตัวเอง

 

*ฝุบ*

 

แต่อย่างรวดเร็วค่า HP ของฉินฟางก็ลดลงไปอีก 1 หน่วย

 

ในเวลานี้เขาที่มีค่า HP เหลือเพียง 3 หน่วย  ฉินฟางก็รู้สึกหน้ามืดในทันทีและไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง  เขาคว้าไปยังเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างจากนั้นก็นั่งทิ้งตัวลงไปอย่างแรง  และเริ่มที่จะหยุดนิ่งพร้อมหอบหายใจอย่างหนัก

 

“ฉินฟาง!”

 

“เสี่ยวฉิน!”

 

พอเห็นฉินฟางโซเซ  ถังเฟยเฟยก็รีบสะบัดมือของฟ่านเจี่ยเจียออกและวิ่งเข้าไปหาเขา  ในตอนนี้นอกจากสามอันธพาลนั่นที่สองคนหมดสติและหนึ่งคนหลบหนีไป  มันจึงปลอดภัยและเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่รู้สึกกังวลใดๆ

 

“นายยังโอเคอยู่ไหม?”

 

พอเห็นฉินฟางยังคงมีเลือดไหลออกมาจากหน้าผาก  ถังเฟยเฟยจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของเธอพร้อมกับทำการเช็ดเลือดออกไปและถามด้วยความเป็นห่วง

 

ท่าทางของถังเฟยเฟยนั้นอ่อนโยนมาก  พร้อมกับดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่โดยทำการเช็ดเลือดออกไปพลางใช้ลมปากเป่าแผล  ราวกับว่าทำอย่างนั้นแล้วจะช่วยให้เลือดหยุดไหลได้ในทันที

 

คนทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันอย่างมาก  ขณะที่ฉินฟางซึ่งกำลังนั่งและถังเฟยเฟยที่ยืนต่อหน้าเขาโดยตรงพร้อมกับดูแลบาดแผลของเขาอย่างระมัดระวังอยู่นั้น  ในตอนนี้มีคนหนึ่งอยู่ต่ำกว่าขณะที่อีกคนหนึ่งอยู่สูงกว่า  ดังนั้นหน้าอกที่อ่อนนุ่มของถังเฟยเฟยจึงเกือบที่จะสัมผัสกับริมฝีปากของฉินฟาง  และสำหรับสายตาของเขานั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนอะไรมาก

 

ใบหน้าของฉินฟางถูกย้อมเป็นสีแดงในทันทีด้วยความเขินอาย  และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก  ขณะที่กำลังหายใจเขาก็สามารถได้กลิ่นหอมจางๆ ซึ่งให้ความรู้สึกพึงพอใจต่อจมูกเป็นอย่างมากและกระทั่งทำให้ฉินฟางรู้สึกว่าเขากำลังถูกสะกดจิต

 

บางทีอาจเป็นเพราะเขาเป็นคนขี้อายหรือเพราะเหตุผลอื่นๆ  ฉินฟางจึงไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อีกต่อไป  เขาพยายามที่จะระงับความรู้สึกตื่นเต้นที่มาพร้อมกับปฏิกิริยาบางอย่างซึ่งมาจากส่วนหนึ่งของร่างกาย  และหันหน้าหนีในเวลาเดียวกัน

 

ขณะที่ถังเฟยเฟยกำลังมุ่งความสนใจไปกับการดูแลบาดแผลของฉินฟาง  เธอไม่ได้คาดคิดว่าฉินฟางจะไม่ใส่ใจต่อความรู้สึกของเธอและพยายามที่จะหันหน้าหนี  ซึ่งนี่ทำให้ถังเฟยเฟยแปลกใจและโกรธเล็กน้อย  และตอนที่เธอกำลังจะตำหนิฉินฟางสำหรับการไม่เชื่อฟัง  ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นจริงๆ ว่าหน้าอกตัวเองนั้นอยู่ชิดกับฉินฟางเกินไป  ใบหน้าที่ขาวซีดของเธอจึงแดงขึ้นในทันทีและทิ้งระยะห่างระหว่างกันอย่างอิหลักอิเหลื่อ

 

เกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวนั้นฟ่านเจี่ยเจียที่อยู่ด้านข้างไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะ  และในทางกลับกันเธอก็เริ่มช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้ที่ยุ่งเหยิงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

 

และในตอนนี้เองดวงตาของฉินฟางจู่ๆ ก็กลายเป็นเย็นชา  เขาลุกขึ้นยืนอย่างไม่ค่อยมั่นคง  และยกเก้าอี้ที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดขึ้นอีกครั้ง

 

“ฉินฟาง  นายทำอะไรน่ะ”

 

ขณะที่กำลังตกใจถังเฟยเฟยก็พูดอะไรบางอย่างออกมา  แต่ก็พบว่าฉินฟางเดินเลยเธอไป  เพราะเหลาซูเฉียงที่ก่อนหน้านี้หมดสติได้กลับมาฟื้นคืนสติอีกครั้ง  ตอนที่เหลาซูเฉียงซึ่งกำลังยืนขึ้นและนวดศีรษะของตัวเองอยู่นั้น  คำพูดของมันทำให้ถังเฟยเฟยประหลาดใจ

 

“ไม่  ไม่  พี่ชาย  ไม่...”

 

แม้ว่าสติรับรู้ของเหลาซูเฉียงจะยังพร่ามัวอยู่เล็กน้อยแต่สายตาของเขาก็สมบูรณ์ดี  เมื่อเห็นฉินฟางเดินตรงมาหาด้วยท่าทางข่มขู่  ทำให้มันไม่อาจลืมเลือนถึงการลงมือที่รุนแรงของฉินฟาง

 

สำหรับอันธพาลอย่างพวกมันแล้ว  ความสามารถอันยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการข่มขู่คนที่อ่อนแอในขณะเดียวกันก็เกรงกลัวผู้ที่เข้มแข็ง  ถ้าจัดการกับคนที่ไม่หือไม่อือแล้วมันก็จะแสดงตัวว่ามีอำนาจ  แต่ถ้ามาเจอกับคนบ้าบิ่นอย่างฉินฟางที่กล้าจะใช้ความรุนแรงแล้วก็จะรู้สึกเกรงกลัวจริงๆ  ดังนั้นขณะที่มันตะโกนให้ฉินฟางหยุดและกำลังนวดศีรษะของตัวเอง  มันก็เตรียมตัวที่จะวิ่งหนีไป

 

“หยุดอยู่ตรงนั้น!”

 

อย่างไรก็ตามขณะที่มันกำลังจะพยายามหลบหนี  ฉินฟางก็ตะโกนเสียงดังจนเหลาซูเฉียงสะดุ้งและหยุดนิ่ง

 

“เอาไอ้เจ้าขยะนี่ไปกับแกด้วย”

 

โชคดีที่ฉินฟางไม่ได้เอาความเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป  หลังจากลังเลอยู่สักพักในที่สุดเหลาซูเฉียงที่แสดงให้เห็นถึงท่าทียอมจำนนก็แบกลูกสมุนของเขาและวิ่งจากไปอย่างรีบร้อน  ถึงแม้ว่าจะยังก้าวเท้าไม่มั่นคงก็ตาม

 

 

…………………………

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด