Path to : ตอนที่ 5 - อย่าเป็นแมวตาบอดที่จับได้แค่หนูตาย
เส้นทางสู่สวรรค์ ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 – อย่าเป็นแมวตาบอดที่จับได้แค่หนูตาย
หลังจากกดของเหลวอีกครึ่งหนึ่งลงบนแม่พิมพ์ยันต์และอบมันด้วยไฟในระยะเวลาสั้นๆ กระดาษยันต์สีแดงรูปสี่เหลี่ยมถูกสร้างขึ้น
“บู๊ม!”
ทันใดนั้น กลุ่มก้อนไฟระเบิดอยู่ในบ้านหลังเล็ก
“เชี่ย เฒ่าหัวเขียวเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ทำไมมันถึงระเบิดได้?!” ใบหน้าของเหว่ยเส้าเป็นสีดำและผมที่ไหม้เกรียมกำลังกรีดร้องเสียงดัง
“เหมือนว่าเจ้าจะไม่เคยสร้างยันต์มาก่อน?” เฒ่าตัวเขียวตกใจ
“ข้าไม่เคยทำ มีอะไรเกี่ยวกันรึไม่?”
“เจ้าไม่เคยสร้างยันต์มาก่อนแต่เจ้าก็ยังกล้าที่จะทำมันตรงๆรึ?” เฒ่าตัวเขียวกล่าวขึ้นอย่างมีความสุข “ด้วยการกระทำของเจ้าในก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยันต์เสียอีก ใครจะไปคิดว่าเจ้าเป็นเพียงมือสมัครเล่นที่ไม่เคยสร้างยันต์มาก่อนกันล่ะ การวาดลวดลายที่เกี่ยวกับยันต์ทั้งหมดถูกวาดตามแนวเส้นเมริเดียนโลกจิตวิญญาณ ยันต์ทุกรูปแบบต่างมีแถบลายละเอียดเล็กๆ หากเกิดความผิดพลาดเล็กน้อยบนยันต์แล้วล่ะก็ ตัวอย่างเช่นหากลวดลายที่วาดหนาหรือบางเกินไปยันต์จะไม่สมบูรณ์ทันที เจ้าอาจจะคิดว่าหากเจ้าวาดลวดลายที่คล้ายของข้าได้ก็จะสำเร็จ การทำงานของมันเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ใช่ไหมล่ะ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะคิดว่าเป็นเรื่องง่ายในการสร้างยันต์และสิ่งประดิษฐ์งั้นสิ?”
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะ?” ทันใดนั้นเฒ่าตัวเขียวระเบิดเสียงหัวเราะเสียงดังราวกำลังยั่วยุเหว่ยเส้า ในทางตรงกันข้ามเหว่ยเส้าไม่ได้โกรธแต่เขาก็แสดงออกเล็กน้อย ทั้งนี้มีการพูดถึง ‘ไฟ’ ในชื่อดอกไม้หางไฟมันก็อาจเป็นเพราะรูปร่างของดอกไม้ชนิดนี้คล้ายกับหางของสุนัขที่ลุกเป็นไฟ สำหรับแมงป่องไฟแม้ว่าหางของมันจะให้พลังไฟมาก แมงป่องไฟตัวหนึ่งไม่ว่ามันจะมีแกร่งมากแค่ไหนก็ไม่สามารถปล่อยลูกไฟออกมาได้ตามพลัง
“เจ้าขยะหากคิดว่าข้าหลอกหลวงเจ้าจริงก็จงไปหาสามวัตถุดิบที่ไร้พลังไฟในตัวมันมาให้ข้าเสียและลองดูว่าเจ้าจะสร้างลูกไฟได้หรือไม่หลังจากรวมมันเข้าด้วยกันแล้ว ข้าได้บอกแก่เจ้าแล้วว่าสูตรยันต์ที่ข้าให้เป็นของแท้ร้อยส่วน แต่เจ้าก็ไม่ยอมเชื่อข้าเสียที”
“ห่าเอ้ย! หากเจ้าหลอกหลวงข้าจริงก็เตรียมลงไปนอนในถังหมักปุ๋ยตลอดชีวิตได้เลย” เหว่ยเส้าตะโกนใส่เฒ่าตัวเขียว ไม่ว่าอย่างไรหัวใจของเขามุ่งมั่นที่จะลองสร้างยันต์นี้ตามสูตรยันต์ต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
ในปัจจุบันเหว่ยเส้าแย่มาก แต่เขาก็ยังมีประสบการณ์ยันต์ลูกไฟระดับหนึ่งจากหญิงสาวผู้งดงาม มันเป็นเพียงลูกไฟขนาดกะทัดรัด แม้กระนั้นหากมีใครสัมผัสมันก็จงเตรียมรับความเจ็บปวดไว้ได้เลย ไม่มากก็น้อยล้วนมีคนเคยถูกโจมตีจากลูกไฟมาแล้ว
ยันต์ลูกไฟระดับหนึ่งมีพลังทำลายเทียบเท่าทักษะลูกไฟของผู้บ่มเพาะระดับทะเลศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ยิ่งไปกว่านั้นเรายังไม่จำเป็นต้องใช้พลังธาตุแท้มากอีกด้วยเมื่อใช้ยันต์ลูกไฟระดับหนึ่ง ในปัจจุบันทักษะพลังธาตุแท้ที่เหว่ยเส้าใช้อยู่คือทักษะม่วงลึกลับที่แท้จริง ทักษะเฉพาะที่เหว่ยเส้ารู้คือ คมวารีเยือกแข็ง ด้วยการบ่มเพาะของทักษะม่วงลึกลับที่แท้จริงเขาอยู่ระดับทะเลศักดิ์สิทธิ์ขั้น 2 หากเขาใช้คมวารีเยือกแข็งอย่างต่อเนื่อง เขาสามารถใช้คมวารีเยือกแข็งได้มากสุดเพียงยี่สิบครั้งเท่านั้น จะเป็นอย่างไรหากว่าเขาเปลี่ยนไปใช้ยันต์ลูกไฟระดับหนึ่งที่หญิงงามเคยใช้ ไม่ว่าการบ่มเพาะจะอยู่ระดับใดก็จะสามารถใช้ลูกไฟนับร้อยได้โดยที่ไม่ต้องเสียแรง
หนำซ้ำยันต์พวกนี้ยังไม่ต้องพึ่งพลังธาตุแท้ในการใช้งานจึงต้องขายดีมากในตลาดเป็นแน่ เป็นธรรมดาเมื่อใดที่ผู้บ่มเพาะมีหินจิตวิญญาณเพียงพอพวกเขามักจะซื้อมันเป็นชุดคู่กันเผื่อช่วยชีวิตในยามวิกฤติ ยิ่งไปกว่านั้นทักษะยันต์ระดับหนึ่งโดยทั่วไปแล้วมีราคาอยู่ที่ครึ่งหินจิตวิญญาณระดับต่ำ สำหรับเหว่ยเส้าเขาซื้อเพียงแต่ยันต์ทักษะการป้องกันเพื่อช่วยตัวเองในยามวิกฤติ สำหรับยันต์ทักษะการโจมตีเหว่ยเส้าไม่เคยคิดจะซื้อมันมาก่อน ยันต์ทักษะการโจมตีเพียงหนึ่งที่เขาซื้อมาก่อนหน้านี้คือยันต์ลูกไฟระดับหนึ่งที่มีพลังเพียงครึ่งเดียว อาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นมีแต่แบบพลังครึ่งเดียว ราคาของมันจึงมีค่าแค่หนึ่งในสามของราคายันต์ลูกไฟระดับหนึ่ง
หากวัตถุดิบทั้ง 3 นี้สามารถสร้างยันต์ลูกไฟได้จริงๆ สูตรยันต์นี้จะไม่กลายเป็นศูนย์กลางเครื่องผลิตหินจิตวิญญาณสำหรับเหว่ยเส้าเลยรึ?
“พี่ชายอย่ามัวแต่เสียดายเลือดแมงป่องไฟไปเลย เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่? ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นคนที่มีความชำนาญในการสร้างเครื่องยันต์มากมันก็ต้องใช้เวลาไปสิบวันถึงครึ่งเดือนเพื่อที่จะฝึกสร้างยันต์ทักษะใหม่นี้ เจ้ากลับสามารถสร้างมันได้เพียงแค่เจ็ดวันแต่นี่เจ้ายังต้องการสร้างยันต์ลูกไฟที่สมบูรณ์แบบอีกหยุดฝันเสียเถอะ เลือดแมงป่องไฟทีเสียไปทั้งหมดนั้นสู้เอามาให้ข้าดื่มมันคงจะดีกว่านะ”
“เจ้าขยะพอเพียงหากยังไม่ยอมหุบปากและทำให้ข้าสร้างยันต์ไม่ได้ ข้าก็จะขอเชิญเจ้าไปดื่มฉี่ของข้าอีกรอบจะเอาหรือไม่”
“…”
ภายในบ้านหินหลังเล็ก เหว่ยเส้าหายใจเข้าลึกๆและแสดงออกอย่างจริงจัง เขาถือพู่กันสีน้ำเงินแล้ววางมันลงในขวดที่บรรจุเลือดแมงป่องไฟเอาไว้ จุ่มมันด้วยเลือดแมงป่องไฟ
หลังจากที่เขาผิดพลาดในการทำยันต์ครั้งแรก เหว่ยเส้าจึงได้ฝึกซ้อมต่อเนื่องเป็นเวลาเจ็ดวัน
หลังจากที่เขาจดจำรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการวาดลวดลายยันต์ลูกไฟ เหว่ยเส้านำเอาพู่กันที่จุ่มด้วยเลือดแมงป่องไฟออกจากขวด เขาได้เตรียมสิ่งของไว้ก่อนหน้านี้มีกระดาษยันต์รูปสี่เหลี่ยมที่สร้างจากหญ้าเทียนเงินและดอกไม้หางไฟ
โดยธรรมดาทั่วไป คนที่ไม่เคยเรียนรู้ทักษะยันต์มาก่อนจะต้องเรียนรู้วิธีการวาดลวดลายอย่างแรกและต้องผ่านการฝึกอบรมในเรื่อง ‘การแกะสลักยันต์’ เหตุผลที่เรียกว่าการแกะสลักยันต์มาจากการที่ต้องแกะสลักยันต์ครั้งแรกโดยการแกะสลักลวดลายลงบนแผ่นไม้แบน ต่อมาให้หนึ่งคนใช้พู่กันหนึ่งด้ามและทำการแกะสลักลวดลายยันต์เพื่อผ่านการทดสอบ หลังจากที่มีประสบการณ์เพียงพอและคุ้นเคยกับความหนาและความลึกที่แตกต่างกันของลวดลายยันต์ ตามธรรมชาติคนผู้นั้นจะสามารถเข้าใจความแตกต่างของความมั่นคงเมื่อผู้นั้นเริ่มวาดลวดลายยันต์บนกระดาษยันต์ก็จะมีโอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้น
อีกอย่างเนื่องจากกระดาษยันต์มีราคาแพง โดยปกติผู้บ่มเพาะทั่วๆไปจะไม่คิดทดลองลงบนกระดาษยันต์จริงๆ อย่างไรก็ดีเพราะหญ้าเทียนเงินและดอกไม้หางไฟหาได้ทุกหนแห่งในเมืองจิตวิญญาณสูงส่ง เหว่ยเส้าจึงสามารถใช้เลือดแมงป่องที่ไร้ประโยชน์ฝึกกับกระดาษยันต์ได้
เนื่องจากเขาได้ฝึกกับกระดาษยันต์โดยตรง เหว่ยเส้าก็ได้ค้นพบว่าคุณภาพของกระดาษยันต์มีความเกี่ยวข้องกับโอกาสสำเร็จของการสร้างยันต์ เพราะหากกระดาษยันต์มีข้อบกพร่องบางจุดหรือมีพื้นหยาบก็อาจจะทำให้พู่กันวาดยันต์เขียนไปได้ไม่ราบรื่น นี้จะทำให้การสร้างยันต์ล้มเหลว
ดังนั้นในเจ็ดวันมานี้เหว่ยเส้าได้แต่ทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มคุณภาพของกระดาษยันต์ กระดาษยันต์ที่เหว่ยเส้าสร้างขึ้นทั้งเรียบและสะอาดมากเมื่อเทียบกับชุดกระดาษยันต์ชุดแรกที่สร้าง สำหรับทุกสิ่งที่เขาเตรียมไว้นี้เป็นสิ่งที่ดี มันเรียบเนียนเหมือนกระจกเงาและเปล่งประกายเงางาม
เหว่ยเส้าเริ่มต้นวาดลวดลายโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย สีแดงที่เรียบและไหลลื่นเริ่มแพร่กระจายด้วยพู่กันด้วยความเร็วแสง เลือดแมงป่องไฟเป็นสีแดงเข้มทันทีที่มันสัมผัสกับกระดาษยันต์และตีแผ่กระจายเงางามดุจหินหยก
เม็ดเหงื่อมากมายไหลซึมปรากฏบนหน้าผากของเหว่ยเส้า แม้กระนั้นสายตาของเขาก็ยังมีความคมกริบอยู่ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขามันช่างหนักแน่น
หลักจากผ่านไปครึ่งก้านธูป เหว่ยเส้าสร้างยันต์ลูกไฟเสร็จสมบูรณ์ ในตอนจบมีการวาดเส้นบางๆครั้งสุดท้าย ลวดลายยันต์เริ่มเปล่งแสงสีแดงกระดาษยันต์แผ่กระจายความร้อนออกมา
“มันสำเร็จจริงๆงั้นหรอ?” ภายในบ้านหินหลังเล็ก เหว่ยเส้าจ้องไปที่ยันต์ด้วยการแสดงที่นิ่งเงียบตกตะลึง สำหรับทางฝั่งเฒ่าตัวเขียวเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ
บนกระดาษยันต์มีลวดลายสีแดงเข้มอยู่มากมาย ลวดลายเหล่านั้นต่างแผ่กลิ่นอายความร้อน แสงคลุมเครือไหลผ่านลวดลายราวกับว่ามีร่องรอยของเปลวไฟไหลผ่านยันต์ตัวนี้
ยันต์ยังคงแผ่กระจายกลิ่นอายความร้อน
ไม่ต้องตรวจสอบใดๆ ดูเหมือนยันต์ลูกไฟระดับหนึ่งนี้จะไม่มีปัญหาอะไร
“เจ้าไม่เคยสร้างยันต์มาก่อนจริงๆงั้นรึ?” หลังจากที่ตะลึงอยู่นานเฒ่าตัวเขียวมองไปที่เหว่ยเส้าและถาม
“ข้าไม่เคย” เหว่ยเส้าอยู่ในสภาวะตกตะลึง เขาส่ายหัว “ในอดีตที่ผ่านมาข้าแค่เพียงเคยวาดลวดลายลงบนตัวพังพอนสีขาวธรรมดาๆให้มันดูเหมือนพังพอนสายลมทมิฬเพื่อขายให้ผู้อื่นก็เท่านั้น”