ตอนที่ 3 : ช่วงพักภารกิจ(1)
การกระทำที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วเสียกว่าคำพูด เฟิ่ง บู่เจวี๋ยฟาดฟันดาบที่อยู่ในมือไปยังซากศพที่อยู่ตรงหน้าโดยปราศจากความกลัว ทำให้เขาสามารถรักษาความสงบได้อย่างน่าแปลกประหลาด การตอบสนองของสมองเขาไม่มีผลกระทบใดๆจากการกระทำของซากศพเลือด ขณะที่กรงเล็บพุ่งเข้ามา เขาก็สามารถตัดมันก่อนได้ทันที
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจที่เห็นดาบฟันเข้าซากศพเลือดราวกับตัดเต้าหู้ในเขียงอาหาร ซากศพที่ถูกฟันถูกหั่นเป็นสอง มีเลือดพุ่งออกมาจากใบหน้าของมัน และมีของเหลวเหนียวๆอยู่ในปาก มันดูอุ่น แม้ว่าจะถูกความเสมือนจริง แต่ก็กลับให้ความรู้สึกราวกับเป็นของจริงเลยก็ว่าได้
ซากศพเลือดที่ถูกตัด ร้องโหยหวดด้วยความเจ็บปวด,ก่อนที่มันจะลงไปนอนกองอยู่บนพื้น เวลานี้ในที่สุดเฟิ่ง บู่เจวี๋ยก็ได้มีโอกาสตรวจสอบความสามารถของดาบเสียที
[ชื่อ : ศพผู้ชุ่มเลือดต้องดับสิ้น]
[ประเภท : อาวุธ]
[คุณภาพ : ดี]
[พลังโจมตี : ตรง]
[คุณสมบัติ : ไม่มี]
[ผลกระทบ : สามารถละลายซากศพที่ชุ่มเลือดหลังจากที่ฟันโดนตัวพวกมัน]
[สามารถเอาออกจากสถานการณ์ได้รึไม่ : ไม่ได้]
[หมายเหตุ : ดาบนี้เป็นผลงานชิ้นแรงของช่างทำอาวุธคนแคระในตำนาน เป็นหนึ่งในของสะสม ‘ทุกสิ่งล้วนต้องดับสิ้น’ มีอยู่วันหนึ่งพวกก็อบลินได้บุกโจมตี พ่อค้าก็ได้ใช้ขวดของ ‘เอ้อร์กั๋วโต้ว(1)’ เพื่อแลกกับดาบเล่มนี้ ครึ่งเดือนหลังต่อมาก็ได้มีผลงานอีกชิ้นว่า ‘เหล่าก็อบลินต้องดับสิ้น’]
หลังจากที่เขาได้ดูคุณสมบัติของไอเท็มที่มี ก็ได้ใช้เวลาไปหลายวินาทีกว่าจะอ่านหมด ไม่นานตัวเสียงของระบบก็ได้แจ้งเตือน [คุณได้เสร็จสิ้นบทเรียนของผู้เล่นใหม่ การเคลื่อนย้ายอัตโนมัติจะเริ่มในหกสิบวินาที]
ขณะที่ระบบกำลังนับถอยหลังหกสิบวินาที ส่วนอื่นๆที่ถูกล็อค ก็ได้ถูกปลดล็อคในเมนูของเขา ตัวเลือกใหม่ที่เข้ามาก็คือ ‘เคลื่อนย้ายทันที’ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยได้เลือกไปที่เมนูดังกล่าว ไม่นานก็เกิดแสงสีขาวปกคลุมร่างของเขาและเคลื่นอออกจากสถานการณ์นี้
แสงสีขาวได้พาเขามายังในตัวลิฟต์อีกครั้ง ดาบยักษ์,ร่องรอยเลือด,และฝุ่นตอนนี้จางหายไปหมด
ทุกๆอย่างที่อยู่ในลิฟต์ยังคงอยู่ในลิฟต์เหมือนเดิม มันเหมือนตอนที่เขาเข้ามาสู่ระบบของเกม แสงที่มีอยู่ตอนนี้คือ แสงของตัวระบบ ช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไปนั้น มันช่างราวกับฝันร้ายจริงๆ
[สถานการณ์เสร็จสมบูรณ์ กำลังคำนวณสำหรับรางวัล…]
[ค่าประสบการณ์ : 70]
[เหรียญเกม : 700]
[ไอเท็ม/อุปกรณ์ : ไม่มี]
[เสร็จสิ้น / ภารกิจ : 0/0]
[ภารกิจพิเศษ , ‘ภารกิจรับ’ เสร็จสิ้น : 0]
