ตอนที่ 182: การสำรวจ (1)
อุโมงค์ที่คดไปคดมาอยู่ข้างหน้า แองเจเล่เพิ่มความเร็วของเขา สถานที่นี้มีเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงหายใจของเขา
ลูกไฟสีเหลืองลอยอยู่ด้านซ้ายของเขาและแสงมันก็ทำให้พื้นที่บริเวณใกล้ๆสว่างขึ้น
'แปลก เส้นทางที่นี่มันยุ่งเหยิง' แองเจเล่วิ่งด้วยความเร็วเต็มที่แต่ข้างหน้าของเขาก็ยังโล่ง
มันรู้สึกเหมือนอุโมงค์กำลังขยับด้วยตัวเอง แองเจเล่สั่งให้ซีโร่สร้างแผนที่ของพื้นที่นี้เมื่ออุโมงค์แรกปรากฏข้างหน้าเขาแต่เขาก็ได้พบทางออกสองทางที่ไม่รู้จักระหว่างทางที่เขามาที่นี่ ถ้าปราศจากคาถาติดตามเขาก็คงจะติดตามทั้งสองคนนั้นไม่ได้
เขาวิ่งไปและพิจารณาสถานการณ์ไปด้วย
'ตามคำพูดของเบเล็มที่กำลังจะตาย ซากปรักหักพังนี้เป็นดินแดนของลัทธิสองหัว ชื่อของลัทธิอาจจะมาจากรูปลักษณ์ของสมาชิกของมัน พ่อมดที่เห็นก่อนหน้านี้มีสองหัว อย่างไรก็ตามเมลิสซ่าและอินเฟ้นได้มาซากปรักหักพังหลายครั้งแล้ว ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่พบอะไรเกี่ยวกับแผนการลับของลัทธิสองหัว.....อาจจะมีอะไรหลายอย่างที่ข้ายังไม่รู้'
ทันใดนั้นแองเจเล่ก็หยุดแล้วหันไปที่มุมหนึ่ง มีแสงอาทิตย์ส่องลงมาจากส่วนบนของอุโมงค์ข้างหน้าเขา
ส่วนบนของอุโมงค์แตกและแสงอาทิตย์สีทองก็ส่องเข้ามา
แองเจเล่หรี่ตาเล็กน้อยและเดินเข้าไปในแสงแดด
เขาเงยหน้าขึ้นและพยายามมองออกไปนอกช่องว่าง
เมฆที่ปกคลุมท้องฟ้าสีน้ำเงินไม่มีอยู่อีกต่อไปและแองเจเล่รู้สึกถึงความอบอุ่นของดวงอาทิตย์
เขาเศษหินออกจากช่องว่างอย่างระมัดระวังและมีเถาวัลย์สีเขียวตกลงมาข้างหน้าเขา
สายตาของแองเจเล่มองไปที่เถาวัลย์ตรงที่ติดกับขอบของช่องว่าง
พื้นผิวของเถาวัลย์มีรอยขีดข่วนมันมีเส้นใยของพืชสีขาว
"พวกเขาหลบหนีผ่านช่องว่างนี้...."
