ตอนที่แล้วบทที่ 42 หลอมกลั่นโอสถสำเร็จ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 44 โศกนาฏกรรมที่เกิดจากจิงสือหนึ่งชิ้น

บทที่ 43 โอสถปราณระดับหนึ่ง


ท่านอาจารย์หน้าเย็นชาของมันดูราวกับว่าไม่คิดจะออกมาจากห้องหลอมกลั่นของนาง

            ด้วยจิงสือเท่าที่มี จั่วม่อตกลงใจเริ่มทำงานด้วยทักษะหลอมกลั่นโอสถของมัน อย่างน้อยที่สุดกับโอสถปราณขั้นพื้นฐานเช่นเม็ดยาราชันธัญพืช เรื่องอัตราความสำเร็จไม่น่ามีปัญหา ครั้นซื้อหาวัตถุดิบจากศิษย์น้องหญิงสวี่ฉิงมาจำนวนหนึ่ง จั่วม่อลงมือฝึกฝนหลอมกลั่นเม็ดยาราชันธัญพืชอย่างเมามัน รายได้จากเม็ดยานี้กับต้นทุนค่าวัตถุดิบนั้นแทบจะเท่าเทียมกัน ถือว่าไม่ได้ไม่เสียเกินกันนัก ดังนั้นปัญหาใหญ่ที่สุดที่มันต้องเผชิญคือหาหนทางหลีกเลี่ยงความล้มเหลว ความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวหมายถึงขาดทุนทันที สูญเสียสามชิ้นจิงสือระดับที่สองไปโดยเปล่าประโยชน์

ยิ่งหลอมกลั่นฝีมือของมันก็ยิ่งช่ำชองชำนาญมากยิ่งขึ้น ระยะเวลาที่ใช้ลดลงจากห้าชั่วยามเหลือเพียงสามชั่วยาม แต่ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายอันมหาศาลด้วยเช่นกัน จิงสือระดับสองจำนวนยี่สิบกว่าชิ้นถูกถลุงจนเกลี้ยงเกลา ซึ่งเกิดจากความล้มเหลวในกระบวนการหลอมกลั่น แต่เมื่อคิดถึงอนาคตแล้ว มันได้แต่กัดฟันทนต่อไป

จั่วม่อจ้องมองกองสิ่งของตรงหน้า นี่เป็นวัตถุดิบชุดสุดท้ายสำหรับวันนี้แล้ว หากหลอมกลั่นสำเร็จ ก็ยังพอจ่ายคืนหนี้สินสามชิ้นจิงสือระดับสองที่ติดค้างศิษย์น้องหญิงสวี่ฉิงไว้ได้ หลอมกลั่นไปๆ จนกระทั่งถึงวันนี้มันสนิทชิดเชื้อกับนางมากพอที่จะสามารถนำวัตถุดิบมาใช้ก่อน แล้วค่อยจ่ายคืนทีหลัง

จั่วม่อไม่สบายใจ ไม่ต้องการมีหนี้สินติดค้าง หลังจากเสร็จสิ้นการหลอมกลั่นเม็ดยาราชันธัญพืชเม็ดสุดท้ายนี้แล้ว มันตั้งใจจะหยุดพักผ่อนสักระยะ และเฝ้ารอสังเกตการณ์สมุนไพรปราณในทุ่งปราณจนกว่าจะเติบโตเต็มที่

แม้ว่าจะเหลือวัตถุดิบเพียงชุดเดียว แต่จั่วม่อไม่ได้ร้อนรนกระวนกระวายแต่อย่างใด หลายวันมานี้มันผ่านการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเข้มงวด แต่ละขั้นตอนหลอมกลั่นเม็ดยาราชันธัญพืชล้วนช่ำชองชำนาญถึงที่สุด จั่วม่อไม่ทราบว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของพลังจิตสำนึกหรือไม่ แต่มันคล้ายความคิดอ่านทำงานได้ดีขึ้น แน่นอนว่าแต่เดิมมันก็ไม่ใช่คนโง่ แต่ปกติมักรู้สึกราวกับว่าติดอยู่ในเมฆหมอก มองอะไรไม่ชัดเจนอยู่ตลอดเวลา

