ตอนที่แล้วTXV – 27 เพื่อ..ลาภก้อนโต !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV –  29 แค่เพื่อนร่วมชั้น...

TXV –  28 เสียงหัวเราะปริศนา


TXV –  28 เสียงหัวเราะปริศนา

 

        หนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

        ธุรกิจร้านอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปเริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆหลังจากเปิดมาได้อาทิตย์หนึ่ง มันไม่ได้เกิดเพราะความโชคดี มันเกิดจากฝีมือของเซี่ยเหล่ยที่สามารถซ่อมได้ทุกชิ้นงานและทำงานอย่างปราณีตทุกงาน ถึงแม้ว่าทำเลร้านอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปไม่ดีสักเท่าไหร่แต่เมื่อชื่อเสียงของเซี่ยเหล่ยแพร่กระจายออกไป ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาโดยที่เขาไม่ต้องโฆษณาเลยแม้แต่นิดเดียว

 

        จูเสี่ยวหงเริ่มเรียนรู้งานขั้นพื้นฐานเช่นการเชื่อมและการกลึง เธอมีการศึกษาเพียงแค่มัธยมตอนต้นเท่านั้นแต่เธอมีใฝ่รู้และพยายามขวนขวายหาความรู้ตลอดเวลา ในทุกๆครั้งที่หม่าเสี่ยวอันสอนเธอ เพียงครั้งเดียวเท่านั้นจากนั้นเธอก็ลองพยายามทำดูเพียงแค่ครั้งเดียวเธอก็สามารถทำมันได้ ! ทั้งเซี่ยเหล่ยและหม่าเสี่ยวอันมั่นใจว่าอีกไม่นานเธอคงจะเริ่มทำงานเชื่อมโลหะหรือการกลึงง่ายๆในร้านค้าแห่งนี้ได้      

 

        วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทำงานอย่างขยันขันแข็งเหงื่อของพวกเขาไหลออกมาเหมือนกำลังอาบน้ำอยู่ตลอดเวลา ตัวของพวกเขาเปียกชุ่มไปทั้งตัวในแต่ละวันพวกเขาทำงานแลกกับเงินจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้มากมายอะไร แต่พวกเขาก็รู้สึกมีความสุขกับมัน

 

        “ผมว่า...คืนนี้มาย่างบาบีคิวกินกันดีกว่า ผมเลี้ยงเอง” หม่าเสี่ยวอันเช็ดเหงื่อที่อยู่บนใบหน้าของเขาด้วยผ้าเช็ดตัวของเขา ผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวผืนนั้นกลายเป็นผ้าสกปรกในทันที

 

        เซี่ยเหล่ยยิ้ม “แน่นอน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ” พวกเขาได้รับเงินจำนวน 7000 ถึง 8000 หยวนในไม่กี่วันที่ผ่านมาเงินจำนวนนี้มันเทียบไม่ได้เลยกับเงินที่ได้จากมาเก๊าแต่เงินที่ได้มา พวกเขาภูมิใจกับเงินจำนวนนี้มาก

 

        จูเสี่ยวหงนำผ้าเช็ดตัวผืนนั้นไปซักจากนั้นจะส่งผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ให้เซี่ยเหล่ยและพูดว่า “เจ้านายเซี่ย นี่ไงผ้าเช็ดหน้าของคุณ”

 

        เซี่ยเหล่ยหยิบผ้าผืนนั้นเช็ดที่ใบหน้าของเขาและพูดว่า “เสี่ยวหงมากินบาบีคิวกับพวกเราในคืนนี้สิและอย่าเรียกผมว่า ‘เจ้านายเซี่ย’ อีกต่อไปนี้ให้เรียกว่าพี่เหล่ยแทน”

 

        “ตกลงค่ะ พี่เหล่ย” จูเสี่ยงหงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่คืนนี้จะได้กินบาบีคิว “ฉันอยากกินปีกไก่และอยากกินเนื้อวัวนุ่มๆ ฉันจะได้กินรีปล่าว ?”

