ตอนที่ 09 หนึ่งต่อสาม !
ตอนที่ 09 หนึ่งต่อสาม !
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
อันที่จริงแล้วมันใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาสำหรับฉินฟางที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เพราะเขาไม่เหลือเวลาให้คิดมากนัก
เมื่อชามใบนั้นตีโดน ทักษะ [ลอบโจมตี] ก็แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพจริงๆ ของมัน บนสุดเหนือศีรษะของเหลาซูเฉียงนั้น ฉินฟางสามารถมองเห็นคำว่า [มึนงง] และตัวของมันก็อยู่ในสภาพมึนงงจริงๆ
สำหรับเหล่าลูกสมุนของเหลาซูเฉียง พวกมันก็ล้วนตกตะลึงกับการโจมตีของฉินฟางด้วยเช่นกันจึงไม่ได้เข้าตอบโต้ฉินฟางในทันที
โอกาสทอง!
ฉินฟางคิดในใจและทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นว่ายังมีชามราเม็งที่กินไม่แล้วเสร็จตั้งอยู่บนโต๊ะติดกัน กับเก้าอี้พับที่วางอยู่ด้านข้างอีกด้วย
เมื่อไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากอีกต่อไป ฉินฟางจึงรีบยกชามใบนั้นขึ้นมาในทันทีและโยนมันใส่ลูกสมุนซึ่งอยู่ใกล้เขาที่สุด ตอนที่ชามกำลังลอยไปน้ำซุปที่อยู่ข้างในก็แสดงให้ว่ากำลังจะทะลัก และเมื่อชามนั้นกระทบถูกเจ้าลูกสมุนนั่น น้ำซุปก็หกไปทั่วตัวของมันโดยเฉพาะที่ใบหน้า ทำให้ตาของมันปิดลงในทันที
<[ลอบโจมตี] การเปิดใช้งานประสบผลสำเร็จ, ค่าประสบการณ์ +1%>
พอเห็นการแจ้งเตือนดังกล่าวฉินฟางก็ไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรอีก เขาฉวยโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ให้ความสนใจทำการโจมตีต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่เจ้าลูกสมุนนั่นไม่ได้ติดสถานะ [มึนงง] เหมือนกับเหลาซูเฉียง
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แทบจะในเวลาเดียวกับที่ชามในมือของฉินฟางลอยออกไป เขาก็รีบก้มตัวลงทันทีเพื่อยกเก้าอี้พับขึ้นและเหวี่ยงมันไปยังลูกสมุนที่ตัวชุ่มไปด้วยน้ำซุป
“ระวัง...”
ในที่สุดลูกสมุนคนสุดท้ายก็กลับมาตั้งสติได้ แต่ตัวของมันยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเหลาซูเฉียง ดังนั้นต่อให้ต้องการที่จะช่วยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ มันจึงทำได้เพียงตะโกนเตือนแต่นั่นมันก็สายเกินไปแล้ว
*ผัวะ!*
เก้าอี้ที่ฉินฟางเหวี่ยงนั้นตีเข้าไปที่แขนของเจ้าลูกสมุนนั่น และทำให้ตัวมันซึ่งมองไม่เห็นอะไรเลยเนื่องจากน้ำซุปนั้นโงนเงนและล้มลงก้นจ้ำเบ้า พร้อมทั้งกรีดร้องเสียงดังอย่างน่าสมเพช
เมื่อฉินฟางจัดการล้มเจ้าลูกสมุนนั่นลงในทีเดียวจึงเป็นธรรมดาที่จะดีใจมาก แต่ไม่ทันที่เขาจะได้สังเกตเห็นก็พบว่า ตัวอักษร [มึนงง] ที่อยู่เหนือหัวของเหลาซูเฉียงนั้นหายไปและมันกลับมาได้สติแม้ว่ายังมีทีท่างุนงงอยู่
“ระวังตัวด้วย...”
ถังเฟยเฟยที่ถูกฟ่านเจี่ยเจียลากไปอยู่ด้านหลัง พอเห็นว่าฉินฟางล้มหนึ่งในพวกอันธพาลได้ก็ตื่นเต้นมาก แต่หลังตระหนักได้ว่าเขายังต้องรับมือกับฝ่ายตรงข้ามอีกสองคนแถมพวกนั้นมีอาวุธ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะร้องเตือน
พอได้ยินคำพูดของถังเฟยเฟยแล้วทำให้หัวใจของฉินฟางรู้สึกอบอุ่น แต่จริงๆ แล้วมันเป็นก็เพราะว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าเขาถอยในตอนนี้แล้วต่อให้พวกมันไม่ได้ XXX กับถังเฟยเฟย แต่การที่เธอจะถูกลวนลามและทำให้อับอายนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แน่
มันจึงเหลือทางเลือกเพียง สู้ หรือ ตาย!
