ตอนที่ 4 สินค้าลงประมูลต้องถูกจำหน่ายออก
น่าหลานเกอซีถูกใครบางคนในที่นั้นทุบเข้าที่ศีรษะอย่างแรง กระทั่งนางสิ้นความรู้สึกทางกาย เพื่อนำมาขายทอดให้แก่หอรื่นรมย์แห่งนี้ หากแต่ก่อนที่นางจะหมดสตินั้น ภายใต้ความรู้สึกที่คลุมเครือคลับคล้ายว่าในหูของนางยังได้ยินน้ำเสียงที่อำมหิตจากใครบางคน “เจ้าอย่าได้ตำหนิโทษข้าเลย หากจะโทษก็จงโทษตัวเจ้าเองเถิดที่เกิดมาเป็นคนไร้ค่าเช่นนี้แล้วยังหาญกล้ามาเป็นเสี้ยนหนามชีวิตของคุณหนูรองได้”
รูปโฉมของน่าหลานเกอซีนั้นนับได้ว่าสุดแสนจะธรรมดาสามัญ นางคือบุคคลไร้ค่าหมดสภาพที่มิอาจก้าวหน้าในการฝึกฝนพลังฝีมือ ทั้งมิอาจเดินลมปรานได้ เช่นนั้นแล้วคุณค่าแต่เพียงประการเดียวที่นางยังคงหลงเหลืออยู่คือการนำมาตีราคาขายให้แก่หอรื่นรมย์ในฐานะเครื่องอุ่นเตียงคุณภาพต่ำ ทว่ายังมิทันจะได้เริ่มการประมูลนางกลับถูกข่มเหงจากพวกคนกักขฬะที่มีฝีมือต่ำเตี้ยเรี่ยดิน กระทั่งนางมิอาจฝืนกล้ำกลืนต่อความอัปยศได้ หญิงสาวจึงเลือกที่จะมุ่งหน้าเข้าหาอ้อมกอดมัจจุราจแห่งความตายภายใต้กรงขังนั้นเอง
หากเมื่อนางเปิดตาขึ้นอีกครา จิตวิญญาณที่อาศัยอยู่ในร่างอันผ่ายผอมอ่อนแอนั้นกลับมิใช่น่าหลานเกอซีผู้เดิมอีกต่อไป หากแต่เป็นมือสังหารผู้เยื้องย่างแทรกร่างก้าวขึ้นมาจากขุมนรกโลกันตร์ – เกอซี
เกอซีกวาดสายตามองดูซากร่างที่เกลื่อนอยู่กับพื้นด้วยแววตาที่ไร้สิ้นแม้เพียงเศษเสี้ยวแห่งความรู้สึก
เจ้าพวกสถุลริหาญกล้ามาล่วงเกินนาง มันจะต้องวอดวายแต่เพียงสถานเดียว นางมิเคยหยิบยื่นความปรานีให้แก่ผู้ใด
หญิงสาวหันขวับกลับไปมองทางด้านหลัง มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นอย่างเย็นยะเยือก
นางหมุนร่างกลับ เพื่อก้าวตรงไปสู่ประตูทางเข้าเบื้องหน้า
ทว่าเพียงก้าวย่างออกไปได้แค่สองสามก้าวเท่านั้น สีหน้าของนางกลับแปรเปลี่ยน ดวงตาหงส์ที่เรียวงามคู่นั้นแผ่อายรัศมีแห่งความเย็นเยียบราวคมกระบี่
บ้าที่สุด ! มันผู้ใด จับจ้องมองดูข้าอยู่ตลอดเวลา ! !
เพียงความคิดวูบเดียวพร้อมด้วยเสียงดัง “ตุ้บ” ร่างของเกอซีก็ทรุดลงไปกองกับพื้น
แสงไฟอ่อนสลัวแทรกผ่านเข้ามาจากประตูทางเข้า เงาร่างที่สูงโปร่งสองร่างค่อย ๆ ย่างสามขุมตรงเข้าหาเกอซีผู้หลับใหลมิได้สติ
บุรุษหนึ่งในนั้นปราดตามองเหล่าซากศพที่กองเรียงราย พลางเอ่ยขึ้นอย่างเสียมิได้ “ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าสตรีผู้แลดูธรรมดาสามัญผู้หนึ่งจะเหี้ยมโหดไร้ปรานีได้มากถึงเพียงนี้ มิมีผู้ใดสามารถเล็ดรอดคมกระบี่ของนางไปได้เลยสักคน”
ส่วนบุรุษอีกผู้หนึ่งนั้นเร้นกายอยู่ภายใต้เงามืดจึงทำให้มิอาจเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจนนัก หากแต่รัศมีกายที่แผ่ซ่านออกมานั้นทำให้ผู้คนทั้งหลายต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง
บุรุษผู้นั้นก้มหน้าลงจับจ้องร่างน้อย ๆ ของอิสตรีผู้ไร้สิ้นความรู้สึก ที่นอนอยู่กับพื้นด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสนใจระคนอำมหิตโหดเหี้ยมราวกับเขากำลังจับจ้องมองเหยื่ออันโอชะ
“ยามที่นางลงกระบี่นั้น ข้าไม่รู้สึกถึงกระแสปราณแห่งพลังใด มิรู้ว่านางใช้วิธีการใด นายใหญ่ เราจะทำเยี่ยงไรกับนางดีขอรับ ?”
บุรุษผู้นั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย แววตาของเขาเฉยชา วาจาเอ่ยตอบแค่เพียง “หวูอวี้ นางคือสินค้าเพื่อใช้ในการประมูลของหอรื่นรมย์ เมื่อนางคือสินค้า นางย่อมต้องถูกจำหน่ายออกไป เรื่องเพียงเท่านี้เจ้ายังต้องให้ข้าสั่งสอนอีกกระนั้นหรือ ?”
ภายในใจของหวูอวี้เต้นระทึกด้วยความหวาดผวา เขารีบโค้งคำนับศีรษะลง “หวูอวี้ทราบแล้วขอรับ ข้าจะตรึงนางด้วยแผ่นป้ายทัณฑ์พิฆาตที่ลงผนึกให้กล้าแข็งยิ่งกว่าเก่า จากนั้นจะคล้องโซ่มัดร่างของนางไว้ ป้องกันมิให้นางเล็ดรอดออกไปได้ เชื่อว่าสินค้าอุ่นเตียงคุณสมบัติยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้จะต้องทำให้เราสามารถตั้งราคาขายได้สูงอย่างแน่นอนขอรับ”
ผู้ที่ได้ชื่อว่า “นายใหญ่” ยกยิ้มที่มุมปากพร้อมแววตาที่สนใจใคร่รู้ “ข้าก็กำลังรอชมอยู่เช่นกัน”
สิ้นสุดคำกล่าวสายตาของเขาชำเลืองกวาดมองร่างของสตรีผู้ยังคงหลับใหลอยู่ที่พื้นอีกคราก่อนจะผละจากไป
เวลาล่วงเลยไปกว่าค่อนคืน ประตูเมืองทุกแห่งปิดลงแล้ว ทุกสรรพเสียงเงียบสงัด หากแต่ความสว่างไสวเรืองรองยังคงประดับไปทั่วหอรื่นรมย์
“สินค้าชิ้นต่อไปจะเป็นสินค้าประมูลปิดท้าย”
ผู้ทำหน้าที่ประกาศนั้นอยู่ในชุดสีทองที่แลดูหรูหรางดงาม เพียงยกมือขึ้นให้สัญญาณเสียง ลูกกรงสีทองขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ เคลื่อนลงมาจากด้านบน ลำแสงสีทองสว่างไสวเรืองรองส่องจับกรงขังสีทองที่ถูกจัดวางไว้กลางเวที
ทั่วห้องประมูลเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นทันทีที่ทุกคนได้แลเห็นว่าภายในลูกกรงนั้นหาใช่สินค้า หากแต่เป็นมนุษย์ที่ยังคงมีลมหายใจ
เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่สายตาว่า มนุษย์ผู้นี้เป็นเพียงสาวน้อยแรกรุ่นอายุไม่เกินสิบเจ็ดปี ใบหน้าของนางซีดเซียว รูปร่างของนางผอมแห้งไร้ความน่าดึงดูดใจแม้เพียงน้อย
ยามนี้ดวงตาทั้งคู่ของนางยังคงปิดสนิท ทั้งฝ่ามือฝ่าเท้าถูกตรึงรวบไว้ด้วยโซ่เหล็กที่มัดพันไว้โดยรอบปิดผนึกอีกชั้นด้วยกุญแจเงินที่แน่นหนา ร่างของนางยังคงนิ่งสงบอยู่ใจกลางกรงขังนั้น
เมื่อทุกคนได้เห็นสินค้าที่อยู่ในกรงอย่างชัดเจนแล้ว เสียงถกเถียงกันอย่างออกรสก็เซ็งแซ่ขึ้น
“พวกเรามาร่วมประมูลสินค้าคุณภาพชั้นเลิศ ! เราต่างต้องจ่ายค่าเข้าร่วมประมูลให้แก่หอรื่นรมย์ถึงหนึ่งพันตำลึง ก็แล้วเหตุใดพวกท่านจึงนำสินค้าด้อยคุณภาพเช่นนี้ออกมาขายเล่า ?”
***จบตอน สินค้าลงประมูลต้องถูกจำหน่ายออก***