ตอนที่ 183: การสำรวจ (2)
"ดาบปลายโค้งต้องสาป...."
แองเจเล่นึกถึงเรื่องที่เมลิสซ่าได้อธิบายอาวุธของเคอร์แมนแต่เขาไม่พบข้อมูลเพิ่มเติมในฐานข้อมูล
เขาตรวจสอบดาบปลายโค้งแต่มันดูเหมือนว่าจะต้องใช้เทคนิคพิเศษเพื่อกระตุ้นผลของมัน พลังจิตและอนุภาคพลังงานของแองเจเล่ไม่ได้ผล มันเป็นเพียงดาบปลายโค้งธรรมดาสำหรับเขา
แองเจเล่ใช้เวลาหลายนาทีในการสังเกตดาบปลายโค้งขณะที่ซีโร่กำลังสแกนแต่เขาก็ไม่ได้ข้อมูลที่มีค่าใดๆ เขาตัดสินใจที่จะสำรวจมันในอนาคตเขาจึงเก็บมันไว้กับเข็มขัดของเขา
เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เปลวไฟที่กำลังเกรี้ยวกราด ร่างของเคอร์แมนถูกเผาจนเป็นขี้เถ้าและแองเจเล่ก็ตรวจไม่พบคลื่นพลังจิตของเขาอีกต่อไป
แองเจเล่กลับไปที่ช่องว่างข้างบนของอุโมงค์และกระโดดลงไป เขายังมองเห็นไฟระหว่างช่องว่างและอุณหภูมิภายในอุโมงค์ก็สูงขึ้น
ลูกไฟส่องแสงได้ปรากฏขึ้นที่ฝั่งซ้ายของใบหน้าของเขาอีกครั้งและเขาก็เริ่มเดินกลับไปพื้นที่ที่เริ่มต่อสู้
อุโมงค์ใต้ดินของซากปรักหักพังเป็นเหมือนใยแมงมุม มันซับซ้อนและเต็มไปด้วยทางแยกแต่แองเจเล่ไม่เห็นห้องใดๆระหว่างทาง
เขาสันนิษฐานว่าเขายังอยู่ในพื้นที่ด้านนอก เขามาถึงทางแยกอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาตัดสินใจที่จะสำรวจพื้นที่ที่ไม่รู้จักก่อน
เขาหันไปทางซ้ายและเข้าไๆปในอุโมงค์ที่มืดมิด
กึกๆๆ
พื้นสั่นเล็กน้อย มันดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่อยู่ห่างไกลออกไปโดนอุโมงค์
หลังจากนั้นประมาณสิบนาทีพื้นก็หยุดสั่น แองเจเล่ตรวจพบแหล่งที่มาของการสั่นสะเทือนและเพิ่มความเร็วของเขาแล้วเลี้ยวขวาที่ทางแยกสุดอุโมงค์นี้
ผนังหินนั้นไม่มีความแตกต่างกัน ถ้าปราศจากชิปแองเจเล่ก็คงจะหลงทางไปแล้ว ในที่สุดเขาก็มาถึงทางเข้าที่ดูต่างออกไปตรงปลายอุโมงค์
ภายในทางเข้ามีบันไดหินสีเทาที่ทอดลงสู่ความมืด แองเจเล่รู้สึกถึงอากาศเย็นๆปะทะกับใบหน้าเพียงแค่ยืนอยู่ข้างผนัง
เขาก้มลงและตรวจสอบที่พื้น
แองเจเล่พบรอยเท้าบนฝุ่นที่พื้นหิน
"มีใครบางคนมาที่นี่แล้ว"
แองเจเล่ยืนขึ้นและชี้ไปที่บันได
ด้วยการดีดนิ้วมันก็มีลูกโลหะสีดำขนาดเล็กยิงไปที่บันได
ก่อนที่ลูกโลหะจะตกลงพื้นแองเจเล่ก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง
มีลำแสงสีแดงกะพริบ
ฟรึบ
ลูกโลหะถูกจุดไฟและแสงสีเหลืองที่มาจากเปลวไฟมันก็ทำให้บริเวณบันไดสว่างขึ้น
ตุ้บ
ลูกโลหะที่เผาไหม้กลิ้งลงไปตามบันไดหินและหยุดหลังจากที่ถึงพื้น มันดูเหมือนจุดแสงขนาดเล็ก
แองเจเล่พอใจกับผลและเขาก็ยืนลูกโลหะมากกว่าสิบลูกลงบันได
ในที่สุดเขาก็มองเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจนและเริ่มเดินลงอย่างช้าๆ
มีลวดลายสีขาวแปลกๆถูกวาดอยู่บนผนังทั้งสองข้าง
พวกมันดูเหมือนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีร่างกายมนุษย์ติดอยู่ แขนของพวกมันยาวแต่ก็บิดเบี้ยว หนึ่งในัน้นมีหูขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนอ่างล้างหน้า ดอกไม้บางดอกเป็นผู้คนที่จับมือกันและเต้นรำรอบกองไฟ
แองเจเล่ถูผิวของผนัง สีขาวบางส่วนได้ตกลงไปที่พื้นและพื้นที่ขนาดใหญ่ข้างดอกไม้ที่มีคนกำลังเต้นรำหายไป
เขาลดมือลงและเริ่มเดินลงบันไดอีกครั้ง เขาคิดว่าที่นี่มันเป็นอุโมงค์แต่จริงๆแล้วมันเป็นห้องและลูกโลหะที่เผาไหม้ก็อยู่บนพื้นอย่างเงียบๆ
ไม่มีภาพวาดบนผนังในห้อง ผิวของมันเรียบเนียนและเกลี้ยงเกลา
แองเจเล่สังเกตเห็นผู้หญิงผมบลอนด์นอนอยู่ข้างลูกโลหะที่เผาไหม้ลูกหนึ่ง เธอสวมชุดเกราะหนังสีแดงและใบหน้าของเธอก็ดูคุ้นเคย
เธอเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของอินเฟ้น
รูปแบบเกราะของผู้ติดตามของอินเฟ้นนั้นง่ายต่อการจำและแองเจเล่สามารถระบุตัวเธอได้อย่างง่ายดาย
เขาเดินไปที่เธอและก้มตัวลง
ร่างกายของเธอนอนคว่ำอยู่บนพื้นและมีสระเลือดสีแดงเข้มอยู่ข้างใต้เธอ
แองเจเล่จุ่มนิ้วลงในเลือด มันเริ่มแข็งและมันรู้สึกเหมือนสัมผัสกับโจ๊ก
'ข้ามีน้ำมันดอกกุหลาบดำแล้วและมีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือหัวใจของต้นไม้ ข้าหวังว่าข้าจะพบมันในซากปรักหักพัง มันดูเหมือนว่าซากปรักหักพังถูกควบคุมโดยลัทธิสองหัว ข้าอาจจะหาทรัพยากรได้หากเป็นความจริง'
แองเจเล่รู้ว่ามีอันตรายอยู่ข้างหน้าแต่เขาไม่อยากยอมแพ้กับโอกาสที่จะได้รางวัลอย่างง่ายดาย ถ้าเขาเลือกจากไปตอนนี้ระเบิดหัวใจที่เขาใช้ก็จะสูญเปล่า
แองเจเล่ไม่ได้กลับไปในสวนบ่วงจันทรา มีเพียงวิธีเดียวที่จะก้าวหน้าในโลกพ่อมดคือการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และโอกาสต่างๆ เขาต้องระมัดระวังในการจัดการกับสิ่งต่างๆแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาควรจะเลิกเมื่อมีอันตรายที่มาพร้อมกับโอกาสที่จะได้ประโยชน์อยู่ข้างหน้า
นอกจากนี้ด้วยความช่วยเหลือของเทคนิคย่องเบาและวิธีการบีบอัดพลังจิตเขาก็จะไม่ถูกตรวจพบถ้าพลังจิตของศัตรูอ่อนแอกว่าเขา
แองเจเล่คว้าไปที่ไหล่ของเธอและหันร่างกาย
มีแผลลึกบนคอของอัศวินหญิงและมีรูขนาดใหญ่ตรงกลางท้องของเธอ แองเจเล่มองเห็นอวัยวะที่รวมกับเนื้อ นอกจากนี้ไหล่ขวาของเธอก็ยังหัก มันดูเหมือนว่าเธอไม่มีโอกาสต่อสู้กลับ
แองเจเล่ยืนขึ้นและมองไปรอบๆหลังจากที่ตรวจสอบร่างกาย
มีประตูหินโค้งสามประตูอยู่ข้างหน้าเขา
ประตูข้างหน้าเขาเปิดอยู่ มีเศษหินขนาดใหญ่อยู่บนพื้นและมีรอยเท้าที่เป็นเลือดอยู่ข้างๆ
แองเจเล่ใช้เทคนิคย่องเบาและเดินไปเงียบๆ จากนั้นเขาก็เข้าไปในประตูอย่างช้าๆ
ปัง
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังผสมกับเสียงคนคำรามดังมาจากข้างใน
ห้องเริ่มสั่นความรู้สึกคล้ายกับตอนที่เขาอยู่ในอุโมงค์
แองเจเล่ยกมือขึ้นและอนุภาคพลังงานสีน้ำเงินก็กะพริบในอากาศ เปลวไฟบนลูกโลหะทั้งหมดดับ ห้องอยู่ในความมืดอีกครั้งเหลือเพียงลูกไฟข้างๆใบหน้าของเขา
เขาเริ่มขยับไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยใช้เทคนิคย่องเบาและการบีบอัดพลังจิตทำให้แทบไม่มีเสียงของฝีเท้า
ข้างหลังประตูเป็นอุโมงค์ที่มืดมิด หลังจากเดินไปหลายนาทีแองเจเล่ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันข้างหน้า
"....ตรวจสอบ....นำ....กับเรา.....เราต้องรีบ......พื้นที่หลักอยู่ข้างหน้า"
มันเป็นเสียงของเมลิสซ่าแต่แองเจเล่จับใจความที่เธอพูดไม่ได้ทั้งหมด
เขาเดินไปข้างหน้าอีกหลายก้าวและในที่สุดเขาก็ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาอย่างชัดเจน มีคนตอบเมลิสซ่า
"ทั้งหมดนี้เป็นกับดัก......มันเป็นครั้งแรกที่เราเข้าพื้นที่นี้ ทุกคนระวังตัวให้ดี! เราจะถึงพื้นที่หลักหลังจากที่ทำลายบาเรีย เราต้องหาเพลาแบริ่งให้มากที่สุด" มันเป็นอินเฟ้น ดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาที่ทีมของเมลิสซ่า "เบเล็มและเคอร์แมนเป็นสายลับของลัทธิสองหัว ถ้ากรีนไม่ได้จัดการพวกเขาให้เรามันก็จะเป็นปัญหาใหญ่"
"เฮ้! ระวังให้ดี! มองไปที่ผนังคอลลิน! อย่าไปใกล้เกินไป!"
"ครับ"
"อิซาเบลอยู่ไหน ข้าไม่พบเธอและผู้ติดตามของเธอหลังจากที่เข้าอุโมงค์" เมลิสซ่าถาม
"ข้าเห็นเธออีกด้านของอุโมงค์ เธอไม่ได้วางแผนที่จะเข้าไปพื้นที่หลัก เธอตรงไปยังพื้นที่เก็บของด้วยเหตุุผลบางอย่าง" อินเฟ้นอธิบาย
"เธอกำลังมองหาอะไร ข้าแน่ใจว่ามีทรัพยากรหายากมากมายอยู่ที่นี่ ไปกันเถอะ เราต้องไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้" เมลิสซ่าพูดเสียงเบา
มันดูเหมือนว่าเมลิสซ่าและอินเฟ้นได้เข้าประตูไม่นานมานี้ แองเจเล่ตามหลังพวกเขาจากระยะไกลค่อยๆไปข้างหน้าที่ละนิด
อุโมงค์ยังอยู่ในสนามพลังที่พร้อมจะดักผู้คนให้อยู่ในภาพลวงตา แองเจเล่ต้องจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้พลาดข้อมูลที่สำคัญใดๆ เมลิสว่าได้ต่อสู้หลายครั้งก่อนที่จะรวมตัวกับอินเฟ้น
มีเศษอวัยวะของมนุษย์อยู่บนพื้นและมีเลือดกระจายบนผนังหิน มีรอยเท้าทิ้งไว้บนพื้นที่นำไปสู่พื้นที่ข้างหน้า
แองเจเล่พบประตูขนาดเล็กทางด้านซ้าย ป้ายมันบอกว่า 'ห้องทดลอง' เป็นคำที่เขียนในภาษาบารันโบราณ เขาลังเลชั่วครู่จากนั้นก็เปิดประตู
มีแสงสีฟ้าสะท้อนบนใบหน้าของเขา
มันเป็นห้องที่มีขนาดกว้างขวางมีไพลินเรืองแสงปกคลุมที่ผนัง ไพลินรูปเพชรเหล่านี้เป็นแหล่งกำเนิดของแสง
ด้านซ้ายของห้องมีนาฬิกาแดดหินขนาดเล็กที่มีสีดำ มีชั้นฝุ่นหนาปกคลุมผิวของมัน
แองเจเล่เดินไปที่นาฬิกาแดดและเช็ดฝุ่นด้วยเศษผ้า
กลุ่มของเมลิสซ่ายังไปข้างหน้า พวกเขาไม่ได้เข้าห้องทดลองเพราะพวกเขาอยากประหยัดเวลา
แองเจเล่แน่ใจว่าเพลาแบริ่งที่เมลิสซ่าพูดถึงคืออะไรแต่มันดูเหมือนว่าพวกเขาไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ เขาไม่แน่ใจว่าเมลิสซ่าแข็งแกร่งแค่ไหนดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะทำการสืบสวนด้วยตัวเองก่อน
เขาไม่สนใจเพลาแบริ่งอีกต่อไป
ด้วยการตายของเคอร์แมน แองเจเล่จึงสามารถมุ่งมั่นไปกับการค้นหาหัวใจของต้นไม้ เขาได้รับน้ำมันดอกกุหลาบดำจากอิซาเบลแล้วดังนั้นเขาจึงสามารถเตรียมทำยาได้หลังจากที่ได้รับหัวใจ
แม้ว่าพลังจิตของแองเจเล่จะยังไม่สูงพอที่จะไปถึงขั้นต่อไป แต่มันก็ยังจำเป็นสำหรับเขาที่จะรวบรวมวัสดุสำหรับทำยาก่อน มีหลายวิธีที่จะช่วยเขาเพิ่มพลังจิตนอกจากการทำสมาธิแต่นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้รับหัวใจ
นอกจากนี้แองเจเล่มั่นใจว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยการทดลองทำครั้งแรก เขามีประสบการณ์ในทางปฏิบัติมากมายและซีโร่สามารถจำลองกระบวนการให้เขาได้
ผู้เชี่ยวชาญยาจะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากทุกๆวัน แต่พวกเขาสามารถสร้างยาระดับกลางได้ในแต่ละปีเพียงแค่หนึ่งหรือสองขวด
ยาพื้นฐานมีราคาแพงในตลาด แต่ราคาของยาระดับกลางนั้นสูงกว่ามาก ระดับทักษะและจำนวนของทรัพยากรที่ต้องการนั้นมันเป็นจำนวนมหาศาล วัสดุเสียไปนับร้อยนับพันเท่าจากรายการในสูตรจริง
แองเจเล่หยุดคิดและเริ่มสังเกตสภาพแวดล้อม มีรอยเลือดอยู่ที่มุมที่ดึงดูดสายตาของเขา
แองเจเล่เดินไปที่มุมและเห็นรอยเลือดนำไปสู่อีกด้านของผนังห้อง