แต่เวลานี้ดุจดั่งหลุดพ้นออกมาจากเมฆหมอกนั้นอย่างสมบูรณ์ ทุกประการล้วนกระจ่างชัด

มิทราบว่าการฝึกปรือเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด ใช่สามารถบันดาลให้ผู้คนเฉลียวฉลาดขึ้นหรือไม่?

ความคิดนี้เหลวไหลไร้สาระอย่างยิ่ง กระทั่งจั่วม่อเองยังรู้สึกเหลวไหลอยู่บ้าง ได้แต่โยนทิ้งไปด้านข้าง

จั่วม่อโยนสมุนไพรหลากหลายชนิดลงไปในกระถางหลอมโอสถตามปกติ จากนั้นทาบมือลงบนแผ่นจานแปดทิศ เริ่มต้นหลอมกลั่นไปตามลำดับขั้นตอน จิตสำนึกของมันมีความรู้สึกเฉียบไวต่อการเปลี่ยนแปลงของพลังงานปราณ บางครั้งยังสามารถรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงพลังปราณอันละเอียดอ่อนในต้นสมุนไพรที่อยู่ภายในกระถางหลอมกลั่น บางต้นถูกเร่งเร้า บางชิ้นวาบประกายแล้วหายไป บางอย่างค่อย ๆ จางลง... ...

แม้ว่าจั่วม่อจะคุ้นเคยกับเม็ดยาราชันธัญพืชอย่างยิ่งยวด แต่สภาวะการเปลี่ยนสภาพของพลังปราณ และความผันผวนปรวนแปรระหว่างต้นสมุนไพร ยังคงทำให้มันหลงใหลได้เสมอ

เวลานี้เองเรื่องไม่คาดฝันพลันอุบัติขึ้น โดยไม่รู้สึกตัว สติสัมปชัญญะของจั่วม่อกลับกลายเป็นเลอะเลือนมึนงง ราวกับว่ามือที่ควบคุมแผ่นจานแปดทิศทันใดนั้นก็ถูกครอบงำ ตำแหน่งท่าทางรวมถึงวิถีโคจรพลังปราณพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

เส้นลำแสงสีทองบาง ๆ สายหนึ่ง จู่ ๆ ก็พุ่งลงจากฟากฟ้า กระทบมือจั่วม่อ แล้วสะท้อนลงไปในกระถางหลอมกลั่น

ไม่ทราบอยู่ในสภาวะนี้เนิ่นนานเท่าใด จั่วม่อค่อย ๆ ฟื้นความรู้สึกกลับคืนมา เมื่อพบเห็นเส้นลำแสงสีทองก็ใจหายวาบ นี่...นี่มันร่ายเวทวิชาเคล็ดอัคคีสีชาดออกมาได้อย่างไร?

จั่วม่อสะท้านขึ้นทั้งร่าง บัดซบ อย่าได้ทำลายเม็ดยาของข้า! มันยังติดค้างหนี้สินศิษย์น้องหญิงสวี่ฉิงอยู่สามชิ้นจิงสือระดับสอง หากโอสถเม็ดนี้เสียหายไป มันจะต้องมีหนี้สินค้างชำระจริง ๆ แล้ว

จิตสำนึกของมันแผ่วาบ เจาะผ่านเข้าไปในกระถางหลอมกลั่น ไม่พบปฏิกิริยาใด ๆ จั่วม่อหัวใจแทบกระดอนออกมา รีบกระชากเปิดฝากระถางหลอมกลั่นในทันที

