บทที่ 28 ธรณีประตู
จั่วม่อในที่สุดเสาะหาจนพบธรณีประตู!
เจตจำนงกระบี่เล่มนี้อาจคล้ายดูพายุหิมะห่าหนึ่ง แต่มันมองเห็นเจตจำนงกระบี่เล็ก ๆ นับไม่ถ้วนอย่างเลือนราง เหล่านี้เป็นเจตจำนงกระบี่ที่คล้ายผลึกน้ำแข็งจำนวนมหาศาล พวกมันรวมตัวกันอย่างหนาแน่นแออัด ก่อตัวเป็นชั้นๆ เคลื่อนที่ไปด้วยกันเป็นรูปขบวน เจตจำนงกระบี่ขนาดเล็กเหล่านี้แต่ละเล่มคล้ายหยาดฝนหยดหนึ่ง ที่แท้เม็ดฝนสุดคนานับจึงก่อเกิดเป็นมหานที ยามเคลื่อนที่ดุจกระแสน้ำพลุ่งพล่าน
สรุปแล้วเจตจำนงกระบี่ของอาจารย์อาซินหยานประหนึ่งลำธารสายหนึ่ง เป็นกระแสธารน้ำแข็งขนาดย่อม!
นี่เป็นหนแรก ที่จั่วม่อหลงลืมความเจ็บปวด จากอาการบาดเจ็บในจิตวิญญาณไปเสียสิ้น
ภาพเหตุการณ์กระชั้นสั้นถึงขีดสุด แต่สิ่งที่มันพบเห็นเพียงชั่วแวบนี้ ก็เพียงพอให้ครุ่นคิดอยู่เป็นนาน เจตจำนงกระบี่เล็กจิ๋วคล้ายผลึกน้ำแข็งอันสุกใส เคลื่อนย้ายไปมาประหนึ่งกระแสธารา ในความไพศาลและอันตรายอย่างยิ่งยวด แอบแฝงความงดงามบางประการ กระทั่งผู้ที่ไม่เข้าใจวิชากระบี่เยี่ยงมัน ยังอดทอดถอนอย่างพิศวงงงงวยมิได้
จั่วม่อตระหนักในทันที ว่ามังกรหิมะที่อาจารย์อาซินหยานปลดปล่อยออกมา ไม่ใช่รูปลักษณ์มังกรที่แท้จริง แต่ประกอบขึ้นจากเจตจำนงกระบี่หิมะขาวอันเรียวบาง จำนวนมากมายไร้ที่สิ้นสุด
มันยืนซึมเซาอยู่กลางลานบ้าน จิตใจหลงระเริงมัวเมาอยู่จนกระทั่งดึกดื่น
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น จั่วม่อมุ่งหน้าไปยังหุบเขาหมอกเย็นเยือก จากคนงานชั่วคราวกลับกลายมาเป็นคนงานอย่างเป็นทางการ ทั้งยังได้รับเม็ดยาจู้จีเป็นรางวัล สำหรับเจ้าผีดิบจอมละโมบแล้ว นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ มันต้องทุ่มเทเอาใจใส่ให้ดี
จั่วม่อตั้งเป้าหมายใหม่ของชีวิตเอาไว้แล้วอย่างชัดแจ้ง มันปรารถนาจะค้นหาคำตอบ แต่ก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าจำเป็นต้องก้าวไปทีละขั้น โดยเฉพาะศิษย์สำนักฝ่ายนอกที่ไม่มีทุนรอนอันใดเลยเช่นมัน แต่ละย่างก้าวยิ่งต้องระมัดระวังถึงที่สุด
หากเทียบกับกาลก่อน ภาระหน้าที่ของมันยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม อาจารย์อาหญิงสี่ยังมอบม้วนหยกให้แก่มันม้วนหนึ่ง ภายในม้วนหยกรวบรวมสิ่งสำคัญที่จำเป็นสำหรับการดูแลสมุนไพรปราณทุกชนิดเอาไว้ เก้าสิบในร้อยส่วนในนั้นเป็นสิ่งที่มันไม่เคยล่วงรู้มาก่อน สำหรับมันแล้ว นี่เป็นความท้าทายอย่างสมบูรณ์ครั้งใหม่