 

        เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะพูดว่า “แน่นอน คุณอยากจะกินอะไรก็ได้ที่อยากกิน”

 

        “เฮ้ เสี่ยวหง คุณจะกินอะไรมากมาย ไม่กลัวอ้วนหรอ ?” หม่าเสี่ยวอันทำท่าทีล้อเลียน

 

        จูเสี่ยวหงเบ้ปากด้วยท่าทีไม่พอใจแล้วกล่าวว่า “คุณกำลังแกล้งฉันอีกแล้วนะ พี่ใหญ่ ฉันมาจากชนบทที่นั่นไม่มีบาบีคิวให้กินหรอก ฉันเคยกินเมื่อนานมาแล้วในสมัยที่ฉันอยู่มัธยม”

 

         “รอฉันเดี๋ยว ฉันขอไปล้างหน้าซะหน่อย ฉันอยากออกไปพร้อมใบหน้าที่สดชื่น” จูเสี่ยวหงไม่ได้สังเกตอารมณ์ของเซี่ยเหล่ยแม้แต่น้อย เขายังยิ้มและร่าเริงตลอดเวลา

 

        เซี่ยเหล่ยมองไปที่รองเท้าพิมส์โซลล์ของเธอและพูดว่า “เสี่ยวหง หลายวันที่ผ่านมามีงานยุ่งมากคุณอาจไม่ได้ดูแลรองเท้าคู่นี้ของเธอเลย ไม่กลัวมันขาดหรอ ?”

 

        “ฉัน...” จูเสี่ยวหงกำลังจะพูดอะไรบางอย่างมาแต่เธอไม่กล้าพูดต่อหน้าเซี่ยเหล่ย

 

        เซี่ยเหล่ยตบไหล่เธอและพูดว่า “ไปล้างหน้าล้างตาได้แล้วเดี๋ยวผมกับหม่าเสี่ยวอันจะพาคุณไปชอปปิ้ง เราจะมีปาตี้บาบีคิวในตอนค่ำก่อนอื่นไปหาชุดสวยๆให้คุณใส่ก่อน โอ๊ะ รองเท้าคุณด้วย”

 

        “ไม่...ไม่พวกคุณมีบุญคุณกับฉันมากแล้ว จะให้คุณซื้อเสื้อผ้าให้ฉันอีก ? ฉันะซื้อเองหลังจากที่ฉันได้รับเงินค่าจ้าง” จูเสี่ยวหงกล่าว

 

        เซี่ยเหล่ยพูดล้อเลียนไปว่า “คุณใส่รองเท้าคู่นี้มาหลายวันแล้ว คิดว่ามันคงจะมีกลิ่นตุๆบ้างไหม ? ถ้าพวกเรารอจนกว่าคุณจะได้รับเงินค่าจ้างกลิ่นของรองเท้าคงตลบอบอวลไปทั่วร้านแล้วล่ะ”

 

        จูเสี่ยวหงอายจนใบหน้าของเธอมีสีแดงคล้ายลูกแอปเปิ้ล เธอขยับเท้าไปด้านหลังแต่ไม่สามารถหลบซ่อนเท้าทั้ง 2 ข้างได้

 

        เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “ไปเถอะ คุณยังมีเวลาที่จะไปล้างหน้าหรือจะอาบน้ำเลยก็ได้นะ พวกผมรอได้”

 

        “เร็วเข้า เดี๋ยวก็เราจะพาคุณออกไปชอปปิ้ง ไปซื้อเสื้อผ้าที่สวยๆและรองเท้าน่ารักๆคู่ใหม่เมื่อเธอกลับมาจากชอปปิ้งพวกเราจะได้เห็นเจ้าหญิงรูปงาม” หม่าเสี่ยวอันกล่าว

 

        “ค….ค่ะ” ใบหน้าของเธอมีสีแดงมากกว่าครั้งที่แล้วและเธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องของเธอ

 

        “เธอเป็นเด็กดี...” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

        “ผมจะไปดูเครื่องทำน้ำอุ่นหน่อยว่ามันใช้งานได้มั้ย ?” หม่าเสี่ยวอันกล่าว

 

        เซี่ยเหล่ยตีที่หลังของหม่าเสี่ยวอัน “มานี่เลย เสี่ยวหงเป็นคนที่น่ารักและซื่อสัตย์อย่าทำแบบนี้กับเธอ เธอไม่เหมาะกับพวกเราทั้ง 2 คนหรอก”

 

        หม่าเสี่ยวอันมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา “แล้วผู้หญิงแบบไหนล่ะ ?ที่เหมาะกับผม”

 

        ในขณะนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านหน้าร้านเธอแต่งตัววับวับแวมแวมและเธอดูมีนิสัยเจ้าชู้ ขาของเธอที่เรียวยาว เธอใส่กระโปรงสั้นมากเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชายเธอรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำแบบนั้นโดยที่ไม่สนใจเลยว่าจะมีใครมองเธออยู่...

 

        เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดว่า “ดูสิ ? ผู้หญิงแบบนี้แหละเหมาะกับนาย”

 

        ตาของหม่าเสี่ยวอันมองที่ผู้หญิงคนนั้นแบบตาไม่กระพริบ

 

        เซี่ยเหล่ยยืนอยู่ข้างๆหม่าเสี่ยวอันโดยปกติแล้วผู้ชายทุกคนมักชอบมองผู้หญิงสวยๆอยู่เสมอ ในส่วนนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยสามารถมองเห็นผู้หญิงคนนั้นด้วยวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น เนื้อไข่มุกที่สวยเงางามเนื้อหนังที่เต่งตึง เขาสามารถมองแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นๆได้ ในขณะที่เขาทำงานหนักทั้งวันเมื่อเขาเห็นภาพเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

 

        เซี่ยเหล่ยมองเห็นเรือนร่างเธอเพียงเล็กน้อยจากนั้นเขาก็รีบดึงสติกลับมาและตบบ่าของหม่าเสี่ยวอันที่ยืนอยู่ข้างๆ “เสี่ยวอันชอบที่จะมองผู้หญิงแบบนี้หรอ ? งั้นผู้หญิงแบบนี้แหละที่เหมาะกับนาย”

 

        “ผมน่าจะมองเธอให้นานกว่านี้ ก้นของเธอเซ็กซี่มาก ฮ่าๆ” หม่าเสี่ยวอันเดินตามผู้หญิงนั้นและผิวปากตามหลังผู้หญิงคนนั้นไป

 

        ผู้หญิงคนนั้นหันกลับมามองเขา เธอดูรำคาญหม่าเสี่ยวอันที่ทำแบบนั้นกับเธอ

 

        หม่าเสี่ยวอันไม่สนใจท่าทีของผู้หญิงคนนั้นแม้แต่น้อย เขาหัวเราะแบบเก้ๆกังๆออกมา

 

        ทันใดนั้นรถโฟล์คสวาเก้น โปโลของเจียงหยู่ยี่จอดที่หน้าร้านอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปจากนั้นไม่นานเจียงหยู่ยี่ก็เดินลงจากรถ

 

        เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นเจียงหยู่ยี่เขาก็จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันก่อนได้ทั้งหมดเขาแอบอยู่หลังเสาและบอกกับหม่าเสี่ยวอันว่า “บอกเธอนะว่า ผมไม่อยู่ร้าน..”

 

        “มันเกิดอะไรเกิดขึ้นระหว่างคุณทั้ง 2 คน ?” หม่าเสี่ยวอันถามอย่างสงสัย

 

        เซี่ยเหล่ยจ้องไปที่หม่าเสี่ยวอัน “เอาหน่า.. อย่าถามมากทำตามที่ผมพูดก็พอแล้ว”

 

        ในขณะนั้นเจียงหยู่ยี่เดินเข้าไปในร้านอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อป

 

        “พี่สะ...” หม่าเสี่ยวอันรีบเปลี่ยนคำพูดของเขายังทันที “อ๋อ...หัวหน้าเจียงนี่.. ? ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่ล่ะ ?”

 

        เจียงหยู่ยี่จ้องไปที่หม่าเสี่ยวอัน “บอกฉันมา เหล่ยอยู่ที่ไหน ? ไม่งั้นฉันจะจับคุณเข้าคุก”

 

        “เหล่ย… ? เขา..ไม่ได้เข้าร้านวันนี้” หม่าเสี่ยวอันแอบไปมองเซี่ยเหล่ยที่แอบอยู่ด้านหลังเสา

 

        เจียงหยู่ยี่ผลักหม่าเสี่ยวอันและเดินตรงไปที่เสาและดึงเซี่ยเหล่ยออกมาจากนั้นเธอถามว่า “เหล่ยแอบฉันทำไม ? ทำไมคุณไม่กล้าเจอหน้าฉัน ?”

 

        เซี่ยเหล่ยหัวเราะอย่างเก้ๆกังๆ “เอ่อ...ผมมาผูกเชือกรองเท้าหน่ะ”

 

        เจียงหยู่ยี่ถอนหายใจออกมา “ฉันรู้จักคุณมานานแค่ไหนแล้ว ทำไมฉันจะไม่รู้เมื่อคุณโกหก !”

 

        เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไร….

 

        “เหล่ยสบายใจได้  ในวันนี้ฉันไม่ได้มาถามคุณเกี่ยวกับเรื่องนั้น”

 

        เซี่ยเหล่ยถอนหายใจออกมาเช่นกัน “แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ ?”

 

        “มีรถสามล้อของพ่อค้าขายผักขับรถมาชนรถฉัน แล้วเขาไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อม มันเป็นเรื่องที่แย่มาก ประตูรถของมันบุ๋มลงไปและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี” เจียงหยูู่ยี่กล่าว

 

        เซี่ยเหล่ยและหม่าเสี่ยวอันเดินไปดูที่รถของเธอ มันเป็นเรื่องจริง มีรอยบุ๋มอยู่ที่ประตูรถของเธอ

 

        “เร็วหน่อย ฉันรีบกลับไปประชุมที่สถานีตำรวจด้วย” เจียงหยู่ยี่กล่าวอย่างเร่งรีบ

 

        “ผมไม่มีอุปกรณ์สำหรับการพ่นสีที่นี่ถึงแม้ว่าผมจะช่วยให้รอยบุ๋มมันหายไปแต่คุณก็ต้องพ่นสีทับประตูรถอีกครั้ง” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

        “แน่นอนฉันรู้ว่าต้องนำมันไปซ่อมที่โรงรถแต่พวกเขาจะคิดราคาแพงมากถ้าพวกคุณไม่ช่วยเอารอยบุ๋มออกจากรถของฉัน” เจียงหยู่ยี่กล่าวต่อว่า “เร็วๆหน่อยสิ พี่คนนี้รีบเดี๋ยวจะเข้าไปประชุมไม่ทัน”

 

        เซี่ยเหล่ยมองไปที่หม่าเสี่ยวอัน “ยืนนิ่งอยู่ทำไมล่ะ ? ไปซ่อมรถให้หัวหน้าเจียงสิ”

 

        “ความเอาแต่ใจของเธอ..เหอะ....เธอคงไม่จ่ายเงินให้เราอย่างแน่นอน เธอคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหน ?” หม่าเสี่ยวอันบ่นพึมพัมขณะที่เขาลากแบตเตอรี่มาจากนั้นใช้ไฟฟ้าจากขั้วบวกขั้วลบดันรอยบุ๋มที่รถออกมา

 

         ขณะที่หม่าเสี่ยวอันกำลังดันรอยบุ๋มออกมาจากรถอยู่ เจียงหยู่ยี่ดึงตัวของเซียเหล่ยออกมาแล้วกระซิปข้างหูว่า “จำรอยนิ้วมือเหล่านั้นได้ไหม ?”

 

        เซี่ยเหล่ยเริ่มกังวล..

