ตอนที่ 177: ไปถึง (2)
ตราของแองเจเล่นั้นแข็งแกร่งแต่เขาต้องการซ่อนมันไว้จากคนอื่น การสกัดเลือดโบราณแทบจะเป็นไปไม่ได้และพวกผู้สูงอายุจะบังคับให้เขาคายวิธีออกมาถ้าตราของเขาถูกพบ
เขาตัดสินใจที่จะใช้ระเบิดหัวใจครั้งเดียวเท่านั้นเมื่อจำเป็นเพราะคุณภาพของระเบิดของเขานั้นน่าเหลือเชื่อและพ่อมดขั้นแก๊สไม่สามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนต์เช่นนี้ได้
แองเจเล่ไม่เชื่อใจใครในทีมและเขาต้องการทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครรู้ว่าเขามีชิป
มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถใช้ได้ทุกเวลาคือเชี่ยวชาญโลหะ น่าเศร้าที่คาถาพิเศษไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับพ่อมดขั้นของเหลว สองครั้งที่ผ่านมาที่เขาต่อสู้ชนะพ่อมดมืดเพราะเขาใช้ตรา
แองเจเล่มองไปที่เรือของเคอร์แมนอีกครั้งและกลับไปที่ห้องโดยสารของเขา
**************************
สามวันต่อมา
มันเป็นช่วงบ่าย ตรงขอบฟ้าดวงอาทิตย์ได้ตกลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แสงสีแดงของดวงอาทิตย์ทำให้ผิวของทะเลเป็นสีแดง
สิ่งแรกที่ปรากฏในสายตาของแองเจเล่หลังจากที่เขาออกมาจากห้องโดยสารคือหลังของปลาวาฬสีดำขนาดเท่าเรือ หนังของมันเคลือบด้วยแสงแวววาวสีทอง
ทางด้านซ้ายของวาฬมีกลุ่มชายล่ำสันค่อยๆเดินบนผิวของทะเล ในมือของพวกเขาถือตรีศูลสีดำ
มีคนประมาณยี่สิบคน พวกเขาสวมชุดเกราะหนังสีน้ำเงิน หูของพวกเขาเหมือนครีบปลาและผิวหนังของพวกเขาเป็นสีน้ำเงิน
"เจ้ามาจากโนล่าใช่ไหม" หัวหน้าของกลุ่มเมอร์โฟล์คถาม
"ข้าอินเฟ้น เจ้าคือซูเมล์ใช่ไหม เจ้าชายได้รับจดหมายของข้าหรือไม่" มีเสียงดังออกมาจากเรือลำหนึ่ง
เมอร์โฟล์คในสายตาของแองเจเล่ดูคล้ายกับมนุษย์ที่แตกต่างมีเพียงผิวหนังและหูของพวกเขา
หัวหน้าเมอร์โฟล์คที่ชื่อซูเมล์โบกมือและมีเมอร์โฟล์คนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นที่ด้านขวาของเรือ
มีทีมเล็กๆออกมาจากกลุ่มและเคลื่อนที่ไปที่เรือลำหนึ่งอย่างรวดเร็ว แองเจเล่มองไปที่เรือและเห็นอินเฟ้นเตรียมตัวเจรจากับเมอร์โฟล์ค
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีทีมเมอร์โฟล์คก็ขึ้นเรือและหัวหน้าของพวกเขาเริ่มพูดกับอินเฟ้นเสียงเบา
แองเจเล่หันกลับไปและเห็นผู้ติดตามของอิซาเบลกำลังสนทนากันอยู่ข้างราว
"อิซาเบลอยู่ที่ไหน" แองเจเล่ถามขณะที่เดินเข้าไปหาพวกเขา
ชายผมบลอนด์ที่นำน้ำมันกุหลาบดำให้แองเจเล่รีบหันมาและโค้งให้เล็กน้อย
"เจ้านายกำลังพักอยู่ในห้องโดยสาร เจ้านายบอกว่าข้าไม่อยากถูกรบกวนครับ" เขาตอบอย่างสุภาพ
"เจ้าชื่ออะไร เจ้าเป็นผู้ติดตามของอิซาเบลตั้งแต่เมื่อไหร่" แองเจเล่ถาม เขาอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องผู้หญิงคนนี้
"ชื่อของข้าคือเดลล์ เราเป็นเด็กกำพร้า เจ้านายพบเราและได้ช่วยเหลือเรา ถ้าปราศจากท่านอิซาเบลเราก็คงจะตายข้างถนนไปนานแล้ว เธอให้บ้านกับเรา"
ชายผมบลอนด์มียิ้มขมขื่น
"นั่นจึงเป็นวิธีที่เธอมีแกรนด์อัศวินสามคนเป็นผู้ติดตาม....." ในที่สุดแองเจเล่ก็เข้าใจ
"เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับอินเฟ้นไหม"
"ท่านอินเฟ้น...."
