TXV – 30 เป็นแฟน ?
TXV – 30 เป็นแฟน ?
“ผมพูดจริงนะ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
สือจิงชิวมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่ขยะแขยง “เพื่อนเซี่ย คุณเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
“คนแบบนี้ ? หมายความว่ายังไง ?”
“คนโกหก” สือจิงชิวพูดต่อว่า “คนที่ชอบโกหก โกหกแม้กระทั่งตัวเอง”
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปมองที่เธอจากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นมันเป็นนิสัยเดิมๆที่เธอเคยเป็นมาตอนพวกเขาอยู่ชั้นเดียวกันในสมัยมัธยมปลาย เธอยังคงมีนิสัยจองหองและชอบดูถูกคนอื่น เขาไม่รู้สึกโกรธเลยที่โดนเธอพูดจาดูถูกหรือพูดถากถางแบบนั้น เขาคิดว่าไม่คุ้มค่าเลยที่จะไปโต้เถียงกับเธอ ราวกับว่านำพิมเสนไปแลกกับเกลือซึ่งไม่คุ้มค่าเลย.....
สือจิงชิวคิดว่าที่เซี่ยเหล่ยเงียบเพราะเธอพูดไปแทงใจดำเขา จากนั้นเธอยิ้มและพูดว่า “ฉันพูดถูกใช่ไหม เพื่อนเซี่ย ! ฉันจะให้เวลาคุณ 30 วินาทีสำหรับการเดินออกไปจากห้องนี้ไปและถ้าคุณยังจะดื้อด้านอยู่ที่นี่ ฉันจะเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยมาลากตัวคุณออกไป คุณคงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดกับคุณใช่ไหม ?”
“เพื่อนสือ ! ผมไม่อยากจะพูดอะไรกับไปมากกว่านี้ ผมมาที่นี่เพราะผมมีเหตุผล ถ้าผมเดินออกจากห้องไปตอนนี้ผมจะไม่ได้คุยธุระกับประธานหนิงและแน่นอนว่าคุณจะมีปัญหากับเขาอย่างแน่นอน”
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยมาลากตัวคุณออกไปสินะ สือจิงชิวหยิบโทรศัพทออกมาและกำลังจะโทรออกไปเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัย”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไร เขาหยิบนิตรยสารมานั่งอ่านที่โซฟาโดยไม่ได้สนใจคำพูดของเธอ
ในขณะนั้นผู้ชายวัยกลางคนเดินผ่านประตูเข้ามาเขามีส่วนสูงกลางๆอาจสูงไม่ถึง 170 เซนติเมตร ใบหน้าของเขาอ้วนท้วมและมีไขมันบริเวณหน้าท้องเป็นจำนวนมากเขาดูคล้ายกับบุคคลที่ไม่มีความสามารถและไม่น่าจะทำอะไรได้...
“ที่รัก เกิดอะไรขึ้น ?” ชายคนนั้นเรียกสือจิงชิวว่า “ที่รัก” ทั้นใดนั้นเธอหันหน้ามาแบบไม่ค่อยเต็มใจ
คำทักทายของชายคนนั้นทำให้เซี่ยเหล่ยตกใจมาก ภาพจดหมายรักที่เขาเคยเขียนให้เธอลอยเข้ามาในหัวของเขาและคำพูดที่เธอไว้หน้าจดหมาย “ฉันชอบหวู่ชิหลง คนแบบนายจะเทียบกับเขาได้หรอ ?” ย้อนกลับมาเขาอีกครั้ง...
ชายคนนี้คือ หวู่ชิหลงอย่างงั้นหรอ ?
เซี่ยเหล่ยกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เขาหัวเราะออกมาดังมาก ถ้ามีใครบอกว่าชายคนนี้คือหวู่ชิหลง จะเป็นคนตาบอดพูดแน่ๆ
ในขณะที่เขาเห็นเซี่ยเหล่ยหัวเราะเขาตะโกนออกมาว่า “คุณเป็นใคร ?”
ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะตอบสือจิงชัวพูดออกมาก่อนว่า “ที่รักคะ ชื่อของเขาคือเซี่ยเหล่ย เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายของฉัน ฉันคิดว่าที่เขามาในวันนี้เขาจะมาสร้างความวุ่นวายให้กับฉัน เขาเดินเตรดเตร่อยู่ในห้องรับแขกของประธานหนิงและไม่ยอมออกไปสักที”
ใบของของชายคนนั้นดุดันขึ้นและชี้ไปหน้าที่เซี่ยเหล่ยและสั่งว่า “ออกไป !”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะในขณะที่เขากล่าวว่า “พูดดีๆหน่อยสิ คุณหวู่ชิหลง !”
“หวู่ชิหลง ?” ชายคนนั้นยืนนิ่งจากนั้นเขาพูดว่า “หวู่ชิหลงคือใคร ?”
เซี่ยเหล่ยมองไปที่สือจิงชัวและแสร้งทำเป็นพูดว่า “คนรักของคุณคือหวู่ชิหลงไม่ใช่หรอ ? ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
“ที่รัก มันเกิดอะไรขึ้นเนี๊ย ? ใครคือหวู่ชิหลง ? หวู่ชิหลงมันคือใคร !” ชายคนนั้นถามสือจิงชิวอย่างเคร่งเครียด
สือจิงชิวกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “หวู่ชิหลงเป็นนักร้องชาวไต้หวัน ! ทำไมคุณกล้าพูดกับฉันแบบนี้ !”
“ผม….” จากนั้นไม่นานใบหน้าของชายคนนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเขารู้ว่าเซี่ยเหล่ยจงใจล้อเลียนเขา เขาเดินไปหาเซี่ยเหล่ยด้วยความโกรธเขากำลังเหวี่ยงกำปั้นของเขาไปที่หน้าเซี่ยเหล่ย
ทันใดนั้นหนิงจิงเดินเข้ามาพร้อมกับชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นดูมีอายุและสง่างาม
ทันทีที่พวกเขาเห็นหนิงจิงและชายสูงอายุคนนั้น พวกเขาก็รีบเปลี่ยนท่าทีและยกมือทำความเคารพ “สวัสดีค่ะ ประธานหนิง”
สุภาพบุรุษสูงอายุคนนั้นเป็นประธานของบริษัทบูรพาอุตสาหกรรมและเขามีชื่อว่า หนิงเหยี่ยซาน สือจิงชิวและสามีของเธอทำความเคารพกับหนิงเหยี่ยซานอย่างเต็มที่แต่เซี่ยเหล่ยก้มหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หนิงจิงพูดว่า “ลุง นี่ไงคุณเซี่ยที่ฉันเคยบอกลุงว่าฉันจะพาเขามาพบลุง” หนิงจิงหันไปหาเซี่ยเหล่ย “คุณเซี่ย นี่คือลุงของฉันเอง เขาชื่อ หนิงเหยี่ยซาน”
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นจากโซฟาและยื่นมือออกไปทั้ง 2 ข้างเพื่อจับมือทักทายกับ หนิงเหยี่ยซาน จากนั้นเขาพูดว่า “สวัสดีครับ ท่านประธานหนิง”
หนิงเหยี่ยซานยื่นมือออกมาเพียงข้างเดียวเท่านั้นเพื่อมาจับมือเซี่ยเหล่ยจากนั้นเขาพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องยื่นมือออกมาทั้งสองข้างหรอก เราเป็นคนรุ่นใหม่กันแล้วจับมือข้างเดียวก็พอ ผมก็รู้สึกทึ่งมากหลังจากได้ยินหนิงจิงพูดถึงความสามารถของคุณ ผมดีใจมากนะที่คุณมาวันนี้ มา ! นั่งคุยกันเถอะ”
“ครับ เชิญนั่งก่อยเลยครับ ประธานหนิง” เซี่ยเหล่ยกล่าว
หนิงเหยี่ยซานหัวเราะให้กับท่าทีเก้ๆกังๆของเซี่ยเหล่ย สือจิงชิวยืนอยู่ข้างๆพวกเขาจากนั้นก็มีคำพูดดังขึ้นมาว่า “ยืนทำอะไรอยู่น่ะ ?เร็วเข้า รีบไปเสริฟชาให้คุณเซี่ยเดี๋ยวนี้”
สือจิงชิวที่ยืนอึ้งอยู่หลังจากที่เธอได้ยินเสียงของหนิงเหยี่ยซานเธอก็ได้สติกลับมา จากนั้นเธอรีบไปทำตามคำสั่งของหนิงเหยี่ยซานทันที ในขณะนั้นเธอกำลังคิดในใจว่า “คนแบบ เซี่ยเหล่ยที่เป็นเด็กที่ยากจนและไม่มีความสามารถในอดีต เขาจะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเราได้ยังไง ?”
หนิงเหยี่ยซานมองไปที่สามีของสือจิงชิวและพูดว่า “หลู่ฉ่วย คุณยืนทำอะไร ? ไม่มีการไม่งานที่จะต้องไปทำหรอ ?”
“ผม…. ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ !” หลู่ฉ่วยตอบอย่างรวดเร็ว
สือจิงชิวนำถ้วยชามาวางที่ตรงหน้าของเซี่ยเหล่ยก่อนที่เธอจะจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตางงงวย
“ขอบคุณ” เซี่ยเหล่ยพูดเบาๆ
“ไม่….ไม่เปนไรค่ะ” หนิงจิงกล่าวอย่างเก้ๆกังๆ
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับไป......
“เลขาสือ นำสมุดกับปากกามาจดรายละเอียดที่ผมคุยกับคุณเซี่ยวันนี้ด้วย” หนิงเหยี่ยซานกล่าว
“ค่ะ ท่านประธานหนิง” สือจิงชิวหยิบสมุดบันทึกและปากกาขึ้นมา เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ ในตอนนี้เธอต้องเก็บความรู้สึกที่อิจฉาริษยาเซี่ยเหล่ยที่มีหน้าที่การงานดีกว่าเธอและทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดในตอนนี้
สือจิงชิวไปนั่งประจำที่ของเธอจากนั้นหนิงเหยี่ยซานเริ่มพูดว่า “คุณเซี่ย ผมจะพูดอย่างตรงไปตรงมานะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ผมชอบการพูดแบบตรงไปตรงมาอยู่แล้วครับ เชิญพูดเลย”
“เอาล่ะ เริ่มพูดกันเลย” หนิงเหยี่ยซานพูดต่อ “คุณคงได้ยินหนิงจิงบอกสถานการณ์ของบริษัทของเราในก่อนหน้านี้มาบ้างแล้ว ผมจะไม่พูดซ้ำอีก ผมต้องการจะถามว่า ถ้าผมให้คุณดูแลสินค้าที่นำเข้ามาคุณสามารถตรวจสอบสินค้าเหล่านี้ได้มั้ย ?”
เซี่ยคิดระยะหนึ่งก่อนที่จะตอบว่า “ผมต้องดูข้อกำหนดในการตรวจสอบสินค้าและจำนวนของสินค้าทั้งหมดเพราะเวิกค์ช็อปของผมมีขนาดเล็กและพวกผมก็มีกันเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นจะให้ตรวจสอบสินค้าทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”
หนิงเหยี่ยซานยิ้ม “คุณเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆผมเจอกับผู้คนหลายคนที่ทำบริษัทเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ว่าพวกเขามีพนักงานกี่คนทำงานใหญ่ไหวมั้ย.... เขาไม่เคยบอกผมเลยแต่คุณกลับบอกว่าร้านคุณเป็นร้านขนาดเล็กและในร้านมีเพียงแค่ 3 คนผมชอบในความซื่อสัตย์ของคุณนะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มออกมาแบบมีความสุข
สือจิงชิวนั่งอยู่ข้างหลังของหนิงเหยี่ยซาน พร้อมกับสมุดจดบันทึกของเธอ เธอมองเซี่ยเหล่ยด้วยรอยยิ้มอันเยาะเย้ยสามารถมองเห็นได้ชัดเลยว่าริมฝีปากของเธอกำลังหัวเราะเยาะเย้ยเขาอยู่
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหน เธอก็ยังมีความน่ารักและยังคงมีความรู้สึกดีๆหลงเหลืออยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะรังเกียจเขามากแต่เขาก็ไม่ได้ถือสาอะไรเธอ เขายังคิดว่าเธอยังเป็นเพื่อนคนหนึ่งเสมอ.....
“คุณไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้หรอกคุณเซี่ย” หนิงเหยี่ยซานพูดต่อว่า “เราไม่เคยสั่งสินค้าจำนวนมากมายขนาดนั้น เราต้องการสินค้าที่มีคุณภาพดีในปริมาณที่พอเหมาะ เราจะนำชิ้นส่วนจากอเมริกาและยุโรปในตอนนี้ ทางบริษัทของเขามีข้อจำกัดที่เข้มงวดมากขึ้นทำให้เราไม่สามารถสั่งซื้อชิ้นส่วนที่เราต้องการได้แต่ในขณะเดียวกันการเติบโตของอุตสาหกรรมภายในประเทศเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ผู้คนสนใจที่จะลงทุนกับธุรกิจนี้จำนวนมาก”
หนิงจิงพูดขัดจังหวะขึ้นมา “ลุง กำลังทำธุรกิจนี้อีกแล้วหรอ ฉันได้ยินลุงพูดแบบนี้มา 3 ครั้งแล้ว”
หนิงเหยี่ยซานหัวเราะเบาๆ “สาวน้อย คุณและเพื่อนของคุณทำมันล้มเหลว ไม่ใช่หรอ ? หืมมมม ?”
“เหอะ ! ลุง” หนิงจิงเริ่มไม่พอใจ
หนิงเหยี่ยซานหัวเราะ “เอาล่ะ เอาล่ะ ลุงยอมแพ้หลานก็ได้ ลุงจะกลับไปทำธุรกิจอีกครั้ง ในครั้งนี้จะมีคุณเซี่ยมาช่วยงานบริษัทของเรา เราจำเป็นต้องรีบตรวจสอบชิ้นส่วนด้วยความแม่นยำอย่างไรก็ตามเคุณภาพชิ้นงานที่เราต้องการสั่งเข้ามาจะต้องเป็นชิ้นงานที่มีคุณภาพดีและมีความแม่นยำที่สูง พวกเราเคยลองปรึกษากับบริษัทอื่นๆในประเทศแล้ว ทั้งๆที่พวกเขามีอุปกรณ์เพรียบพร้อมแต่ก็ไม่มีบริษัทไหนเลยที่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ 100% คุณเซี่ยคุณอยากจะลองทำงานชิ้นนี้ดูมั้ย ?”
“ไม่มีปัญหา ผมจะลองทำดู” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“ดีมาก ! ผมชอบคนที่มั่นใจแบบคุณ” หนิงเหยี่ยซานกล่าวต่อว่า “เอาล่ะ บอกมาสิว่าคุณจะทำอะไรก่อนในตอนนี้ ?”
“ผมต้องการดูต้นแบบของชิ้นส่วนที่คุณต้องการให้ผมตรวจสอบ ว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร ผมจะได้ทำงานให้ออกมาดีที่สุด” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“เอาล่ะ ผมจะพาคุณไปยังเวิกค์ช็อปของที่นี่” หนิงเหยี่ยซานลุกขึ้นเมื่อเขากำลังจะเดินไปเขามองไปยังสือจิงชิวและพูดว่า “เลขาสือ คุณไม่ต้องตามพวกเราไป หน้าที่คุณคือไปสรุปการประชุมและไปเตรียมสิ่งที่พวกเราต้องการ”
“ค่ะ ท่านประธานหนิง” สือจิงชิวก้มหน้าก้มตาเดินออกไปจากห้องทันที
จากนั้น หนิงเหยี่ยซาน หนิงจิง เซี่ยเหล่ยเดินไปยังเวิกค์ช็อปของบริษัทแห่งนี้...
หนิงจิงพูดเบาๆกับเซี่ยเหล่ยว่า “คุณเซี่ย เลขาสือจ้องมองคุณด้วยสายตาแปลกๆตลอดเวลาที่คุณคุยกับลุงหนิงเลย คุณรู้ตัวรึปล่าว ?”
“เธอรู้จักกับคุณหรอ ?” หนิงจิงถาม
“ใช่ เพวกเราเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันสมัยมัธยมปลาย”
“เข้าใจล่ะ” รอยยิ้มประหลาดๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหนิงจิง “มันดูเหมือนว่าคุณ…….. ฉันคิดว่าคุณทั้ง 2 คนต้องมีอะไรปิดบังฉันแน่ๆ”
เซี่ยเหล่ยยิ้ม และเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกเขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “พี่หนิงทำไมลุงของพี่ไม่ถามถึงความสามารถของผมเลยล่ะ ? มันเป็นงานที่สำคัญและยิ่งใหญ่มากเขาเชื่อมั่นว่าผมจะทำได้หรอ ? มันแปลกมากที่ลุงของคุณไม่ถามอะไรผมเลย.”
หนิงจิงพูดเบาๆว่า “คุณอยากรู้รึปล่าวล่ะ ว่าทำไมลุงถึงไม่ถามคุณ ?”
เซี่ยเหล่ยกำลังมึนงงกับคำพูดของหนิงจิง “ลุงหนิงเป็นคนใจดีและมีเมตตาเฉพาะกับฉันเท่านั้น ทุกครั้งที่ฉันเล่าเรื่องของคุณให้ลุงฟัง ลุงหนิงก็รู้สึกดีกับคุณมากเช่นกัน”
หนิงจิงยิ้มแบบเก้ๆกังๆ “ในตอนแรกลุงของฉันก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้คุณมาทำงานที่สำคัญและยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ฉันจึงบอกเหตุผลไปว่าคุณเป็นแฟนฉันและหลังจากนั้นเขาก็เห็นด้วยจึงยอมให้คุณมาทำงานนี้และอยากเห็นหน้าแฟนหลานสาวของเขา”
เซี่ยเหล่ยตกตะลึงจนพูดไม่ออก…..
หน้าของหนิงจิงกลายเป็นสีชมพู “อีม….. ฉันโกหกลุงว่าคุณเป็นแฟนฉัน อย่ากังวลไปเลย….”
“แล….แล้ว…..ผมจะพูดอะไรได้….อีกละ !”
ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ติดตามข่าวสารและเรื่องราว https://www.facebook.com/Tranxending-Vision-1843606792370694/ ขอเพียงแค่กดไลค์กดติดตาม ก็เป็นกำลังใจให้ผมแปลต่อได้แล้วคร้าบบบ ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
###################################################################