แต่โชคดีที่ยังสามารถค่อยๆ สำรวจและเรียนรู้ไปอย่างช้าๆ ยามนี้สมุนไพรปราณในสวนยาล้วนอยู่ในสภาพดีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาเร่งด่วนอันใด
ในมุมหนึ่งของสวนยา หญ้ามังกรเพลิงต้นใหม่กำลังงอกต้นอ่อนออกมา นี่เพาะปลูกขึ้นจากเมล็ดพันธุ์หญ้ามังกรเพลิงที่ศิษย์พี่เหวยเสิ้งมอบให้มัน
วันนี้มันจำเป็นต้องร่วมทางกับศิษย์สตรีจำนวนหนึ่งเดินทางไปยังตงฝู แม้จะเรียกว่าร่วมทาง แต่อันที่จริงเป็นการติดตามไปดูแลคุ้มครองพวกนางเป็นหลัก
นั่งเป็นสง่าอยู่บนหลังนกกระเรียนกระดาษ จั่วม่อติดตามกลุ่มศิษย์สตรีโดยทิ้งระยะห่างสิบจั้ง ทางด้านหลัง
สตรีเหล่านี้ช่างพูดช่างคุยจริงๆ !
เสียงสนทนาจ้อกแจ้กจอแจของพวกนางสามารถได้ยินไปไกล พอฟังไปนานๆ จั่วม่อขุ่นเคืองรำคาญอยู่ไม่น้อย
หลังจากได้รับการซ่อมแซมและปรับปรุง เสี่ยวหวงของมันก็มั่นคงปลอดภัย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น มันครุ่นคิดเงียบ ๆ ว่าจิงสือสามชิ้นที่จ่ายไป ช่างคุ้มค่าสมราคาอย่างแท้จริง นั่งอยู่บนหลังกระเรียนกระดาษไม่มีสิ่งใดให้กระทำ จึงเริ่มวิเคราะห์เจตจำนงกระบี่ของอาจารย์อาซินหยานอีกรอบ
แม้จะต้องเจ็บปวดจนแทบอยากตายทุกครั้ง แต่จั่วม่อก็ตระหนักดีว่าประสบการณ์อันมีค่านี้ ให้ประโยชน์แก่มันมากเพียงใด กล่าวถึงโอกาสที่จะได้ร่ำเรียนจากอาจารย์อาซินหยาน นอกจากศิษย์พี่เหวยเสิ้งแล้ว สำหรับศิษย์ฝ่ายนอกเช่นมัน กระทั่งคิดยังไม่จำเป็นต้องคิดถึงโอกาสเช่นนี้ มันไม่ทราบว่าไฉนผูเยาจึงเก็บเจตจำนงกระบี่ของอาจารย์อาเล่มนี้ไว้ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่สำหรับจั่วม่อ
มันย่อมไม่มีปัญญาเรียนรู้ได้จนครบถ้วนกระบวนความ แต่หากร่ำเรียนได้สักส่วนเสี้ยว ก็เป็นประโยชน์ต่อมันนับเอนกอนันต์แล้ว
กำลังครุ่นคิดอย่างเพลินๆ ในเวลานี้เอง พลันได้ยินเสียงตะโกนเอ็ดตะโรดังจากทางด้านหน้า จั่วม่อสะดุ้งตื่นจากภวังค์
หัวใจมันหนักอึ้งขึ้นมาในฉับพลัน
เห็นผู้ฝึกตนบุรุษแปลกหน้ากลุ่มหนึ่ง คล้ายกำลังโต้เถียงกับกลุ่มศิษย์สตรีร่วมสำนักของมัน จั่วม่อทอดถอนใจ ช่วงเวลาเช่นนี้ ช่างไม่เหมาะที่จะรับของขวัญผู้อื่นจริงๆ!
