ตอนที่ 163: ซ่อนตัว (2)
ตราเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แทนหมวดหมู่ของธาตุ แองเจเล่พบในขณะที่ซื้อคาถาในโรงเรียน
'ถ้าเช่นนั้นเจอราดด์ก็สนใจเรื่องพืช มาร์โคลอฟสนใจเรื่องไฟและปาร่าสนใจเรื่องหิน ตราเหล่านี้มักใช้ในหมู่พ่อมด....' แองเจเล่คิด
'ข้าไม่ได้คาดหวังว่าพ่อมดจะรับผู้ฝึกหัดในราคาต่ำเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นที่นี่'
'เดี๋ยวก่อน ความต้องการต่ำมาก พวกเขาไม่ได้คาดหวังกับนักเรียนที่มีพรสวรรค์ พวกเขาเพียงต้องการหินเวทมนต์ ทั้งสามคนไม่ได้ทำสัญญาพ่อมด....ควรมีพ่อมดหลายคนในบริเวณนี้ซึ่งหมายความว่าจุดทรัพยากรอยู่ใกล้ๆ พ่อมดเร่ร่อนจะไม่อยู่ในพื้นที่พื้นที่หนึ่งเป็นเวลานานแต่มีบางอย่างดึงดูดพวกเขาที่นี่'
แองเจเล่อ่านใบประกาศและเริ่มวางแผน
'ข้าสามารถไปพูดคุยกับพวกเขาก่อนและดูว่าข้าสามารถหาสมุนไพรรักษาบาดแผลของข้าได้หรือไม่ แม้ว่าพ่อมดเร่ร่อนมักจะไม่ค่อยมีระบบแต่พวกเขาก็ยังมีหนังสือคาถาและวัสดุหายาก' แองเจเล่จำได้ว่าคาถาโลหะของเขาได้รับมาจากพ่อมดเร่ร่อน
เชี่ยวชาญโลหะของแองเจเล่ช่วยให้เขาเอาชนะพ่อมดขั้นของเหลว แม้ว่าชิป ตราและอุปกรณ์เวทมนต์จะช่วยเขาได้มากมายระหว่างการต่อสู้แต่บาเรียและสนามพลังที่สร้างโดยเชี่ยวชาญโลหะก็ยังเป็นเพียงไม่กี่เหตุผลหลักที่ทำให้เขายังมีชีวิต เมื่อรวมกับความสามารถทางกายภาพของเขาเขาก็มักจะได้รับผลประโยชน์เมื่อเริ่มการต่อสู้
แองเจเล่หยุดคิด เขาหันหัวกลับไปมองที่ยามร่างสูง
"ท่านมาร์โคลอฟอยู่ที่ไหน เจ้านำทางข้าได้ไหม" เขาเอาเหรียญทองออกมาจากกระเป๋าหลายเหรียญ แสงแวววาวสีทองดึงดูดความสนใจของทุกคน
ทหารยามเหล่านี้มาจากตระกูลที่ร่ำรวยโดยดูชุดที่อยู่ภายในชุดเกราะ พวกเขาเลือกที่จะกลายเป็นทหารยามเพราะพวกเขาต้องการเงินพิเศษจากขุนนางชั้นนำที่ต้องการฝึกเป็นพ่อมด
"แน่นอนครับท่าน! ข้าจะพาท่านไปที่นั่น!" ยามกลืนน้ำลายก่อนตอบ
เขาหันกลับไปพูดกับยามคนอื่นๆเกี่ยวกับการแบ่งรางวัล
"โปรดตามข้ามา"
"ตกลง" แองเจเล่พยักหน้า เขาบอกลาคนขับรถม้าและตามหลังยามไป
พวกเขาเดินออกจากประตูเมืองและเดินตามกำแพงเมืองเข้าไปเส้นทางลับ
ทางมันมืดและเปียก ยามได้เอาคบไฟออกมาจากเข็มขัดและจุดมันด้วยหินเหล็กไฟ
แสงสีเหลืองทำให้บริเวณรอบๆสว่างขึ้น
"จริงๆแล้วข้าแนะนำให้ท่านไปหาอีกสองคน ท่านมาร์โคลอฟมีชื่อเสียงในด้านความเข้มงวดกับนักเรียน ตอนนี้ขุนนางไปเพียงสถานที่ของท่านปาร่าและท่านเจอราดด์" ยามบอกแองเจเล่เสียงเบา
"ความเข้มงวดที่เจ้าพูดถึงคืออะไร" แองเจเล่ถาม เขากำลังยุ่งอยู่กับการสั่งซีโร่
"ข้าไม่แน่ใจ....ข้าเพียงได้ยินมาว่าเขาเข้มงวดกับนักเรียน มีคนหลายคนที่ถูกไล่ออกจากที่ของเขาและเขามีผู้ฝึกหัดเพียงสามคน" ยามส่ายหัว
"อย่างไรก็ตามอาจารย์คนอื่นๆมีผู้ฝึกหัดอย่างน้อยยี่สิบคน"