ชายผมบลอนด์สบสายตากับผู้ติดตามอีกสองคน
"เราไม่เคยได้ยินเขา อย่างน้อยก็ในโนล่า" แกรนด์อัศวินผู้หญิงตอบ "ข้าเดาว่าอินเฟ้นไม่ใช่ชื่อจริงของเขาและข้าคิดว่าเขามีหน้ากากพิเศษบนใบหน้าของเขา......อินเฟ้นรู้จักเจ้าชายเมอร์โฟล์คดังนั้นเขาจะต้องมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง"
"มีอีกคำถาม เจ้ามาจากองค์กรไหน"
ทั้งสามดูตกใจหลังจากที่ได้ยินคำถามของแองเจเล่ เดลล์จ้องมาที่แองเจเล่ด้วยความสับสน
"ท่านอิซาเบลไม่เคยบอกท่านงั้นหรือ"
"เธอไม่ได้บอก" แองเจเล่พูดพร้อมกับพยักหน้า
"เรามาจากตระกูลโจเนสของหอคอยหกวงแหวน" เดลล์ลดเสียงลง "ตระกูลโจเนสเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในหอคอยหกวงแหวน มีพ่อมดสามคนที่ลงทะเบียนในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเรา"
"ตระกูลโจเนส...."
แองเจเล่จดจำชื่อไว้
ในที่สุดอินเฟ้นก็เสร็จสิ้นการเจรจาและทีมเมอร์โฟล์คก็ไปจากเรือกลับไปที่กลุ่ม
จากนั้นพวกเขาค่อยๆจมลงไปในทะเลพร้อมกับวาฬ
ทันใดนั้นเสียงของเมลิสซ่าก็ดังก้องในท้องฟ้า
"เรือทุกลำตามหลังเรือของอินเฟ้น เกาะกลุ่มไว้มิฉะนั้นเจ้าอาจจะถูกโจมตีโดยเมอร์โฟล์ค"
เมลิสซ่าพูดในภาษาแอนแมค เธอพูดอีกครั้งในภาษาที่แตกต่างออกไปจากนั้นก็หยุด
แองเจเล่มองไปที่เรือของอินเฟ้นและเห็นเร็วขึ้นและเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
เขาได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากด้านหลังขณะที่เขาตรวจสอบเรือลำอื่น
"ท่านอิซาเบล"
แกรนด์อัศวินสามคนและทหารคนอื่นๆบนดาดฟ้าโค้งให้เธอ
แองเจเล่หันกลับไปและเห็นอิซาเบลเดินมาทางเขา เธอเปลี่ยนเป็นชุดคลุมสีขาวที่มีขอบสีม่วงและมัดผมของเธอ
"เราต้องเปลี่ยนเส้นทางของเรา เมอร์โฟล์คจะไม่ปล่อยเราให้เราผ่านพื้นที่นี้ ข้าได้บอกพวกเขาว่ามีธุระที่นี่" อิซาเบลพูดเสียงเบา เธอดูเหนื่อย
แองเจเล่ไม่ได้พูดอะไร เขาได้กลิ่นไม้ที่ไหม้ผสมกับเลือดในอากาศ
สายตาของเขาเบลอจากหมอกสีขาวแต่เขายังมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นทางด้านขวาของเรือของเขา
กลุ่มของเมอร์โฟล์คล้อมรอบเรือปราสาทสีดำขนาดมหึมาที่กำลังไฟไหม้ มีลำแสงเปลวไฟและหอกน้ำแข็งบินว่อนอยู่ในอากาศและเขายังมองเห็นระลูกบอลกรดเรืองแสงแปลกๆบางอย่าง