ลงจากหลังกระเรียนกระดาษ มันค่อยๆ เดินไปข้างหน้า ท่วงท่ายังคงสบายๆ นี่เป็นเส้นทางหลักไปยังตงฝู จั่วม่อจึงไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าก่อเรื่องอย่างอุกอาจเกินไป ดังนั้นมันจึงมีความมั่นใจอยู่ไม่น้อย
“ฮาฮา ได้ยินว่าศิษย์พี่หญิงหลี่อิงฟ่งเข้าสู่ด่านจู้จีแล้วใช่หรือไม่? ข่าวดี นับเป็นข่าวดีจริงๆ” ผู้ฝึกตนบุรุษที่ด้านหน้ากล่าวเสียงราบเรียบ
เหล่าบุรุษรอบข้างพากันหัวร่ออย่างครื้นเครง
ถึงตอนนี้เอง บุรุษผู้หนึ่งกล่าวอย่างประจบประแจงว่า “ศิษย์พี่ หากข้าดูไม่ผิด พลังฝึกตนของสตรีเหล่านี้ ยังอ่อนด้อยกว่าสตรีดุร้ายในสำนักเราอยู่มาก”
“ถูกแล้ว ถูกแล้ว!” ผู้นำกลุ่มแย้มยิ้มอย่างชั่วช้า เตือนว่า “แต่เจ้าต้องระวัง หากพวกนางได้ยินที่เจ้าพูด เกรงว่าเจ้าจะได้เห็นดีแล้ว”
“ฮ่าฮ่า แน่นอน”
จั่วม่อกระแอมเบาๆ เหล่าศิษย์สตรีพากันเปิดทางให้ทันที มันเมื่อยอมรับสิ่งของไปแล้ว ย่อมไม่อาจยืนอยู่เฉยๆ ได้จริงๆ
“เป็นไร? พวกเจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใด? ปิดกั้นเส้นทางหาอะไร?” จั่วม่อเดินออกมาจากกลุ่มศิษย์สตรี ชำเลืองมองอีกฝ่าย กล่าวพลางยิ้มเยาะ
มองปราดเดียวก็ทราบ ว่าบุรุษกลุ่มนี้คล้ายจะเป็นเหล่ากากเดนฝูงหนึ่ง แต่ละคนศีรษะกวาง ดวงตามุสิก โดยเฉพาะเจ้าตัวผู้นำ ยามมองใบหน้านั้นจั่วม่อบังเกิดความรู้สึก อยากจะเอากำปั้นอัดใส่ใบหน้ามันจนบี้แบนเหมือนขนมปิ้งเสียจริง เมื่อเทียบกับเหล่าศิษย์ร่วมสำนัก จั่วม่อมีประสบการณ์ด้านนอกสำนักมากกว่า อาจกล่าวว่ามันมีดวงตาอันหลักแหลมคู่หนึ่ง เจ้าพวกนี้มองอย่างไรก็ไม่ใช่บุคคลเที่ยงธรรมอันใด คิดจัดการกับคนประเภทนี้ ท่านยิ่งสุภาพ พวกมันจะยิ่งรู้สึกว่าท่านอ่อนแอและข่มเหงรังแกได้ง่าย
อันที่จริง อาวุธสำคัญที่จั่วม่อคิดพึ่งพาคือแหวนกระบี่ทองบนนิ้วของมัน ภายในแหวนเก็บกักปราณกระบี่ไว้สามเล่ม เหมาะสำหรับใช้ข่มขวัญเจ้าคนพวกนี้ได้เป็นอย่างดี
“ฮา ดังนั้นพวกเจ้าก็เปลี่ยนเจ้านายใหม่แล้ว” เจ้าผู้นำกลุ่มยิ้มเย้ย กวาดตามองจั่วม่อขึ้นๆ ลงๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยอาการดูหมิ่น “เพียงแค่ด่านเลี่ยนชี่ขั้นที่แปด ยังกล้าประพฤติตนเป็นวีรบุรุษ ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ ต่อให้เป็นหลี่อิงฟ่งอยู่ที่นี่ นางยังไม่กล้ากล่าววาจาสามหาวเช่นนี้”
เจ้าผู้นี้ใช่มีภูมิหลังอันเข้มแข็งหรือไม่? จั่วม่อชักไม่แน่ใจ แต่สีหน้ามันไม่แสดงออกซึ่งอารมณ์ใด “คุยโวอะไรเช่นนี้ หากมีความสามารถจริงๆ ไฉนไม่ไปร้องท้าทายหน้าประตูสำนักเรา แล่นมาข่มเหงอิสตรีถึงที่นี่หาอันใด หึหึ ช่างเข้มแข็งจริงๆ ช่างเข้มแข็งเสียเหลือเกิน!”
