ตอนที่ 180: ซากปรักหักพัง (3)
"มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!" ทันใดนั้นเสียงของเมลิสซ่าก็ดังมาจากอีกฟากหนึ่ง
"ทางเข้าถูกใครบางคนเปิดแล้ว"
เธอกำลังยืนอยู่ข้างเส้นชั่วโมงเส้นหนึ่งด้วยความหดหู่
พ่อมดทุกคนตกใจ พวกเขารีบรวมตัวกันข้างเมลิสซ่า
เธอชี้ไปจุดสีขาวบนเส้นชั่วโมงสีดำและพวกเขาก็มองเห็นจุดสีขาวค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเทา
อินเฟ้นมีสีหน้าเคร่งเครียด
"เครื่องหมายนี้หมายถึงทางเข้าถูกเปิดไม่นานมานี้ จุดจะเปลี่ยนเป็นสีขาวก่อนและค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเทา มีบางคนหรืออะไรบางอย่างได้เข้าไปในซากปรักหักพัง......."
"บางอย่างงั้นหรือ เจ้าหมายถึงสิ่งมีชีวิตใช่ไหม" เบเล็มถาม
"ข้าไม่แน่ใจ พื้นที่ที่เราผ่านมาถูกปกคลุมไปด้วยหินดำแต่อีกครึ่งของเกาะเป็นทะเลต้นไม้สีดำ เราได้สำรวจเกาะแล้วเมื่อครั้งที่แล้วแต่เราไม่ได้พบสิ่งมีชีวิตใดๆ"
เมลิสซ่าย่นคิ้ว
"แปลก ไม่มีใครตามเรามาที่นี่.......ซึ่งหมายความว่ามีคนอื่นรู้ตำแหน่งเกาะนี้ด้วยตัวเอง" อินเฟ้นพูดเสียงเบา
"เป็นไปได้อย่างไร เราไม่เคยเปิดเผยข้อมูลๆ"
เมลิสซ่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ทันใดนั้นการแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไป
"ย้ายออกจากนาฬิกาแดด!" เธอตะโกนออกมา
เกาะเริ่มสั่นและมันเกือบจะรู้สึกเหมือนว่าจะเกิดแผ่นดินไหว
ทีมรีบเดินออกจากนาฬิกาแดด
มีควันดำปรากฏด้านบนสุดของโนมอน (เป็นวัตถุที่ตั้งอยู่บนฐานนาฬิกาแดด เมื่อแสงแดดตกกระทบโนมอนจะทำให้เกิดเงาทอดลงไปบนฐาน แล้วอ่านค่าเวลาจากฐานนั้นซึ่งมีขีดบอกเวลากำกับอยู่ นาฬิกาแดดอาจสร้างขึ้นโดยยึดอยู่กับที่หรือสามารถเคลื่อนย้ายก็ได้)
มันดูเหมือนมีงูปีนขึ้นไปและหลังจากผ่านไปหลายวินาทีงูก็เปลี่ยนเป็นจุดแสงสีดำขนาดเล็ก
มีควันสีขาวค่อยๆออกมาจากผิวของนาฬิกาแดดเมื่อแผ่นดินหยุดสั่นจากนั้นก็ลอยอยู่ในอากาศ
มีเสียงน่าอัศจรรย์ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง มันดูเหมือนผู้หญิงกำลังร้องโอเปร่ามีเสียงสูงและเสียงต่ำ
(ตรงนี้แปลใกล้เคียงกับภาษาอังกฤษโดยไม่ได้เกลา ยังไงก็ลองอ่านแล้วไล่เสียงกับจังหวะดู ถ้าไม่ไหวก็ลองอ่านธรรมดาเอา)
"บ้านเกิดที่รักของฉัน
ฉันจะกลับในสักวันหนึ่ง
ฉันได้หลงทางมานานแล้ว
ฉันคิดถึงฤดูใบไม้ผลิที่มีหมอกที่สวยงาม
เราเพลิดเพลินไปกับการฟังเสียงแมลงด้วยกัน
มีเสียงกรัดร้องที่น่าหลงใหล เรามีงานเลี้ยง งานเต้นรำและร้องเพลง
ท้องฟ้าสีแดงเหมือนเลือดและแผ่นดินที่อบอุ่นเหมือนลาวา
เลือดในแก้วนั้นละมุนและอร่อย
เราหัวเราะ เราดึงลูกตาของเราออกมา.....
เราเคี้ยวพวกมันขณะที่เราร้องเพลง..."
"เพลงห่*อะไรเนี่ย"
แองเจเล่มองไปรอบๆ มันดูเหมือนว่าเสียงจะมาจากทุกทิศทุกทาง มันดังก้องอยู่เหนือเกาะที่โดดเดี่ยวและว่างเปล่า
"ข้าไม่รู้ ข้าไม่เคยเรียนภาษานี้แต่ข้าก็เข้าใจความหมายของเนื้อเพลง" อิซาเบลพูดขณะที่ขมวดคิ้ว
"ข้าไม่ชอบ"
อินเฟ้นส่ายหัว
ผู้ติดตามทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดบนใบหน้าของพวกเขาขณะที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อม เพลงมันร้องซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งก่อนที่มันจะหยุด
แคร๊ก
อุโมงค์ทางเข้าที่มืดมิดสามแห่งเปิดขึ้นในนาฬิกาแดด แต่ละแห่งกว้างประมาณหนึ่งเมตรและเมื่อแองเจเล่มองไกลออกไปเขาก็เห็นบันไดหินสีขาวภายในที่ไร้ที่สิ้นสุด
น่าแปลกที่ทางเข้าทั้งสามเริ่มเบลอและเกือบจะเหมือนกับว่าพวกมันกำลังหายไป
"กำลังรออะไร เข้าซากปรักหักพัง มีใครบางคนติดกับดักข้างในและมีอะไรบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง!" เมลิสซ่าตะโกนเสียงดังและชี้ไปที่ทางเข้าทั้งสาม
มีลำแสงสีขาวออกมาจากปลายนิ้วของเธอและเปลี่ยนเป็นสายพลังงานสีขาวสามเส้น พวกมันติดกับทางเข้าอย่างรวดเร็ว
อุโมงค์เริ่มมั่นคงอีกครั้งและมันยังเสถียรอยู่
เมลิสซ่าพุ่งเข้าไปทางเข้าที่ใกล้ที่สุดของเธอโดยไม่ได้พูดอะไรและหายตัวไปในความมืด
"วิ่ง!" อินเฟ้นตะโกนออกมาและตามเมลิสซ่าเข้าไปในทางเข้าเดียวกัน ผู้ติดตามของเขาตามเขาด้วยเช่นกัน
เคอร์แมนมองไปรอบๆและเข้าทางเข้าอื่น แองเจเล่มองไปที่เขาชั่วครู่และตรวจสอบทางเข้าที่คนอื่นเข้าไป
"อืมมมม"
เขาก้าวไปข้างหน้าและรีบพุ่งเข้าไปในอุโมงค์เดียวกับเคอร์แมน
อุโมงค์มันมืดมิด แองเจเล่รู้สึกเหมือนเขาเพิ่งเข้าห้วงอวกาศที่ไร้ที่สิ้นสุดขณะที่เขาเดินเข้าไปข้างใน มีเพียงสิ่งเดียวในสายตาของเขาคือบันไดหิน
เขาเริ่มเดินลงบันไดและมีเสียงฝีเท้าของเขาดังก้องในอวกาศ
แองเจเล่มองไปรอบๆและยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีอะไรอยู่รอบๆ เขายกมือขวาขึ้นและสร้างมีดเงินในฝ่ามือของเขา
ชี่
เขายิงมีดไปทางขวาและมันถูกดูดกลืนโดยความมืดมันไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ แองเจเล่ไม่ได้ยินเสียงมีดโดนอะไรดังนั้นเขาจึงสันนิษฐานว่าทางขวาและทางซ้ายมันไม่มีที่สิ้นสุด
เขาไม่รู้ว่าบันไดยาวนี้ยาวแค่ไหน เขามองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ตึกตึก ตึกตึก
มีเพียงสิ่งเดียวที่แองเจเล่ได้ยินคือเสียงฝีเท้าของเขาและความรู้สึกเย็นยะเยือกข้างหลังของเขา
เขาหันหัวไปข้างหลังแต่ทางเข้าได้หายไปแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยเงาดำ
แองเจเล่มองลงไปและตกใจ เขาค่อยๆก้าวไปข้างหน้าแล้วก็หยุดลง
บันไดสีเทาหายไปขณะที่แองเจเล่ขยับเท้าออกจากมัน
เขาพยายามที่จะก้าวลงตรงที่บันไดหายไปอีกครั้งแต่ไม่มีอะไรอยู่ที่นั่น
"สถานที่นี้...."
หัวใจของแองเจเล่กำลังสูบฉีด
ด้วยการดีดนิ้วของเขามันก็มีลูกไฟสีแดงปรากฏทางด้านซ้ายของเขา แสงของมันทำให้พื้นที่รอบๆเขาสว่างขึ้น
แองเจเล่ยืนนิ่งและสังเกตสภาพแวดล้อมโดยใช้แสงสว่างช่วย
อย่างไรก็ตามเขามองเห็นเพียงบันไดที่อยู่ข้างหน้าพื้นที่อื่นๆปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายความมืดแปลกๆ
"ฮ่า" แองเจเล่ส่งเสียงและมีจุดแสงสีน้ำเงินปรากฏในดวงตาของเขา
'ซีโร่ เจ้าสามารถสแกนสภาพแวดล้อมให้ข้าได้หรือไม่'
[สร้างงาน กำลังสแกน......กำลังประมวลผล....เสร็จสิ้น......กำลังถ่ายโอนข้อมูล...] ซีโร่รายงานอย่างรวดเร็ว
ชี่
มีเสียงแปลกๆดังก้องอยู่ในหูของแองเจเล่ เสียงของมันฟังเหมือนงูกำลังแลบลิ้นและทันใดนั้นก็มีแสงสีน้ำเงินปกคลุมดวงตาของเขา
ตูมมม
สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป สายตาของแองเจเล่เบลอและต่อมาเขาก็ยืนอยู่บนบันไดเปียกของอุโมงค์
ลูกไฟยังลอยอยู่ใกล้ๆหน้าของเขาและมันก็ทำให้สถานที่สว่างขึ้น
ผนังถูกสร้างด้วยอิฐสีเหลืองอ่อนขณะที่พื้นปกคลุมไปด้วยหินชนวนสีดำ แองเจเล่ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหน้าเขา มีคนอื่นอยู่ที่นี่
[ระวัง! .......ตรวจพบสนามพลังที่ไม่รู้จัก! ชิปกำลัง.....ชี่.....ขัดจังหวะ! สนามพลัง.....คือ.....]