แองเจเล่มองเห็นภาพของพ่อมดสองหัวปีนขึ้นไปบนเถาวัลย์และออกจากอุโมงค์พร้อมกับแบกเคอร์แมนบนหลังของเขา
เขารีบคว้าเถาวัลย์และดึงมันอย่างแรง จากนั้นแองเจเล่ก็รีบก้าวถอยหลังและเงยหน้าขึ้น
มีกับดักถูกวางไว้และมีอุปกรณ์สีดำบางอย่างตกลงมาที่พื้นจากช่องว่าง พวกมันตกลงมาข้างล่างของเถาวัลย์
แองเจเล่ส่ายหัว
มันเป็นเข็มสีดำ พวกมันแทงเข้าไปในพื้นหินและรูปร่างของพวกมันดูคล้ายกับที่เคอร์แมนเคยใช้
"ไม่น่าแปลกใจเลย"
แองเจเล่ยิ้มเยาะและเงยหน้าขึ้น มีสายโลหะบางๆรอบเถาวัลย์และดึงมันหลายครั้ง
มันดูเหมือนว่าเข็มเป็นเพียงกับดักเดียวที่พวกเขาตั้งไว้ที่นี่
แองเจเล่ก้าวไปข้างหน้าและคว้าเถาวัลย์
เขารีบปีนออกจากอุโมงค์ผ่านช่องว่าง
เหนืออุโมงค์มันเป็นทะเลต้นไม้ พวกมันสูงและมีชีวิตชีวา รากของพวกมันแข็งแรงและพุ่มไม้รอบๆก็หนา
หญ้าสีเขียวปกคลุมแผ่นดินและมีดอกไม้สีขาวหลายดอกผสมอยู่ในนั้น
ระยะห่างระหว่างต้นไม้แต่ละต้นประมาณสี่หรือห้าเมตรและโคลนสีดำก็ปกคลุมเศษหินสีขาว มันดูเหมือนเมล็ดงาขาวโตบนเศษผ้าสีดำ
แองเจเล่รีบออกจากทางออกและเห็นต้นไม้ขนาดมหึมาอยู่ข้างๆเขา แสงแดดได้ส่องผ่านช่องว่างของกิ่งไม้และตกลงบนพื้นดินขณะที่รากของต้นไม้ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์สีเขียว ภายในป่าไม่มีแมลงหรือสัตว์ มีเพียงสิ่งเดียวที่แองเจเล่เห็นคือพืช
โคลนที่อยู่ใต้เท้าของเขาเปียก แองเจเล่มองไปรอบๆรากรูปร่างระฆัง ก่อนที่เขาจะสังเกตสภาพแวดล้อมได้ทั้งหมดเขาก็เห็นชายสองคนปรากฏในสายตาของเขา
พวกเขาเป็นพ่อมดสองหัวและเคอร์แมน
เคอร์แมนได้ตื่นขึ้นมาแล้วและกำลังร่ายคาถาบางอย่างเสียงเบา ซีกซ้ายของร่างกายของเขาได้ถูกรวมกับชายสองหัวแล้ว
มันเกือบจะดูเหมือนเคอร์แมนพยายามที่จะเข้าไปในเนื้อของชายคนนั้น
ไม่มีอวัยวะที่แสดงความรู้สึกบนใบหน้าของชายสองหัว ผิวหนังของเขาเรียบเนียน เขาไม่ได้ขัดสิ่งที่เคอร์แมนกำลังทำเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นและรอเคอร์แมนร่ายคาถาเสร็จ
เคอร์แมนได้ยินเสียงฝีเท้าของแองเจเล่และหันกลับไปมอง เขาขบฟันแต่แองเจเล่มองเห็นความกลัวบนใบหน้าของเขา
เคอร์แมนหยุดร่ายคาถาเมื่อรู้ว่าเขาไม่มีทางร่ายคาถาเสร็จและมันอาจจะเป็นไปได้ว่ามานาที่ไม่เสถียรจะฆ่าเขา อย่างไรก็ตามมันดูเหมือนว่าการหยุดคาถาชั่วคราวไม่ได้ส่งผลอะไร
"เจ้าจะไม่ปล่อยข้าไปงั้นหรือ" เคอร์แมนถามเสียงเข้ม ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาได้หายไปแล้ว แขนและหัวของเขาอยู่ด้านหลังของพ่อมดสองหัว ฉากนี้ทำให้แองเจเล่รู้สึกไม่ดี
เขาเยาะเย้ย "เจ้ายอมแพ้แล้วหรือ"
"เจ้าไม่รู้อะไร......ข้าได้ใช้เวลาหลายปีเพื่อรวบรวมพลังคำสาปและเจ้าได้ทำลายมันทั้งหมด! ข้าไม่ต้องวิ่งหนีอีกต่อไป ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้าสามารถทำอะไรได้" ความกลัวบนใบหน้าของเคอร์แมนหายไปและเขาจ้องที่แองเจเล่ "ตอนนี้พลังของข้าได้กลับมาแล้ว......อย่าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้ง่ายๆ....."
"หืม น่าสนใจ มาแสดงให้ข้าเห็นว่าเจ้าสามารถทำอะไรได้"
มีรอยโลหะเงินสามรอยค่อยๆปรากฏบนใบหน้าซีกซ้ายของแองเจเล่
เคอร์แมนหัวเราะและปรบมือ จากนั้นร่างกายของเขาและร่างกายของชายสองหัวได้รวมกันอย่างสมบูรณ์
รูปร่างของใบหน้าของชายสองหัวเปลี่ยนไปและต่อมาเขาก็ดูคล้ายกับเคอร์แมน
มันเหมือนเคอร์แมนรุ่นสองที่เปลือยครึ่งหนึ่ง ร่างกายส่วนล่างของเขาปกคลุมไปด้วยเศษผ้าสีน้ำเงิน เขาสูงประมาณสองเมตรดูแข็งแรงและโหดเหี้ยม
เคอร์แมนดึงดาบปลายโค้งต้องสาปออกมาอีกครั้งและเคลือบใบดาบด้วยกลิ่นอายสีเขียวที่คุ้นเคย
"เจ้าแมลงน่ารำคาญตายไปซะ!" เคอร์แมนพุ่งมาหาแองเจเล่ ดาบปลายโค้งในมือขวาของเขามันรวดเร็วจนทำให้มันเบลอ "เจ้ามีระเบิดหัวใจมากแค่ไหน ห๊ะ" เขาคำรามขณะที่ฟันมาข้างหน้า
แองเจเล่ส่ายหัวจากนั้นแขนเสื้อของเขาก็มีระเบิดหัวใจสี่ลูกปรากฏบนฝ่ามือ พวกมันทั้งหมดมีแสงสีแดงเตรียมพร้อมที่จะระเบิด
เขายกแขนขึ้นและเล็งไปที่เคอร์แมน
การแสดงออกที่มั่นใจของฝ่ายตรงข้ามของเขาได้ถูกแทนที่ด้วยความกลัว เขารีบหันกลับไปและพยายามหนี
"เจ้าได้ระเบิดหัวมาจากไหนมากมาย! เจ้ามันบ้า!" เขาตะโกนขณะที่เขาเริ่มถอยหนี
เคอร์แมนได้สันนิษฐานว่าแองเจเล่ได้ใช้ระเบิดหัวใจทั้งหมดของเขาในอุโมงค์ เขาไม่ได้คิดว่าแองเจเล่จะมีซ่อนอยู่ใต้ชุดคลุมมากมายเช่นนี้ มันเป็นพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงสูงอย่างยิ่งที่ระเบิดหัวใจอาจจะระเบิดได้ในระหว่างการต่อสู้
ตูมมม
พื้นที่ด้านหน้าของแองเจเล่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ
ท้องฟ้า ต้นไม้และแผ่นดินหายไปจากสายตาของเคอร์แมนและเขาเห็นเปลวไฟที่พยายามกลืนกินเขาแทน
แรงกดดันจากการระเบิดทำให้ร่างกายของเคอร์แมนบีบรัดและอุณหภูมิที่สูงได้ทำให้บาเรียป้องกันของเขาเป็นไอภายในพริบตา
"อา!"
เคอร์แมนคำรามด้วยความเจ็บปวดแต่มีเพียงสิ่งเดียวที่แองเจเล่ได้ยินคือเสียงเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้ ดวงตาของเคอร์แมนได้หายไปในเปลวไฟรวมถึงจมูกและหูที่ถูกทำลายด้วยการระเบิด ในที่สุดมันก็เหลืออยู่ไม่มากนัก
เปลวไฟพุ่งขึ้นไปในอากาศและจุดประกายต้นไม้รอบๆ ลำต้นของต้นไม้ใหญ่ได้ตกลงมาที่พื้นขณะที่ไฟเป็นประกาย
มีควันหนาสีขาวลอยอยู่ในอากาศ
หญ้าภายในรัศมีของระเบิดได้เปลี่ยนเป็นขี้เถ้าภายในไม่กี่วินาทีและคลื่นความร้อนก็แผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง
แองเจเล่อยู่ตรงกลางของการระเบิดและปลิวห่างออกไป เขาสร้างสายโลหะเงินบางๆหลายสายและยิงมันไปที่ต้นไม้ด้านข้างเพื่อลดแรงกระแทก เขาดึงต้นไม้ขนาดใหญ่แปดต้นก่อนที่จะตกลงพื้น
"ระเบิดหัวใจสี่ลูกและแต่ละลูกมีพลังอย่างน้อย 50 หน่วย.....มันน่าเหลือเชื่อมาก...."