เหล่าศิษย์สตรีรอบข้างพากันปิดปากหัวร่อคิกคัก
คนผู้นั้นสีหน้ากลับกลายเป็นน่าเกลียด มันแค่นเสียง “ได้ยินมาว่าสำนักกระบี่สุญตาปรากฏอัจฉริยะผู้หนึ่ง? สวะเช่นเจ้ามาจากที่ใด? วันนี้ข้าผู้เป็นศิษย์พี่จะสั่งสอนมารยาทให้เจ้าเอง!”
พอสิ้นวาจา กระบี่บินเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้ามัน
จั่วม่อใจหายวาบ ผู้อื่นถึงกับมีกระบี่บินจริงๆ !
คำแรกที่ปรากฏขึ้นในใจมันคือ ด่านจู้จี! มันไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าเจ้าหน้าหนูผู้นี้ถึงกับอยู่ในด่านจู้จี ควรทราบว่าผู้ฝึกตนด่านเลี่ยนชี่ไม่สามารถประทับตราวิญญาณบนกระบี่บินได้ กระทั่งศิษย์พี่เหวยเสิ้ง ก่อนจะเข้าสู่จู้จียังไม่มีกระบี่บินมาก่อน
จิตใจร้อนรนกระวนกระวายขึ้นมาทันที จ้องมองกระบี่บินลอยขึ้นเบื้องหน้าฝ่ายตรงข้าม จั่วม่อกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
นี่เป็นครั้งแรกที่มันเผชิญหน้ากับกระบี่บิน!
สีเขียวสดตลอดทั้งเล่ม ยาวสามฉื่อ ตัวกระบี่แคบบางและคมกริบ เปล่งแสงเย็นเยียบเป็นประกาย หากลงมือจู่โจมเข้าจริงๆ ร่างกายมันไม่พ้นต้องปรากฏหลุมเลือดขึ้นอย่างแน่นอน
สีหน้าของเหล่าศิษย์สตรีก็พลันแปรเปลี่ยนกลับกลาย พวกนางย่อมคาดคิดไม่ถึง ว่าครั้งนี้จะเผชิญกับผู้ฝึกตนด่านจู้จีเข้าให้! พวกนางเดิมทีเชื่อมั่นในตัวจั่วม่ออย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ความเชื่อมั่นแทบไม่เหลือหลอ ระหว่างด่านเลี่ยนชี่กับด่านจู้จีมีช่องว่างขนาดใหญ่ หากด่านเลี่ยนชี่ต้องปะทะกับด่านจู้จี เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ให้ต่อต้านสักเล็กน้อยยังไม่มี
พลังของกระบี่บินไม่ใช่สิ่งที่ปราณกระบี่ธรรมดาจะต้านทานรับได้
ใบหน้ารูปผลผิงกว่อของเสี่ยวกั่วซีดเผือดอย่างอกสั่นขวัญหาย นางจ้องมองกระบี่บินด้วยความหวาดกลัว
ชายผู้นั้นหัวร่อสีหน้ามืดมน “ให้เจ้าได้ทดลองลิ้มรสอันโอชะจากกระบี่คมเขียวของท่านปู่ผู้นี้!”
พร้อมกันนั้น มันประกบนิ้ว สะบัดมือวาดชุดสัญลักษณ์กลางอากาศ กระบี่บินเล่มนั้นราวกับรู้ความ พุ่งดิ่งเข้าหาจั่วม่อในพริบตา!
ทันทีที่กระบี่บินตรงลิ่วเข้ามา จั่วม่อก็สงบลง ความตึงเครียดทั้งมวลคล้ายจะหายวับไป มันจ้องมองกระบี่บินเขม็งนิ่ง เฉกเช่นเดียวกับที่เคยเฝ้ามองเจตจำนงกระบี่หิมะขาวเล่มนั้น!
กล่าวได้ว่าพริบตาที่กระบี่บินขยับ หัวใจมันก็ปลอดโปร่งเยือกเย็นในฉับพลัน
กระบินสีเขียวอาจดูน่าตกใจอยู่บ้าง แต่พลังฝีมือของเจ้าผู้นี้มีจำกัด ความรู้สึกอันตรายที่มันได้รับ ยังห่างไกลสุดกู่จากเจตจำนงกระบี่บริสุทธิ์ของอาจารย์อาซินหยาน!
เพียงสวยงามแต่เปลือกนอกเท่านั้นเอง!
เจตจำนงกระบี่ที่แฝงอยู่ในกระบี่บิน ทั้งเบาบาง ทั้งอ่อนปวกเปียก มันไม่ได้ควบแน่นเป็นรูปร่างที่แท้จริง ทั้งสามัญธรรมดาจนแทบทนมองดูไม่ไหว
พลังปราณในร่างจั่วม่อโคจรอย่างรวดเร็ว มันจ้องมองกระบี่บินที่เร่งเข้ามาใกล้อย่างสงบ พริบตาดุจประกายไฟ นิ้วมือพลันประกบเป็นกระบี่ สะบัดจี้ใส่ช่องว่างอย่างดุดัน
ปราณกระบี่สีทองสายหนึ่งพวยพุ่งออกจากปลายดัชนี
พิ้ง!
เสียงปะทะดังสดใส ปราณกระบี่แทงใส่ตำแหน่งหนึ่งชุ่นจากปลายกระบี่บินอย่างแยบคาย กระบี่บินส่ายสะบัดไปเล็กน้อย
“ฮึ่ม!” เจ้าผู้นั้นแค่นเสียง โคจรพลังปราณ กระบี่บินเหินกลับมา วาดเป็นวงกลมแสงครึ่งวงที่กลางอากาศ งดงามตระการตาไม่น้อย
พิ้ง!
เสียงโลหะกระแทกกัน ดังขึ้นอย่างกะทันหัน กระบี่บินจู่ๆ ก็ชะงักค้าง วงกลมแสงครึ่งวงสลายวับ ประหนึ่งนางเซียนร่ายระบำรำฟ้อน จนกระทั่งถึงจุดสำคัญ แล้วพลันจามออกมา ทั้งความสวยสดงดงามและเสน่ห์เย้ายวนล้วนหายวับไปกับตา
ชายผู้นั้นทั้งตระหนก ทั้งขุ่นแค้น!
มันยังเห็นว่าเจ้าคนที่เบื้องหน้าพึ่งพายุทธภัณฑ์เวทชนิดหนึ่ง แต่จะอย่างไร ถูกอีกฝ่ายขัดขวางถึงสองครั้งสองครา อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังคงไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย มันรู้สึกเสื่อมเสียชื่อเสียงนัก เผชิญหน้ากับศิษย์ด่านเลี่ยนชี่ผู้หนึ่ง ผ่านไปสองกระบวนท่า มันยังไม่อาจมีเปรียบ เกรงว่าหากล่วงรู้ไปถึงสำนัก คงต้องถูกบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องหัวเราะเยาะแล้ว
อันที่จริง สองกระบวนท่าก่อนหน้า มันเพียงตั้งใจจะสั่งสอนเท่านั้น แต่ยามนี้มันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว พลังปราณในร่างโคจรอย่างดุเดือด!
ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ก็เพียงแค่อาจถูกลงโทษหลังจากกลับไป ยังต้องพะวงอันใดอีก!
พอผนึกรวมพลังปราณอย่างตั้งใจ พลังของกระบี่บินก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
พริบตาเดียว กระบี่บินก็เหินลิ่วไปอยู่เหนือศีรษะของจั่วม่อ ชั้นปราณกระบี่จางๆ ปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่ เปล่งเสียงหอนประหนึ่งสัตว์ร้ายกระหายเลือด เตรียมพร้อมจะกระโจนเข้าตระครุบเหยื่อทุกขณะจิต
จั่วม่อเงยหน้าขวับ ดวงตาหรี่แคบลง นัยน์ตาส่องประกายด้วยความตื่นเต้นและคลุ้มคลั่ง
การจู่โจมถูกเป้าหมายสองครั้งติดต่อตามกัน เพิ่มพูนความเชื่อมั่นให้แก่มันอย่างมาก มันไม่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้จริงจังกับผู้คนมาก่อน ครั้งล่าสุดที่ปะทะกับศิษย์พี่หญิงหลี่อิงฟ่ง นั่นเพียงแค่หนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น และเมื่อเผชิญหน้ากับเจตจำนงกระบี่ของอาจารย์อาซินหยานในทะเลแห่งจิตสำนึก มันก็ไม่มีพลังจะต่อต้าน อย่าว่าแต่จะต่อต้าน ต่อหน้าเจตจำนงกระบี่สุดไพศาล มันไม่มีปัญญากระทั่งจะกระดิกนิ้วด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเผชิญกับกระบี่บินในยามนี้ มันถึงกับสกัดกั้นการโจมตีของผู้อื่นได้สองหน!
ด้วยผลสำเร็จเช่นนี้ ก็เพียงพอให้มันภาคภูมิใจแล้ว แต่เวลานี้มันไม่มัวเสียเวลาภาคภูมิใจ มันกำลังจมลงสู่ความคลั่งไคล้และความตื่นเต้นอย่างไม่อาจอธิบายได้
จั่วม่อพลันบังเกิดความคิดอันบ้าคลั่งชนิดหนึ่ง!
ทำลายกระบี่บินเล่มนี้เสียเลย!
จั่วม่อไม่ทราบว่าไฉนจึงบังเกิดความคิดคลุ้มคลั่งเช่นนี้ แต่เมื่อความคิดปรากฏออกมา มันก็รุนแรงจนหยุดไม่อยู่ รุนแรงจนกระทั่งไม่ทันขบคิด ว่าความคิดนี้ไม่สมจริงเอาเสียเลย
อีกทั้งเวลาก็ไม่ได้มีมากพอให้ขบคิด ภายใต้การขับเคลื่อนของความบ้าบิ่นนี้ มันรีบเร่งผนึกรวมพลังปราณทั้งหมดในร่าง
ดวงตาหรี่แคบลง เฝ้าติดตามกระบี่บินสีเขียวเหนือศีรษะมันอย่างใกล้ชิด!
ภาพเหตุการณ์ฉากหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในสายตาจั่วม่อ
เป็นเจตจำนงกระบี่อันหมดจด รวมรั้ง สุดไพศาล และอันตรายสุดขั้วของอาจารย์ซินหยาน
ราวกับกระแสธารน้ำแข็งสายหนึ่ง ดูคล้ายชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่ตรงหน้ามัน ประหนึ่งสัตว์ประหลาดมหึมา เยื้องย่างอย่างแช่มช้า ให้ความรู้สึกเย็นเยียบเสียดกระดูก นึกถึงกี่คราก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยสักครั้ง
ทุกร่องรอยความเจ็บปวดยามที่จิตสำนึกของมันถูกผ่าครึ่ง เมื่อถึงจุดนี้ ดูเหมือนว่าจะชัดเจนอย่างผิดปกติเสียเหลือเกิน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะมันถูกกระตุ้นจากความเจ็บปวดหรือไม่ แต่จิตสำนึกของมันกระจ่างแจ้งถึงขีดสุด ราวกับว่าทุกสิ่งรอบข้างล้วนสงบสงัดลง
พลังปราณในร่างมันพองตัวขึ้น ถาโถมเข้าสู่แหวนกระบี่ทอง
จั่วม่อพลันสะบัดมือขวา ปลายนิ้วประกบเป็นกระบี่ ตวัดจี้ขึ้นสู่ท้องนภา!