 

        “ผลการวิเคราะห์ลายนิ้วมือจะออกมาในเร็วๆนี้ คุณมีอะไรจะพูดกับฉันก่อนไหม ?” เจียงหยู่ยี่กล่าว

 

        เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

 

        “เอาล่ะ เสร็จแล้วตอนนี้คุณขับรถไปได้แล้ว หัวหน้าเจียง” หม่าเสี่ยวอันกล่าว

 

        เจียงหยู่ยี่ยื่นมือออกไปจับที่เอวของเซี่ยเหล่ย “ฉันจะมาจัดการกับเหล่ยทีหลัง ตอนนี้ฉันรีบ”

 

        เซี่ยเหล่ยและหม่าเสี่ยวอันยืนอยู่ข้างถนนและเฝ้าดูเจียงหยู่ยี่ขับรถออกไปเมื่อเธอขับรถพ้นจากสายตาของพวกเขาไปแล้ว พวกเขาหันมามองหน้ากันและกัน

 

        “เหล่ย ผมคิดว่าเธอจะจ่ายเงินพวกเราป่าว ?” หม่าเสี่ยวอันกล่าว

 

        “ทำไมนายไม่บอกให้เธอจ่ายเงินล่ะ ?”เซี่ยเหล่ยถาม

 

        หม่าเสี่ยวอันมองไปที่เซี่ยเหล่ย “ถึงแม้ว่านายจะพยายามพูดให้ผมขอเงินจากเธอ เธออาจจะฆ่าผมด้วยซ้ำในตอนนี้”

 

        ในขณะนั้นจูเสี่ยวหงเดินออกมาจากห้องผมสีดำของเธอ ผมนั้นเปียกอยู่เล็กน้อยทำให้เธอดูเซ็กซี่ เธอสวมชุดเก่าๆใส่ถุงเท้าสีขาว เธอมองอย่างเขินอายไปที่เซี่ยเหล่ยและหม่าเสี่ยวอัน “ฉันพร้อมแล้ว…..ไปกันเถอะ...”

 

        เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดว่า “ไปกันเถอะ ไปชอปปิ้งกัน !”

 

        ทั้งสามคนปิดร้านและเดินไปตามทางเดินที่มีแสงเรืองรองของดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน

 

        “คุณชอบเสื้อผ้าแบบไหน ? เสี่ยวหง ? พี่ใหญ่คนนี้จะเลือกให้คุณ” หม่าเสี่ยวอันกล่าว

 

        “กางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีขาว” จูเสี่ยวหงกล่าว

 

        “มันเชยไปแล้ว ! หาชุดอะไรใหม่ๆใส่บ้างสิ สมัยนี้เค้าฮิตกระโปรงสั้นๆกัน คุณเป็นคนสวยอยู่แล้วใส่ชุดอะไรก็สวย” หม่าเสี่ยวอันกล่าว

 

        จูเสี่ยวหงส่ายหัว “มันน่าอายจะตาย ! ฉันจะไม่ใส่มันเด็ดขาด”

 

        “เหล่ยพูดอะไรสักอย่างสิ จะซื้อชุดไหนให้เธอใส่ ?”

 

        “อืม…..” เซี่ยเหล่ยกำลังคิดเรื่องนี้

 

        “ฉันใส่ชุดอะไรก็ได้ ที่พี่เหล่ยเลือกให้” จูเสี่ยวหงกล่าว

 

        “ห๊ะ ? ทำไม ?”หม่าเสี่ยวอันไม่พอใจ

 

        “เพราะพี่เหล่ยเป็นคนดี เขาจะไม่หลอกฉัน” จูเสี่ยวหงกล่าว

 

        ทันใดนั้น….มีเสียงหัวเราะลึกลับดังมาจากถนนอีกฝั่งหนึ่ง……….

 

        ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ติดตามข่าวสารและเรื่องราว https://www.facebook.com/Tranxending-Vision-1843606792370694/ ขอเพียงแค่กดไลค์กดติดตาม ก็เป็นกำลังใจให้ผมแปลต่อได้แล้วคร้าบบบ ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

 

###################################################################

 

 

         

 

         

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด