Reincarnation Of The Strongest Sword God ตอนที่ 22 – พายุการรับสมัครคน
**บอกหน่อยนะครับชื่อแบบตอนที่แล้วกับตอนนี้แบบไหนดีกว่ากัน
Chapter 22 – พายุการรับสมัครคน
ในขณะที่ผู้เล่นเริ่มเข้าสู่ที่นั่นมากขึ้น พื้นที่ของซือเฟิงได้เปลี่ยนเป็นเนิบนาบ
“พี่เฟิง ผมไม่เห็นอะไรเลย จริงดิ? หรือผมกำลังฝันอยู่เนี่ย?” แบล็คกี้ถูตาของเขาขณะที่เขาถามด้วยความไม่มั่นใจ
ซือเฟิงก็ไม่พูดไม่ออก ด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น เขามองไปยังปาร์ตี้ของสามคนที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย
ผู้ที่มาใหม่ไม่ใช่ใครที่ เธอคือไอดอลของแบล็คกี้ เทพธิดาหิมะผู้อ่อนโยน ร่างกายของหิมะผู้อ่อนโยนปกคลุมไปด้วยชุดเกราะนักรบโบราณสีเงินที่งดงาม เผยให้เห็นรูปร่างที่ดีและส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ เป็นการเพิ่มความงามราวกับเทพธิดาและภาวะอารมณ์ที่เป็นหิมะหนาวเย็น แม้กระทั่วหัวใจของผู้หญิงก็ต้องสั่นไหวเพราะเธอ เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ชายจำนวนมาก
แม้กระทั่งซือเฟิงก็ได้แต่ยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ว่าหิมะผู้อ่อนโยนเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรูปร่างหรือภาวะอารมณ์ ไม่มีผู้หญิงที่เป็นผู้มีชื่อเสียงคนไหนเลยที่จะเทียบกับเธอได้
สำหรับทั้งสองคนในแต่ละด้านของหิมะผู้อ่อนโยน ซือเฟิงก็คุ้นเคยกับพวกเขามากเช่นกัน เขาเคยเห็นพวกเขาก่อนหน้านี้ในช่องข่าวใหญ่ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงทั้งหมดใน God’s Domain
หนึ่งในพวกเขาก็ยังมีความงดงามอย่างแท้จริงชื่อว่าจ้าวหยูรู่ ถ้าหิมะผู้อ่อนโยนอาจกล่าวได้ว่าครอบครองร่างกายและรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ แต่จ้าวหยูรู่ครอบครองร่างกายที่ยั่วยวนเหมือนกับปีศาจ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเหมือนกับการยั่วยวนที่มีอำนาจชักจูงหัวใจของผู้คนได้ ยิ่งเพิ่มเสื้อคลุมสีแดงเพลิงที่เธอสวม ร่างกายขอเธอเปล่งประกายเหมือนกับเสน่ห์อันดุร้าย
เสน่ห์อันน่าสับสนทำให้ผู้ชายหลายคนต้องการจะเข้าไปและจู่โจมเธอ
ถ้าคุณทำอย่างนั้นจริงๆ ขอแสดงความยินดีด้วย คุณเพิ่งจะได้รับตั๋วเที่ยวเดียวไปยังนรกโดยตรง
นี่เป็นเพราะว่าคำพูดเช่น 'หน้าอกใหญ่ไร้สมอง' และ 'บอบบางเหมือนดอกไม้' ไม่สามารถใช้ได้กับจ้าวหยูรู่ใน God's Domain เธอได้ชื่อแล่นอีกอย่างว่า แม่มดแห่งเพลิง เหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงได้สมญานี้ก็คือภูเขาแห่งซากศพที่เธอทับถมโดยใช้ผู้ชายเหล่านี้
เคยมีหัวหน้ากิลด์ของกิลด์ใหญ่ได้พยายามที่จะทำร้ายจ้าวหยูรู่ เป็นผลให้กิลด์นั้นที่มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งหมื่นคนกลายเป็นเหลือไม่มาก จ้าวหยูรู่ถึงกับออกล่าหัวหน้ากิลด์ของพวกเขา เหตุการณ์นี้ได้จบลงเมื่อหัวหน้ากิลด์ถูกฆ่าจนกลับไปอยู่เลเวล 0 จากนั้นเป็นต้นมา สมญาแม่มดแห่งเพลิงก็ได้ถูกโยนลงบนจ้าวหยูรู่
