ตอนที่ 2 : ซากศพที่เลือดชุ่ม
ตอนที่ 2 : ซากศพที่เลือดชุ่ม
ไม่กี่วินาทีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ก็ได้มีการทักทายผู้เล่นใหม่ จากบทเรียนการสอน
ถ้าหากเขาเป็นคนปกติทั่วไป, เมื่อไหร่ที่มีความมืดปกคลุมโดยไม่มีสัญญานใดๆ และตามมาด้วยเสียงที่น่ากลัว เมื่อนั้นคนทั่วไปมักจะตกอยู่ในสภาวะตกใจและความกลัวก็จะเกิดขึ้น เพียงแค่นั้นก็สามารถทำให้ผู้เล่นหลายคนหัวใจเต้นหนักได้แล้ว
แต่ทว่า เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเขากลับสงบ และไม่รู้สึกกลัวใดๆทั้งสิ้น
หลังจากที่มีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้น, ตัวลิฟต์ก็เริ่มกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ จากนั้นหน้าต่างสถานะก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของ เฟิ่ง บู่เจวี๋ย
เมนูของเกมปรากฏขึ้นในวิสัยทัศน์ของผู้เล่นโดยเฉพาะ มันไม่สามารถทำให้คนอื่นเห็นได้ เพราะมันเป็นเมนูส่วนตัว เมื่อผู้เล่นกำลังดูสถานะ หากมีคนอื่นมาเข้าใกล้หรือแอบดูก็จะไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่
ระบบไม่มีเสียงแจ้งเตือนแต่อย่างใด,แต่เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเห็นการเตือนจากการจำแทน
[คุณสามารถเปิดเมนูนี้ได้ตลอดเวลา คุณสามารถหาค่าสถานะ,คุณสมบัติ,อุปกรณ์ และ สิ่งของได้จากที่นี่]
ในช่วงเวลานี้ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเห็นเมนูทั้งหมดของเขานั้นปกคลุมด้วยเงาสีเทา ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะถูกล็อคเอาไว้ เมื่อการแจ้งเตือนได้หายไป, มุมขวาด้านบนก็เรืองแสงมีและแถบสามบาร์ คล้ายกับบาร์พลังงาน
หลังจากนั้น,ก็มีลูกศรปรากฏขึ้นชี้ไปที่บาร์แรก ที่เป็นพลังงานสีเขียวเต็มบาร์ คำอธิบายอื่นๆของมันก็ปรากฏขึ้น
[นี่คือค่าเอาตัวรอดของคุณที่ถูกแสดงออกมาในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถมองเห็นค่าเฉพาะได้ เมื่อค่าเอาตัวรอดกลายเป็น 0%, เท่ากับว่าตัวละครของคุณเสียชีวิต]
ค่าเอาตัวรอดปัจจุบัน : 100%
สถานะผิดปกติ : ไม่มี]
ลูกศรก็ขยับมาบาร์ที่สอง บาร์นี้ก็มีเสียงแต่มีตัวเลขอยู่ในบาร์
[นี่คือค่าพลังกายของคุณ ค่านี้สามารถดูเฉพาะเจาะจงได้เช่น เมื่อคุณได้วิ่ง หรือถือของหนักๆ และใช้ทักษะ ค่านี้จะกินพลังงานเหล่านั้น คุณสามารถพักผ่อนหรือใช้สิ่งของไอเท็มเพื่อฟื้นฟูมันได้]
ค่าพลังกายปัจจุบัน : 100/100]
บาร์ที่สาม คือสิ่งที่ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยสนใจเป็นอย่างมาก มันเป็นบาร์ที่ว่างเปล่า [ค่านี้คือค่าความกลัว ถ้าหากคุณมีความกลัวเท่าไหร่แสดงออกมามากเท่าใด ค่านี้ก็จะปรากฏขึ้น ถ้าหากขึ้น 100% ตัวละครของคุณจะถูกบังคับให้ออกจากระบบโดยทันทีและตัวละครของคุณก็จะเสียชีวิต]
