ตอนที่ 17 ผู้ใดนั้นหรือจะถูกสะสาง
“โปรดละเว้นข้าเถิด------ละเว้นข้าด้วยเถิด !”
หว่างคิ้วของเกอซีย่นเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่นางจะกระตุกปลายแส้หวดลงไปเป็นแนวโค้งเกิดทรงเส้นที่สวยงามกลางอากาศ ก่อนจะตกกระทบร่างของบ่าวหนุ่มน้อยผู้นั้นอย่างหนักหน่วง
ความเจ็บปวดอย่างหนักหนากระจายไปทั่วร่างของเสี่ยวซื้อก่อนที่ท่อนแขนขาของมันจะกระตุกเต้น เสียงร้องโอดครวญยังมิทันได้เล็ดรอดออกจากปาก มันก็หมดสตินิ่งสนิทไปแล้ว
แต่จะอย่างไรก็ตามที ถ้อยวาจาที่หลุดออกมาจากปากบ่าวชั่วช้าผู้นี้นับว่าเป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อย มุมปากของเกอซียกยิ้มขึ้นอย่างน่าสยอง เมื่อเป็นเช่นนี้ ชีวิตไร้ค่าของมันผู้นี้นับว่ายังควรค่าแก่การปล่อยทิ้งไว้
แม่นมเฉินผู้ถูกเหยียบจมธรณีกระทั่งทั่วทั้งกายมีแต่บาดแผลและคราบโลหิตเกรอะกรังค่อย ๆ แหงนเงยยกศีรษะของตนขึ้น เพื่อแลดูเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิด
นัยน์ตาที่ฝ้ามัวสะท้อนให้เห็นภาพร่างของเกอซีหยาดน้ำตาร่วงหล่นอาบแก้มในทันใด
“คุณหนู คุณหนูจริง ๆ ด้วย ! ข้ารู้ว่าคุณหนูจะต้องไม่ตาย ข้ารู้ว่า....ฮูหยินจะต้องคอยปกป้องคุณหนูเจ้าค่ะ !”
เกอซีทอดสายตาลงมองแม่นมเฉินที่ยังคงนั่งกองจมอยู่กับพื้นด้วยใบหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำที่หลั่งริน ทั่วร่างของหญิงชราเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต ประกายตาที่ยากจะเข้าใจฉายวาบผ่านออกมาจากดวงตาของเกอซีอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะหายวูบไป
เกอซีได้ยินถ้อยวาจาทั้งหมดและเห็นเหตุการณ์ที่แม่นมเฉินตีรันฟันแทงอย่างสู้ไม่ถอยเพื่อน่าหลานเกอซีด้วยไมตรีจิตและความรักความอาทรจากเบื้องลึกของจิตใจ นางคือบ่าวผู้จงรักภักดีอย่างถึงที่สุด ความซื่อสัตย์ภักดีของนางนั้นล้ำลึกกระทั่งนางสามารถยอมสละชีวิตเพื่อล้างแค้นให้แก่คุณหนูของตนได้ นางไม่ยอมนิ่งเฉยแม้ว่าคุณหนูของนางจะหายตัวไปแค่วันเดียว
ในห้วงแห่งความทรงจำอันโหดร้ายทารุนของน่าหลานเกอซีนั้น แม่นมเฉินผู้นี้คือผู้ที่เลี้ยงดูทะนุถนอมนางมาแต่ครั้งยังเยาวว์วัย หญิงชราผู้นี้ยอมให้ตนต้องทุกข์ทนกับความหิวโหยอิดโรยยอมเผชิญหน้าอย่างไม่หวาดหวั่นต่อความยากลำบากทั้งปวง แต่จะไม่ยอมให้คุณหนูของนางต้องกล้ำกลืนความโศกเศร้าคลุกเคล้าความอยุติธรรม หากไม่ใช่เพราะมีแม่นมเฉินผู้นี้คอยดูแลอยู่ข้างกายมาโดยตลอด เกรงว่าน่าหลานเกอซีคงจะไม่เหลือลมหายใจรอดมาได้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ความรักความเอื้ออาทรเยี่ยงนี้เป็นความรู้สึกที่แปลกออกไปซึ่งเกอซียังรู้สึกไม่คุ้นชินนัก หากแต่ขณะเดียวกันมันกลับสร้างความอิจฉาน้อย ๆ ให้เกิดขึ้นภายในใจ ผู้ที่คอยปกป้องดูแลนางเช่นนี้ก็มีดุจเดียวกันในช่วงชีวิตจากโลกอดีตตัวตนดั้งเดิมของนาง หากแต่คนผู้นั้น.......