เมื่อเทียบเทพธิดาหิมะและแม่มดแห่งเพลิงแล้ว พวกเธอทั้งคู่ นักบวชหญิง(ชื่อครับ) ก็ถือได้ว่าธรรมดา เธอไม่ได้สวยจนเกินไป เทคนิคของเธอก็ไม่ได้แย่ และเธอก็ยังคงอยู่ในร้อยอันดับของนักบวชในราชอาณาจักรสตาร์มูน (หลังจากตอนนี้เปลี่ยนพระเป็นนักบวชนะครับ)
สองความงามที่แท้จริงพวกกับความงามที่ยิ่งใหญ่ ได้ทำให้เกิดการจัดกลุ่มทัศนียภาพที่สดใสในป่าแห่งความตาย ผู้เล่นนับร้อยล้อมรอบพวกเธอ พยายามที่จะทำความคุ้นเคยกับสามสาว แต่น่าเสียที่สามสาวงามไม่ได้มองไปที่พวกเขาเลย
“พี่สาวหยูรู่ พวกคนเหล่านี้น่ากลัวมากจริงๆ พวกเราจะกลับไปและเพิ่มเลเวลดีไหม?” คนตาขาวเซี่ยวหยูเอ๋อพูดกระซิบ
"ฮิฮิ หยูเอ๋อ อย่ากลัวไป ด้วยหิมะผู้อ่อนโยนอยู่ที่นี่แล้ว แม้ว่าเธอจะมอบความเกลียดชังให้กับพวกเขา พวกผู้ชายหยาบคายกับความกล้าหาญของพวกเขานับสิบครั้ง พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะมาที่นี่หรอก" จ้าวหยูรู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่หน้าอกที่ภาคภูมิใจของเธอยื่นออกมา
"ถึงแม้ว่าขอบดรอปจากมอนสเตอร์ชั้นสูงจะไม่เลว ในป่าแห่งความตายอัตราการดรอปของหนังสือสกิลก็สูง ถ้าเราไม่ได้ฟาร์มหนังสือสกิลสักสองสามเล่ม เลเวลของพวกเราจะเพิ่มช้ามากในอนาคต" หิมะผู้อ่อนโยนกล่าวอย่างเงียบๆ
จ้าวหยูรู่พยักหน้าเห็นด้วย ถึงแม้ว่าพวกเธอทั้งสามคนจะฆ่ามอนสเตอร์ชนชั้นสูงไปมาก แต่จำนวนหนังสือสกิลที่ดรอปนั้นน้อยนิด จนกระทั่งตอนนี้พวกเธอสามคนก็ยังไม่ได้เรียนแม้แต่สามสกิล มันส่งผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพของการฟาร์มจริงๆ
“ปาร์ตี้ที่มีประสิทธิภาพสำหรับป่าแห่งความตาย ต้องการผู้รักษาและ MT( Main Target ตัวเป้าหมายหลัก) มี 3 รออีก 3 คน” หลังจากดูอาหารตาเล็กน้อย ซือเฟิงก็ตะโกนอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าหิมะผู้อ่อนโยนและจ้าวหยูรู่จะงดงาม โดยแท้จริง แต่ซือเฟิงก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เขาได้เห็นความงามมามากมาย โดยเฉพาะหลังจากของได้เป็นกัปตันของ Shadow สาวงามจำนวนมากเต็มใจที่จะโยนตัวเองมาให้ซือเฟิง สำหรับหิมะผู้อ่อนโยนและจ้าวหยูรู่ ก็ดีพอที่พวกเขาจะมองเพื่อความเพลิดเพลิน สาวงามดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ซือเฟิงคิดถึง เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้ก็คือการลงทุนกับธุรกิจ
อย่างไรก็ตามการตะโกนของซือเฟิงไม่ได้ผลตอบรับใดๆเลย ไม่มีแต่ผู้เล่นเดียวที่จะชำเลืองมองมาที่เขา ทุกคนกำลังมองและน้ำลายไหลไปกับกลุ่มทั้งสามของหิมะผู้อ่อนโยน แม้กระทั่งแบล็คกี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ดวงตาของเขาแทบจะโผล่ออกมาจากเบ้าของพวกมันจากการจ้องมอง
ซือเฟิงถอนหายใจ ส่ายหัวของเขาอย่างหมดหนทางและตะโกนอย่างต่อเนื่องเพื่อรับสมัครผู้คน
“เชี้ย ไอ้โง่นี่พูดบ้าอะไรของมัน? แกคิดจริงๆเหรอว่าจะมีใครจะยอมถูกผูกมัดฆ่าตัวตายด้วยกันกับแกในดันเจี้ยน?”