ฉินฟางขบฟันหลังจากตกลงใจพร้อมที่จะเผชิญแล้ว เก้าอี้ในมือของเขาจึงเหวี่ยงตรงไปยังเหลาซูเฉียงที่เพิ่งกลับมาได้สติ และแสงสีแดงที่เปล่งออกมาจากตัวของมันก็เข้มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หัว
ก่อนหน้านี้ที่ฟาดเจ้าลูกสมุนนั่นฉินฟางกล้าตีมันอย่างหักโหมแต่ยังไม่กล้าพอที่จะฟาดไปที่หัว นี่เป็นเพราะว่าถ้าตีไม่ระวังแล้วก็จะสามารถหวดผู้คนจนถึงแก่ความตายได้ อย่างไรก็ตามสำหรับเหลาซูเฉียงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย จำนวนของแสงสีแดงที่ตัวของมันเพิ่มขึ้นราวกับจะระเบิดออก และมองเข้าไปในตาของมันก็ดูเหี้ยมโหดมากยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าเหลาซูเฉียงมีแผนที่จะจัดการฉินฟางอย่างรุนแรง เพื่อปกป้องตัวเขาและปกป้องถังเฟยเฟย ฉินฟางในตอนนี้จึงเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจถึงความเสี่ยงแล้ว
*ตั๊บ*
ครั้งนี้เสียงค่อนข้างหนักและทุ้มมาก เหลาซูเฉียงลอยไปจนแทบจะบินได้ จากนั้นมันก็ตกลงบนพื้นและลุกไม่ขึ้นอีกเลย
<[ลอบโจมตี] การเปิดใช้งานประสบผลสำเร็จ, ค่าประสบการณ์ +1%, เป้าหมายอยู่ในสถานะ [มึนงงระดับกลาง], HP -5 >
พอเห็นว่าเหลาซูเฉียงนอนอยู่บนพื้นโดยไม่ได้เคลื่อนไหว ในใจของฉินฟางก็รู้สึกตื่นตระหนกและกังวลเป็นอย่างมากว่าเขาจะตีมันจนถึงตาย อย่างไรก็ตามสิ่งที่แสดงในสมองของเขาคือข้อความแจ้งเตือนเหล่านี้
“อยู่ในสถานะ [มึนงงระดับกลาง], HP -5 งั้นเหรอ? ยังไม่ตาย… มันยังไม่ตาย”
ฉินฟางในทีแรกตะลึงไปเล็กน้อยแต่แล้วก็รู้สึกเบิกบานใจ ตราบเท่าที่เหลาซูเฉียงไม่ตายทุกอย่างล้วนไม่เป็นไร และพิจารณาจากการแจ้งเตือนนั่นซึ่งเป็นเพียงแค่ [มึนงงระดับกลาง] ก็สามารถทำให้มันหมดสติได้แล้ว ส่วนค่า HP ที่ลดลงไปห้าหน่วยนั้นฉินฟางเข้าใจว่าเป็นเพราะมันได้รับบาดเจ็บ
“ฉินฟาง ระวัง!”
แต่ในขณะที่เขากำลังย่อยความคิดอยู่นั้น จู่ๆ ถังเฟยเฟยก็ส่งเสียงกรีดร้องและฉินฟางก็รู้สึกได้ถึงเสียงลมที่พุ่งมาข้างหูเขา ไม่เพียงฉินฟางตระหนักได้ว่ายังมีลูกสมุนอีกคนหนึ่งที่สภาพสมบูรณ์ซึ่งตัวเขาไม่ได้จัดการยืนอยู่ข้างๆ และมันคนนี้มีเก้าอี้อยู่ในมือ
“ชีวิตผมจบแล้วสินะ”
ตอบสนองได้ทันเป็นเรื่องหนึ่งแต่การหลบเลี่ยงให้ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถอยฉากได้อย่างเต็มที่ในตอนนี้ และทำได้เพียงเอียงตัวไปเล็กน้อย เขาไม่กล้าปล่อยให้หัวถูกตีด้วยแรงปะทะสูงเช่นนี้
*ตั๊บ*
แทบจะในเวลาเดียวกับที่ฉินฟางเอี้ยวตัว เสียงลมที่ผ่านเข้ามาหูของเขาก็ยิ่งเด่นชัดมากขึ้น สุดท้ายแรงลมที่พุ่งมาก็เข้าปะทะที่หัวของเขา จนสามารถรู้สึกได้เพียงว่าหลังของตัวเองถูกกระแทกอย่างหนักหน่วง ทำให้ล้มไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ
*ปัง เพล้ง*
ข้างหน้าฉินฟางมีโต๊ะที่มาจากร้านของเขาและชามที่ยังไม่ได้เก็บ เมื่อเผชิญกับแรงปะทะที่รุนแรงของฉินฟางชามก็ตกลงพื้นเกิดเสียงดัง ‘เพล้ง’ และโต๊ะก็ถูกชนล้มไปด้วยเช่นกัน จนในที่สุดก็ปรากฏให้เห็นภาพของตัวฉินฟางที่นอนกองอยู่ระหว่างโต๊ะที่ล้มลงกับถ้วยชามที่แตกเสียหาย อีกทั้งสามารถเห็นเลือดสีแดงบางส่วนที่ไหลรินออกมาจากหัวเขาได้อย่างเลือนราง
“ฉินฟาง!”
ถังเฟยเฟยตาเบิกกว้างและเอามือที่ขาวซีดป้องปากสีเชอรี่ของเธอไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อและกังวลอย่างมากด้วยเช่นกัน เมื่อเธอกลับมาตั้งสติได้ก็ร้องออกมาอย่างเสียขวัญ และทำท่าทางที่แสดงให้เห็นว่าเธอต้องการจะวิ่งเข้าไปหาฉินฟาง
“อย่าไปนะ เขาไม่เป็นอะไรหรอก...”
ฟ่านเจี่ยเจียที่ยืนอยู่ข้างถังเฟยเฟยดึงตัวเธอไว้ และชี้ไปยังฉินฟางที่กำลังค่อยๆ ลุกกลับขึ้นมา
< ได้รับความเจ็บปวดจากการโจมตี, HP -4 >
< ได้รับความเจ็บปวดจากการโจมตี, HP -1 >
อันที่จริงแล้วฉินฟางคิดว่าหลังจากที่เขาถูกตีไปอย่างหนักแล้ว ต่อให้ศีรษะของเขาไม่เป็นไรแต่ที่หลังก็น่าจะบาดเจ็บสาหัสแน่ๆ
แต่สิ่งต่างๆ ดูแปลกไปเช่นเคย ฉินฟางได้รับการแจ้งเตือนตอนที่ถูกโจมตี กับความรู้สึกที่ร่างกายเขาอ่อนแอลงเล็กน้อยและความเจ็บปวดบนแผ่นหลังอย่างเบาบางแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บอะไรอีกเลย
ฉินฟางพูดอย่างมีความสุข
“HP -4 ฮะฮะ มันเหมือนกับเกมส์จริงๆ...”
ฉินฟางล้มลงกับพื้นแต่เขาก็ไม่ได้เร่งรีบที่จะลุกขึ้น กลับกันเขาฉวยโอกาสนี้เพื่อทำการหยุดพักและจัดระเบียบความคิดอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เมื่อเขาถูกตีแล้ว ตัวเขาไม่ได้รับบาดเจ็บหรืออาจพูดได้ว่าการ ‘บาดเจ็บ’ ของเขาคือค่า HP ลดลงไปสี่หน่วย สำหรับอีกหนึ่งหน่วยนั้นเป็นเพราะเศษถ้วยชามที่แตกเสียหายบาดไปที่หัวของเขาจนมีเลือดไหลออกมา
เมื่อลูกสมุนคนที่สองเห็นว่าฉินฟางยังไม่ถูกตีจนน็อค มันก็ตื่นตระหนก แต่ในขณะที่กำลังใคร่ครวญว่าจะหนีไปหรือไม่นั้น ฉินฟางก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาโดยไม่คาดคิดอีกครั้ง
“แกยังไม่ชนะหรอกนะ มาต่อกันเถอะ...”
ฉินฟางลุกขึ้นยืนและหยิบเก้าอี้ที่ใช้ฟาดสองคนก่อนหน้านี้ขึ้นมาอีกครั้ง ตาทั้งสองของเขาจับจ้องตรงไปยังฝ่ายตรงข้ามที่เหลืออยู่คนสุดท้าย และพูดออกไปอย่างเยือกเย็น
หน้าผากของเขามีเลือดไหลริน และเลือดสีแดงสดใสเหล่านั้นก็กำลังไหลผ่านใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา จนทำให้ดูเหมือนดุร้ายเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟยามค่ำคืน เมื่อเขาเอ่ยวาจานั้นฟันที่ขาวสะอาดราวหิมะกับสายตาดำมืดที่จ้องมองมา... ทุกสิ่งรวมเข้าด้วยกันก็ทำให้เหล่าคนที่มุงดูหนาวเหน็บ พร้อมกับแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว
…………………………