เห็นเม็ดยาสีเขียวเม็ดหนึ่งนอนสงบเงียบอยู่ก้นกระถาง จั่วม่อค่อยถอนใจโล่งอก ดูเหมือนว่าเม็ดยายังไม่ถูกทำลาย มันก้มหยิบเม็ดยาขึ้นมาเตรียมใส่ลงไปในถุง แต่แล้วเห็นประกายสีทองแวบหนึ่งตรงปลายสายตา ทีแรกมันตะลึงวูบ จากนั้นรีบยกเม็ดยาขึ้นมาเพ่งพิศอย่างละเอียด

พอตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว ค่อยพบว่าเม็ดยาราชันธัญพืชเม็ดนี้แตกต่างไปจากเม็ดยาราชันธัญพืชที่มันเคยหลอมกลั่นขึ้นมาทั้งหมด สีสันเป็นสีเขียวเข้มไม่ใช่เขียวอมฟ้า หากเพ่งมองลึกลงไป จะพบเห็นลวดลายสีทองที่เลือนรางอย่างยิ่งหลอมรวมอยู่ในเม็ดยา และนั่นเป็นต้นตอของประกายสีทองที่จั่วม่อพบเห็นในทีแรก นอกจากนี้มันยังหนักกว่าเม็ดยาราชันธัญพืชทั่วไปอยู่เล็กน้อย

นี่ยังเป็นเม็ดยาราชันธัญพืชอยู่อีกหรือไม่? จั่วม่อไม่แน่ใจ

จะให้ทดลองรับประทานดูก็ไม่กล้า แต่จะให้โยนทิ้งไปมันก็ไม่เต็มใจ หากจะขายให้ศิษย์น้องหญิงสวี่ฉิง จั่วม่อก็เกรงว่าจะเผลอทำร้ายคนอื่นเข้า มันทราบดีว่าการแปรสภาพนี้เกิดขึ้นจากเคล็ดอัคคีสีชาด ที่ใช้ออกมาโดยไม่รู้ตัวตอนที่สติของมันตกอยู่ในภวังค์ ตามหลักการแล้วเคล็ดอัคคีสีชาดใช้เพื่อควบรวมแก่นสารของดวงอาทิตย์ คุณสมบัติพื้นฐานโน้มเอียงไปทางธาตุไฟตามธรรมชาติ ว่ากันตามจริงเม็ดยานี้ไม่ควรเป็นอันตรายใด

ขบคิดอยู่ชั่วครู่ จั่วม่อตกลงใจเก็บเม็ดยาไว้ก่อน เมื่อท่านอาจารย์ออกมาจากห้องหลอมกลั่นโอสถแล้ว ค่อยลองถามนางดูอีกที

ซือฟู่หายเข้าไปในห้องหลอมกลั่นสิบกว่าวันแล้ว แต่ประตูห้องยังปิดสนิทแนบแน่นดุจเดิม บางคราวจั่วม่อก็อดคิดไม่ได้ ว่าเหล่าปรมาจารย์แห่งการหลอมกลั่นโอสถล้วนเป็นเช่นนี้หรือไม่?

มันทำสำเร็จตามข้อกำหนดตั้งนานแล้ว แต่ซือฟู่ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากห้องหลอมกลั่นโอสถ จั่วม่อได้แต่หันไปสนใจการฝึกปรือบำเพ็ญเพียรของมันต่อ ภายใต้สภาพการณ์ปัจจุบัน ห้าเวทวิชาเกษตรกรปราณของมันได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว หากคิดจะก้าวหน้าไปมากกว่านี้ จำเป็นต้องเสาะหาม้วนคัมภีร์หยกขั้นต่อไป

นอกเหนือจากฝึกปรือกระบวนท่าดัชนี ซึ่งต้องกระทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงจากปัญหาฝีมือเสื่อมถอย เวลาที่เหลือมันใช้ไปกับการฝึกปรือเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด และหลอมสร้างเจตจำนงกระบี่ของมัน

จั่วม่อไม่ทราบว่าการหลอมสร้างเป็นคำที่ใช้กันทั่วไปสำหรับกรณีนี้หรือไม่ แต่มันรู้สึกว่าเป็นคำที่บรรยายได้เหมาะสมมาก เวลานี้เจตจำนงกระบี่ของมันเพิ่งจะก่อรูปร่างขึ้น เทียบได้กับใบกระบี่ที่เพิ่งถูกตีขึ้นรูปจากเหล็กกล้า จำเป็นต้องผ่านการหลอมตีซ้ำ ๆ และฝนลับคมอย่างต่อเนื่อง จึงจะสำเร็จเป็นกระบี่ที่แท้จริงได้

เจตจำนงกระบี่ของอาจารย์ลุงซินหยานตราตรึงลึกในใจมัน ภายใต้พลังอำนาจที่สามารถผ่าแยกท้องนภา มันเคยตกตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

สิ่งที่มันต้องทำคือพยายามลอกเลียนเจตจำนงกระบี่ของอาจารย์ลุง ต่อให้ไม่สามารถครอบครองรัศมีฤทธาระดับนั้นได้ อย่างน้อยก็ต้องสร้างรูปลักษณ์ให้คล้ายเหมือน จากนั้นมันสามารถใช้ข่มขู่ผู้คน

จั่วม่อตั้งมั่นว่าหากไม่จำเป็นจะไม่สำแดงเจตจำนงกระบี่ออกมาอีก แม้กระทั่งหวีป๋ายซึ่งเป็นคนนอก ยังสามารถมองเห็นต้นกำเนิดของเจตจำนงกระบี่ได้อย่างชัดแจ้ง หากปรากฏต่อสายตาของท่านเจ้าสำนักกับอาจารย์ลุง พวกมันไม่สงสัยก็แปลกไปแล้ว ควรทราบว่าอาจารย์ลุงซินหยานไม่เคยฝึกอบรมจั่วม่อ หากคาดคั้นไต่สวนขึ้นมาจริง ๆ เกรงว่าไม่อาจปิดบังการคงอยู่ของผูเยาไว้ได้อีก เมื่อใดที่นึกถึงสายตาอันเย็นเยียบของอาจารย์ลุงซินหยาน จั่วม่อรู้สึกสั่นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลังทีเดียว

ไม่ว่าสำนักใด การขโมยร่ำเรียนวิชาก็เป็นเรื่องร้ายแรง

ยามนี้จั่วม่อสำนึกเสียใจไม่น้อยที่ลงมือต่อสู้ในตงฝู ผู้ใดคาดคิดว่าหวีป๋ายผู้นั้นจะสายตาแหลมคม จนสามารถมองต้นกำเนิดของเจตจำนงกระบี่ของมันออก

แต่สำนึกเสียใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด จะอย่างไรทหารมาตั้งทัพสู้ น้ำมาก่อทำนบกั้น* เท้าเปล่าไม่กลัวสวมรองเท้า** ตอนนี้มันได้แต่ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักหน่วงจริงจังมากยิ่งขึ้น

(*หมายความว่าเกิดปัญหาอะไรก็ค่อยไปแก้เอาตอนนั้น **หมายความว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว)

จั่วม่อยังไม่สามารถบังคับใช้กระบี่บิน เป็นเหตุให้ต้องพึ่งพาอาศัยเคล็ดทองคำคร่ำคร่าเท่านั้น มันเชื่อมั่นอย่างไร้ข้อกังขาในเพลงกระบี่ขั้นพื้นฐานที่ศิษย์พี่เหวยเสิ้งทิ้งไว้ให้ในม้วนหยก ซึ่งแต่เดิมมันไม่เคยรู้สึกมากเท่านี้มาก่อน แต่หลังจากบรรลุเจตจำนงกระบี่แล้ว จั่วม่อพบว่าแม้ว่าเคล็ดวิชาขั้นพื้นฐานเหล่านี้อาจเรียบง่าย แต่ทุกกระบวนท่าล้วนสำคัญถึงแก่น ดังนั้นมันย้อนกลับไปฝึกปรือเคล็ดกระบี่ขั้นพื้นฐานทั้งหมดนี้ใหม่ตั้งแต่ต้น