ค่าความกลัวปัจจุบัน : 0%]
ตั้งแต่ที่เขาได้อ่านข้อมูลพื้นฐานบนเว็บไซต์มาก่อนหน้านั้น, เฟิ่ง บู่เจวี๋ยก็พอจะเข้าใจพวกคำอธิบายได้ทันที เขารอส่วนอื่นๆของเมนูที่จะถูกเปิดให้หมด แต่ก็น่าเสียดายที่พวกที่มีสีเทานั้น มันยังคงถูกล็อคและยังไม่เปิด
เห็นได้ชัดว่า,บทเรียนการสอนของผู้เล่นใหม่นั้น ไม่เพียงแค่อ่านคำอธิบาย ต่อยังทำให้อยู่ในสภาวะตกอยู่ในห้วงความมืด ถ้าระบบนี้ไม่บอกว่า ‘เป็นบทเรียนการสอนแล้วล่ะก็ คงจะถูกทำให้ตกอยู่ในสภาวะความกลัวอย่างแน่นอน’
ลิฟต์ในที่สุดก็หยุดลง แต่ทว่าความมืดยังคงปลุกคุมอยู่ ในช่วงเวลานี้ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยได้ยินแต่เสียงหายใจของตัวเอง
แสงในลิฟต์ค่อนๆปรากฏแว้บไปแว้บมา
เพียงไม่กี่วินาที ก็สามารถทำให้คนทั่วไปร้องไห้หวาดกลัวกระโดดโลดเต้นไปแล้วกับฉากแบบนี้ แต่เฟิ่ง บู่เจวี๋ยกลับเฉยเมยกับมัน
‘ฉันพนันได้เลยว่า มันต้องฉากอะไรสักอย่างในผนังลิฟต์ที่เป็นกระจกยาวแน่ๆ’ ในช่วงเวลานั้นนี่แสงวูบวาบ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยก็ได้เห็นคนสองคนอยู่ในกระจกอย่างที่คิด
คนหนึ่งแน่นอนว่าเป็นเขาแน่ๆ, แต่อีกคน… มันช่างดูรวดเร็วมาก แต่ที่ยืนอยู่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เลือดท่วมร่าง
‘จี๊ส,ปล่อยให้มันมืดไปหน่อยรึเปล่า, ทำไมผู้เล่นทำเหมือนกับไม่เห็นฉันกัน’
ถ้ามันเป็นคนทั่วไปแล้วล่ะก็ พวกนั้นเขากรีดร้องออกมา, ไม่ก็รีบหามุมเพื่อร้องไห้ ร้องโหวกเหวกและพุ่งเข้าไปใส่ศพที่มีเลือดเต็มไปแล้วI
อย่างไรก็ตาม,เฟิ่ง บู่เจวี๋ยยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่เฉยเมย เขาบ่นพึมพำไปว่า “โอ้ะ...ถ้านี่ยังเป็นบทสอนอยู่,มันคงไม่หนักไปหน่อยรึเปล่าที่มาทำแบบนี้ บางคนอาจตกใจกลัวได้นะ เอาเถอะถ้ามันยังไม่มีอะไรก็ให้เกมมันดำเนินต่อไปเถอะ”
หลังจากที่เขาเห็นแบบนั้น เขาก็คิดได้ทันที แสงที่กระพริบไปมาของตัวลิฟต์ เมื่อประตูถูกเปิดออก กลิ่นของบางสิ่งที่เน่าๆ และแหยงๆ ได้แตะเข้ามาในจมูกของเขา
นอกตัวลิฟต์เป็นทางเดินที่ถูกตกแต่งด้วยเพดานไม้และวอลล์เปเปอร์ รูปวอลล์เปเปอร์มันแปลกมากตรงที่มันคล้ายกับดวงตาของมนุษย์ๆ ที่ถูกฝังอยู่ในนั้นยังไงไม่รู้ พื้นถูกปูด้วยเสื่อสีเขียว ไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง มีแต่กำแพงสองด้าน พร้อมกับมีโคมไฟติดผนังบางส่วนอยู่ห่างกัน
ทางเดินดูเหมือนจะไกลไปหน่อย, โดยเฉพาะพวกแสงจากโคมไฟติดผนังนั้น มองดูเหมือนเมล็ดข้าวเลย ยังไงก็ตามวิสัยทัศน์ของเขาก็ไม่สามารถมองเห็นได้ถึงมากกว่ายี่สิบเมตรได้ เขาต้องเดินเข้าไปให้มากเพื่อให้มุมมองนั้นดีขึ้นกว่าเก่าหน่อย
ผู้เล่นปกติทั่วไป อาจจะรอให้ประตูลิฟต์ถูกเปิดให้เต็มที่ก่อนค่อยออกไป แต่เฟิ่ง บู่เจวี๋ยไม่ต้องทำแบบนั้น เขาเดินไปที่ทางเดินนั้น เพื่อว่ามันอาจจะปลอดภัยกว่าตัวลิฟต์ ถ้ารอบๆไม่ได้มืดมากเข้าก็อาจจะหันกลับมามองรอบๆตัวลิฟต์แทนก็ได้
เมื่อ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยหันหน้าเข้าไปดู เขาก็เห็นนิ้วมือทั้งสิบนิ้วพยายามจะพุ่งออกมาจากตรงลิฟต์หน้าเขา เขาหดคอถอยไปที่ตัวทางเดินทันที เมื่อเขากลับมาอยู่จุดๆเดิมเขาก็ต้องมันอีกครั้ง คราวนี้เห็นรูปร่างของตัวที่อยู่ตรงหน้าได้ดียิ่งขึ้น
นั้นคือศพที่ไม่มีแม้แต่ผิวหนัง มีเพียงกล้ามเนื้อที่คล้ายกับหุ่นกระบอกในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ แต่มันไม่ใช่ มันยังมีชีวิต และมีเลือดไหลออกมาอยู่
ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดอย่างช้าๆ ซากศพเลือดปกคลุมหันหัวไปมา จ้องมองไปที่ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยพร้อมกับยิ้ม เมื่อประตูกำลังจะปิด มันยืดแขนหนึ่งแขนออกมาจากลิฟต์...
“คงมีเหตุผลที่ฉันควรจะวิ่งแล้วสินะตอนนี้...” เฟิ่ง บู่เจวี๋ยคิดอย่างรวดเร็ว “แต่เจ้าตัวนี้ดูเหมือนจะไม่ได้แข็งแรงเท่าไหร่ หรือว่าเราจะลองต่อยมันดู?”
ในช่วงเวลาที่ซากศพเลือดไหลกำลังออกจากลิฟต์ มันได้โห่ร้องออกมาด้วยท่าทางที่ดูแข็งแรงมากนัก มันพยายามดันประตูลิฟต์และกระแทกเข้าไปกับตัวกำแพงที่หนา ทำให้วอลล์เปเปอร์ฉีกขาดพลันปรากฏแมลงสาปฝูงใหญ่แห่ทะลักออกมาจากผนังทันที
“อาจจะไม่ก็ได้!” เมื่อ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเห็นภาพเหล่านี้ เขาก็หันไปรอบๆเพื่อหาทางวิ่งทันที
มันน่าจะเป็นบทสอนของผู้เล่น แน่นอนว่านี่อาจจะเป็นไอเดียที่ให้ผู้เล่นเข้าสู่บทต่อไปของเกมได้, มันไม่ได้กำหนดให้เราต้องฆ่าพวกเขาในทันที! บางทีเจ้าศพที่มีเลือดนั้นอาจจะทำให้ผู้เล่นหวาดกลัวและได้วิ่งไปในช่วงเวลาสั้นๆก็เป็นได้
ระบบยังคงคาดเดาความเป็นไปได้ที่จะทำให้ผู้เล่นหวาดกลัว อย่างเช่นพยายามที่ให้ฆ่าซากศพเลือดนั้น ทำให้มันอยู่ใต้แสงไฟสลัวๆบ้าง อาจจะตามคดีที่มีการย้ายศพโดยให้ผู้เล่นเป็นคนจัดทำ
แน่นอน ถ้าหากเขากลัวหรือลองเสี่ยงชีวิตดู เขาอาจจะจบลงที่เสียชีวิต และระบบก็จะให้บทเรียนใหม่ขึ้นมาแทน
“อย่างแรกมันมีโอกาสอยู่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ฉันจะไม่สามารถทำลายกำแพงนั้นได้ อย่างที่สองถึงแม้ว่า ฉันจะทำลายกำแพงนั้นได้จริง แต่ก็อาจจะหาทางไม่เจอ อย่างที่สาม ถ้าหากฉันสู้กับปีศาจตัวนี้ ฉันอาจจะตัวเร็วขึ้นก็ได้ ดีล่ะ!” เฟิ่ง บู่เจวี๋ยคำนวนสถานการณ์ชัดเจนขึ้นอย่างทันที
ดูเหมือนบทสอนผู้เล่นใหม่ จะมีตัวเลือกไม่มากนัก