“ไสหัวไปให้เร็ว แกไอ้มือใหม่เลเวล 1! หยุดกวนใจฉันจากการมองสาวงามได้แล้ว”
มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่เริ่มแสดงความไม่พอใจของพวกเขา สองสาวงามคุณภาพสูงกำลังโชว์ตัวอยู่ตอนนี้ แต่ซือเฟิงก็กำลังประกาศโด่งดังที่นี่อยู่จริง แกจะทำอะไรถ้าสองสาวงามนั้นกลัว?
"คนๆนั้นน่าสนใจ เขาสามารถดึงดูดความเกลียดชังจากคนจำนวนมากได้อย่างแท้จริง เขาทำอะไรบางอย่างที่ผิดศีลธรรมมาก่อนหน้านี้รึเปล่า?" เซี่ยวหยูเอ๋อเปิดเผยรอยยิ้มที่เหมือนพระจันทร์เสี้ยว แล้วหัวเราะคิกคักขณะที่เธอชี้ไปยังซือเฟิง
จ้าวหยูรู่เล็งไปตามดวงตาของเธอเช่นเดียวกัน เธอรู้สึกว่าไม่มีอะไรพิเศษจากซือเฟิง เขาแม้กระทั่งแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง จ้าวหยูรู่รู้สึกว่าซือเฟิงกำลังพยายามดึงดูดความสนใจฝูงชน เธอพูดอย่างดูหมิ่นทันทีว่า “แน่นอนว่าเขากำลังทำเพื่อดึงดูดความสนใจจากพวกเรา ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาแล้วรีบรวมปาร์ตี้ 3 คนเพื่อลงดันเจี้ยนดีกว่า”
เกี่ยวกับจำนวนของผู้ชายที่พยายามดึงดูดความสนใจของพวกเธอ พวกเขานั้นมีมากจนเกินไป จ้าวหยูรู่เคยได้เห็นวิธีการทุกประเภทที่พวกผู้ชายใช้ก่อนหน้านี้และวิธีของซือเฟิงนั้นไม่ใช่ภาพที่หายากเลย แต่มันล้าสมัย
หิมะผู้อ่อนโยนไม่ได้ออกเสียงแสดงความคิดเห็นใดๆ เพียงแค่มองไปยังซือเฟิง เธอมีความรู้สึกแปลกๆที่มาจากซือเฟิง นี้เป็นเหมือนกับจิตวิญญาณของดาบที่ซ่อนไว้ หิมะผู้อ่อนโยนกังวัลเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับเหล็กเกี่ยวประตูที่ห้อยอยู่รอบๆเอวของซือเฟิง
“หิมะผู้อ่อนโยน เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน?” จ้าวหยูรู่แอบมองไปที่หิมะผู้อ่อนโยน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหิมะผู้อ่อนโยนถึงได้จ้องไปที่ซือเฟิงแบบสุดๆ
“ไม่มีอะไร บางทีอาจจะเป็นแค่จินตนาการของฉัน เราควรรีบรับสมัครคงลงดันเจี้ยนได้แล้ว” หิมะผู้อ่อนโยนส่ายหวัของเธอ ไม่ได้มองไปที่เหล็กเกี่ยวปะรตูที่เอวของซือเฟิงอีกต่อไป
เดิมทีปาร์ตี้ของซือเฟิงก็มีปัญหาในการรับสมัครคนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเพราะประโยคเดียวของจ้าวหยูรู่ ทำให้ไม่ใครคนอื่นเลยที่จะให้ความสนใจกับปาร์ตี้ของซือเฟิง แม้ว่าปาร์ตี้ของเขาจะมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ในปัจจุบัน
