ตอนที่ 190: ด้วงลางหายนะ (1)
มีฟ้าร้องอยู่บนฟ้า
เปรี้ยง
ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักจากท้องฟ้าที่มืดมิด เรือช้าลงและยังไปข้างหน้าในทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนเรือก็ดูราวกับเศษใบไม้ขนาดเล็กลอยอยู่บนคลื่นที่รุนแรงในที่รกร้างว่างเปล่า
แองเจเล่อยู่ในห้องโดยสารของเขาและเดินไปที่หน้าต่าง เขาจ้องไปที่ผิวของทะเลผ่านฝนที่ตกอย่างหนัก ฝนตกลงบนดาดฟ้าเสียงของมันราวกับว่าเรือกำลังจะแตก
เปรี้ยง
มีสายฟ้าอีกเส้นพุ่งผ่านท้องฟ้าทำให้สว่างชั่วครู่
เปลวไฟบนเทียนสั่นไหวขณะที่คลื่นกระแทกเรืออีกครั้ง ไขของเทียนค่อยๆไหลงไปตามแท่งเทียนสีเงินอย่างช้าๆและมันก็สร้างบ่อขนาดเล็กบนโต๊ะไม้สีน้ำตาล
อิซาเบลนั่งอยู่ข้างโต๊ะ เธอเอาผงสีเงินออกจากถุงกระเป๋าหนังสีดำและโรยบนผิวของโต๊ะ
เธอได้เปลี่ยนเป็นชุดหนังสีขาวแน่นเผยให้เห็นรูปทรงของหน้าอกของเธอ เธอดูราวกับนักดนตรีที่สง่างาม อิซาเบลมัดผมดำยาวของเธอเป็นหางม้าและพาดไว้ที่หน้าอกของเธอ
เธอมุ่งมั่นกับการทำให้ผงเงินเปลี่ยนเป็นรูปทรงพิเศษ
หลังจากผ่านไปหลายนาทีสายบิดเบี้ยวที่ถูกวาดโดยใช้ผงก็เปลี่ยนเป็นรูนขนาดใหญ่ที่ซับซ้อน
แองเจเล่หยุดจ้องไปที่ทะเลและหันกลับไป
"เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม" เขาถามเสียงเบา
"เกือบแล้ว" อิซาเบลพยักหน้า
"ตอนนี้ข้าต้องหวังพึ่งเจ้า ข้าไม่มีคาถาใดๆที่จะได้ผลในสถานการณ์นี้ ข้าพยายามแล้วแต่ข้าไม่พบเส้นทางกลับไปที่แผ่นดิน" แองเจเล่ทำสิ่งที่เขาสามารถทำได้แล้ว
อิซาเบลพูดขณะที่ย่นคิ้ว "คาถานี้เป็นการรวมกันของคำพยากรณ์และติดตาม แม้ว่ามันจะมีระยะกว้างข้าก็ยังไม่สามารถให้คำมั่นสัญญากับเจ้าได้ นอกจากนี้ถ้าหากมีเกาะอื่นอยู่ตรงกลางผลของมันก็จะไม่แม่นยำ อนุภาคพลังงานในทะเลอัญมณีมีความหนาแน่นมาก ข้าต้องตรวจสอบคาถาว่าร่ายถูกต้องด้วยวัสดุสนับสนุน"
"มันก็ยังดีกว่าล่องลอยในทะเล..." แองเจเล่ขบริมฝีปาก "เราจะเริ่มเลยไหม"
อิซาเบลพยักหน้า
เธอสัมผัสรูนด้วยนิ้วชี้มือขวา
มีแสงสีขาวถูกปลดปล่อยออกจากรูน มันเปลี่ยนเป็นหน้าจอที่บิดเบี้ยวสีขาว
เกาะที่คุ้นเคยปรากฏตรงกลางของหน้าจออย่างช้าๆ
กองทัพ เรือที่ท่าเรือ หอเฝ้าระวังริมฝั่งและธงสามเหลี่ยมที่มีสายสีขาวอยู่ตรงกลาง ทุกสิ่งทุกอย่างดูคุ้นเคยกับพวกเขา
"นั่นคือที่ที่เราไป!" แม้ว่าอิซาเบลจะมีสีหน้าว่างเปล่าบนใบหน้าแต่แองเจเล่ก็ยังเห็นความตื่นเต้นในสายตาของเธอ
"มันห่างจากเราแค่ไหน" แองเจเล่เดินไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว แสงสีขาวสะท้อนบนหน้าของทั้งสอง
อิซาเบลรู้ว่าเธอควรจะทำอะไรและวาดรูนในอากาศด้วยนิ้ว รูนได้เปลี่ยนเป็นลำแสงสีขาวและจมลงไปในหน้าจอ
หน้าจอเบลอชั่วครู่แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แองเจเล่สังเกตเห็นว่าหน้าจอที่แสดงมันเบลอ เขาไม่ได้ยินเสียงใดๆ
"หน้าจอไม่สามารถซูมเข้าไปได้และเสียงก็ไม่สามารถส่งไปได้.....มันหมายความว่าเราอยู่ห่างจากเกาะ....." การแสดงออกของอิซาเบลเปลี่ยนไป "ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะต้องไป ข้าคิดว่าเกาะอยู่สุดระยะคาถาที่สามารถเข้าถึงได้"
"ระยะสูงสุดคือเท่าไหร่" แองเจเล่ถามเสียงเข้ม
"ประมาณ 3,000 ไมล์ทะเล" อิซาเบลตอบ
*** ไมล์ทะเล (อังกฤษ: nautical mile) เป็นหน่วยของระยะทาง ที่เท่ากับระยะทางบนผิวโลก ประมาณ 1 ลิปดา บนเส้นเส้นเมริเดียนใด ๆ โดยเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ว่า 1 ไมล์ทะเล เท่ากับ 1852 เมตร (หรือประมาณ 6076.12 ฟุต) ***
"อะไรนะ! 3,000 ไมล์ทะเล" แองเจเล่ตกใจ นี่คือระยะทางประมาณจากอลาสก้าไปถึงนิวยอร์คบนโลก มันมากกว่า 5,000 กิโลเมตร ด้วยเรือลำนี้จะต้องใช้เวลาเป็นเดือนในการที่พวกเขาจะกลับไปที่เกาะ
"แม้ว่าเราจะบัพเรือด้วยคาถาเราก็จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยมากกว่า 15 วันบนทะเล" อิซาเบลสงบลงและพยายามคิดแผน "ท่านกรีนคิดออกไหม"
"ไม่....." แองเจเล่ขมวดคิ้ว "นอกจากนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วเรียกข้าว่ากรีนก็พอ ไม่จำเป็นต้องเป็นทางการนัก"
"หา ข้าเรียกได้หรือ" อิซาเบลลังเล
"แน่นอน" แองเจเล่พยักหน้า "เราได้สูญเสียเสากระโดงและใบเรือ เรือจะเดินทางด้วยความเร็วที่ต่ำสุด เราจะต้องหาวิธีเพิ่มความเร็วมิฉะนั้นเราจะตายก่อนที่เราจะถึงเกาะ" ด้วยการที่ไม่มีเสากระโดงเรือจะใช้เวลาประมาณสองไมล์ทะเลต่อชั่วโมง
"นั่นไม่ใช่ปัญหา อย่างน้อยเราสามารถร่ายคาถาบัพความเร็ว ปัญหาคือเราได้ออกจากดินแดนของเมอร์โฟล์คแล้วซึ่งหมายความว่าตอนนี้เรากำลังแล่นอยู่ในเขตอันตรายรอบๆขอบของทะเลอัญมณี มันเป็นเขตที่เมอร์โฟล์คยังต้องกลัว" อิซาเบลจ้องที่หน้าจอ "อย่างน้อยข้าก็รู้วิธีเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำดื่ม เสบียงของเรากำลังน้อยลง"
"เยี่ยมมาก ข้ากังวลเรื่องเสบียงน้ำของเรา ข้าไม่อยากดื่มน้ำที่สร้างโดยคาถาประเภทน้ำ น้ำเช่นนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายเพราะมันมีสิ่งเจือปนอยู่" แองเจเล่หยุดชั่วครู่ "แล้วเจ้าจะบัพเพิ่มความเร็วของเรือได้อย่างไร"
อิซาเบลขบริมฝีปากเล็กน้อยและเริ่มคิด
ทันใดนั้นหน้าจอสีขาวบนโต๊ะก็กะพริบและฉากก็เปลี่ยนไป
พวกเขาเห็นแนวปะการังสีเทาและชายหาดที่ว่างเปล่า มีเต่าทะเลหลายตัวเคลื่อนไหวอยู่บนทรายสีเหลือง มันเป็นเกาะขนาดเล็กที่มีต้นไม้สีดำ แองเจเล่สงสัยว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นั่นหรือไม่
หลายวินาทีต่อมาฉากก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
มันดูเหมือนผิวของทะเล
อิซาเบลรีบเคาะโต๊ะและโบกมือ
รูปบนหน้าจอเริ่มสับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว แองเจเล่เห็นแต่ทะเล มันดูเหมือนว่าไม่มีแผ่นดินอื่นอยู่ในระยะของคาถา
"นี่แหละ เราต้องไปที่นี่" อิซาเบลมองไปที่แองเจเล่
"ลองหาวิธีที่เหมาะสมในการบัพความเร็วของเรือก่อน มันจะทำให้เราใช้เวลาเป็นเดือนในการไปถึงเกาะด้วยความเร็วปัจจุบัน เรามีเสบียงเหลืออยู่ไม่มากนักและเราต้องรีบกลับแผ่นดินให้เร็วที่สุด" แองเจเล่ขบริมฝีปาก
อิซาเบลพยักหน้า
พวกเขาหยุดคิด ทั้งสองเพิ่งหลบหนีจากซากปรักหักพังที่อันตรายและพวกเขาก็หลงทางในทะเล
ฝนยังตกลงบนดาดฟ้า สายฟ้าและฟ้าร้องยังคงร้องอยู่ในท้องฟ้า สายลมที่รุนแรงได้ผ่านช่องว่างของห้องโดยสารและมันทำให้ประตูเขย่า
ห้องนั้นเงียบ แองเจเล่และอิซาเบลยังคิดอยู่
"แกรนด์อัศวินทั้งสองอยู่ไหน" ทันใดนั้นแองเจเล่ก็ถาม
"พวกเขากำลังวิดน้ำออกจากดาดฟ้า" อิซาเบลตอบ หน้าจอสีขาวบนโต๊ะค่อยๆหายไปในอากาศ มันดูเหมือนว่าเวลาจะหมด
สิ่งที่เหลืออยู่บนโต๊ะเป็นผงเงินที่อิซาเบลโรยก่อนหน้านี้ ตอนนี้รูนที่ซับซ้อนได้ยุ่งเหยิง มีควันสีขาวออกมาจากสายสีเงินและผงบางส่วนก็รวมเข้าด้วยกัน
อิซาเบลโบกมือเหนือโต๊ะอย่างระมัดระวัง ผงเงินทั้งหมดถูกรวมอยู่ตรงกลางของฝ่ามือเธอ มันดูเหมือนผงเหล็กกล้าที่มีแม่เหล็ก
เธอถอนหายใจและถามเสียงเบา "กรีน เจ้าคิดว่าทะเล.....มีเสน่ห์ไหม"
แองเจเล่กำลังคิดว่าเขาจะสร้างใบเรือและเสากระโดงใหม่โดยใช้เชี่ยวชาญโลหะของเขาจากนั้นเขาก็ได้ยินคำพูดของอิซาเบลและเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย
"เจ้าถามทำไม"
สายตาของอิซาเบลตกลงบนผิวของโต๊ะ เธอค่อยๆลดมือลงและฝ่ามือของเธอก็ปกคลุมไปด้วยผงเงิน
"ข้าฝันว่าจะแล่นเรือไปรอบๆทะเลอัญมณีที่ไม่มีที่สิ้นสุดคนเดียว ข้าต้องการสำรวจโลกนี้และเห็นคนหลากหลายประเภท เรื่องเล่าของพ่อมดโบราณดึงดูดข้าเสมอ ข้าได้จินตนาการถึงการผจญภัยของตัวเองบนเรือในพายุคล้ายแบบนี้ มันรู้สึกเหมือนเราเป็นคนกลุ่มเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้และเรือจะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เราอบอุ่น"
แองเจเล่มองเห็นความเหงาในสายตาของเธอ ผงเงินบนฝ่ามือของเธอได้ระเหิดกลายเป็นไอน้ำสีขาว "ข้าต้องการที่จะอยู่ห่างจากทุกสิ่งทุกอย่างจากนั้นก็พบสถานที่เล็กๆของข้า สถานที่ที่ทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่นในพายุ ข้าชอบฟังเสียงลมแรงและฝน เจ้าเข้าใจ....ความรู้สึกข้าไหม"
"อืมม...." แองเจเล่ไม่แน่ใจว่าเขาควรตอบคำถามของอิซาเบลอย่างไร
"มันดูเหมือนว่าเจ้าชอบอ่านบทกวีและนวนิยาย"
"เจ้าพูดถูก มีหลายฉากที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่ข้าได้อธิบายในบทกวี" อิซาเบลพยักหน้า "ข้าเหนื่อยกับการทำสมาธิและรวบรวมทรัพยากร ข้าทำมันมานานกว่า 100 ปีในปราสาท ข้าต้องการชีวิตที่มีสีสัน"
"เจ้าหมายถึงชีวิตที่สงบสุข เจ้าไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่ถูกควบคุม เพียงแค่เช่าบ้านในเมืองที่ดีและพักผ่อน" แองเจเล่ตอบ
แองเจเล่รู้ดีว่าถ้าไม่ใช่ตระกูลเธอ อิซาเบลก็อาจจะไม่เลือกเป็นแม่มด แม่มดมักจะต้องมีความคืบหน้า คำที่เธอเพิ่งพูดแสดงให้เห็นว่าเธอสูญเสียแรงจูงใจของเธอ
อิซาเบลพึมพำ "ข้า....เหนื่อย"
แองเจเล่ไม่ได้พูดอะไร
อิซาเบลนั้นสวยและมีเสน่ห์แต่แองเจเล่ไม่อยากชนะใจเธอ ทั้งสองคนอยู่ตามลำพังในห้องโดยสารเล็กๆแต่สิ่งเดียวที่แองเจเล่ต้องการคือการปลอบโยนเธอ
มันรู้สึกเหมือนความใกล้ชิดระหว่างเพื่อนสนิทสองคน
หลังจากวันที่แองเจเล่พูดกับอิซาเบลบนดาดฟ้า เขาก็กลายเป็นที่พึ่งให้เธอในทางที่สงบ
อิซาเบลถูกควบคุมโดยตระกูลของเธอในวิธีพิเศษและแองเจเล่กลับไปที่ดินแดนของเขาและตระกูลของเขาปฏิบัติกับเขาเหมือนคนนอก ความเหงาที่พวกเขามีมันมีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถล้างออกได้
ด้วยเหตุนี้แองเจเล่จึงเข้าใจว่าอิซาเบลพยายามจะบอกอะไรกับเขา เขาเดาว่าอิซาเบลเข้าใจเขาถ้าเขาบอกเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขา
"อิซาเบล มันยังมีหนทางอีกยาวไกล" แองเจเล่จ้องไปที่ดวงตาของเธอ
อิซาเบลไม่ได้ตอบคำพูดของเขา
"เอาล่ะ ข้าจะไปตรวจสอบสถานการณ์บนดาดฟ้า" แองเจเล่สวมฮู้ดและเปิดประตู
แอ๊ดด
ประตูปิดอีกครั้ง
ฝนตกลงบนชุดคลุมของแองเจเล่ เขาดึงคอเสื้อขึ้นเล็กน้อย ผิวของชุดคลุมสีเทาของเขาเคลือบด้วยชั้นโลหะเงินบางๆ ฝนทุกหยดได้ไหลลงไปที่พื้น เสื้อผ้าของเขาไม่ได้เปียกเลย