ตอนที่ 189: หลงทาง (2)
ที่จริงแล้วแองเจเล่ไม่ได้ห่วงเรื่องสายเลือดของเอลฟ์ไม้ เขาต้องการทราบว่าการผสานของสองสายเลือดจะสร้างความเสียหายต่อยีนของเขาอย่างถาวรหรือไม่ นอกจากนี้ถ้ายีนของเขาได้รับความเสียหายสายพันธุกรรมของเขาอาจจะถูกทำลายจะส่งผลให้เกิดเรื่องร้ายแรง ถ้ามันเกิดขึ้นเขาก็จะไม่สามารถฟื้นตัวจากความเสียหายได้ในฐานะที่เป็นพ่อมดขั้นแก๊ส มีเพียงวิธีเดียวที่จะรักษายีนที่เสียหายก็คือการเปลี่ยนร่างกายกายภาพของเขาเป็นพลังงานบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้สามารถทำได้เพียงพ่อมดขั้นของเหลวเท่านั้น
'ซีโร่พยายามหยุดสายเลือดทั้งสองจากการผสานกัน แทรกรังสีเข้าไปในอนุภาคพลังงานจากสายเลือดฮาร์ปี้ยักษ์ พลังงานรังสีอาจช่วยได้' แองเจเล่สั่งชิป
'ข้าต้องหาหนทางในการขับเลือดฮาร์ปี้ออกจากร่างของข้า' แองเจเล่เริ่มคิดขณะที่ขมวดคิ้ว 'มันมีเทคนิคหนึ่งที่ข้าอ่านในหนังสือ ข้าอาจจะเอารากของตราออกจากระบบประสาทของข้าโดยการทำศัลยกรรมมือของข้า.....แต่ข้าต้องการข้อมูลเพิ่ม....'
อย่างไรก็ตามการทดลองทางชีววิทยาเป็นสิ่งต้องห้ามในดินแดนของพ่อมดแสงและการทำมันบนร่างกายมนุษย์ที่มีชีวิตแทบจะเป็นไปไม่ได้ องค์กรขนาดใหญ่สวนใหญ่ยังมีห้องทดลองลับที่เคยใช้ในการผ่าตัดนี้แต่ไม่มีใครเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทดลองที่เกี่ยวข้องกับการศัลยกรรมมนุษย์ที่มีชีวิตรวมถึงกึ่งมนุษย์ พวกเขาจะพิจารณาว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายของพ่อมดแสง มีเพียงพ่อมดมืดที่พยายามจับสิ่งมีชีวิตในดินแดนของตนเอง อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาเข้าไปใกล้ดินแดนของพ่อมดแสงพวกเขาก็จะถูกตามล่า
ชิปเริ่มดูดซับอนุภาคพลังงานแห่งความตายเชิงลบจากร่างกายของแองเจเล่และจะใช้มันบนรากของตราในภายหลัง
มีอนุภาคพลังงานหลายประเภทที่เก็บอยู่ในร่างกายของแองเจเล่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอนุภาคพลังงานลมและไฟ สนามพลังของเขาจากคาถาพิเศษได้รับการสนับสนุนโดยอนุภาคพลังงานสองประเภทนี้ อนุภาคพลังงานแห่งความตายจะทำความเสียหายอวัยวะของเขาเมื่อเวลาผ่านไปดังนั้นเขาจึงเก็บไว้ในจำนวนขั้นต่ำในร่างกายของเขา
มันดูเหมือนว่าจำนวนของอนุภาคพลังงานแห่งความตายที่ชิปต้องการมันมากกว่าที่เขามี แองเจเล่ทำสมาธิและพยายามดูดอนุภาคพลังแห่งความตายเพิ่มจากสภาพแวดล้อม
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงเขาก็ลืมตา
'มันคืออนุภาคพลังงานแห่งความตาย 30 หน่วย......มันควรจะพอสำหรับสิบวัน น่าเศร้าที่ข้าไม่มีพลังงานเก็บไว้ในชิปเมื่อมันพยายามหยุดอนุภาคพลังงานที่รุกราน ตอนนี้ไม่มีคาถาลูกไฟเล็กแบบใช้ทันที สิ่งที่ดีคือข้ายังมีระเบิดหัวใจเหลืออยู่'
หลังจากต่อสู้ในซากปรักหักพังแองเจเล่สังเกตว่าเขาพึ่งพาอุปกรณ์เวทมนต์มากเกินไปและเขาแทบจะไม่สามารถร่ายคาถาใดๆได้ระหว่างการต่อสู้ที่รุนแรง ระเบิดหัวใจและตรามีข้อจำกัดดังนั้นเขาจึงต้องใช้อย่างชาญฉลาด
ตราต้องเปิดใช้งานซึ่งมันจะใช้เวลาประมาณหนึ่งวินาที ฝ่ายตรงข้ามของเขาอาจจะใช้ช่วงเวลานี้เพื่อตอบโต้
ส่วนระเบิดหัวใจฝ่ายตรงข้ามของเขาจะตระหนักได้ว่าเขาจะใช้ระเบิดแล้วพวกเขาก็จะหลบการโจมตีอย่างง่ายดายโดยการเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขา เคอร์แมนได้ประเมินพลังระเบิดของแองเจเล่ต่ำเกินไปคิดว่าค่าสถานะที่สูงของเขาสามารถลดความเสียหายให้น้อยที่สุดได้
ระเบิดหัวใจปกติมีพลังงานเพียง 20-30 หน่วยและจะไม่เกิดความเสียหายใดๆกับร่างกายของเคอร์แมน เขาอาจจะรู้สึกเจ็บไม่กี่วินาทีแต่ความอึดที่สูงของเขาจะช่วยเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามระเบิดหัวใจที่แองเจเล่ระเบิดมีพลังมากกว่า 50 หน่วย เคอร์แมนใช้พลังงานต้องสาปที่เก็บไว้ในใบดาบเพื่อป้องกันการระเบิดแต่ค่าสถานะของเขาก็ลดลงอย่างมาก เขาหลบระเบิดลูกต่อไปไม่พ้นและตายในการโจมตีครั้งสุดท้ายของแองเจเล่
แองเจเล่รู้ว่าแผนเช่นนี้อาจจะได้ผลเพียงพ่อมดต่อสู้ระยะใกล้แบบเคอร์แมน พ่อมืดที่รู้วิธีต่อสู้ระยะไกลสามารถทำลายเขาได้อย่างง่ายดายและพวกเขาอาจจะมีวิธีหลายวิธีในการรับมือระเบิดมากกว่าเคอร์แมน
นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่ามีพ่อมดที่แข็งแกร่งที่เชี่ยวชาญคาถาป้องกันที่มีชื่อว่าคาถาสะท้อนกลับ แองเจเล่สามารถควบคุมได้เพียงสถานที่ที่เขาจะระเบิด ดังนั้นหากระเบิดสะท้อนกลับมาเขาก็จะได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
การต่อสู้กับพ่อมดแสงทั่วไปอาจจะช่วยแต่ในโลกพ่อมดมืดแองเจเล่ต้องหาหนทางเสริมสร้างทักษะการต่อสู้ของเขา พ่อมดที่เก่งหลายอย่างจะช่วยทำให้มีโอกาสรอดในการต่อสู้มากขึ้น ฝ่ายตรงข้ามจะไม่รู้ว่าการโจมตีต่อไปจะมาจากไหน