 

เดิมทีจั่วม่อไม่เคยฝึกปรือกระบี่ อันที่จริงอาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่ง แต่หลังจากถูกผูเยาข่มเหงด้วยเจตจำนงกระบี่ของอาจารย์ลุงซินหยาน บังคับให้มันต้องผจญกับพายุสับหฤโหดนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดค่อยบรรลุความเข้าใจบางประการ แต่มันไม่มีพื้นฐานทางวิชากระบี่ ต่อให้บรรลุความเข้าใจ ก็ไม่อาจหยั่งลึกลงไปถึงขั้นลึกซึ้งได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากรากฐานของมันไม่มั่นคง ความเข้าใจอันตื้นเขินที่อุตส่าห์บรรลุนี้ยังจะสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

ด้วยประการฉะนี้เอง จั่วท่อจึงต้องเร่งหันกลับมาฝึกปรือขั้นแรกเริ่มของเคล็ดวิชากระบี่ขั้นพื้นฐาน

เพลงกระบี่พื้นฐานทั้งหมดนี้ ศิษย์พี่เหวยเสิ้งรวบรวมจากประสบการณ์ต่อสู้อาบโลหิตนับครั้งไม่ถ้วน หลอมรวมขัดเกลาจนเหลือแต่แก่นแท้ มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง

จั่วม่อผู้บรรลุความเข้าใจเล็ก ๆ ในเจตจำนงกระบี่ กับเคล็ดกระบี่พื้นฐานชุดนี้ มันสามารถมองลงมาจากระดับที่สูงกว่า จึงเรียนรู้ได้เร็วมาก เคล็ดวิชาพื้นฐานชุดนี้ช่วยเติมเต็มช่องโหว่ในรากฐานวิชากระบี่ของมันได้พอดี

ภายในลานน้อยลมตะวันตก จั่วม่อร่ายรำเพลงกระบี่พื้นฐานอย่างเดียวดาย

เคล็ดวิชากระบี่ชุดนี้เรียบง่ายสามัญถึงที่สุด สามารถฝึกปรือสำเร็จตั้งแต่หนแรกที่ทดลอง แต่จั่วม่อคลับคล้ายจ่อมจมอยู่ในความลุ่มหลงอันพิสดาร เอาแต่ฝึกปรือกระบวนท่าชุดเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับอสูรกระบี่คลุ้มคลั่งตนหนึ่ง

ก่อนหน้าที่จะพบพานผูเยา ก่อนที่จะได้พบเจอศิษย์พี่เหวยเสิ้ง เวทวิชาที่มันมีฝีมือมากที่สุดเป็นเคล็ดเมฆฝนหล่นริน ซึ่งผ่านการขัดเกลาด้วยรูปแบบอันบ้าคลั่งเช่นเดียวกันนี้ ตัวมันไม่เคยฝันเฟื่องว่าจะโชคดีได้เข้าถึงสภาวะรู้แจ้ง ในความเห็นของมัน ไม่มีอะไรจะมีประสิทธิภาพมากไปกว่าการค่อย ๆ ฝึกปรือขัดเกลาไปทีละเล็กทีละน้อย

ฉากหน้ายิ่งงดงามตระการตามากเท่าใด สิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ก็ยิ่งซ้ำซาก น่าเบื่อหน่าย และเดียวดายมากเท่านั้น

จั่วม่อยิ่งมายิ่งเชี่ยวชาญเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด พลังปราณในร่างสั่งสมเพิ่มพูนขึ้นไม่หยุดยั้ง แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจคือพลังจิตสำนึกถึงกับรุดหน้าไปเร็วกว่ามาก มันราวกับนักบวชในวัตรปฏิบัติอันสันโดษผู้หนึ่ง กำหนดการในแต่ละวันอัดเต็มแน่น ไม่มีช่วงเวลาเสียเปล่าแม้แต่นาทีเดียว