[มุมมองปลดล็อค : ไม่มี]
[ค่าความกลัว : 0 ครั้ง]
[ค่าความกลัวสูงสุด : 0%]
[ค่าความกลัวเฉลี่ย : 0%]
[คะแนนความกลัวของคุณ : ไม่ได้หวาดกลัวใดๆ สามารถรับรางวัลเพิ่มเติมอีกหนึ่งอย่าง โปรดเลือกในภายหลัง]
[ค่าทักษะ : 30]
[ค่าประสบการณ์ของแต้มทักษะ : 30]
[เหรียญเกม : 300]
[สถานการณ์โบนัส : กระเป๋าของผู้เล่นใหม่ : 1]
[การคำนวณเสร็จสิ้น กรุณากดดำเนินการต่อ]
ข้อมูลเหล่านี้แสดงอยู่ในหน้าจอ แต่ก็มีเสียงของระบบพูดให้อีกครั้ง
“คุณได้ค่าพลังกายขึ้นมาเป็นระดับ 2 ค่าพลังกายปัจจุบัน 200/200”
แน่นอนว่า เมื่อเฟิ่ง บู่เจวี๋ยได้เห็น ‘ค่าความพิเศษ’ ที่ถูกปลดล็อคออก มันมีทั้งหมดหกประเภทค่าพิเศษ ตอนนี้เหลือเพียงแค่ห้า การให้คะแนนของมันนั้นก็เปรียบได้กับ N/A ทุกอย่างๆที่เขามีตอนนี้จัดอยู่ในรูปแบบธรรมดา ถ้าเปรียบเทียบกับเกรดก็คงเป็น F ได้
ความพิเศษนี้คือการตั้งค่าความสำคัญที่สุดใน ทริลเลอร์ พาราไดซ์ ซึ่งจะถูกใใช้เพื่อประเมินความสามารถของผู้เล่น เฟิ่ง บู่เจวี๋ยยังคงจำได้ดีว่ามันถูกกล่าวในคำแนะนำของเกมในช่วงแรก นั้นหมายความว่าเกรดจะอยู่ในรูปแบบ : N/A: ไม่มี,ยังคงถูกล็อค ยังไม่สามารถใช้ทักษะนี้ได้
F: อ่อนแออย่างมาก เกือบเป็นศูนย์ เมื่อผู้เล่นมาถึงระดับนี้ พวกเขาจะสามารถเปิดใช้ทักษะนี้ได้อัตราความสำเร็จ 20 %
ขณะที่หน้าจอแสดงผลรางวัล,ประตูก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามห้องนี่เป็นห้องที่มีสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ผนังของมันเป็นโลหะ ห้องนี้ใหญ่กว่าตัวลิพต์สองหรือสามเท่าก็ว่าได้ มีแสงสว่างติดอยู่ที่เพดานห้อง มีที่ตั้งกระจกอยู่สองอันในห้อง แต่ไม่มีเสาหรือฐานกระจกอยู่ภายในเลย
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยไม่มีความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับค่าความกลัวของเขา ความกลัวที่เขามี มันก็คือตัวเลข เขาเห็นแค่ตัวเลขทั้งสามเป็น ศูนย์จนหมด คะแนนการให้ความกลัวแบบนี้ มันทำให้เขารำคาญมาก ระบบจะให้ค่าความกลัวเขาไปทำไม อย่างน้อยก็แบ่งเป็นเกรดระดับหน่อยก็ยังดี อย่างน้อยก็น่าจะมีค่าความกล้า,ความบ้าบิ่น,การเผชิญหน้า,การแก้ไขปัญหาไปด้วยสิ ทำยังงี้มันแทบทำให้เขาหัวเสีย
พวกเขาไม่คิดว่ากรณีนี้จะเกิดขึ้นกับเขา, ที่ค่าทุกอย่างเป็นศูนย์,ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นไปได้ อย่างน้อย คนที่ออกแบบเกมก็ควรจะตั้งพวกระดับเป็น “ค่าความกล้า” ขึ้นมาบ้าง
สำหรับบทสอนผู้เล่นใหม่,เฟิ่ง บู่เจวี๋ยได้สร้างความน่าทึ่งเอาไว้มาก เนื่องจากทั้งอยู่รอดและยังเหลือค่าพลังกายไว้มาก ไม่ส่งผลกระทบใดๆในช่วงนาทีสุดท้าย ซึ่งปกติคนทั่วไปก็อาจจะตายหรือรนรานค่าพลังจนหมด ในส่วนนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลไปแทน
รางวัลของเฟิ่ง บู่เจวี๋ยก็นับว่าดีพออยู่, แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่ เขาถอนหายใจออกมาต่อหน้ากระจก ไม่นานก็มีหน้าต่างป๊อปอับปรากฏขึ้นมา [กรุณาเลือกประเภทกระเป๋าเดินทาง]
หน้าจอก็ได้แสดงกระเป๋าสองประเภท ประเภทหนึ่งเป็นกระเป๋าสะพานหลังที่สามารถพกพาไว้ด้านหลัง อีกอย่างหนึ่งเป็นประเภทคาดเอว หลังจากที่พิจารณาตรวจสอบและคิดอย่างถี่ถ้วน เฟิ่ง บู่เจวี๋ยก็เลือกอันแรก จากนั้นแสงก็คลุมทั่วกลางกระจกกลางห้อง แสงก็ได้ปรากฏกระเป๋าออกมา เขาจึงเอื้อมมือคว้ากระเป๋าขึ้น
ในช่วงเวลานั้น, เขาก็ได้ตรวจสอบค่าอุปกรณ์ก็เห็นมันถูกปลดล็อค
[กระเป๋าเดินทางของคุณเป็นพื้นที่เก็บของ, ตอนนี้ของความจุของไอเท็มเก็บได้สูงสุดแค่สิบ ตราบใดที่คุณใส่ไอเท็มลงไปในกระเป๋า มันก็ถูกนับว่าเก็บของ การใส่สิ่งมีชีวิตในกระเป๋า คุณต้องควบคุมมันให้ได้ก่อนที่จะใส่ หมายเหตุพิเศษ : ผู้เล่นไม่สามารถเข้ากระเป๋าได้ กรุณาอย่าลองทำ]
[นับจากนี้ คุณจะไม่สามารถตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณได้จากช่องเก็บของ ทุกสิ่งที่คุณสามารถถือ นับว่าเป็นอุปกรณ์ ไม่ได้มีข้อจำกัด ยกตัวอย่างเช่น ในมือขวาของคุณถือดาบ ในมือซ้ายถือไม้ ขณะที่แขนของคุณกำลังกอดรัดเสื้อ เสื้อผ้าของคุณนับว่าไม่ใช่อุปกรณ์ของคุณ มันก็ไม่สามารถทำลายหรือกำจัดทิ้งได้ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าชุดของคุณได้ที่ เมนูก่อนเข้าสู่ระบบเท่านั้น เครื่องแต่งกายอื่นๆเพิ่มเติมซื้อได้จากร้านค้า]
แม้ว่าจะการถึง ‘ร้านค้า’ ,แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีอะไรที่ต้องซื้อ ในช่วงเวอร์ชั่นทดสอบ ผู้เล่นสามารถทำได้แค่ใส่ชุดเริ่มต้นเท่านั้น
ในยุคนี้,มีผู้ผลิตเกมมากมายเป็นจำนวน พวกเขาได้นำมันมาวางขายที่ร้านค้ามากมายและเปิดโอกาสให้ทดสอบระบบที่ก้าวไปถึง 70% มันอาจจะเป็นไปได้ว่ามีการซื้อพวกชุด,อาวุธ,เครื่องประดับต่างๆ แต่จำนวนผู้ผลิตบางประเภทก็รู้สึกว่ามันจะเป็นปัญหาและวุ่นวาย และด้วยการที่อยากมีอะไรแนวใหม่บ้างจึงได้ตัดบางอย่างออกและอาจจะเพิ่มระบบพวกเลี้ยงสัตว์เข้ามาแทน
อย่างไรก็ตาม บริษัทดรีมนั้นใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากบริษัทเกมอื่นๆ เป้าหมายของบริษัทคือทดสอบฮาร์ดแวร์อย่างเดียว เมื่อใดที่เปิดทดสอบ Close Beta ตัวเกมก็ต้องไปไกลกว่า 95 % แล้ว
เมื่อยุคที่สี่ของเทคโนโลยีออฟติเคิล ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกเกี่ยวกับ AI และอื่นๆ ทำให้ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรมากมาย ดังนั้นเป้าหมายหลักคือทดสอบแค่ตัวเกมอย่างเดียวพอนั้น คือเป้าหมายของ ทริลเลอร์ พาราไดซ์ รุ่น NL 2055
สำหรับไอเท็มที่เสมือนจริงและเทคโนโลยีทางเศรษฐพกิจต่างๆ บริษัทดรีม มีนโยบายที่ค่อนข้างเข้มงวดเกี่ยวกับการควบคุม พวกเขาไม่ได้สร้างเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เนื่องจากอยากเน้นการขายสินค้ามากกว่าเซอร์วิสอะไรมากมายนัก ด้วยการที่ไม่มีระบบร้านค้า จึงมีผู้เล่นมากมายมักเกิดสังคมดีลของซึ่งกันและกัน ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
ด้วยความมั่นใจเกี่ยวกับการตลาดที่แสนจะเย่อหยิ่ง ผู้บริหารของบริษัทดรีมก็เล็งเห็นว่า เวอร์ชั่น Close Beta ตัวเกมจะประสบความสำเร็จได้ด้วยดี ด้วยการระบบรอเงินหมุนจะทำให้เกิดสังคมผู้เล่นมากมายที่จะเข้ามาสนับสนุนพวกเขาได้อย่างโดยตรง
[กรุณาเลือกโบนัสพิเศษ :
สุ่มชุดอุปกรณ์ตามเลเวลคุณ
2000 เหรียญ
80 ค่าประสบการณ์]
เมื่อเขามาถึงหน้ากระจก มันก็ขึ้นข้อความแบบนี้ตรงหน้าเขา
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยคิดว่า “วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดทดสอบเซิร์ฟ Close Beta เงินพวกนี้ก็นับว่าไร้ประโยชน์อยู่ดี” เขาเหลือบไปมองที่เมนู ก็เห็นว่าเลเวลอัพเป็นระดับ 2 อีกทั้งหลอด ค่าประสบการณ์ก็ขึ้น 0/200 นี่ก็นับว่ายังเหลืออีกสี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ที่เลเวลจะอัพอย่างรวดเร็ว ทำให้เขารู้สึกว่าก็ไม่เสียหายเท่าไหร่ถ้าหากสุ่มอุปกรณ์
หลังจากที่เขาเลือก,แสงในกระจกก็ส่องประกาย และปรากฏเป็นหินออกมา
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยถึงกับมึนงง ความคิดแรกก็ปรากฏออกมา ‘นี่อาจจะเป็นหินเวทย์หรือไม่ก็อุปกรณ์ไรบางอย่าง’
เมื่อเขาหยิบหินออกมา มันก็แสดงรายละเอียดทันที
[ชื่อ : ก้อนหินทั่วไป]
[ประเภท : อาวุธ]
[คุณภาพ : ขยะ]
[พลังโจมตี : บางเบา]
[คุณสมบัติเพิ่มเติม : ไม่มี]
[ผลกระทบ : ไม่มี]
[หมายเหตุ : นี่คือหิน หินที่สามารถมองเห็นได้ทั่วทุกที่ บางคนก็เอามันมาเป็นอาวุธ บางคนก็โยนทิ้งหลังจากใช้ไปแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครเก็บมันไว้ในกระเป๋าหรือถือเท่าไหร่นัก]
ในห้องที่ว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งเสียงใดๆ นอกจากลมหายใจ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยทำหน้าอยากจะอ้วก “นี่มัน..นี่มัน...หลอกลวงกันชัดๆ!!”
------------------------------------------
(1) เอ้อร์กั๋วโต้ว : คือการกลั่นเหล้ารอบที่สอง ในศัพท์จีนเหมือนถึงสุราที่ทำจากข้าวฟ่าง การกลั่นครั้งที่สองหมายถึงให้พลังวิญญาณเกิดขึ้นที่ตัวสินค้า