ตอนที่ 04 ราเม็งแสนอร่อย
ตอนที่ 04 ราเม็งแสนอร่อย
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
ขณะที่เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ฉินฟางก็ยังคงจดจ่ออยู่กับการเพิ่มทักษะความสามารถของเขา......
******
ภายในห้องพักของฉินฟาง
“หิวจังเลย ฉินฟางยังทำอาหารไม่เสร็จอีกเหรอ?”
ถังเฟยเฟยเอามือกุมท้องเล็กๆ ของเธอซึ่งว่างเปล่ามาเป็นเวลานาน เธอที่หิวจนไส้กิ่วจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นฉินฟางในใจ
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ฉินฟางยังไม่ได้เอาอะไรมาให้เธอกินเลย
“ไม่ไหวแล้ว ฉันจะต้องไปดูก่อนแล้วว่าเขากำลังปรุงอาหารอะไร อย่างน้อยต้องมีอะไรให้กิน ไม่งั้นฉันคงจะทนหิวต่อไปไม่ได้”
ขณะที่ท้องของเธอร้องครางไม่มีหยุดหย่อน ถังเฟยเฟยที่ปกติมักจะรักษามารยาทของตัวเองให้เหมาะสมก็ไม่คำนึงถึงเรื่องนั้นอีกต่อไป และเดินไปยังห้องครัวด้วยอาการโซเซ
“ฉิน...”
ช่วงเวลาที่เธอเดินไปถึงหน้าประตูห้องครัว ถังเฟยเฟยก็มองเห็นแผ่นหลังของฉินฟาง และในตอนที่เธอกำลังจะร้องเรียก ถังเฟยเฟยก็ตกละลึงกับการกระทำของฉินฟาง ซึ่งเธอตกใจมากจนกระทั่งลืมที่จะเรียกชื่อเขา
ฉินฟางในขณะนี้ได้อุทิศตัวอย่างเต็มที่ในการทำเส้นบะหมี่ ‘ชั้นสูง’ เธอเห็นมือของฉินฟางร่ายรำไปรอบๆ ด้วยความเร็วสูง ทำให้บะหมี่เส้นหนาที่อยู่ในมือตอนแรกกลายไปเป็นเกลียวบะหมี่เรียวบางอันสวยงาม
ฉินฟางจำเป็นต้องสะบัดเส้นบะหมี่เหล่านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นเส้นบะหมี่ที่เขาทำก็จะม้วนกลับเข้ามาเสียงดัง ‘ควับ’ เป็นการแสดงให้เห็นถึงทักษะการทำบะหมี่อย่างแท้จริง
*แปะ* *แปะ* *แปะ*
แม้ว่าถังเฟยเฟยจะเคยเห็นพ่อครัวมืออาชีพในการทำเส้นบะหมี่มาก่อน แต่คนเหล่านั้นที่จะบรรลุทักษะระดับนี้ได้ต้องใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝน ยิ่งคนทั่วไปแล้วไม่สามารถบรรลุระดับนั้นได้แน่ๆ แต่ไม่คาดคิดว่าฉินฟางจะสามารถทำได้ ถึงมันจะไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่าบะหมี่ที่ฉินฟางทำจะมีรสชาติเหมือนกับของมืออาชีพ แต่สิ่งที่เขาแสดงให้เห็นในตอนนี้ขณะทำเส้นบะหมี่ก็ดูลื่นไหลเป็นอย่างมาก และสร้างความเพลิดเพลินทางสายตา ราวกับว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นไม่ใช่การทำเส้นบะหมี่แต่กลับเป็นศิลปะการแสดงแทน
ถังเฟยเฟยรู้สึกสนุกสนานและพึงพอใจเป็นอย่างมาก กระทั่งเรื่องท้องหิวซึ่งสำคัญที่สุดก็ละไว้เป็นการชั่วคราว และเริ่มทำการปรบมือชื่นชมการแสดงของฉินฟาง
การปรบมือของเธอเป็นธรรมดาที่จะทำให้ฉินฟางสะดุ้ง และเมื่อเขาหันกลับไปมองถังเฟยเฟยที่กำลังยืนพิงประตูทางเข้าก็ถามไปโดยไม่ได้ยั้งคิดว่า
“ถังเฟยเฟย เธอมาทำไมเหรอ?”
หลังจากที่ถูกถาม ไม่เพียงถังเฟยเฟยจะตระหนักได้ว่าทำไมถึงมาที่นี่ในตอนแรก เธอรีบทำท่าทางที่คิดว่าจะทำให้คนกลัวเป็นอย่างมาก นั่นก็คือทำจมูกย่นและยกมือเท้าสะเอวพร้อมทั้งเริ่มพูดตำหนิติเตียนฉินฟางว่า
“นายยังกล้าถามอีกเหรอ? นายบอกว่าจะทำอาหารเลี้ยงฉันแต่ผ่านไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ฉันก็ยังไม่ได้เห็นแม้กระทั่งเงาของอาหาร... นายพยายามทำให้ฉันหิวตายหรือไง?!”
แต่น่าเสียดายที่เธอเป็นหญิงสาวอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น และด้วยรูปลักษณ์ที่สวยและสง่างามเช่นนี้ ควบคู่กับความเบิกบานรื่นเริงที่สามารถมองเห็นได้ภายในดวงตาของเธอ มันก็ยิ่งเน้นความน่าดึงดูดใจของถังเฟยเฟยให้มากขึ้น นี่จึงไม่ได้ถือว่าเป็นการทำให้ผู้คนกลัวเลย กระทั่งฉินฟางที่ไม่เคยสนใจมองผู้หญิงมาก่อนก็ยังตกอยู่ในอาการตกตะลึง และลมหายใจของเขาก็ดูถี่รัวขึ้นมาเล็กน้อย
“อะไรนะ? มากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วงั้นเหรอ?”
อย่างไรก็ตามคำพูดของถังเฟยเฟยก็ทำให้ฉินฟางได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วและพูดอุทานไปหนึ่งประโยคในทันที จากนั้นก็มองท้องฟ้าที่อยู่นอกหน้าต่างก็พบว่าเริ่มมืดลงเล็กน้อยแล้ว
“ผมเสียใจ... เสียใจจริงๆ เพราะวันนี้ลืมซื้อผัก เพื่อนบ้านของผมฟ่านเจี่ยเจียก็เลยให้ก้อนแป้งโดว์มาบางส่วน ผมจึงคิดว่าจะทำราเม็งให้เธอทานน่ะ เนื่องจากมันเป็นครั้งแรกที่ผมทำเส้นบะหมี่ มันเลยเอามาใช้ทำราเม็งไม่ได้เลย เพียงแต่หลังจากฝึกทำมาเป็นเวลานานมากมันเลยค่อนข้างที่จะพอยอมรับได้”
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ความผิดของฉินฟาง แต่การพูดเรื่องคนอื่นลับหลังพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉินฟางจะลดตัวกระทำ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะรับคำตำหนินี้ไปเต็มๆ
ขณะที่เขาทำการขอโทษก็เริ่มต้มน้ำในหม้อเพื่อปรุงเส้นบะหมี่เหล่านั้น ในเวลาเดียวกันเขาก็หยิบแป้งโดว์ชิ้นใหม่เพื่อเริ่มทำเส้นบะหมี่ต่อ ตอนที่มือทั้งสองของเขากำลังร่ายรำด้วยความเร็วที่สูงมากนั้น ราเม็งหนึ่งชามพร้อมกับเครื่องเคียงจำนวนมากก็พร้อมที่จะเสิร์ฟ
“ว้าว... นายนี่น่าทึ่งมาก! เส้นบะหมี่พวกนี้ดูดีและยืดหยุ่นมาก ฉันคิดว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ”
ในครั้งนี้ถังเฟยเฟยไม่ได้ยืนผิงที่ประตูทางเข้าอีกต่อไป แต่กลับไปยืนอยู่ข้างๆ ฉินฟางและเฝ้ามองตลอดทั้งกระบวนการในการทำเส้นบะหมี่ที่สวยงามและเหนียวนุ่มของเขาอย่างใกล้ชิด
ฉินฟางเพียงยิ้มและไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตามในใจของเขาก็กำลังคิดเกี่ยวกับทักษะ [การทำบะหมี่] ซึ่งมีค่าประสบการณ์เพิ่มจาก 0% ขึ้นไปเป็น 8% ภายในหนึ่งชั่วโมง ถ้าทุกครั้งที่ทำเส้นบะหมี่จะให้ค่าประสบการณ์มาตรฐาน 0.1% แสดงว่าฉินฟางได้ทำเส้นบะหมี่ไปแล้วมากกว่าแปดสิบครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยของเวลาที่จำเป็นต้องนวดและทำแป้งโดว์ เขาก็ยังทำเส้นบะหมี่หนึ่งจับได้ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งนาที
อันที่จริงแล้วเป็นเรื่องธรรมดาที่เวลาจะสั้นลง ด้วยเวลาประมาณการครึ่งนาทีสำหรับเส้นบะหมี่หนึ่งจับ ซึ่งนี่หมายความว่าในแง่ของความเร็วเพียงอย่างเดียว ทักษะของฉินฟางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่าพ่อครัวมืออาชีพในการทำเส้นบะหมี่