บาเรียพลังงานที่ล้อมรอบเรือดำทำให้ทหารเมอร์โฟล์คอยู่ห่างออกไปชั่วคราวดังนั้นทหารจึงรอให้บาเรียถูกทำลาย
คนเหล่านั้นยืนเรียงพร้อมกับถือโล่ไม้สีขาวในมือ มีลวดลายดวงตาสีดำที่แหลมคมตรงกลางของโล่ของพวกเขาและด้วยเหตุบางอย่างคาถาจึงไม่สามารถทำลายพวกมันได้
"ทหารเมอร์โฟล์คกำลังรอโอกาสของพวกเขา บาเรียกำลังถูกทำลาย" แองเจเล่พูดเสียงเบา
"ชนเผาเมอร์โฟล์คกำลังรวมตัวกัน พวกเขาต้องการที่จะยึดดินแดนคืนตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขาไม่ได้โจมตีโนล่าเพราะข้อตกลง อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้สถานการณ์กำลังรุนแรงขึ้น" อิซาเบลอธิบายแต่เกือบจะดูเหมือนว่าเธอไม่ได้พูดกับแองเจเล่ "ข้าหวังว่าเรือจะสามารถกลับไปยังดินแดนได้ถ้าพวกเขาอยู่รอดจากการต่อสู้....."
แกรนด์อัศวินและทหารได้จากไปแล้ว พวกเขาไม่อยากขัดจังหวะการสนทนาของพ่อมดทั้งสองคน
"อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ได้ประกาศสงครามกับโนล่า...." แองเจเล่ยิ้ม "เจ้าลองเลือดแรดที่ข้ามอบให้เจ้าเมื่อสองวันก่อนแล้วใช่ไหม มันเป็นอย่างไรบ้าง"
"มันเยี่ยมมาก" อิซาเบลพยักหน้า "ข้ากำลังเริ่มพิธีกรรมพลังงานแต่ดูเหมือนว่าข้าต้องทำในภายหลัง"
"เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าต้องการทำเช่นนี้ ถ้าร่างกายของเจ้าเป็นรูปพลังงานเจ้าจะไม่สามารถไปถึงขั้นต่อไปได้ อย่าทำเช่นนี้หากไม่จำเป็นต้องทำ"
"ข้าจะไม่ทำมันถ้าสถานการณ์เป็นใจ ข้าจะไม่เป็นมนุษย์อีกต่อไปถ้าร่างกายของข้าเปลี่ยนเป็นพลังงาน...." อิซาเบลตอบเสียงเบา
"เดี๋ยวก่อน....เจ้าดื่มเลือดของแรดหรือ มันจะเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดอย่างมาก"
แองเจเล่ได้กลิ่นเลือดจากร่างกายของเธอ
"ข้ารู้ผลที่ตามมา เจ้าคิดจริงๆหรือว่ามันเป็นการตัดสินใจที่สิ้นคิด ข้าไม่เคยถามเรื่องเครื่องประดับรูปเพชรบนหลังมือของเจ้าและเจ้าก็รู้เหตุผล" อิซาเบลอยากยุติการสนทนานี้ เธอไม่ชอบที่แองเจเล่ถามเธอ "เรากำลังเข้าใกล้เกาะ ข้าต้องเตรียมตัว"
"ตกลง"
แองเจเล่ตัดสินใจที่จะหยุดถาม มันไม่ใช่ธุระของเขา เขามองไปข้างหน้าและเห็นขอบของเกาะที่อิซาเบลพูดถึง
เรือได้เดินทางไปตามเส้นทางที่แตกต่างกันและในที่สุดก็ทิ้งทหารทั้งหมดบนพื้นที่ทำเหมืองสาธารณะของเกาะ
พ่อมดหกคนบนเรือได้เปลี่ยนเป็นเรือลำเล็กพร้อมกับผู้ติดตามของพวกเขาและออกจากเกาะในช่วงกลางคืน พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่ยังไม่ได้เป็นอาณานิคมของเมอร์โฟล์ค
**************************
แองเจเล่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาเดินทางนานแค่ไหน
มีหมอกจากทะเลเพิ่มขึ้นขณะที่เรือคืบหน้าไปอย่างช้าๆ การมองเห็นนั้นต่ำมากในตอนกลางคืน
มีคนหกคนกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้า
ข้างหน้าเป็นหญิงชราร่างบางสวมชุดคลุมสีขาว
เมลิสซ่าถือแผ่นหินขนาดเล็กในมือ แผ่นมีสีเทาและมีเชือกผูกติดตรงขอบ มีหินสีแดงดำติดกับเชือกและหินก็ชี้ไปทิศทางหนึ่ง มันเกือบจะเหมือนกับว่าหินกำลังถูกพลังที่มองไม่เห็นดึง
เมลิสซ่าจ้องหินด้วยสีหน้าจริงจัง
"เรากำลังเข้าใกล้ ข้าทิ้งหินอีกครึ่งหนึ่งไว้บนเกาะและมันจะนำเราผ่านหมอก" เมลิสซ่าพูดเสียงเบา
อินเฟ้นและเบเล็มกำลังยืนอยู่ข้างหลังเมลิสซ่า พวกเขาดูเหมือนคู่รัก
เคอร์แมนยืนอยู่ด้านข้างราวกำลังกอดอกจ้องไปที่หิน
แองเจเล่อยู่กับอิซาเบลและทั้งสองคนก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร มีเพียงสิ่งเดียวที่เขามองเห็นรอบๆเรือก็คือหมอกและเขาไม่รู้ว่าพื้นที่รอบๆเป็นอย่างไร
"ข้าไม่คิดว่าคนอื่นจะสามารถติดตามเราได้ ไม่มีเรื่องที่จะต้องนำผู้ติดตามมา"
เคอร์แมนส่ายหัว
"ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีความสามารถในการทำนายอนาคต"
อินเฟ้นจ้องไปที่เขา
"นี่แหละ!" ทันใดนั้นเมลิสซ่าก็ตะโกนออกมา
บริเวณด้านหน้าของเรือเปลี่ยนเป็นความมืดมิดพร้อมกับคำพูดสุดท้ายของเธอ
เรือออกจากหมอกและเข้าไปในพื้นที่ใหม่
เมฆสีเทาปกคลุมท้องฟ้าและแองเจเล่ไม่แน่ใจว่าแสงสะท้อนสีน้ำเงินบนทะเลมาจากแสงอาทิตย์หรือแสงจันทร์
มีเงาดำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าและมันเป็นจุดหมายปลายทางของทีม มีลำแสงสีขาวพุ่งผ่านช่องว่างระหว่างเมฆและตกลงบนเกาะ
สถานที่นี้เงียบและดูลึกลับ
"นี่เป็นจุดหมายปลายทางของเรา" เมลิสซ่าเงยหน้าขึ้นและพินิจเกาะ เธอดูโล่งใจ
"เรามาถึงแล้ว"
เรือมุ่งตรงไปยังเกาะอย่างช้าๆ