ตอนที่ 187: หลบหนี (2)
คลื่นที่รุนแรงล้อมรอบเกาะชนเข้ากับฝั่งขณะที่งูคำราม
เรือของพวกเขาถูกผลักออกไปโดยคลื่นที่เกรี้ยวกราดและเกือบจะถูกทำลาย
น้ำของทะเลตกลงมาบนผิวของดาดฟ้าเหมือนฝนตก
แองเจเล่ยืนอยู่ข้างหางเสือและป้องกันน้ำไม่ให้เข้าดวงตาของเขาด้วยมือ สายโลหะที่เขาสร้างช่วยทำให้เขายืนนิ่ง
เรือทั้งลำกำลังสั่น แองเจเล่พยายามอย่างดีที่สุดที่จะควบคุมสมดุลของเรือ
มีคลื่นขนาดยักษ์อยู่ข้างหลังพวกเขาสูงประมาณสิบเมตรที่ดูเหมือนกำแพงสีน้ำเงินขนาดมหึมาและกำลังจะกลืนเรือ
แองเจเล่หันหัวไปมองบนท้องฟ้า
มีฉากสีน้ำเงินสูงอยู่เหนือศีรษะของเขาและเงาของมันก็ปกคลุมเรือทั้งลำ
ตูมมม
น้ำจากทะเลกระจายบนดาดฟ้าและเริ่มทำลายพื้นผิวของดาดฟ้า
เสากระโดงเรือแตกเป็นชิ้นๆและจมลงไปในทะเลภายในไม่กี่วินาที
แองเจเล่ไม่ได้ป้องกันน้ำด้วยสนามพลังดังนั้นชุดคลุมของเขาจึงเปียก มันรู้สึกเย็นและไม่สบาย นอกจากนี้น้ำยังโดนผมของเขา
"เจ้าพร้อมหรือยัง" แองเจเล่ใช้อนุภาคพลังงานส่งคำพูดของเขาไปท้ายเรือแต่การไหลเวียนของพลังงานแปลกๆรอบๆเกาะขัดขวางข้อความ
"เสร็จแล้ว!" อิซาเบลตอบหลังจากผ่านไปหลายวินาที
ทันใดนั้นก็มีแสงสีขาวกะพริบขึ้นที่ท้ายเรือ
เริ่มจากดาดฟ้าที่น้ำบนเรือถูกแช่แข็งเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
ห้องโดยสาร บันไดและเสาที่แตก ทุกสิ่งทุกอย่างปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเรืองแสง
บาเรียน้ำแข็งถูกสร้างโดยอิซาเบลและมันปกป้องตัวเรือ
ผิวของทะเลได้สงบลงหลังจากที่คลื่นกระแทกเรือ แองเจเล่พยายามใช้อนุภาคพลังงานไฟเพื่อทำให้ชุดของเขาแห้ง
โอกกกก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรงูก็เริ่มขยับร่างกายของมันอีกครั้ง
มีคลื่นเริ่มพุ่งมาทางเรืออีกครั้ง
คลื่นไล่ตามเรือหลังจากที่เรือถูกดันไปข้างหน้าเล็กน้อย
ตูม
คลื่นกระจายบนเรืออีกครั้ง อย่างไรก็ตามครั้งนี้บาเรียน้ำแข็งดูดซึมความเสียหายส่วนใหญ่
ในที่สุดเรือก็ออกจากพื้นที่อันตราย แองเจเล่ยืนข้างราวตรวจสอบเกาะ สายโลหะกลับเข้าไปในร่างกายของเขา
อิซาเบลเดินไปหาแองเจเล่ มีวงเวทสีน้ำเงินกะพริบภายใต้ฝ่าเท้าของเธอ
แองเจเล่ถอนหายใจ เขารู้สึกโล่งใจ "เจ้ายังใช้บาเรียได้อยู่ไหม"
อิซาเบลพยักหน้า ชุดคลุมของเธอเปียกทำให้เห็นร่างกายที่เซ็กซี่ของเธอแต่เธอไม่ได้ดูกังวล
"บาเรียน้ำแข็งจะทำให้เรือเสถียรภาพ สิ่งมีชีวิตใดๆที่เจตนาจะโจมตีมันจะได้รับความเสียหายน้ำแข็ง พวกมันจะถูกแช่แข็งเป็นก้อนน้ำแข็งจนกว่าพวกมันจะมีความต้านทานเวทมนต์พอ"
"มีระยะและระยะเวลานานแค่ไหน" แองเจเล่ปัดฝุ่นออกจากชุดคลุมของเขาและเริ่มอบเสื้อผ้าด้วยอนุภาคพลังงานไฟทำให้มีไอน้ำลอยออกมาจากร่างกายของเขา
"ข้ารักษามันไว้ได้ 15 วัน หลังจากนั้นข้าจำเป็นต้องฟื้นฟูพลังจิตของข้า ในระยะ 50 เมตร" อิซาเบลตอบ "คาถาควรร่ายบนคน.....มันเป็นครั้งแรกที่ข้าทำอะไรแบบนี้"
แองเจเล่พยักหน้า ถ้าปราศจากบาเรียน้ำแข็งเรือก็คงจะไม่รอดจากคลื่นลูกที่สอง พวกเขาหันกลับไปและจ้องไปที่เกาะที่เปลี่ยนเป็นจุดสีดำขนาดเล็กในสายตาของพวกเขา
"ตอนนี้มีเพียงเจ้าและข้า....ข้าได้ยินว่าเมลิสซ่าและอินเฟ้นได้สำรวจซากปรักหักพังหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้มีบางอย่างที่ทำให้พวกเขาตกใจ...." อิซาเบลส่ายหัว "ขอบคุณสำหรับ.....การช่วยเหลือ น่าเศร้าที่ข้าไม่พบหัวใจของต้นไม้เพื่อให้เจ้า ไม่ต้องห่วง ข้าจะบอกตระกูลของข้าให้มองหาหัวใจและข้าจะส่งไปให้เจ้าถ้าเราพบมัน"
เธอโบกมือ "มาร์การิต้า นำข้า...." อิซาเบลหยุดหลังจากที่ตระหนักได้ว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ มีเพียงผู้ติดตามสองคนที่รอดตายที่ยังไม่ได้ตื่นขึ้นมา
การแสดงออกของอิซาเบลเปลี่ยนไป เธอดูหดหู่
"เกิดอะไรขึ้นในซากปรักหักพัง เจ้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร" แองเจเล่เปลี่ยนหัวข้อ
อิซาเบลลังเลชั่วครู่จากนั้นเธอก็เริ่มอธิบาย
"เราติดอยู่ในความมืด มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้ามองเห็นคือบันไดหิน....เราสามารถก้าวไปข้างหน้าได้เท่านั้นเพราะบันไดข้างหลังเราหายไป มันรู้สึกเหมือนเดินบนไดที่ลอยอยู่ในอากาศโดยไม่มีแสงสว่าง" อิซาเบลลดเสียงลง "หลังจากนั้นก็มีมอนสเตอร์แปลกๆเหมือนเงาปรากฏขึ้นข้างหน้าเรา พวกมันเริ่มโจมตีเราจากทุกทิศทุกทางและไม่ว่าข้าจะร่ายคาถาไหนพวกมันก็ไม่เคยจากไป...."
"สิ่งที่เกิดกับข้าก็เป็นเช่นเดียวกัน" แองเจเล่ลูบคาง เขาไม่ได้พูดว่าเขาไม่เห็นสัตว์อสูรใดๆ
"อุโมงค์มันขยับ ข้าคิดว่าข้าอยู่ใกล้ๆทางเข้าแต่ในวินาทีต่อมาข้าก็เห็นอุโมงค์ที่มืดมิดข้างหน้าข้า ไม่กี่วินาทีต่อมาข้าก็กลับมาที่บันไดหิน"
"มันเป็นเพียงภาพลวงตา..." แองเจเล่ขมวดคิ้ว
"ข้าคิดว่ามันเป็นภาพลวงตาด้วยเช่นกันแต่ข้าเกือบตาย.....และข้าแน่ใจว่ามอนสเตอร์เหล่านั้นทำร้ายข้าโดยตรง" อิซาเบลพูดด้วยการแสดงออกเคร่งเครียด
ทันใดนั้นเธอก็หยุดและจ้องที่แองเจเล่
"กรีน เจ้าชื่ออะไร"
"แองเจเล่ ทำไม" แองเจเล่ตอบ
"เจ้าเอาข้าออกมาจากภาพลวงตาได้อย่างไร เจ้าช่วยข้าใช่ไหม" เธอส่ายหัวอีกครั้ง "ไม่เป็นไร ข้าต้องการพักผ่อน ข้าหวังว่าห้องจะรก"
แองเจเล่เฝ้าดูเธอเดินเข้าไปในห้องโดยสาร
"ข้าควรพักบ้าง...."
อิซาเบลพูดซ้ำ เสียงเธอดูหมดแรง
เขาขบริมฝีปากหลังจากที่อิซาเบลเดินลงบันไดไม้และกลับไปที่ห้องโดยสารของเธอ
แองเจเล่ไม่อยากไปห้องโดยสาร เรือทั้งลำถูกแช่แข็งและข้างล่างนั่นจะต้องเย็นแน่ๆ
เขาอยู่บนดาดฟ้าและเอากุญแจออกมาจากเข็มขัด
มันมีกุญแจอยู่ประมาณสิบดอกและแองเจเล่พบพวกมันในห้องทดลอง
'ข้าไม่คิดว่าข้าคงไม่ได้ใช้พวกมันสักพักหนึ่ง' มีรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้าของแองเจเล่ เขาอยู่ใกล้พื้นที่ 4 แต่เขาก็ต้องหนีและมันดูเหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด
ถ้าเขาไม่พบอิซาเบลเขาอาจจะหนีไม่สำเร็จ แองเจเล่ยังไม่รู้ว่างูนั้นมาจากไหนแต่เขามั่นใจว่าระเบิดหัวใจไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆแก่มันได้
แองเจเล่ส่ายหัวอีกครั้ง มีเรื่องลึกลับมากมายที่จะต้องแก้แต่เขาไม่คิดว่าเขาจะกลับมาที่นี่ในเร็วๆนี้
****************************
ภายในอุโมงค์ของซากปรักหักพัง
ห้องทดลอง
มีชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องและเดินไปยังไพลินเรืองแสงในมุมหนึ่ง
เขายกมือขึ้นและกดผิวของไพลิน มันเป็นมือที่มีเลือดที่ปราศจากผิวหนัง เนื้อสีแดงและกล้ามเนื้อสีขาวถูกสัมผัสกับอากาศ
กึก
ไพลินหลวมและเริ่มเคลื่อนที่ไปทางซ้ายเผยให้เห็นช่องสี่เหลี่ยม
ไดอารี่และกุญแจไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไป สิ่งที่เหลือก็คือกองขี้เถ้าสีดำ
ชายคนนี้ยืนอยู่หน้าช่องจนไพลินกลับตำแหน่งเดิม
แคร๊ก
ทันใดนั้นไพลินเรืองแสงทั้งห้องก็แตกเป็นชิ้นๆ
แสงจากห้องดับลงและห้องทดลองก็อยู่ในความมืด
************************
แองเจเล่โยนกุญแจขึ้นไปในอากาศและจับด้วยมือทั้งสองข้าง เขาตัดสินใจที่จะผูกไว้กับเข็มขัดอีกครั้ง
ทันใดนั้นกุญแจสีดำก็เริ่มเรืองแสง
พวกมันเปลี่ยนเป็นสายสีดำและเข้าไปในตราบนฝ่ามือซ้ายของเขา
"โอ้ย" มีความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนฝ่ามือซ้ายของเขา แองเจเล่ยกมือซ้ายขึ้นและเห็นสายสีดำบิดอยู่ตรงกลางของตราที่เหมือนงู
"เกิดอะไรขึ้น"
สายตาของเขาเริ่มเบลอและเห็นกุญแจสีดำวางอยู่บนฝ่ามือของเขาเงียบๆ
"นี่เป็นภาพลวงตางั้นหรือ.....น่าสนใจ" แองเจเล่คิดว่าเขาได้รับสิ่งที่ไม่น่าเชื่อและเขาอยากรู้ว่ากุญแจเหล่านี้ทำมาจากอะไร
เขาโยนกุญแจขึ้นไปในอากาศอีกครั้งและตราที่อยู่บนฝ่ามือซ้ายของเขาก็ร้อนขึ้น มันหมายความว่ากุญแจจะต้องเป็นแหล่งกำเนิดของภาพลวงตา
หลังของแองเจเล่สั่น เขาได้ยินเสียงสัตว์อสูรหายใจอยู่ข้างหลังคอของเขา
แล้วภายลวงตาก็หายไปอีกครั้งหลังจากที่สายตาของเขาเบลอ
มันทำให้แองเจเล่สนใจกุญแจมากขึ้น
เขาโยนกุญแจขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง
โฮกกกกกกก
สัตว์อสูรใกล้ขึ้น แองเจเล่เอนตัวไปด้านข้างและมีบางอย่างที่หนาวเย็นผ่านข้างใบหน้าของเขา
มันรู้สึกเหมือนแก้มของเขาถูกถูด้วยใบดาบและภาพลวงตาก็หายไปอีกครั้ง
"เดี๋ยวนะ.....ข้าเคยอ่านเรื่องนี้ในหนังสือ..." มีความเป็นไปได้เดียว ดวงตาของเขาส่องแสง
อย่างไรก็ตามมีบางอย่างหยดลงไปที่คางของเขา เขาลูบแก้มของเขาด้วยมือขวา มันมีบาดแผล
การแสดงออกของแองเจเล่เปลี่ยนไป เขามองไปที่มือ
นิ้วของเขาปกคลุมไปด้วยเลือด
"เรื่องเล่าเป็นความจริง....ข้าจะต้องเริ่มทดลองหลังจากที่ข้ากลับไป" แองเจเล่พึมพำ
'ซีโร่ ทำไมเจ้าถึงไม่เตือนข้าเรื่องการโจมตี' แองเจเล่ถาม
[ไม่พบภัยคุกคาม] เสียงของซีโร่ดังก้องอยู่ในหัวของเขา
'สแกนและวิเคราะห์กุญแจเหล่านี้' แองเจเล่จับกุญแจอย่างระมัดระวังในมือ เขาตัดสินใจที่จะระมัดระวังในครั้งนี้
มีจุดแสงสีน้ำเงินกะพริบในดวงตาของเขาและหลังจากผ่านไปหลายวินาทีแถวข้อมูลก็เรียงด้านข้างโฮโลแกรมของกุญแจสีดำ รายการข้อมูลเปลี่ยนไปทุกๆวินาที
แองเจเล่ข้ามข้อมูลส่วนใหญ่ที่ไม่จำเป็นและเริ่มจ้องที่ข้อมูลที่สำคัญ
[น้ำหนักของกุญแจ 0 กรัม]
[พบสนามพลัง]
[พบคลื่นพลังจิต]
[โครงสร้างของมันไม่สามารถสแกนได้]
'ซีโร่' แองเจเล่รู้สึกถึงน้ำหนักของกุญแจมันมีประมาณ 500 กรัมแต่ชิปบอกว่ามันหนัก 0 กรัม
ข้อมูลของกุญแจยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆในสายตาของแองเจเล่ หลังจากผ่านไปประมาณสองนาทีในที่สุดการวิเคราะห์ก็เสร็จสมบูรณ์
แถวสุดท้ายระบุวัสดุที่ใช้สร้างกุญแจเหล่านี้