นอกจากนี้สำหรับพ่อมดที่อยู่ขั้นเดียวกันพวกเขาต้องระมัดระวังกับทางเลือกที่เขาจะทำระหว่างการต่อสู้แต่เมื่อพ่อมดขั้นคริสตัลพยายามฆ่าพ่อมดขั้นแก๊สมันก็เป็นเรื่องง่าย พวกเขาเพียงแค่กดดันพ่อมดขั้นต่ำกว่าด้วยคลื่นพลังจิตที่รุนแรงของพวกเขา พ่อมดขั้นแก๊สต้องฝืนใช้สนามพลังเพื่อร่ายคาถาภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
***************************************
เรือได้ผ่านหมอกมาสามวันแต่ไม่มีเมลิสซ่าชี้ทิศทางให้พวกเขามันก็เป็นเรื่องยากที่จะพบเส้นทางที่ถูกต้องไปยังแผ่นดิน มีน้ำและอาหารเพียงพอบนเรือแต่แองเจเล่ยังไม่มีเงื่อนงำว่าพวกเขาจะต้องมุ่งหน้าไปทางไหน
มันเป็นช่วงเช้าและท้องฟ้าก็ยังมืด
แองเจเล่ตื่นขึ้นมาและออกจากห้อง เขาเริ่มสแกนหาดินแดนใกล้ๆโดยใช้ชิปบนดาดฟ้า เขาทำแบบนี้มาหลายวัน
ผู้ติดตามสองคนได้ฟื้นฟูแล้ว พวกเขาสวมชุดเกราะหนังและอิซาเบลคุยกับพวกเขาเสียงเบา
มันดูเหมือนอิซาเบลถามคำถามพวกเขาเรื่องอะไรบางอย่าง
แองเจเล่เดินไปทางทั้งสามคนอย่างช้าๆ
"เกิดอะไรขึ้น มีข่าวอะไรไหม" เขาถาม
อิซาเบลได้ยินคำพูดของแองเจเล่และพยักหน้า "ข้าได้ถามภูมิหลังของอินเฟ้นแต่เขาจ้างผู้ชายคนนี้มาจากพ่อมดคนอื่นและชายคนนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภูมิหลังของเขา"
แองเจเล่ย่นคิ้ว เขาหันไปที่แกรนด์อัศวินทั้งสองคนด้านข้าง
ชายคนหน้ามีสีหน้าเคร่งเครียด ผมและดวงตาของเขาเป็นสีดำ
ชายคนข้างหลังมีผมยุ่งสีขาว เขาดูแก่และมีเคราแพะที่คางของเขา
"ท่านกรีน ชื่อของข้าคือกิลและข้าถูกจ้างโดยท่านอินเฟ้น ข้าเป็นผู้ติดตามของพ่อมดเกรซ" ชายชราพูดอย่างสุภาพ
ชายคนข้างหน้าก้มหน้าลงและแนะนำตัวเองด้วยเช่นกัน "ท่านกรีน ชื่อของข้าคือริเวล ข้าเป็นผู้ติดตามของท่านอิซาเบล"
"ไปพักผ่อนเถอะ เรามีเรื่องที่จะคุยกัน"
แกรนด์อัศวินทั้งสองวางกำปั้นมือขวาไว้เหนือหน้าอกซ้ายและโค้งให้พ่อมดทั้งสอง นี่เป็นวิธีที่พวกเขาแสดงความเคารพและความจริงใจต่อคนที่เขารับใช้
"ข้าจะพยายามจับปลา เสบียงอาหารของเรากำลังน้อยลง" กิลพูดเสียงเบา
"ไปเถอะ" อิซาเบลพยักหน้า
แองเจเล่เดินไปหาอิซาเบลและวางมือไว้บนราวหลังจากที่ผู้ติดตามสองคนจากไป
ทะเลดูมืดภายใต้ท้องฟ้าสีเทา เขาสงสัยว่าพายุกำลังจะมา
"ข้าไม่รู้ว่าเราจะใช้เวลาบนเรือนานแค่ไหน" อิซาเบลพูดอย่างใจเย็น เสียงของเธอเบา ฟังดูเหมือนว่าเธอกำลังพูดกับตัวเอง "ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าภารกิจนี้จะอันตรายมาก ข้าเคยอ่านเรื่องคำสาปของแกนแห่งกาลเวลา ข่าวลือมันฟังดูน่ากลัวแต่ข้าไม่ได้จริงจังกับมัน ข้าคิดว่าข้าสามารถเข้าไปซากปรักหักพังและหาสิ่งที่ข้าต้องการ...."