"เป็นเช่นนั้นหรือ" แองเจเล่ไม่ได้กังวลมากนัก มีจุดแสงสีน้ำเงินกำลังกะพริบอยู่ในดวงตาของเขา
เขาอยู่ไกลจากสถานที่ที่เกิดการต่อสู้แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
แองเจเล่คิดว่าชายชราที่เขาเห็นบนหน้าผาอาจจะใช้คำสาปหรือทำเครื่องหมายที่เขา เขายังคงขอให้ชิปสแกนเขาระหว่างทางที่เขามาที่นี่
เขาสันนิษฐานว่าการที่เห็นหน้าผาจากป่าเป็นเพราะพลังจิตที่เกินมาแต่เขาก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นตัวชักนำ มันรู้สึกเหมือนคาถาพยากรณ์ที่แองเจเล่ได้อ่านในห้อสมุดของโรงเรียนแต่คาถาเช่นนี้มันจะมีระยะใกล้ นอกจากนี้ความสามารถในการสแกนของซีโร่ยังได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บที่ร่างกายของแองเจเล่ ชิปสแกนร่างกายของเขาหลายครั้งแต่มันตรวจไม่พบอะไร แองเจเล่รู้ว่าภัยคุกคามนี้จากไปหรือแหล่งที่มาของภัยคุกคามได้ตัดสินใจที่จะปล่อยเขาไปดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะจัดการกับมันหลังจากที่เขาฟื้นตัว
[การฟื้นฟูตามธรรมชาติคุณต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือน] ซีโร่รายงาน
แองเจเล่ขมวดคิ้ว อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงและพลังของเขาลดลงเกือบครึ่ง หลังจากที่ทำสมาธิมานาของเขาก็ฟื้นฟูแล้วแต่เขามีมานาประมาณ 10 เนื่องจากค่าสถานะลดลง เขาไม่สามารถร่ายแม้แต่คาถาดัดแปลงลูกไฟเล็กเนื่องจากมันต้องใช้มานาอย่างน้อย 10 หน่วย
แองเจเล่ไม่สามารถเก็บคาถาในชิปได้ถ้าเขาไม่สามารถร่ายมันได้ นอกจากนี้การถ่ายโอนพลังงานจากชิปเข้าสู่ร่างกายมันไม่ได้สมบูรณ์แบบ ร่างกายของแองเจเล่ต้องการหนึ่งวินาทีเพื่อเตรียมการโอน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถใช้อนุภาคพลังงานหรือมานาที่เก็บไว้ในชิปเพื่อช่วยเขาร่ายได้
พลังงานที่เก็บไว้ในชิปสำหรับภาวะฉุกเฉินเท่านั้น มันไม่สามารถแทนที่มานาของแองเจเล่ได้ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเก็บลูกไฟเล็กไว้ในชิปได้จนกว่าเขาจะฟื้นตัวเต็มที่จากอาการบาดเจ็บ
สิ่งที่ดีคือตราของเขายังใช้ได้อีกสองครั้งมันทำให้เขารู้สึกโล่งใจ
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงเขาก็เห็นรั้วโลหะสีดำขวางทางบนเนินเล็กๆ
"ที่นี่แหละ นี่คือสถานที่ของอาจารย์มาร์โคลอฟ ข้าจะต้องไปจากที่นี่" ยามหันกลับมาและอธิบาย
แองเจเล่พยักหน้าและโยนเหรียญทองไปให้ยาม ยามยิ้มแล้วจับเหรียญก่อนที่เขาจะจากไป
เขารอจนกระทั่งยามร่างสูงหายไปจากสายตาก่อนที่จะเดินขึ้นเขา
รั้วถูกเคลือบด้วยอนุภาคพลังงาน มันน่าจะเป็นสัญญาณเตือน ถ้าแองเจเล่สัมผัสมันคนที่อยู่ภายในก็จะรู้ว่ามีใครบางคนมาที่นี่
แองเจเล่คิดอยู่ชั่วครู่และตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปโดยตรง
เขาเดินไปรอบๆและพบพุ่มไม้หนา แองเจเล่ซ่อนอยู่ข้างหลังมันและใช้เทคนิคย่องเบาที่เขาเคยเรียน เขาหายตัวไปในความมืดและไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆไว้
ประมาณสองชั่วโมงต่อมาแองเจเล่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ารุนแรงมาจากเส้นทาง
มีคนชุดคลุมเทาสองคนเดินขึ้นเนินพร้อมกับคบไฟในมือ เปลวไฟกำลังสั่นไหวและมีเงายาวสองเงาบนพื้น
".......ถ้าเราจับตัวเขาได้เราก็จะได้เงินมากพอสำหรับชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา" ชายชุดคลุมเทาพูด ดูเหมือนว่าพวกเขาคุยกันถึงแผนการบางอย่าง
"แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่แต่คนอ่อนแอเช่นเราก็จะตายภายในไม่กี่วินาที...." อีกคนที่เป็นแม่มดฝึกหัดพูดขึ้นมา
แองเจเล่ฟังบทสนทนาของพวกเขาขณะที่พวกเขาเข้ามาใกล้
"หินเวทมนต์คุณภาพสูง 30 ก้อนและพวกเขาต้องการเพียงแค่สถานที่ของเขาเท่านั้น พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าคนอื่นจะจับชายคนนั้นให้พวกเขา ข้าคิดว่าเขาจะต้องมีคาถาที่ทรงพลัง" ผู้ชายลดเสียงลง
"แล้วอย่างไร อาจารย์ของพวกเราเก่งกว่า เขาสามารถทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ระเบิดได้ด้วยลูกไฟ แม้แต่อาจารย์อีกสองคนที่ข้าเห็นในเฟอร์เรโร่ก็อ่อนแอกว่าอาจารย์ของเรา" ผู้หญิงดูถูกความคิดเห็นของผู้ชาย
"อืม.....อาจารย์ของเราเก่งกว่าแน่นอน เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเรื่องคาถาไฟและนั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงมาที่นี่ อย่างไรก็ตามข้าไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเรียนรู้ยาก" ผู้ชายมีรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้า
"ข้าใช้เวลาสามปีที่นี่และไม่เข้าใจรูปแบบคาถาแม้แต่รูปแบบเดียว เมื่อข้าสามารถเริ่มทำการทดลองจริงๆ...."
"เช่นกัน"
ทั้งสองคนเดินไปที่รั้วและเปิดประตูโลหะแล้วเดินเข้าไป
ผู้หญิงยังคงพูดกับผู้ชายขณะเดิน
"ข้าคิดว่าข้าจะยอมแพ้เช่นกันถ้าข้าไม่เข้าใจระบบของอาจารย์ได้ภายในสามเดือน มันเป็นเรื่องยากสำหรับข้า......ข้าสงสัยว่าคาถาระดับหนึ่งเป็นเช่นไร คาถาระดับศูนย์มีโครงสร้างที่แตกต่างกัน 72 แบบ......มันเป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่เข้าใจหนังสือคาถา"
"ยังดีกว่าข้า ข้าติดอยู่ที่พื้นฐาน......." ผู้ชายดูหดหู่
พวกเขายังเดินต่อไปและค่อยๆหายไปจากสายตา แองเจเล่อยู่ข้างหลังพุ่มไม้และไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นบนเส้นทาง เขาเพียงยืนอยู่ที่นั่นและเฝ้าดูคนชุดคลุมเทาจากไป
"นาตาเลีย......สักวันหนึ่งเจ้าจะเป็นของข้า" ทันใดนั้นชายคนนั้นก็กระซิบ
"ถ้าเจ้าแก่บัดซบไม่ได้หลอกลวงข้าด้วยของปลอม....."