แต่ถ้าพิจารณาความจริงที่ฉินฟางยังไม่ชำนาญในช่วงเริ่มต้นจนเสียเวลาไปมาก แต่ในท้ายที่สุดเขาก็สามารถทำได้เร็วและชำนาญมากขึ้น จนกระทั่งพูดได้ว่าเขาต้องการเวลาเพียงยี่สิบวินาทีเพื่อทำเส้นบะหมี่สำหรับหนึ่งชามให้แล้วเสร็จ และแน่นอนว่าความเร็วนี้ดูช่างน่าเกรงขาม
หลังจากการทำเส้นบะหมี่ ขั้นตอนต่อมานั้นเรียบง่ายกว่ามาก เพราะที่นี่คือห้องครัวและเครื่องปรุงรสทุกประเภทล้วนมีอยู่พร้อมสรรพ ทำให้หลังจากนั้นไม่นานราเม็งร้อนๆ หนึ่งชามก็ถูกปรุงขึ้น
< [โชยุราเม็งแบบธรรมดา] --- โชยุราเม็งทำเองแบบเรียบง่าย ไม่มีส่วนผสมพิเศษอะไรให้เอ่ยถึง และทุกๆ คนสามารถปรุงมันได้ >
ฉินฟางในตอนนี้ค่อยๆ คุ้นเคยกับคำอธิบายที่ปรากฏอยู่บนวัตถุต่างๆ แล้ว และเป็นตามที่เขาคาดไว้ว่าเมื่อทำการปรุงราเม็งขึ้นมาหนึ่งชาม ชื่อพร้อมกับคำระบุต่อท้ายที่ดูธรรมดามากๆ ก็ปรากฏขึ้น แต่อย่างไรก็ตามคำอธิบายนั้นก็ยังคงบั่นทอนกำลังใจเขาเช่นเคย
“ว้าว กลิ่นของมันหอมมากๆ เลย...”
ทั้งๆ ที่มีคำอธิบายซึ่งบั่นทอนกำลังใจ แต่เมื่อฉินฟางนำเสนอราเม็งที่เขาทำเป็นพิเศษสำหรับเธอวางลงตรงหน้าถังเฟยเฟย เธอก็ไม่อาจต้านทานแรงกระตุ้นที่จะชมเชยราเม็งชามนี้ตอนที่ได้กลิ่นของมัน
ในช่วงเวลานั้นเองฉินฟางก็รู้สึกว่าหนึ่งชั่วโมงกับการทำงานอย่างหนักของเขาคุ้มค่าสมกับคำชมเชยนั้น
*ซู้ด ซ๊วบ*
น่าเสียดายว่าทันทีหลังจากทำการชื่นชมอาหารนั้นแล้ว ถังเฟยเฟยก็แย่งชามราเม็งไปโดยไม่สนใจว่ามันจะร้อนลวกเนื่องจากเพิ่งออกมาจากหม้อใหม่ๆ และเริ่มทำการกินมันลงไปด้วยความกระหาย
ถึงแม้ว่าเธอจะมีรูปร่างเล็กแต่ความอยากอาหารของถังเฟยเฟยไม่ได้น้อยเลย ราเม็งชามนั้นที่เธอแย่งไปมีเครื่องเคียงมากพอที่เติมกระเพาะของฉินฟางให้เต็มได้ แต่เธอก็ยังสามารถสวาปามมันได้ในระยะเวลาอันสั้น กระทั่งน้ำซุปก็ยกซดจนไม่เหลือแม้หยดเดียว
ปัญหาก็คือหลังจากกินราเม็งชามนั้นไปแล้ว ถังเฟยเฟยใช้มือทั้งสองถือชามเปล่านั้นไว้และมองไปที่ฉินฟางด้วยสายตาน่าสงสาร คำพูดก็เริ่มลอยออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดใสอันอ่อนโยนของเธอ
“ฉินฟาง นายทำให้ฉันอีกชามได้ไหม? มันอร่อยมากเลย!”
หลังจากได้ฟังสิ่งที่ถังเฟยเฟยพูด ฉินฟางคิดว่าเขาได้ยินผิดไป จึงมองไปยังถังเฟยเฟยและถามอย่างสงสัยว่า
“มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ด้วยความสัตย์จริง ฉินฟางเองยังไม่มีความเชื่อมั่นในราเม็งที่เขาทำตอนนี้เลย เพราะมันเป็นชามแรกที่เขาทำขึ้น กระทั่งรสชาติของมันเขายังไม่รู้เลย แถมการประเมินของระบบบ้านั่นก็ยิ่งทำให้เขาพูดไม่ออกและท้อแท้ใจ
“อืม มันอร่อยมากจริงๆ ! มันเป็นราเม็งที่อร่อยมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาเลย!”
พอมองไปยังดวงตาที่สว่างสดใสของฉินฟาง ถังเฟยเฟยที่สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นหญิงสาว เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถรับมือการจ้องมองของเขาและก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ อย่างไรก็ตามเธอคิดจริงๆ ว่าราเม็งของฉินฟางนั้นอร่อยมาก เธอถึงกระทั่งซดน้ำซุปจนหยาดหยดสุดท้าย
-----------------------------------