แองเจเล่แทบไม่เข้าใจว่าซีโร่กำลังรายงานอะไร เสียงเหมือนถูกเสียงที่ไหนสักแห่งแทรกเข้ามาและเสียงของมันก็ไม่เหมือนเครื่องจักรอีกต่อไป
สายตาของแองเจเล่เบลออีกครั้ง มุมมองของเขาขยับไปมาระหว่างแสงสว่างและความมืด เขาคิดว่าเขากำลังยืนอยู่ในอุโมงค์แต่วินาทีต่อมาเขาก็เห็นห้วงอวกาศที่ไร้ที่สิ้นสุดข้างหน้าเขาอีกครั้ง
"บัดซบ! สถานที่นี้มันคืออะไรกันแน่" แองเจเล่สบถเสียงเบา
เขาหันไปและเริ่มวิ่งกลับ
เขาวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ในขณะที่อุโมงค์และอวกาศที่มืดมิดก็ยังคงกะพริบในสายตาของเขา หลังจากผ่านไปหลายนาทีเขาก็มาถึงทางออกและเขามองเห็นท้องฟ้าสีขาวสดใสข้างนอก
แองเจเล่วิ่งออกไป
"ข้าอยู่ที่ไหน..." เขาสงสัย เขามองไปรอบๆ
มีต้นไม้สีเขียวที่มีชีวิตชีวาและสายลมก็ทำให้ใบไม้สั่นไหวในอากาศ
"อุโมงค์ยังอยู่ที่นี่หรือ" แองเจเล่หันหัวกลับไปและมองเข้าไปในอุโมงค์ มันยังมืดอยู่
เขาวางแผนในใจดังนั้นเขาจึงกลับไปที่อุโมงค์
ชี่
ไม่มีอะไรขัดขวางชิปของเขาอีกต่อไป เขาเดินกลับไปที่บันไดหินและเขาก็มองเห็นหินสีดำที่ด้านนอกทางออก มันแสดงให้เห็นว่าทางออกนี้นำไปสู่นาฬิกาแดด
'มันเป็นภาพลวงตางั้นหรือ'
แองเจเล่ยกมือซ้ายและมองเห็นปีกบนฝ่ามือกำลังกระพือ มันดูเหมือนว่ามันใหญ่กว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย
[สนามพลังที่ไม่รู้จักไม่มีอีกต่อไป] ซีโร่รายงานด้วยเสียงจักรกล
ตราร้อนขึ้น มันดูดซับพลังงานบางอย่างที่ไม่รู้จักจากอากาศอย่างช้าๆ มันดูเหมือนว่าเลือดของฮาร์ปี้ช่วยแองเจเล่ต่อต้านภาพลวงตา อย่างไรก็ตามตราต้องใช้เวลาในการพัฒนาความต้านทานต่อภาพลวงตาที่ส่งผลต่อเขาที่นี่
แองเจเล่สงบลงและเดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว
อุโมงค์เปียกและเขาได้กลิ่นเชื้อราในอากาศ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็เห็นชายที่คุ้นเคยปรากฏตัวในสายตาของเขา
มันเป็นเคอร์แมน มันมีแสงมาจากคบเพลิงของเขาที่เป็นเงากะพริบอยู่บนชุดคลุมสีเขียวของเขา มันดูเหมือนว่าชุดคลุมได้รับการออกแบบพิเศษและเคอร์แมนกำลังเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนและหันหัวกลับไปมองแล้วเห็นแองเจเล่ยืนอยู่และกำลังจ้องที่เขา
"เจ้ามาหาข้าด้วยตัวเองหรือ" เคอร์แมนดูแปลกใจ "เจ้ารู้ว่าเจ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้ใช่ไหม เจ้าโง่หรือเปล่า เจ้าเป็นพ่อมดทางการได้อย่างไร" เคอร์แมนล้อเลียนและเยาะเย้ย
"ตาย!"
แองเจเล่ไม่อยากเสียเวลาและโยนระเบิดหัวใจสีน้ำเงินไปที่เคอร์แมน
ตูมมม
มีหยดของของเหลวแช่แข็งสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนกระจายผ่านอุโมงค์เมื่อระเบิดหัวใจระเบิดในอากาศ หลังจากผ่านไปหลายวินาทีผนังและพื้นก็เป็นสีน้ำเงิน