เกอซีรีบตรงเข้าไปช่วยพยุงร่างของแม่นมเฉินให้ค่อย ๆ หยัดกายขึ้นมา หญิงสาวยกศีรษะแม่นมเฉินให้แหงนสูงขึ้นก่อนจะลงมือกดจุดต่าง ๆ บนร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แม่นมเฉินผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสยามนี้ที่กลางอกของนางเจ็บปวดทรมาน ราวกับมันจะฉีกขาดออกจากกันเสียให้ได้ ตลอดทั่วทั้งผนังปอดเจ็บแปลบประดุจถูกปลายหนามแหลมระดมทิ่มแทง กระทั่งเดินลมหายใจก็ยังไม่สะดวกนัก ช่องท้องที่ถูกแรงเตะอัดกระแทกเข้าอย่างหนักก่อนหน้าทำให้ระบบอวัยวะภายในเจ็บปวด หากแต่จู่ ๆ อาการเจ็บปวดทรมานทั้งปวงพลันหายเป็นปลิดทิ้ง ! แม้แต่โลหิตที่ไหลพรากออกมาตามรอยแผลปริต่าง ๆ ยังค่อย ๆ ไหลซึมช้าลงเรื่อย ๆ กระทั่งโลหิตตลอดทั่วทั้งกายหยุดการหลั่งไหลออกมาในที่สุด
แม่นมเฉินแหงนเงยศีรษะขึ้นจ้องหน้าเกอซีผู้อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ความเยือกเย็นหยิ่งผยองคือสิ่งที่ประจักษ์กับสายตาบนใบหน้าของเกอซียามนี้
เกอซีไม่เอ่ยอธิบายคำใด นางเพียงหัวเราะขึ้นเบา ๆ “แม่นม รอให้พวกเรากลับเข้าห้องไปก่อน ให้ข้าได้ชำระความเรื่องราวที่คั่งค้างกับพวกมันเสียก่อน ข้าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่าน”
ชำระความ........ชำระความกับพวกมัน ? ดวงตาของแม่นมเฉินเบิ่งโพลง นางรีบเอ่ยปากร้องเสียงหลง “คุณ.....คุณหนู พวกมันมีพลังปราณในชั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม..........ท่านจะเป็นคู่ต่อสู้กับพวกมันได้อย่างไรเจ้าคะ ?”
เสียงร้องอย่างแตกตื่นใจของแม่นมเฉินทำให้พวกที่ยืนรายล้อมสะดุ้งโหยง
จางซานเป็นผู้มีระดับฝีมือพลังปราณขั้นสูงสุดในบรรดาพวกมันทั้งหมด เพียงไม่กี่ปีมานี้ มันสามารถพัฒนากำลังปราณได้ถึงระดับสูงสุดขั้นที่สองในกำลังปราณระดับขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม ด้วยสาตาที่เฉียบคมของมันเห็นแจ้งว่า เกอซีผู้ไร้ค่าไม่มีรากฐานแห่งกระแสปราณมิอาจฝึกฝนพลังฝีมือได้ย่อมไม่อยู่ในสายตาของมัน ความตื่นตะลึงก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยวเดือดดาลขึ้นมาทันตา
พวกมันผู้มีพลังฝีมือในระดับขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม ทว่ากลับถูกทำให้ตื่นกลัวผวาหวาดกระทั่งมิอาจควบคุมจิตใจของตนได้ ทั้งผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ขวัญกระเจิงเหล่านั้นกลับกลายเป็นเพียงสตรีสูญค่าที่ไร้สิ้นพลังยุทธอีกด้วย นับเป็นความเสื่อมเสียน่าละอายกระทั่งพวกมันแทบอยากจะจบชีวิตตนลงมากกว่า ส่วนสาเหตุที่พ่อบ้านหลี่ถูกสังหารด้วยมือของนางผู้นั้นคงสืบเนื่องด้วยในตอนนั้นเขายังไม่ทันได้ตั้งรับ
จางซานจ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดเฉือนหนังของหญิงสาวผู้อยู่เบื้องหน้า “วันนี้คุณหนูสามดูช่างขวัญกล้าเสียจริง ยังไม่รู้เลยว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายชำระความผู้ใดกันแน่ ? เห็นทีข้าคงต้องสั่งสอนให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเสียแล้ว”
แม่นมเฉินหวาดกลัวจนใบหน้าซีดขาวราวกับซากศพ นางรีบเข้าไปยืนขวางหน้าเกอซีบดบังกรอบสายตาของพวกบ่าวไพร่ใจทมิฬ “คุณหนู รีบหนีไปเจ้าค่ะ ! ข้าจะขวางพวกมันไว้เอง คุณหนูรีบกลับเรือนใหญ่ไปขอความช่วยเหลือจากนายท่านเถิดเจ้าค่ะ !”
เกอซีมองดูแม่นมเฉินผู้ยืนขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างห้าวหาญด้วยความฉงน แม้แผ่นหลังของแม่นมเฉินจะสั่นระริก หากแต่ฝ่าเท้ากลับไม่ยอมถอยร่นแม้เพียงก้าวเดียว
ความเย็นชาไร้หัวใจของเกอซีพลันถูกโอบล้อมไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่น ในช่วงชีวิตนี้ยังมีผู้ที่พร้อมสละชีวิตพลีตนเข้าสู่ความตายเพื่อปกป้องนางอย่างแท้จริง
***จบตอน ผู้ใดนั้นหรือจะถูกสะสาง***