"ซากปรักหักพังทั้งหมดอันตรายเช่นนี้ไหม......มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่....." แองเจเล่พึมพำ "มันเป็นครั้งที่สองที่ข้าสำรวจสถานที่ลึกลับเช่นนี้และครั้งที่แล้ว......มันก็ไม่ได้จบดีเช่นกัน ข้าเกือบตาย"
"ไม่ใช่ทั้งหมดแต่มันมีโอกาสสูง สิ่งที่ดึงดูดพ่อมดเป็นสมบัติและวัสดุหายากที่ทิ้งไว้ในซากปรักหักพังโบราณ ถ้าการสำรวจประสบความสำเร็จรางวัลก็ไม่น่าเชื่อ ข้าควรจะทำวิจัยเพิ่มเรื่องซากปรักหักพังแต่เมื่อข้าไม่พบทรัพยากรที่ข้าต้องการที่อื่น ข้าต้องหาโอกาส" อิซาเบลตอบเสียงเบา
"มันค่อนข้างน่าสนใจ" แองเจเล่ยิ้ม "ครั้งที่แล้วข้ารอดชีวิตพร้อมกับแม่มดฝึกหัดและครั้งนี้มันก็เป็นแม่มด"
"และผู้ติดตามสองคน พวกเขารอดจากภารกิจด้วยเช่นกัน" อิซาเบลขบริมฝีปาก "เจ้ามาจากไหน"
"อีกด้านของทะเลอัญมณี" แองเจเล่ไม่ได้ซ่อนอะไร "ข้าใช้เวลามากกว่าสิบปีที่นั่นกับพ่อของข้า.....ข้าเป็นเด็กนิสัยเสีย"
"อย่างน้อยวัยเด็กของเจ้าก็ดีกว่าของข้า" อิซาเบลถอนหายใจ เธอไม่ได้ไร้อารมณ์อีกต่อไป "ข้าต้องเรียนรู้ความรู้พื้นฐานทุกประเภท ข้าต้องทำสมาธิ เรียน เรียนการเต้นและร้องเพลงทุกวัน ข้าไม่มีเวลาว่างเลย แม่บอกข้าว่าข้าเป็นเป็นเพียงความหวังเดียวของพวกเขาหลังจากที่พวกเขาตระหนักได้ว่าข้ามีพรสวรรค์......มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอต้องการคือตำแหน่งสูงในตระกูล"
"เพื่อนของเจ้าอยู่ที่ไหน" แองเจเล่ส่ายหัว เขาเข้าใจได้ว่าชีวิตของเธอน่าผิดหวังแค่ไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอดูเครื่องกลไร้อารมณ์เมื่อพบกันครั้งแรก
"ข้าไม่มีเพื่อน ข้าจะเป็นแม่มดในอนาคตจึงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ข้า แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใกล้ข้าแม่ของข้าก็จะไม่ปล่อยให้ข้าพูดกับพวกเขา เด็กๆที่มีพรสวรรค์จะเรียนรู้ด้วยกันแต่มีเพียงสิงเดียวที่เราทำคือการเรียน เราไม่มีเวลาพูดคุยกันเลย" อิซาเบลดูเศร้าเล็กน้อย
"เจ้ารู้อะไรไหม มันเป็นครั้งแรกที่ข้าออกจากปราสาทของข้า....เชื่อหรือไม่ว่าข้าอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปี...." เธอมองไปที่ท้องฟ้า แองเจเล่ไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคิดอะไร
เขาไม่รู้วิธีที่จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าการอยู่สถานที่เดียวเป็นเวลามากกว่าหนึ่งร้อยปีจะรู้สึกอย่างไร
อิซาเบลมองที่แองเจเล่ "ข้าเป็นความหวังของแม่ข้าและข้ากลายเป็นสิ่งที่เธอต้องการให้ข้าเป็น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำถูกสอดส่องดูแลโดยสาวใช้และคนรับใช้ พวกเขาเฝ้าดูข้ากิน นอนและทำการบ้าน พวกเขาไม่ปล่อยให้ข้าหายใจ แม่ของข้าได้บันทึกชีวิตประจำวันของข้าและพวกเขาตรวจสอบสภาพร่างกายของข้าทุกๆสัปดาห์ พวกเขาต้องการทำให้แน่ใจว่าข้าไม่ได้ป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ"
"เจ้าได้อะไรจากมัน" แองเจเล่รู้สึกพูดไม่ออก
"......อย่างน้อยข้าก็สุขภาพดี" อิซาเบลยิ้ม แองเจเล่ไม่เคยเห็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์และสวยงามแบบนี้มาก่อน
เขายังเงียบ
อิซาเบลพูดต่อ "ข้าเหนื่อย ฮ่าฮ่า รอยยิ้มของข้าแปลกไหม แม่ของข้าตำหนิข้าตอนที่กำลังยิ้มเมื่อข้ามีความสุขกับสิ่งที่ข้าประสบความสำเร็จในอาชีพแม่มดของข้าและหลังจากนั้นข้าก็แทบจะไม่ได้ยิ้ม อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอกำลังบอกให้ข้าหาเพื่อนด้วยเหตุผลบางอย่างและนั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ข้าออกจากปราสาท"
เธอมองไปรอบๆและส่ายหัว "ทำไมเจ้าไม่พูดอะไร ข้าพูดมากเกินไปหรือ ข้าไม่รู้ว่าทำไมแต่ข้าอยากจะบอกเรื่องชีวิตของข้ากับเจ้า"
"ไม่ต้องกังวล มันเป็นสิ่งที่ดีที่เจ้าจะพูด" แองเจเล่ยิ้ม "ข้าคิดว่าเจ้าไม่เคยยิ้มในครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้า บางครั้งมันก็เป็นสิ่งที่ดี"
อิซาเบลพยักหน้าเล็กน้อย "เจ้าพูดถูก..." เธอหยุดยิ้มและการแสดงออกของเธอก็หายไปอีกครั้ง
"อืมมม.....รับนี่ไป" ทันใดนั้นเธอก็เอาอะไรบางอย่างออกมาจากถุงกระเป๋าและวางบนฝ่ามือของแองเจเล่
"ข้าสันนิษฐานว่าตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม" เธอถามด้วยเสียงกระซิบ
"แน่นอน เจ้าเป็นเพื่อนของข้า" แองเจเล่หัวเราะเบาๆ
"ขอบคุณ" อิซาเบลพยักหน้าอีกครั้ง สายตาของเธอดูมีความสุข
แองเจเล่เฝ้ามองเธอกลับไปที่ห้องโดยสารของเธอและเขาก็ตรวจสอบของที่เขาเพิ่งได้รับ มันเป็นแหวนเงินที่ไม่มีลวดลายใดๆแต่เขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานที่รุนแรงถูกปลดปล่อยออกมาจากแหวน
"ของจริงหรือ ของคุณภาพสูงเช่นนี้.....คลื่นพลังงานของมันส่งผลต่อข้าจริงๆ...." แองเจเล่ไม่ได้คาดหวังว่าอิซาเบลจะมอบของขวัญที่หายากให้เขาเป็นของขวัญ อุปกรณ์เวทมนต์ระดับต่ำไม่ได้ปลดปล่อยคลื่นพลังงานและแม้ว่ามันจะปล่อยออกมามันก็จะไม่ส่งผลต่อพ่อมด แหวนที่อิซาเบลมอบให้แองเจเล่จะต้องหายากและมีผลพิเศษบางอย่าง
มันดูเหมือนว่าอิซาเบลรู้ว่าจะจัดการกับคนแปลกหน้าและผู้ติดตามของเธออย่างไร เธอไม่รู้ว่าเพื่อนคืออะไรแต่เธอดูมีความสุขเมื่อแองเจเล่บอกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน
บางทีอิซาเบลอาจจะพยายามที่จะรักษามิตรภาพกับแองเจเล่โดยการมอบของขวัญให้เขาเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ที่หายากนี้