มันเป็นครั้งแรกที่แองเจเล่ใช้ระเบิดหัวใจพร้อมกันสี่ลูกและมันทำให้เขาตกใจ
ตำแหน่งที่เขายืนได้เปลี่ยนเป็นทะเลเปลวเพลิง อนุภาคพลังงานไฟสีแดงส่องแวววาวผสมกับพืชที่กำลังเผาไหม้ปกคลุมแสงจากดวงอาทิตย์
เคอร์แมนกำลังดิ้นรนและสั่นอยู่ในเปลวไฟ เขาพยายามที่จะหลบหนีแต่เขาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวไฟที่เกรี้ยวกราด เขากำลังจะตาย เขาไม่ได้ยินหรือเห็นอะไรแต่เขาก็ยังคงพยายามหาทางที่จะมีชีวิตรอด
แองเจเล่อยู่ห่างจากขอบของพื้นที่ที่กำลังเผาไหม้เกือบสิบเมตรแต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความร้อนและแม้แต่ชั้นโลหะบางๆที่ปกคลุมผิวหนังของเขาก็เริ่มหลอมละลาย เขาถอยห่างไปอีกหลายเมตร
"มันจบแล้ว"
แองเจเล่ถอนหายใจและเฝ้าดูเคอร์แมนถูกเผาในเปลวไฟ เขาใช้หนึ่งในสามของระเบิดหัวใจที่เขามีระหว่างการต่อสู้
เขานึกถึงวันที่เขาฆ่าปีศาจร้อยตาสองตัวที่อยู่นอกซากปรักหักพังของแรมโซด้า ระเบิดหัวใจลูกนั้นทำมาจากหัวใจของช้างเรืองแสง อย่างไรก็ตามปีศาจเหล่านั้นยังอ่อนแอกว่าเคอร์แมน เขาเกือบจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่โดนระเบิดหัวใจหลายครั้ง
ร่างกายที่เผาไหม้ของเคอร์แมนเริ่มหลอมละลายจากความร้อน เขายังขยับแต่มันดูเหมือนว่าไม่มีทางที่เขาจะฟื้นฟูได้
ตูมมมม
ทันใดนั้นร่างกายของเคอร์แมนก็ระเบิด ชิ้นส่วนและอวัยวะของเขากระเด็นไปทั่ว
ดาบปลายโค้งได้พุ่งผ่านอากาศที่ล้อมรอบไปด้วยเปลวไฟ
ฉึก
ดาบปลายโค้งได้แทงเข้าไปในลำต้นของต้นไม้ด้านข้างแองเจเล่ ใบดาบยังมีควัน ความร้อนที่อยู่บนโลหะทิ้งรอยเผาไหม้ไว้บนผิวของลำต้น
แองเจเล่หันไปมอง เขาตกใจที่อาวุธของเคอร์แมนยังอยู่ในสภาพดีหลังจากที่โดนระเบิด มันไม่มีแม้แต่รอยบนใบดาบ
แองเจเล่เดินไปที่ต้นไม้และหยุดข้างลำต้นของมัน
มีแสงสีเงินบนดาบปลายโค้งแต่กลิ่นอายสีเขียวไม่ได้มีอยู่อีกต่อไป ใบดาบที่เป็นคลื่นดูเหมือนงูสีเงินที่กำลังเลื้อย
ด้ามจับของดาบปลายโค้งทำมาจากโลหะดำแต่แองเจเล่มือจับใดๆ ด้ามจับมันมีรูปแบบคล้ายมีดสั้นที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม
แองเจเล่วางมือไว้บนด้ามจับ มีจุดแสงสีน้ำเงินปรากฏขึ้นในอากาศ พวกมันรวมตัวรอบด้ามจับและเปลี่ยนเป็นลำแสงน้ำ
ฟู่
ไอน้ำสีขาวได้ลอยออกมาจากด้ามจับ
หลังจากผ่านไปหลายวินาทีไอน้ำก็หายไปและจุดแสงสีน้ำเงินได้จางหายไปในอากาศ
แองเจเล่คว้าด้ามจับของดาบปลายโค้งและดึงมันออกมาจากลำต้นของต้นไม้