เขาพยายามวิ่งไปให้ไกล เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเห็นปลายทางของอีกด้าน มีประตูไม้หนาอยู่ตรงนั้น
เขาพยายามเปิดลูกบิด ในที่สุดมันก็เปิด มันไม่มีเวลาให้เขามาคิดอีกแล้วว่าจะมีอันตรายใดๆอยู่ด้านหลังประตูรึเปล่า เขารู้แต่ว่าด้านหลังของเขามีซากศพที่เลือดชุ่มกำลังเดินมาอยู่ นั้นจึงทำให้เขารีบลงมือทันที
ตอนนี้ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเข้าใจอย่างทันทีว่าสิ่งที่ควรทำนั้นคืออะไรนั้นคือวิ่งหนีทันทีที่ลิฟต์ถูกเปิด เขาพักหายใจสักครู่ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไป
เขาปิดประตู ก็พบกับสลักเหล็ก เขาหยิบมันมาและล็อคประตูเอาไว้ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ตัวที่อยู่ด้านนอกประตูก็เริ่มกระแทกมาทันที
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป เขาพยายามมองไปรอบๆเพื่อหาสถานที่ใหม่
ในห้องนี่เป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่มีพื้นที่ประมาณ 16 ตารางเมตร ภายในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ มีเพียงอย่างเดียวก็คือตะเกียงที่ถูกแขวนไว้บนผนัง และมีประตูสองประตู - ซากศพเลือดนั้นพยายามกระแทกอยู่นอกกำแพงและประตูจากด้านนอก
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยมาถึงประตูที่ไว้ใช้หลบหนี เขาดึงลูกกรอนประตู ก็พบว่ามันถูกล็อคอยู่ เขาพยายามที่จะเตะมันเพื่อให้ประตูเปิด แต่ดูเหมือนมันก็ไม่ได้ผล เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใช้พลังให้มากพอ เขาจึงพยายามทำมันหลายๆรอบ
ในวินาทีถัดมา จู่ๆหน้าต่างเมนูก็ปรากฏขึ้น และส่วนสีเทานั้นก็ถูกปลดล็อคออก มันแสดงออกมาเป็นตัวเลข ซึ่งตอนนี้ก็คือ ศูนย์
[นี่คือทักษะความสามารถของคุณที่ถูกแสดงออกมาเป็นตัวเลข ค่าทักษะ สามารถใช้เป็นสกุลเงินหรือสะสมจากการกระทำของผู้เล่นได้ ถ้าหากการกระทำของผู้เล่น กระทำบ่อย ก็จะสามารถปรับกระบวนการกระทำนั้นเป็นค่าทักษะของคุณและคุณก็จะได้รับรางวัลด้วยทักษะนั้น
ค่าทักษะปัจจุบัน : 0]
“การให้คำเตือนเกี่ยวกับทักษะนี่ บางทีมันอาจจะเป็นทางลัดไปที่ไหนสักแห่ง….” ตอนนี้ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยกำลังมองหาค่าความกลัวของเขาในเมนู
0%, ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยถอนหายใจก่อนที่จะหันไปที่ประตูทางเข้า ที่ซากศพมันกำลังกระแทกด้วยความโกรธ สลักกลอนเริ่มงอดูเหมือนว่าจะไม่สามารถยึดมันได้อีกต่อไป ความกดดันของเจ้าปีศาจนี้ มันอาจจะส่งผลให้เกิดพายุได้ขึ้นทุกนาที ตัวเกมพยายามจะทำให้ผู้เล่นเป็นกังวลทุกช่วงขณะ แต่เพียงชายคนนี้ที่ยังคงเหยือกเย็นไม่สนใจใดๆ
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยตรวจสอบห้องอีกครั้ง