การแสดงออกของซือเฟิงนั้นไม่มีประโยชน์เมื่อเห็นผู้เล่นเป็นร้อยกำลังเข้าคิวด้านหน้าของจ้าวหยูรู่ มันเป็นการมาถึงของผู้หญิงสามในช่วงเวลาที่เลวร้ายจริงๆ
“พี่เฟิง ทำไมเราไม่ไปตรงนั้นเหมือนกันล่ะ” แบล็คกี้ชักชวนอย่างออกนอกหน้า
“ไปซิ! นายจะเอาฉันไปทำไม?” ซือเฟิงกลอกตาของเขาไปที่แบล็คกี้ สหายคนนี้จะหน้าด้านเกินไปแล้ว ลืมมิตรภาพหลังจากได้พบกับความรัก กลัยกันหิมะผู้โดดเดี่ยวนั้นดีกว่าอยู่ เขาเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง แรกเริ่มหิมะผู้โดดเดียวได้เหลือบมองไปไม่กี่ครั้งแต่ก็หยุดหลังจากก็ยกยอสองสามครั้ง เขายังได้ช่วยซือเฟิงรับสมัครคนด้านข้างเขาด้วย
แบล็คกี้ไม่กล้าที่จะพูดอีกหลังจากถูกตำหนิโดยซือเฟิง เขาสามารคทำได้เพียงมองเงียบๆ ด้วยความอิจฉาผู้เล่นที่เข้าคิวเหล่านั้น
กว่าสิบนาทีต่อมา ซือเฟิงยังไม่ได้รับคนมาแม้แต่คนเดียว ในทำนองเดียวกัน ปาร์ตี้ของหิมะผู้อ่อนโยนก็ยังไม่ได้รับคนแม้แต่คนเดียว อย่างไรก็ตามในกรณีของซือเฟิง มันเป็นเพราะว่าไม่มีใครมาเข้าร่วมปาร์ตี้ของเขา ในขณะที่ปาร์ตี้ของหิมะผู้อ่อนโยน มันเป็นเพราะว่าไม่มีผู้เล่นคนไหนที่จับคู่กับสเปคของพวกเธอได้ หนึ่งปาร์ตี้อยู่บนสวรรค์ขณะที่อีกปาร์ตี้อยู่บนพื้นดิน
ซือเฟิงไม่มีทางเลือกมากกว่านี้ เขาไม่สามารถยืดเยื้อออกไปในวิธีเช่นนี้ได้ เวลาของเขาเป็นสิ่งมีค่า เขาสามารถทำได้เพียงทำข้อยกเว้นในการรับสมัคร
“ปาร์ตี้ที่มีประสิทธิภาพสำหรับป่าแห่งความตาย เรามีผู้เชี่ยวด้านชั้นนำในปาร์ตี้ เคลียร์ในครั้งเดียว ไม่จำกัดเลเวล มองหาผู้รักษาและตัวจัดการดาเมจ มี 3 รออีก 3”
อย่างไรก็ตาม คำพูดของซือเฟิงทำให้ผู้เล่นจำนวนมากส่งสายตาดูถูกมาให้
ปัจจุบันมีผู้เล่นเลเวล 2 เป็นสิบที่ตายออกมาจากดันเจี้ยน พวกเขาทุกคนพูดว่าป่าแห่งความตายนั้นเป็นไปไม่ได้ในการเคลียร์ ในทางกลับกัน ซือเฟิงกลับบอกว่าปาร์ตี้ของเขาไม่จำกัดเลเวล แล้วเขาไม่ได้กำลังพยายามจะบอกว่าเขาต้องการเพียงแค่คนเดียวในการเคลียร์ป่าแห่งความตาย? นี่เป็นไปได้?
อย่างไรก็ตาม บรรทัดล่างสุดของซือเฟิงก็ยังดึงดูดความสนใจจากผู้เล่นบางคนได้ ภายในไม่กี่วินาที กลุ่มของผู้เล่นเลเวล 1 ได้วิ่งมาเพื่อเข้าร่วม