ภายใต้แสงจันทร์แองเจเล่กำลังดูชายคนนี้ขบฟัน ชายคนนี้มีรูม่านตาสีน้ำเงินและมีผมสีน้ำตาล ดูเหมือนว่าเขาจะอายุเท่ากับแองเจเล่
สันนิษฐานของแองเจเล่ถูกต้อง ชายชราที่มีเคราแดงได้ตั้งค่าหัวของเขาแล้ว ตอนนี้เขาต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
ชายคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาเป็นเพียงพ่อมดฝึกหัดขั้นที่หนึ่งและอ่อนแอกว่าชุดคลุมเทาอีกสองคน ทั้งสองเป็นพ่อมดฝึกหัดขั้นที่สองและหนึ่งในนั้นมีอุปกรณ์เวทมนต์
พ่อมดฝึกหัดขั้นที่หนึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับพ่อมดชราที่นี่เนื่องจากเขาทำตัวเหมือนเด็กที่ถูกเอาใจ
แองเจเล่มีแผนในใจหลังจากที่เห็นเขา เขาหมอบและคำนวณระยะห่างระหว่างเขากับพ่อมดฝึกหัดขั้นที่หนึ่ง
ประมาณเก้าเมตร
เขาค่อยๆยกมือขึ้นและเล็งไปที่ชายคนนั้น
ฟิ้ว
มีเงาดำพุ่งออกมาจากมือของเขาและโดนหลังของพ่อมดฝึกหัด เงาหลอมละลายและปกคลุมจมูกและปากของชายคนนั้น
แองเจเล่ดึงเงากลับมาด้วยพลังและชายคนนั้นก็ถูกลากมาหาเขา
ตุ้บ
ชายคนนั้นบินมาที่พุ่มไม้และตกลงบนพื้นหญ้า
"*#%#$@^#^$$@^..."
เขาดิ้นรนและพยายามพูดอะไรบางอย่าง
แองเจเล่หรี่ตาและสับคอของเขาด้วยมือขวา
เขาเป็นลมทันทีและแองเจเล่ก็ลากเขาเข้าไปในป่าลึก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากป่า
เขาสวมชุดคลุมเทา ตาของเขาเป็นสีน้ำเงินและผมของเขามีสีน้ำตาล
ชายคนนี้กำลังถูคางของเขาและกำลังตรวจสอบว่าหน้ากากทำถูกต้อง
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีแก้มของเขาก็พองขึ้นและมีรอยสีเงินบนผิวของเขาแล้วผิวก็กลับสู่สภาพเดิมหลังจากที่ปรับเปลี่ยนใบหน้า
"ข้าเดนนิส ข้าเดนนิส ข้าเดนนิส..." เขายังคงพึมพำอย่างต่อเนื่องขณะที่เสียงของเขาค่อยๆเปลี่ยนไป ชายคนนี้ไอหลายครั้ง ตอนนี้เสียงของเขาฟังเหมือนเสียงพ่อมดฝึกหัดขั้นที่หนึ่งที่แองเจเล่ลากเข้าไปในพุ่มไม้ก่อนหน้านี้
"ในทางทฤษฎีมันควรได้ผล ข้าจะลองดู ข้าหวังว่าข้าจะพบวิธีขจัดสิ่งที่ถูกปลูกในร่างกายของข้า"
เขาพอใจกับผลดังนั้นเขาจึงหยุดคิด ชายคนนี้เดินไปที่รั้วและเปิดประตูโลหะก่อนที่จะหายไปตรงมุมหนึ่ง