ห้องที่ว่างเปล่านี้ มีคำแนะนำบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้ มีจุดๆหนึ่งอยู่ตรงมุมห้อง มันถูกลบออกไป หากมองด้วยตาผ่านๆ คงไม่เห็น แต่ถ้าหากมองอย่างใกล้ชิด รายละเอียดก็จะเห็นได้ชัดขึ้น
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเขยิบปลายเท้าก่อนที่จะเท้าขยี้เพื่อเปิดจุดให้มองเห็นได้ชัด จากนั้นเขาก็เห็นสัญลักษณ์ที่ถูกวาดด้วยเลือด สัญลักษณ์นั้นเหมือนเป็นกิ่งก้านที่เชื่อมกับต้นไม้ ดูคล้ายกับรูปร่างของกุญแจ
ในช่วงเวลานี้ เสียงโห่ร้องคำรามพร้อมกับเสียงของประตูไม้ที่ถูกทำลายจากด้านหลังของเขาก็เริ่มชัดขึ้น เฟิ่ง บู่เจวี๋ยหันไปดูรอบๆเพื่อเห็นกรงเล็บที่พยายามจะทำลายประตุไม้มันได้ขุดลึกๆที่ประตู
เขาไม่รู้ว่ามันจะถอดสลักออกได้ด้วยความฉลาดแบบนี้
นี่มันก็หมายความว่าเจ้าซากศพตัวนี้ กำลังจะเข้าไปในห้อง ไม่ว่าเขาจะพยายามเตะประตูหรือแก้ปริศนาใดๆ ก็เท่ากับว่า เวลานั้นได้หมดลง
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยรีบกระหน่ำไปที่แผ่นไม้ที่มีสัญลักษณ์เลือด และ ความเจ็บปวดที่แท้จริงก็พุ่งมาหาเขา แผ่นไม้นั้นดูเปราะบางถูกทำลายไป แม้ว่าจะเห็นเหล่าแมลงสาบหลุดออกมามากมาย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ทั้งพยายามขยับขาเพื่อไล่พวกมัน ไม่นานเขาก็เห็นอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในแผ่นไม้ นั้นคือกุญแจ กุญแจที่ถูกซ่อนอยู่ข้างใน
เมื่อ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยหยิบกุญแจขึ้นมา หน้าต่างเมนูก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ในส่วนที่ถูกล็อคนั้นถูกปลดล็อค
[คุณพบไอเท็ม เนื่องจากกระเป๋าและลอร์ดบาร์ยังไม่ถูกปลดล็อค คุณสามารถเลือกได้ระหว่างถือมันไว้ในมือ กับ โยนมันทิ้งไป]
ทันใดนั้นเขาก็เห็นคุณสมบัติของมันในส่วนที่ถูกปลดล็อค
[ชื่อ : กุญแจสนิมเก่าๆ]
[ประเภท : ไอเท็มสิ้นเปลือง]
[คุณภาพ : ปกติ]
[การกระทำ : ใช้เพื่อเปิดประตู]
[สามารถนำมันออกมาใช้ในเขตนอกจำลอง : ไม่ได้]
[หมายเหตุ : ฉันคิดว่าคุณน่าจะรู้ดีว่าใช้ยังไง]
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยคิดว่าคำพูดนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่อันตราย แต่เขาก็ไม่มีเวลาให้คิดมากอีกแล้ว หลังจากที่เขาได้เห็นคุณสมบัติของมัน เขาก็ริ่บวิ่งไปที่ประตุที่ถูกล็อคเพื่อลองไขมันออกดู
ในเวลานั้นเอง,เสียงของระบบที่ไม่เคยได้ยินก็ปรากฏขึ้น “คุณได้รับ 30 Points ของทักษะ การแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวหลังจากนั้นคุณสามารถตรวจสอบได้ที่เมนูหลัก”
