ตอนที่แล้วบทที่ 53 เม็ดยากล้าแกร่งเกรียงไกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 55 ข้ากำลังจะร่ำรวย?

บทที่ 54 ไฟ


 

“เป็นโอสถปราณระดับหนึ่ง มีแก่นสารของดวงอาทิตย์ผสมอยู่เล็กน้อย ให้ผลอ่อนโยน เหมาะสำหรับใช้งานในระยะยาว มีโอกาสเป็นไปได้ว่าอาจสร้างไฟอีกาทองคำขึ้นมาในร่างกาย หากรับประทานเข้าไปจะกลายเป็นคึกคักสดชื่นเป็นระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เร่งเร้าร่างกายสำหรับเหตุฉุกเฉิน”

เมื่อหลี่อิงฟ่งอ่านผลการวิเคราะห์ นางก็ตะลึงลานแล้ว เม็ดยานี้ผลกระทบอื่นๆ อาจมีไม่มากนัก แต่เพียงประโยคที่ว่า ‘มีโอกาสเป็นไปได้ว่าอาจสร้างไฟอีกาทองคำขึ้นมาในร่างกาย’ ก็ยังคงทำให้นางตระหนกตกใจได้มากเกินพอแล้ว นอกจากผลวิเคราะห์ ยังแนบคำสั่งซื้อมาด้วย สมาคมโอสถหวังว่าจะซื้อเป็นจำนวนหนึ่งร้อยเม็ด เรื่องราคาสามารถสนทนากันได้ สมาคมโอสถยังแนะนำอย่างหวังดีให้เปลี่ยนชื่อเป็น “เม็ดยาอีกาทองคำ”

เห็นได้ชัดว่าทุกผู้คนล้วนเกลียดชังนามอันน่าขบขันอย่างเม็ดยากล้าแกร่งเกรียงไกร

หลี่อิงฟ่งรีบนำผลการวิเคราะห์ไปส่งให้แก่ซือฟู่ของนางในทันที

เห็นคำว่า ‘ไฟอีกาทองคำ’ กระทั่งหยานเล่อยังอ้าปากค้าง มันคว้าผลการวิเคราะห์ ละทิ้งเรื่องอื่นๆ ในบัดดล เพียงกล่าวว่า “ข้าจะออกไปข้างนอก” ก่อนจะทะยานขึ้นฟ้า มุ่งหน้าตรงไปยังเทือกเขาสุญตา

 

ภายในโถงสุญตา สี่ผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่สุญตาล้วนอยู่กันพร้อมหน้า

เผยเหยียนหรานจ้องมองไปยังผลการวิเคราะห์ในมือ สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ไฟอีกาทองคำ ...นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ของไฟระดับสี่”

ซินหยานพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว เช่นเดียวกันกับไฟหม่อนเขียวขจีของข้าหรือไฟบุปผาม่วงของศิษย์น้องหญิง พวกมันล้วนเป็นไฟระดับสี่ ข้าเคยได้ฟังเรื่องราวของไฟอีกาทองคำนี้มาบ้าง มันมาจากดวงอาทิตย์ หยางสุดขั้ว แข็งแกร่งสุดขีด ไม่สามารถละลายหลอมรวมกับไฟใด ในบรรดาเพลิงไฟระดับสี่ นับเป็นแหล่งกำเนิดไฟที่หาได้ยากมากชนิดหนึ่ง”

เผยเหยียนหรานยิ้มให้สือฟ่งหรง “ศิษย์น้องหญิงทำได้ดีจริงๆ จั่วม่อเพิ่งจะร่ำเรียนกับเจ้าไม่นาน กลับสามารถหลอมกลั่นสี่งที่ดีถึงเพียงนี้ออกมา”

สือฟ่งหรงสีหน้าเย็นชา “นี่ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับข้า”

เผยเหยียนหรานหัวร่อไม่ถือสา ก้มศีรษะครุ่นคิด คนอื่นๆ ก็พากันเงียบกริบ ไฟอีกาทองคำ แหล่งกำเนิดเพลิงไฟระดับสี่ นี่จะเป็นเหตุให้เม็ดยาเล็กๆ นี้มีราคาสูงล้ำเทียมฟ้า

“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก” หยานเล่ออดออกความเห็นไม่ได้ “ในเมื่อเม็ดยาสามารถสร้างไฟอีกาทองคำขึ้นมา หากใช้เพื่อสำนัก ต่อไปเราจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม ไม่ใช่ว่าสวี่อี้ยังขาดเมล็ดพันธุ์แห่งไฟที่ดีหรอกหรือ? อีกทั้งตัวจั่วม่อเอง หากมันตั้งใจจะเดินไปในวิถีทางหลอมกลั่นโอสถ ไฉนมันจะไม่ต้องการเมล็ดพันธุ์แห่งไฟเล่า?”

สิ่งที่มันกล่าวอ้างขึ้นมา โดยนัยแล้วหมายความว่ามันไม่เต็มใจที่จะขายเม็ดยาเหล่านี้ออกไป

เผยเหยียนหรานเงยหน้าขึ้น ตอบว่า “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า เด็กผู้นั้น สวี่อี้ ข้าก็ชื่นชอบมันมากเช่นกัน และสาขาวิชาหลอมสร้างของสำนักเราสุดท้ายแล้วก็น่าจะสืบทอดไปยังมันนั่นเอง ข้าเห็นด้วยว่ามันจำเป็นต้องมีไฟอีกาทองคำจริงๆ แต่เรายังคงต้องขายออกไปบางส่วน เวลานี้ที่ด้านนอกอาจจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเม็ดยานี้แล้ว หากเราไม่ขายออกไปบ้างก็เท่ากับล่วงเกินทุกผู้คนพร้อมกัน นั่นไม่เพียงเป็นอันตรายต่อสำนัก ทั้งยังไม่เกิดประโยชน์อันใด”

“เช่นนั้น ความหมายของศิษย์พี่คือ....” หยานเล่อลังเล

“เพียงขายส่วนเล็กๆ เท่านั้น ส่วนใหญ่สำนักเราจะใช้เอง” เผยเหยียนหรานแย้มยิ้มเล็กน้อย “เราจะให้ราคาตามท้องตลาดแก่จั่วม่อ อย่าได้ขาดแม้แต่จิงสือชิ้นเดียว”

“ราคาตามท้องตลาด?”

“ใช่แล้ว กระดาษไม่อาจห่อไฟ สำนักกระบี่สุญตาของเรามีเพียงไม่กี่คนที่สามารถหลอมกลั่นโอสถ ไม่นานย่อมมีผู้ทราบว่าเป็นฝีมือมัน ไม่จำเป็นต้องทำให้จั่วม่อลอบเกลียดชังเราเพียงเพราะจิงสือไม่กี่ชิ้น”

“อดีตของจั่วม่อยังไม่ทราบชัด อาจมีปัญหาในภายหลังหรือไม่” สือฟ่งหรงผู้ซึ่งยังคงใบหน้าอันเย็นชาไว้ ในที่สุดก็เอ่ยปากเรียบๆ

โถงสุญตาพลันเงียบกริบ

อัตลักษณ์และชาติกำเนิดของจั่วม่อเป็นปัญหาที่ทุกผู้คนต้องปวดศีรษะ ก่อนนี้จั่วม่อเป็นเพียงศิษย์ฝ่ายนอก ชาติกำเนิดของมันจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอันใด ทว่าเวลานี้มันไม่เพียงแต่เป็นศิษย์ฝ่ายใน หากเป็นไปตามทิศทางนี้ มันยังจะกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกแกนหลักรุ่นใหม่ของสำนักกระบี่สุญตาอย่างแน่นอนอีกด้วย อัตลักษณ์กับชาติกำเนิดของมันย่อมกลายมาเป็นปัญหาสำคัญที่เผยเหยียนหรานกับพวกต้องเผชิญ

“บางที...ชาติกำเนิดของมันอาจไม่มีปัญหาอันใด...” หยานเล่อพึมพำอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

เผยเหยียนหรานโบกมือตัดบท “ในเมื่อเราไม่ล่วงรู้ก็ยังไม่ต้องคิดมากเกินไป ไม่ต้องคำนึงถึงอื่นใด เพียงเรื่องที่ว่ามันเป็นเกษตรกรปราณ นั่นก็มากเกินพอที่เราไม่สามารถขับไล่มันไป อย่าว่าแต่เวลานี้เม็ดยานี้ยังสามารถให้กำเนิดไฟอีกาทองคำ”

ได้ยินดังนี้ ทุกผู้คนไม่กล่าวมากความอีก พวกมันล้วนทราบว่าศิษย์พี่เจ้าสำนักกล่าวถูกต้อง หากพวกมันจู่ๆ ก็ขับไล่จั่วม่อออกจากสำนัก เกรงว่าผู้คนมากมายคงยิ้มร่าอ้าแขนรับกันแทบไม่ทัน

ซินหยานพลันถามขึ้น “ศิษย์น้องหญิงสามารถหลอมกลั่นเม็ดยานี้หรือไม่?”

“ข้าไม่ได้ฝึกปรือเคล็ดอัคคีสีชาด” สือฟ่งหรงตอบเสียงเย็น “เม็ดยานี้ต้องใช้เคล็ดอัคคีสีชาดในกระบวนการหลอมกลั่น”

 

บังคับใช้น้ำเสมือนไฟ ยามกล่าววาจาอาจฟังดูง่ายดาย แต่สำหรับเกษตรกรปราณผู้หนึ่ง นี่เป็นเรื่องยากลำบากอย่างเหลือแสน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันปรากฎอยู่ในเคล็ดวิชากระบี่

เคล็ดกระบี่เพลิงธารามีทั้งสิ้นเจ็ดกระบวนท่า เคล็ดความหลักคือควบคุมบังคับใช้น้ำเสมือนไฟ แต่สำหรับจั่วม่อในยามนี้นับว่ายังเป็นเรื่องห่างไกลเกินไปมาก สิ่งที่มันต้องทำก่อนคือสร้างความคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวของกระบี่เสียก่อน แต่ละกระบวนท่าครอบคลุมการเปลี่ยนแปลงอีกหลายสิบท่า แต่ละการเปลี่ยนแปลงยังต้องควบคุมด้วยพลังปราณ ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนการทั้งหมดยังต้องสำเร็จลุล่วงภายในชั่วหนึ่งลมหายใจ หรืออาจกล่าวอีกอย่างว่า เพียงแค่คิดก็เคลื่อนไหวเสร็จสิ้นแล้ว

เทียบกับความสลับซับซ้อนของการบังคับใช้พลังปราณในเวทวิชาห้าธาตุ กระบวนท่ากระบี่นี้ยังไม่ซับซ้อนเท่าเคล็ดเมฆฝนหล่นรินด้วยซ้ำ แต่ทุกการเคลื่อนไหวต้องลุล่วงในเวลาชั่วกะพริบตา ดังนั้นความยากลำบากจึงเพิ่มขึ้นถึงที่สุด ทันทีที่กระบี่เริ่มขยับ ความสนใจจะต้องมุ่งเน้นจดจ่อเป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งในระหว่างการต่อสู้จริง ฝ่ายตรงข้ามมักไม่เปิดโอกาสให้ท่านได้ทันคิด ท่านจำเป็นต้องออกกระบวนท่าให้ลุล่วงโดยไม่ต้องคิด อาศัยเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น

นี่เป็นเหตุผลที่เหล่าเซียนกระบี่มักชมชอบสิ่งที่บริสุทธิ์และเป็นหนึ่งเดียว ยิ่งบริสุทธิ์เท่าใด ยิ่งหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวเท่าใด สิ่งรบกวนยิ่งน้อยลงไปเท่านั้นและกระบี่ของมันก็ยิ่งรวดเร็วขึ้นเท่ากัน

จั่วม่อในที่สุดสามารถบังคับใช้กระบี่ผลึกน้ำแข็งได้แล้ว ที่ผ่านมาได้แต่มองแต่ไม่อาจใช้งาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวถึงเพียงไหน

กระบี่ผลึกน้ำแข็งเปลี่ยนเป็นลำแสงสีขาว เหินร่อนวูบวาบรอบกายจั่วม่อ กลิ่นอายเย็นเยือกแผ่ซ่านออกมา เงียบเชียบพิสดาร ให้ความรู้สึกคล้ายสามารถระเบิดได้ตลอดเวลา

เคล็ดกระบี่เพลิงธาราไม่ใช่วิชากระบี่ที่มุ่งเน้นกระบวนท่าเพื่อเอาชัย ดังนั้นมีเพียงเจ็ดกระบวนท่าเท่านั้น ทุกกระบวนท่ายังค่อนข้างสามัญธรรมดา ไม่มีอันใดซับซ้อนเกินไป ยิ่งฝึกปรือมากเท่าใด จั่วม่อก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้ที่คิดค้นเพลงกระบี่ฉบับนี้สมควรเป็นเกษตรกรปราณผู้หนึ่ง หลายครั้งหลายหนที่วิถีโคจรพลังปราณในเคล็ดวิชากระบี่นี้ คล้ายคลึงกับเวทวิชาเบญจธาตุของเกษตรกรปราณเป็นอย่างยิ่ง

ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ จั่วม่อช่ำชองชำนาญกระบวนท่าเพลงกระบี่อย่างรวดเร็ว

แต่ช่ำชองชำนาญก็แค่ช่ำชองชำนาญ พอออกกระบวนท่าทีไร ยังคงรู้สึกอึดอัดขัดข้องทุกคราว  กระทั่งจั่วม่อเองยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ว่ากระบี่ของตนเพียงลอกเลียนรูปแบบกระบวนท่าเท่านั้น แต่ไม่ได้มีความเข้าใจในแก่นแท้ของกระบวนท่า อย่างไรก็ตามมันไม่มีปัญญาแก้ไขเรื่องนี้ มันอาจบรรลุความเข้าใจส่วนหนึ่งในเจตจำนงกระบี่ แต่ไม่ทราบว่าจะหลอมรวมเจตจำนงกระบี่ลงในกระบวนท่าของเคล็ดเพลิงธาราได้อย่างไร

เวลานี้มันแค่กลืนทุกสิ่งลงไปในคำเดียวเท่านั้น แต่ยังมิอาจย่อยได้ ควบคุมบังคับใช้น้ำเสมือนไฟที่ผูเยากล่าวไว้ จั่วม่อจับต้นชนปลายไม่ถูกแม้แต่น้อย หากว่ากันตามคำของผูเยา เคล็ดกระบี่เพลิงธาราตั้งแต่แรกเริ่มก็ไม่ได้โดดเด่นทรงพลังอยู่แล้ว หากมันกระทั่งควบคุมบังคับน้ำเสมือนไฟยังทำไม่ได้ เพลงกระบี้นี้ยังจะมีค่าอันใด

ควบคุมบังคับใช้น้ำเสมือนไฟ!

บัดซบ! ทำอย่างไรจึงจะควบคุมบังคับใช้น้ำได้ เสมือนดั่งมันเป็นไฟ?

อันที่จริงพื้นฐานด้านกระบี่ของมัน อ่อนแอเกินกว่าที่จะสามารถสัมผัสประตูแห่งเจตจำนงกระบี่ได้ด้วยซ้ำ

หากจะเทียบกับผู้อื่น  เช่นเหวยเสิ้งลุ่มหลงงมงายในกระบี่ จำนวนเคล็ดวิชากระบี่และการค้นคว้าที่มันพบพานเรียกได้ว่านับไม่ถ้วน แม้ว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่สินค้าชั้นสูงกระไรนัก แต่มันเสี่ยงชีวิตมายาวนาน ประสบการณ์ต่อสู้ล้นหลาม พื้นฐานของมันจึงลึกล้ำสุดหยั่ง ไม่มีศิษย์คนใดของสำนักสามารถเปรียบเทียบกับมันได้

ส่วนศิษย์ฝ่ายในเช่นหลัวหลี พวกมันได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ของพวกมันแต่เล็กแต่น้อย ทั้งยังสามารถอ่านบันทึกในม้วนหยกทุกม้วน ไม่ว่าจะเปรียบเทียบอย่างไร พื้นฐานของพวกมันย่อมแน่นหนามีพลังกว่าจั่วม่อมาก

จั่วม่อในที่สุดเพิ่งจะมีท่านอาจารย์กับเขาสักคนหนึ่ง แต่นางเพียงสอนมันหลอมกลั่นเม็ดยา และมีแค่ตอนอยู่ในด่านเลี่ยนชี่เท่านั้นที่มันได้เรียนรู้พื้นฐานวิชากระบี่ที่เหวยเสิ้งทิ้งไว้ให้อย่างผิวเผิน ดังนั้นรากฐานของมันนับว่าอ่อนแอจนไม่อาจอ่อนแอไปกว่านี้อีกแล้ว

ผูเยาได้สาธยายเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม แต่ทั้งหมดเป็นข้อชี้แนะทางทฤษฎี ไม่มีการสาธิตปฏิบัติแม้แต่ท่าเดียว

แต่จั่วม่อเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น แล้วจะไม่ให้มันหวาดผวาได้อย่างไร?

ในใจมันก่นด่าสาปแช่งหญิงโฉดชายชั่วหลัวหลีกับห่าวหมิ่นนับครั้งไม่ถ้วน จั่วม่อพยายามสงบใจ มันเคยฝึกปรือด้วยตนเองจนกระทั่งบรรลุเคล็ดเมฆฝนหล่นรินขั้นที่สี่ แต่จะอย่างไรยังไม่พบจุดที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กับไฟ

อย่าแตกตื่น อย่าแตกตื่น... ...

จั่วม่อหลับตาพร่ำบอกกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา

จนกระทั่งเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สายตามันคืนสู่ความกระจ่างใส แต่ส่วนลึกแอบซ่อนร่องรอยความดื้อดึงประการหนึ่ง

จำได้ว่าตอนนั้นผูเยาเคยกล่าวว่า ไม่ใช่แค่เจตจำนงกระบี่เท่านั้นเองหรอกหรือ? เจ้าลองถูกฟันดูสักพันครั้งหมื่นครั้ง สุดท้ายย่อมบรรลุได้เอง

จั่วม่อก็กล่าวกับตัวเอง ไม่ใช่แค่เคล็ดวิชากระบี่เท่านั้นเองหรอกหรือ? เกอจะฟันมันสักหมื่นกระบี่ หากยังไม่พอ ก็เพิ่มเข้าไปอีกสักยี่สิบสามสิบกระบี่ เกอจึงไม่เชื่อว่าจะไม่ได้ผล! และหากยังไม่ได้ผลอีก เกอจะฟันมารดามันให้ถึงหนึ่งล้านกระบี่! ฟัน ฟัน ฟันจนกว่าจะได้ผล!

ตกลงใจแล้ว จั่วม่อก็ไม่แตกตื่นตระหนกอีกต่อไป มันยกกระบี่ของมันขึ้น

ฟัน!

ลานน้อยลมตะวันตก ปราณกระบี่บินเวียนว่อน กลิ่นอายเย็นเยียบกระจายไปทั่ว !

 

หน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง บนถนนตะวันตกแห่งตงฝู ผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่นี่ คนเหล่านี้พอชุมนุมกันก็สนทนาถกเถียงวุ่นวายจอแจไปทั้งแถบ

“ไฉนไม่เปิดร้านเสียที? ข้ารอมาทั้งคืนแล้ว” บางคนพร่ำบ่น

“ทั้งคืนแล้วเป็นไร? ข้าเฝ้าอยู่ที่นี่สองวันสองคืนแล้ว” อีกผู้หนึ่งที่ด้านข้างเกทับ

“ร้านค้านี้ยังจะเปิดอยู่หรือไม่! ไม่ใช่ว่าพวกมันล้อเล่นกับพวกเราหรือ?”

“ล้อเล่นแล้วเป็นไร เรายังจะทำอันใดได้? เม็ดยาเป็นของผู้อื่น ผู้อื่นอยากขายก็ขาย หากไม่อยากขาย เจ้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น”

“นั่นก็ใช่แล้ว ว่าแต่เจ้าคิดว่าเม็ดยาอีกาทองคำสามารถกำเนิดไฟอีกาทองคำได้จริงหรือไม่?” บางคนอดถามไม่ได้ “ไฟอีกาทองคำระดับสี่ มีผู้ใดในตงฝูเคยครอบครองแล้วหรือยัง?”

“ยังไม่เคยได้ยินว่าใครมี แต่นี่เป็นผลการวิเคราะห์จากสมาคมโอสถโดยตรง ดังนั้นไม่ควรห่างไกลจากความจริงเท่าใด ไม่ต้องกล่าวถึงอย่างอื่น แค่เพียงแก่นสารดวงอาทิตย์ก็เป็นประโยชน์มากแล้ว หากสามารถผสมผสานเข้าไปในแหล่งกำเนิดไฟชนิดอื่น” ผู้กล่าววาจารูปร่างกำยำสูงใหญ่ ใบหน้าสี่เหลี่ยม ใบหูกว้าง มันกล่าวพลางทอดถอน “สิ่งของอย่างเมล็ดพันธุ์แห่งไฟ โดยเฉพาะไฟชั้นสูง เจ้านึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผู้คนอย่างเราสามารถซื้อหาได้หรือไร?”

“พี่ชาย ท่านทำอะไร?”

“ข้า?” บุรุษหน้าสี่เหลี่ยมกล่าว “ข้าเป็นคนปรุงกลั่นกระยาหารผู้หนึ่ง”

ในเวลานี้เอง ชายชราผู้หนึ่งพลันเดินเข้ามาทักทายมัน “เฮ้ อาจารย์เส้า ท่านก็มาด้วย!”

ฝูงชนพลันปั่นป่วนขึ้นมา คนที่ได้พูดคุยกับบุรุษหน้าสี่เหลี่ยมสีหน้ากลายเป็นตื่นเต้นสนใจยิ่ง ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าบุรุษกำยำสูงใหญ่ผู้นี้ ที่แท้เป็นพ่อครัวปราณผู้มีฝีมือสูงล้ำที่สุดในตงฝู ควรทราบว่าศาลากระยาหารของอาจารย์เส้า เป็นภัตตาคารอาหารปราณที่เลื่องชื่อที่สุดในตงฝู  มันมีฝีมือพิเศษเฉพาะในการผสมผสานอาหารปราณทุกประเภทอย่างน่าพิศวง กระยาหารปราณที่มันปรุงกลั่นออกมา ไม่เพียงแต่เพิ่มพูนพลังบำเพ็ญเพียร แต่รสชาติยังเลิศล้ำในต่ำใต้ เพียงแค่ข้าวปราณชนิดเดียว มันสามารถปรุงกลั่นอาหารได้มากกว่าสามสิบหกชนิด

บุรุษหน้าสี่เหลี่ยมประสานมือคำนับ “หวังจ่างกุ้ย* ท่านก็มาเพื่อเม็ดยาอีกาทองคำหรือ?”

(หวังจ่างกุ้ย-เจ้าของร้านแซ่หวัง)

ฝูงชนปั่นป่วนขึ้นอีกหน บางคนสามารถคาดเดาตัวตนของชายชราได้ทันที ศาลากระยาหารของอาจารย์เส้า กับเหลาสุราหวังโส่ว ศาลากระยาหารขายอาหารปราณทุกชนิด ส่วนผู้เฒ่าหวังท่านนี้เชี่ยวชาญการหมักบ่มปรุงกลั่นสุราปราณทุกประเภท

“นั่นย่อมแน่นอน” คนผู้นี้เป็นชายชราผอมบาง กระดูกสันหลังโก่งงอเล็กน้อย แต่ดวงตารูปสามเหลี่ยมคู่นั้นสดใสเป็นประกาย สีหน้าท่าทางอับจนปัญญาอยู่บ้าง “ข้ามาก็เพื่อหลานสาวที่น่ารักของข้า”

อาจารย์เส้าหัวร่อฮาฮา “ดรุณีน้อยร่ำเรียนทางใด?”

“หลอมสร้างยุทธภัณฑ์” ผู้เฒ่าหวังเห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจหลานสาวที่เลือกร่ำเรียนวิชาหลอมสร้าง มันอดบ่นพึมพำไม่ได้ “บุตรชายข้าร่ำเรียนวิชาหลอมกลั่นโอสถ หลานสาวข้าสนใจร่ำเรียนวิชาหลอมสร้างยุทธภัณฑ์ ดูท่าฝีมือหมักบ่มสุราของข้า คงได้แต่ถูกฝังลงดินไปพร้อมกับข้าแล้ว”

“ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องรีบร้อน หากท่านเปิดรับศิษย์ เกรงว่าผู้คนนับไม่ถ้วนจะพากันแห่แหนเข้ามาจนรับไม่ทันเสียอีก” อาจารย์เส้ารีบปลอบใจมัน

“โอ้!” เห็นได้ชัดว่ามีความคิดบางอย่าง ผู้เฒ่าหวังถอนหายใจ สายตากวาดมองไปรอบด้าน เห็นผู้คนมีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นทุกขณะ ต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า “สำนักกระบี่สุญตาดูเหมือนจะเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ”

“อืม” อาจารย์เส้าเห็นพ้องต้องกัน “แต่ผู้อื่นก็มีความสามารถจริงๆ”

“นั่นก็ใช่แล้ว”

ในเวลานี้เอง ประตูร้านที่ปิดสนิทตลอดเวลา พลันเปิดกว้างออกมา

 

ติดตามตอนใหม่ก่อนใครที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด