เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 84 กระทืบไม่เลี้ยง (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 84 กระทืบไม่เลี้ยง
แปลโดย iPAT
การประลองรอบสุดท้าย ผู้ใช้วิญญาณฟางเจิ้งพบกับผู้ใช้วิญญาณฟางหยวน
"โอ้ น่าสนใจ"
"ผู้ใดจะคิดว่าการประลองรอบสุดท้ายจะเป็นการประลองระหว่างคู่พี่น้อง"
'ฟางเจิ้ง...' เห็นเหตุการณ์นี้ รอยยิ้มของผู้นำตระกูลจางลงเล็กน้อย 'อุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดในใจเจ้าคือพี่ชายของเจ้าเอง จงก้าวไปข้างหน้าและเอาชนะเขาด้วยทะเลวิญญาณสีทองแดงและวิญญาณกายาหยกเขียวของเจ้า ด้วยพลังโจมตีและพลังป้องกัน เจ้ามีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ จงทำลายขวากหนามและกำเนิดใหม่อีกครั้ง!'
การประลองรอบสุดท้ายเริ่มขึ้น
คู่พี่น้องจ้องมองซึ่งกันและกัน
แสงอาทิตย์ยามเย็นทาบทอลงบนพื้นลานประลองราวกับพรมสีเลือด
ดวงตาของแฝดผู้น้องลุกไหม้ดั่งดวงตะวันขณะที่ดวงตาของแฝดผู้พี่ลึกลับและดำมืดราวกับขุมนรก
"พี่ใหญ่..." ฟางเจิ้งกำหมัดแน่น "ยอมรับความพ่ายแพ้ซะ! ข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองและมีระดับทะเลวิญญาณสีทองแดงแปดสิบส่วน ท่านเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นสุดยอดที่มีพลังวิญญาณเพียงสี่สิบสี่ส่วน ท่านไม่สามารถชนะข้า!"
ฟางหยวนมองน้องชายของตนและกล่าวอย่างแผ่วเบา "เจ้ารู้จักทะเลวิญญาณของข้าเป็นอย่างดี แต่จะดีกว่าหากเจ้าไม่พ่นคำไร้สาระออกมา หากทะเลวิญญาณสามารถตัดสินชัยชนะ แล้วการประลองนี้จะจัดขึ้นเพื่อสิ่งใด?"
ฟางเจิ้งตะลึงแต่เขายังสามารถรวบรวมสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
แท้จริงแล้วในส่วนลึกของหัวใจ เขาไม่ต้องการเห็นฟางหยวนยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ ไม่ว่าอย่างไรฟางหยวนก็เป็นพี่ชายฝาแฝดของเขา ในมุมมองของความสัมพันธ์ เขาต้องพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมา มิฉะนั้นเขาอาจดูโหดร้ายเกินไป
"หากพี่ใหญ่ตัดสินใจเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องโจมตี!" ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค ฟางเจิ้งก็กระโจนเข้าไปหาฟางหยวนเรียบร้อยแล้ว
"รูปแบบนี้อีกครั้ง" ด้านล่างลานประลอง โม่เป่ยมองฉากนี้พร้อมกับกัดฟันแน่น เขาตัดสินใจที่จะฝึกฝนอย่างหนักหลังจากนี้เพื่อกู้คืนความอัปยศทั้งหมด
"ฟางหยวนจบสิ้นแล้ว เขาไม่มีวิญญาณจิ้งหรีดมังกรเช่นข้า" ซื่อเฉินยิ้มเยาะ
ฟางเจิ้งวิ่งตรงเข้าไปหาฟางหยวนเพื่อลดระยะห่างพร้อมกับแสงสีฟ้าที่ส่องประกายขึ้นบนฝ่ามือ
ฟางหยวนยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างมั่นคงราวกับเหล็กกล้าด้วยใบหน้าที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
แต่ทันใดนั้น
ฟางหยวนกลับพุ่งตรงเข้าไปแทนการถอยหลัง
"นี่!" ฟางเจิ้งไม่คาดหวังว่าฟางหยวนจะเคลื่อนไหวเช่นนี้ มันทำให้เขารู้สึกกลัวและเร่งยิงดาบแสงจันทร์ออกไป
ฟางหยวนยังวิ่งตรงไปข้างหน้า เขาบิดตัวเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงดาบแสงจันทร์ของฝ่ายตรงข้าม
การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยความสงบ ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีอารมณ์เกรี้ยวกราด แต่ในความเงียบงัน กลิ่นอายอันเย็นเยียบกลับถูกปลดปล่อยออกมาตลอดเวลา
ฟางเจิ้งก้าวถอยหลังกลับไปตามสัญชาตญาณ ขีดจำกัดของเขาคือหกเมตร แต่ตอนนี้ฟางหยวนเข้ามาในระยะห้าเมตร ดังนั้นฟางเจิ้งจึงกลายเป็นฝ่ายที่ต้องการสร้างระยะห่าง
"ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว"
ขณะล่าถอย ฟางเจิ้งยังส่งดาบแสงจันทร์ออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันฟางหยวนถอยกลับไป
แต่เท้าของฟางหยวนยังก้าวไปข้างหน้าราวกับสาย เขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล้ว ทุกครั้งที่เขาหลบดาบแสงจันทร์ มันสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ
"ฟางหยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญยิ่ง" เหยาหงอุทาน
"เขาไม่กลัวตาย" กระทั่งฉิงซูยังต้องเปิดปากกล่าว
"บ้าคลั่ง! เสียสติ!" โม่เยี่ยนกัดฟันแน่นก่อนจะหันหน้าไปทางซื่อซานที่ยืนอยู่ไม่ไกล
การแสดงออกของซื่อซานไม่เปลี่ยนแต่ดวงตาของเขากลับส่องประกายขึ้น
สภาพแวดล้อมกลายเป็นเงียบสงัด ทุกคนถูกดึงดูดด้วยการต่อสู้บนลานประลอง
ดาบแสงจันทร์บินผ่านฟางหยวนไปอย่างต่อเนื่อง บางครั้งแสงสีฟ้าก็ส่องสะท้อนใบหน้าของเขา แต่การแสดงออกของเขายังคงเย็นชาและไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ฟางหยวนสามารถหลบเลี่ยงทุกการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียด นี่แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ในการต่อสู้อันเป็นที่สุดของเขาได้อย่างชัดเจน
เห็นฉากนี้ การแสดงออกของผู้นำตระกูลและกลุ่มผู้อาวุโสกลายเป็นเคร่งเครียด
ซื่อเฉินและโม่เป่ยจ้องมองด้วยปากที่อ้าค้างและดวงตาที่เบิกกว้างโดยเฉพาะเมื่อเห็นวิธีการหลบดาบแสงจันทร์ในลักษณะที่เป็นไปไม่ได้ของฟางหยวน
เขาทำได้อย่างไร? คำถามนี้เกิดขึ้นในใจของเด็กหนุ่มสาวทั้งหมด
ฟางหยวนมีประสบการณ์ห้าร้อยปี ฟางเจิ้งที่พึ่งฝึกฝนมาเพียงปีเดียวจะสามารถเปรียบเทียบกับเขาได้งั้นหรือ?
ในสายตาของฟางหยวน ฟางเจิ้งไม่ต่างจากลำธารเล็กๆ ไม่ว่ามันจะไหลไปทางใดหรือจะเปลี่ยนทิศไปเพราะหินก้อนใหญ่ แต่ฟางหยวนยังสามารถมองเห็นก้นบึ้งของลำธารสายนี้ได้อย่างชัดเจน
การโจมตีด้วยดาบแสงจันทร์ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่มันต้องผ่านกระบวนการบางอย่าง ฟางเจิ้งมักสะบัดมือเพื่อส่งดาบแสงจันทร์ออกมา นี่คือคำบอกใบ้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ฟางหยวนสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของฟางเจิ้ง ไม่ว่าจะเป็นไหล่หรือข้อมือ ทุกขั้นตอนที่เขาเตรียมตัว มันเป็นเบาะแสให้กับฟางหยวน นอกจากนั้นเขายังสามารถคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจของฟางเจิ้งได้ในระดับหนึ่ง ทั้งหมดทำให้ฟางหยวนสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของฟางเจิ้งได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ในใจของฟางเจิ้งกำลังปั่นป่วน
ฟางหยวนเป็นอุปสรรคในใจของเขามามากกว่าสิบปี เงามืดที่ขยายใหญ่ขึ้นฉุดดึงเขาลงสู่ก้นเหวสีดำอีกครั้ง
ด้วยความวิตกกังวล มันทำให้เขาลืมเลือนวิธีการใช้วิญญาณกายาหยกเขียวไปอย่างสิ้นเชิง กลยุทธ์เชิงรุกของฟางหยวนทำให้เขาตื่นตระหนก เมื่อเขาไม่สามารถปรับอารมณ์ของตนเอง เขาจึงไม่สามารถคิดได้อย่างเหมาะสม
นี่คือความแตกต่างระหว่างประสบการณ์ นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่อยู่ภายใน
ในมุมมองของฟางหยวน ข้อมูลที่อยู่ภายในสำคัญกว่าวิญญาณกาลเวลา เพราะมันมอบความมั่นใจให้กับเขา
เขาไม่สามารถพึ่งพาตระกูล ครอบครัว มิตรสหาย หรือวิญญาณ
สิ่งเดียวที่เขาเชื่อมั่นคือตัวเขาเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่งในโลกใบนี้มีเพียงตัวเขาเองที่เชื่อถือได้มากที่สุด
สหายร่วมศึก? พวกเขาก็เป็นเพียงหน้ากากที่เอ่ยอ้างอุดมการณ์สำหรับคนอ่อนแอเท่านั้น
ในที่สุดเขาก็สามารถเข้าประชิดตัวฟางเจิ้ง
"ปัง!"
หมัดของฟางหยวนถูกส่งออกไปจากมุมที่ซ่อนอยู่ก่อนจะปะทะหน้าท้องของฟางเจิ้งอย่างแม่นยำ
ร่างของฟางเจิ้งกระเด็นไปตามแรงผลัดดัน มันทำให้เขาแทบอาเจียน เขารีบใช้แขนปิดบังใบหน้าและก้าวถอยหลังกลับไป
"เขาอยู่ที่ใด?" ฟางเจิ้งกวาดตามองไปรอบๆผ่านช่องว่างระหว่างแขนของเขาเพื่อค้นหาฟางหยวน
'ด้านหลัง?' เพียงเมื่อเขาคิดถึงความน่าจะเป็นนี้ การโจมตีที่รุนแรงก็พุ่งเข้ามาที่เอวของเขาเรียบร้อยแล้ว
"ปัง!"
เขาล้มลงบนพื้นทันที
แต่ด้วยการฝึกฝนมาอย่างเพียงพอ ก่อนจะล้มลง เขาสามารถพลิกตัวและปล่อยดาบแสงจันทร์ออกไปด้านหลัง
การเคลื่อนไหวนี้เป็นประสบการณ์ที่ได้รับมาจากผู้นำตระกูล
หากเป็นคนทั่วไป พวกเขาจะพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง พวกเขาจะไม่มีเวลาตอบสนองและถูกโจมตีโดยดาบแสงจันทร์ แม้ว่ามันจะไม่ถูกเป้าหมาย แต่มันยังสามารถบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามล่าถอย
แต่ฟางหยวนคือผู้ใด? กระทั่งอวี๋โป้ก็ไม่สามารถแข่งขันกับเขาในแง่ของประสบการณ์
ฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่าฟางเจิ้ง ตรงข้ามเขาอ้อมไปอยู่อีกด้านหนึ่งและปล่อยให้ดาบแสงจันทร์ของฟางเจิ้งยิงผ่านอากาศที่ว่างเปล่า
ฟางเจิ้งคิดว่าเขาสามารถสร้างระยะห่างได้สำเร็จและเร่งลุกขึ้นยืน เขารีบจับระเบียบร่างกายใหม่อีกครั้ง แต่ในจังหวะนี้เขากลับได้ยินเสียงบางสิ่งบินผ่านอากาศและใกล้เข้ามา
‘มันเป็นเสียงหมัด!’ เป็นครั้งที่สอง เพียงเมื่อฟางเจิ้งคิด ใบหูของเขาก็ถูกกระแทกอย่างรุนแรงโดยกำปั้นของฟางหยวน
"ปัง!"
วิสัยทัศน์ของเขาเริ่มพร่าเลือน ความรู้สึกวิงเวียนทำให้เขาเสียสมดุลและล้มลงบนพื้น
เขานอนอยู่บนพื้นเป็นเวลาสองลมหายใจก่อนจะสามารถกลับมามองเห็นเท้าของฟางหยวนที่อยู่ด้านข้าง
ฟางเจิ้งเข้าใจทันทีว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอนาถ เขาขดตัวอยู่บนพื้นราวกับสุนัขขณะที่ฟางหยวนยืนมองเขาจากมุมสูง
“บัดซบ!” ฟางเจิ้งโกรธมาก
ท่ามกลางสายตาของผู้คน ฟางหยวนยกเท้าขวาขึ้นก่อนจะกระทืบลงไปอย่างมั่นคง
"ปัง!"
ศีรษะของฟางเจิ้งกระตุกอย่างรุนแรงราวกับอุกกาบาตตกลงมาปะทะกับลานประลอง
“สารเลว!” ฟางเจิ้งพยายามลุกขึ้น
ฟางหยวนเฝ้ามองอย่างเย็นชาก่อนจะกระทบซ้ำอีกครั้ง
"ปัง!"
ศีรษะของฟางเจิ้งยกขึ้นพร้อมกับเลือดที่พุ่งทะลักออกมาจากปาก
“ระยำ!’ ฟันที่ขบแน่นของฟางเจิ้งแทบพังทลาย เพลิงแค้นในอกของเขาลุกไหม้ขึ้น เขาพยายามลุกขึ้นอย่างสุดความสามารถ
"ปัง!"
การโจมตีครั้งที่สามของฟางหยวนติดตามมาอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้เขาใช้เท้าเหยียบลงบนศีรษะของฟางเจิ้งและกดมันไว้ใต้ฝ่าเท้าของเขา ด้วยบดขยี้ ใบหน้าของฟางเจิ้งถูไถไปบนพื้น
เขารู้สึกราวกับศีรษะถูกกดทับด้วยหินก้อนใหญ่ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ตาม
‘ถูกต้อง ข้ายังมีดาบแสงจันทร์!’ ในความสิ้นหวัง เขาคิดถึงวิญญาณแสงจันทร์
ฝ่ามือของเขารวบรวมแสงสีฟ้าเอาไว้อีกครั้ง
แต่น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเขาคือฟางหยวน
ด้วยเสียงอันแผ่วเบา ดาบแสงจันทร์พุ่งตรงไปที่ฝ่ามือของฟางเจิ้งอย่างไร้ปรานี
"อ๊าก..."
ฟางเจิ้งกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่ร่างของเขากระตุกราวกับถูกฟ้าผ่า
ฝ่ามือของเขาถูกแทงโดยดาบแสงจันทร์ของฟางหยวนและเผยให้เห็นกระดูกสีขาวที่ซ่อนอยู่ภายใน วิญญาณแสงจันทร์บนฝ่ามือของฟางเจิ้งลุกไหม้ขึ้นก่อนจะสลายไป!