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยไม่มีเวลาให้มานั่งตรวจสอบกับสิ่งนี้อีก เขาเดินหน้าต่อไป หลังประตูที่เขาก้าว มีบันไดหินที่ขึ้นไปด้านบน กำแพงรอบๆมันทำด้วยหิน ไม่มีเพดาน ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ชัด มีแสงจันทร์สาดส่องเล็ดรอดสว่างไสวราวกับมีหิมะตก
มันแย่ตรงที่เขาไม่สามารถหนีพ้นจากกำแพงได้ กำแพงนั้นอยู่สูงมากและพื้นผิวของมันดูมันวาว มีระยะห่างกับบันไดอยู่สองเมตร เห็นได้ชัดว่าป้องกันไม่ให้เกิดการปีนป่ายไปยังกำแพงนั้น
ขณะก้าวขึ้นบันได เฟิ่ง บู่เจวี๋ยก็ตรวจสอบค่าพลังกายของเขา ซึ่งตอนนี้ลดลงเหลือ 24/100 แล้ว
เขาเริ่มคำนวณในใจ “หลังจากที่ออกจากลิฟต์นั้น ฉันก็วิ่งมาร่วมหลายร้อยเมตร จากนั้นก็เตะประตูให้พัง และยังปีนบันไดอีก การกระทำแบบนี้เผาเผลาญพลังกายชัดๆเลยนี่” ความเร็วของพลังกายลดรงเร็วมาก นี่คือสิ่งที่เขาคำนวนได้ ค่าเอาตัวอดของเขาลดลงไป 98% ดูเหมือนว่าระบบจะพิจารณาว่าเขาบาดเจ็บจากการกระทำของเขาเอง
เพียงห้าวินาทีหลังจากเฟิ่ง บู่เจวี๋ยเปิดประตูออก, ซากศพเลือดก็ได้ทำลายประตูที่ขวางกั้นเอาไว้เพื่อวิ่งตามเขา มันหัวเราะเสียงดังกึกก้องอยู่ในหูของเขา ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้น อย่างไรก็ตาม เฟิ่ง บู่เจวี๋ยก็ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆของการกระทำแบบนี้
สิ่งที่อยู่ปลายทางของบันไดคือหน้าผาที่มีดาบยักษ์ปักเข้าไปในกำแพง ภายใต้แสงจันทร์ใบมีดได้ถูกสะท้อน แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมของตัวดาบ เมื่อ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยได้เห็นดาบนั้น เขาก็เข้าใจเกี่ยวกับซากศพเลือดตัวนั้นได้ทันที เขาเร่งฝีเท้าขึ้น ระยะห่างของมันกับเขาเริ่มหดสั้นลงเรื่อยๆ
เฟิ่ง บู่เจวี๋ยกำลังวิ่งเหมือนกระจ่ายที่ไม่อยากถูกจับเป็นเหยื่อและฆ่า เขาต้องจบและเอาตัวรอดจากครั้งนี้ไปให้ได้
เมื่อเขามาพบกับดาบ,เขาก็ได้ใช้มือทั้งสองหยิบมันออกมา ไม่คิดเลยว่าอาวุธที่ดูเหมือนจะมีน้ำหนักเยอะๆ กลับดูเบาถึงเพียงนี้
เขาหันหลังกลับไป เห็นซากศพเลือดกำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เสียงกู่ร้องคำรามเจาะเข้าไปที่หูของเขาทันที ทันใดนั้นซากศพเลือดก็ได้ใช้กรงเล็บของมันพยายามมาโดนตัวเขาให้ได้.
//ตอนหน้าจะออกมาให้สองตอน ถ้าบริจาคครบ 200 นะครับ บริจาคที่ truewallet 099-109-8008 ของพี่ผมได้เลย ผมขอตัวไปแปลบู่ฟงก่อน ส่วนเงินบริจาคไปไหน ผมเอาไปซื้อ Stones https://www.webnovel.com ของต้นฉบับนะครับ มั่นใจได้ว่า ถ้าต่อไปเรื่องไหนติดซื้อตอนก็ไม่ต้องห่วงนะครับ ส่วนที่เหลือ แอดบาทจะเอาไปซื้อการ์ตูนใน qq เงินจะได้หมุนต้นฉบับด้วย ขอบคุณที่สนับสนุนครับ ถ้ายอดครบ 200 ผมจะรีบปั่นให้อย่างทันที