สิ่งที่ควรค่าแก่การเลี้ยงฉลองก็คือ สตรีเสียสติที่สมควรตายผู้นั้นมิได้มารบกวนมันอีกระยะหนึ่ง

เวลาผันผ่านไปเช่นนี้

วันหนึ่ง ปราณกระบี่เล่มหนึ่งเหินลิ่วลงมาจากขอบฟ้า จั่วม่อผู้กำลังผนึกปางมือควบคุมเพลงกระบี่อยู่ในลานบ้านหยุดชะงักในบัดดล ... ท่านอาจารย์ออกมาแล้ว!

รีบกระโดดขึ้นไปบนหลังคา ไต่ขึ้นไปนั่งบนหลังห่านจะงอยเทา ห่านจะงอยเทากู่ร้องเสียงสดใสคำหนึ่ง แล้วสะบัดปีกทะยานขึ้น บรรทุกจั่วม่อตรงไปยังเรือนขิงหอม

ณ เรือนขิงหอม

สือฟ่งหรงสีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด กระบวนการหลอมกลั่นโอสถหนนี้กินเวลายาวนานกว่าหนึ่งเดือน เคี่ยวกรำนางอย่างหนัก เมื่อจั่วม่อมาถึง สวี่ฉิงกำลังรายงานเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรือนขิงหอมตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงตอนนี้

เห็นจั่วม่อเดินเข้ามา สือฟ่งหรงสีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เจ้าหลอมกลั่นเม็ดยาราชันธัญพืชห้าเม็ดเสร็จแล้วหรือไม่?”

“หลอมกลั่นสำเร็จแล้วท่านอาจารย์” จั่วม่อก้มศีรษะต่ำ เสนอเม็ดยาราชันธัญพืชห้าเม็ดที่ตระเตรียมไว้ล่วงหน้า

สือฟ่งหรงสีหน้าคลายลงเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้สวี่ฉิงรับเม็ดยาไว้ พยักหน้าพลางกล่าว

“ไม่เลว ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ได้เกียจคร้าน เอาเถอะ เจ้าเพิ่งเริ่มเดินบนวิถีหลอมกลั่นโอสถ หากมีคำถามอันใด ตอนนี้ข้าอนุญาตให้ถามได้”

สวี่ฉิงที่ด้านข้างมีสีหน้านับถือเลื่อมใส นางอาจรั้งลำดับแรกในหมู่ศิษย์ฝ่ายนอกแห่งเรือนขิงหอม ได้รับความไว้วางใจจากสือฟ่งหรงเป็นอย่างมาก แต่เพียงสามารถเรียนรู้ ไม่มีสิทธิ์ถาม แต่ชั่วแวบนางรีบปรับความคิดอย่างรวดเร็ว การที่นางไม่ได้ถูกไล่ให้ออกไปจากห้อง หมายความว่าอย่างน้อยยังได้รับอนุญาตให้ฟัง นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งแล้ว

ได้ยินเช่นนั้น จั่วม่อยินดียิ่ง รีบถามปัญหาหลายอย่างที่มันงุนงงสงสัยมานาน

สือฟ่งหรงค่อย ๆ คลี่คลายไปทีละคำถาม

ทันใดนั้นจั่วม่อนึกถึงเม็ดยาที่มันใช้เคล็ดอัคคีสีชาดหลอมกลั่นขึ้นมา รีบนำออกมาให้ท่านอาจารย์ชมดู

“ซือฟู่ นี่เป็นเม็ดยาที่ข้าหลอมกลั่นได้โดยบังเอิญ คล้ายว่าแตกต่างจากเม็ดยาราชันธัญพืชอยู่บ้าง แต่ศิษย์ไม่ทราบว่าเป็นอะไร ขอซือฟู่โปรดชี้แนะ”

สือฟ่งหรงรับเม็ดยามาส่องดู อดไม่ได้ต้องส่งเสียงอุทานออกมาคำหนึ่ง ขณะที่เพ่งพิศอย่างระมัดระวัง

ครู่ใหญ่ นางกล่าวว่า “ลองเล่ามา เจ้าหลอมกลั่นขึ้นมาได้อย่างไร”

จั่วม่ออธิบายขั้นตอนการหลอมกลั่นทั้งหมดอย่างละเอียด เมื่อกล่าวถึงตอนที่มันบังเอิญร่ายเคล็ดอัคคีสีชาดออกมาโดยไม่รู้ตัว สือฟ่งหรงดูเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง

เมื่อจั่วม่อเล่าจบ สือฟ่งหรงกล่าวว่า “เม็ดยาราชันธัญพืชเม็ดนี้หลอมรวมแก่นสารของดวงอาทิตย์เพิ่มเข้ามา ผลกระทบกลายเป็นหยางสุดขั้ว อาจจัดระดับคุณภาพเป็นโอสถปราณระดับหนึ่ง หากรับประทานลงไป สามารถเร่งเร้าพลังชีวิตในร่างกาย และกระตุ้นพลังปราณพร้อมกัน แต่เกรงว่าผลข้างเคียงที่ตามมาจะไม่เบา ข้าไม่เคยพบเห็นโอสถปราณเช่นนี้มาก่อน เจ้าสามารถตั้งชื่อให้มัน แล้วขอให้อาจารย์ลุงหยานเล่อของเจ้าช่วยขายมัน เจ้าจะได้รับจิงสือสักหน่อย”

จั่วม่อถามอย่างโง่งม “ขายเท่าใด?”

สือฟ่งหรงสีหน้ากลับเป็นเย็นชา “ไปถามด้วยตัวเจ้าเอง” กล่าวจบนางก็เมินจั่วม่ออย่างสิ้นเชิง

จั่วม่อไม่ทราบว่ามันเผลอล่วงเกินซือฟู่ใบหน้าเย็นชาของมันที่ใด ได้แต่คารวะอำลาจากมา อย่างไรก็ตาม มันเปลี่ยนเป็นเบิกบานใจอีกครั้งอย่างรวดเร็ว หนนี้หลอมกลั่นโอสถปราณขึ้นมาได้โดยบังเอิญ จะไม่ให้มันดีอกดีใจได้อย่างไร ควรทราบว่าเม็ดยาราชันธัญพืชเพียงถูกจัดเป็นเม็ดยาชนิดหนึ่ง แต่แท้จริงไม่ถึงขั้นที่จะเรียกว่าโอสถปราณ เนื่องจากเข้าไม่ถึงระดับคุณภาพแม้แต่ระดับที่หนึ่ง จั่วม่อย่อมตระหนักได้ชัดเจนมากกว่าโอสถปราณใด ๆ ที่สามารถจัดเข้าระดับคุณภาพ ราคาของมันจะไม่น้อยเลย

สำหรับจั่วม่อผู้ต้องการใฝ่หาจิงสือจนแทบไม่เลือกวิถีทาง จะมีสิ่งใดบันดาลให้มันตื่นเต้นยินดีมากไปกว่าการค้นพบวิธีหาจิงสือที่ดี?

จิงสือเหลือคณานับกำลังกวักมือเรียกมันแล้ว อ้า......

จั่วม่อรำพึงในใจ สงสัยมันต้องหาเวลาไปเยี่ยมเยียนอาจารย์ลุงหยานเล่อบ้างแล้ว

(จั่วม่อกลายเป็นศิษย์ของสือฟ่งหรงที่อยู่ลำดับที่สี่ ดังนั้นเจ้าสำนักซึ่งเป็นศิษย์พี่ใหญ่ ซินหยานลำดับที่สอง หยานเล่อลำดับที่สาม กลายเป็นอาจารย์ลุงทั้งหมด)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด