ตอนที่ 152: ออกเดินทางอีกครั้ง (1)
แองเจเล่คิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเอาหินเวทมนต์คุณภาพสูงอีกก้อนออกมาและโยนพวกมันขึ้นไปในอากาศ
หินเวทมนต์สองก้อนเริ่มหล่นลงหลังจากที่ถึงจุดสูงสุดเหนือทะเลสาบ
นกพิราบสีขาวบินตรงไปที่หินเวทมนต์ที่กำลังร่วงลงมาและกินพวกมันทีละก้อน หินเวทมนต์ทั้งสองก้อนมีขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของร่างกายของมัน มันบินกลับไปที่กิ่งและกระพือปีกอีกครั้ง มีผลไม้สีขาวถูกเปิดเผยออกมาและโยนไปทางแองเจเล่
เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อยสามารถจับมันได้อย่างง่ายดาย
"เอาล่ะ เราเสร็จแล้ว เจ้าไม่รู้จักข้าและข้าไม่รู้จักเจ้า" แองเจเล่ยิ้ม เขาหันกลับไปและเดินไปที่ทางเข้าหุบเขา
หลังจากที่ออกจากหุบเขาแองเจเล่ก็มุ่งหน้าไปเมืองรากน้ำเงิน
เมืองรากน้ำเงินเป็นเมืองเล็กๆแต่คึกคัก มันไม่ได้ล้อมรอบด้วยกำแพง มีเพียงป้อมปราการสีเทาขนาดเล็กที่สร้างขึ้นในป่าด้านนอกโดยมีหน่วยลาดตระเวนคอยสอดส่องดูแล เจ้าเมืองเป็นอัศวินชื่อเทสล่าที่มีชื่อเสียงในเรื่องที่ชอบพเนจร เขาถูกยกย่องจากอัศวินคนอื่นๆในพันธมิตรแอนดีส
แองเจเล่ไม่ยอมเสียเวลาหลังจากที่เข้าเมือง เขาเดินตรงไปยังตำแหน่งที่โอมิเคดให้ไว้ มันเป็นโรงขายเหล้าที่ชื่อเฟอร์เนอรี่ที่เจ้าของเป็นองค์กรนักฆ่าสัญลักษณ์ทมิฬ
*************************
ตุ้บ
เหล้าสีเหลืองใสที่มีเต็มแก้วถูกวางกระแทกตรงเคาน์เตอร์ บางส่วนของเหล้ากระเด็นออกมา มันมีกลิ่นผลไม้ลอยในอากาศ
"นี่คือไวน์ผลไม้โครันของเจ้า!" ชายล่ำสันผมสั้นตะโกน เขาคว้าผ้าสีขาวจากเคาน์เตอร์เพื่อเช็ดไวน์ออกจากมือ มีรอยสักหัววัวสีเขียวอยู่หลังแขนขวาของชายคนนี้ เขานั่งอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์อย่างมั่นคงเหมือนภูเขา
แองเจเล่นั่งลงข้างเคาน์เตอร์แล้วคว้าไปที่แก้วและดมกลิ่นไวน์ผลไม้ ก่อนที่จะดื่มเข้าไปเขาก็ตรวจสอบว่ามีพิษหรือไม่ด้วยซีโร่
ไวน์ผลไม้โครันนั้นมีรสหวานและเปรี้ยว มันยังมีความขมเล็กน้อย
"ไวน์ดี ถ้าเจ้าสามารถกำจัดความขมไปได้มันก็คงดีกว่านี้" แองเจเล่วางแก้วลงและพูด
"ข้าดีใจที่เจ้าชอบมัน" ชายล่ำสันยกนิ้วและยิ้ม
มีประมาณสิบโต๊ะในโรงขายเหล้า ภายใต้แสงไฟสลัวๆของโคมไฟน้ำมันคนส่วนใหญ่กำลังดื่มเหล้าอย่างหนัก
มีชายหัวล้านที่มีดาบอยู่ที่หลังและมีทหารรับจ้างหลายคนสวมต่างหูเงินขนาดใหญ่ แองเจเล่ยังได้กลิ่นเลือดจากชุดเกราะของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีขี้เมาหลายคนตะโกนใส่กัน
มีชุดของพนักงานเสิร์ฟให้เห็นอยู่ พวกเขากำลังวิ่งไปมาตามแต่ละโต๊ะเพื่อรับออเดอร์ มีคนหัวเราะ ตะโกนและสาปแช่ง โรงขายเหล้าอึกทึก
มีกวีที่ดูหดหู่สวมชุดคลุมสีเทานั่งข้างหน้าต่าง ชายคนนี้กำลังเล่นเชลโล่แต่แองเจเล่แทบจะไม่ได้ยินเสียงทำนองในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังเช่นนี้
แองเจเล่สวมชุดหนังสีน้ำตาล มีธนูโลหะและซองลูกธนูอยู่ที่หลังของเขาทำให้เขาดูเหมือนนักธนูของกลุ่มทหารรับจ้าง
เมื่อเหลือบไปรอบๆและกินไวน์เสร็จเขาก็วางแก้วลง
"ไวน์ดี เจ้าของอยู่ไหน ข้าต้องการสั่งซื้อหลายถังเพื่อนำกลับไป" แองเจเล่ถามเสียงเบา
การแสดงออกของชายคนนั้นเปลี่ยนไปหลังจากที่ฟังว่าแองเจเล่พูดอะไร
"มันมีราคาสูงถ้าเจ้าอยากเห็นเจ้าของและสั่งไวน์จากเขาโดยตรง"
"ไม่ต้องห่วง เงินไม่ใช่ปัญหา"
"ตามข้ามา" ชายคนนั้นยักไหล่
"เชอร์ลี่ มาดูแลที่เคาน์เตอร์ให้ข้าหน่อย" เขาตะโกนไปที่พนักงานเสิร์ฟที่ดูเซ็กซี่
"ค่ะ" เธอพยักหน้าและส่งแก้วให้พนักงานอีกคน
ชายคนนั้นนำแองเจเล่ไปที่ประตูข้างเคาน์เตอร์ ภายในห้องมีภาพเขียนที่มีสีสันแขวนอยู่ที่ผนังภายใต้แสงสลัวๆ ชายล่ำสันโค้งให้แองเจเล่ขณะที่เขาปิดประตู
"ท่านแองเจเล่ เรารู้ว่าทำไมท่านมาที่นี่ เราขอโทษด้วยเกี่ยวกับดิ๊ก เรายอมรับภารกิจและเราต้องพยายามทำให้เสร็จ" เขาก้มหัวลง
แองเจเล่นั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ
"ดี ข้าเดาว่าเจ้าได้เตรียมบางอย่างไว้ให้ข้าแล้ว" เขาพูด
"แน่นอน นี่รายการ ท่านจะเอาอะไรก็ได้ตามที่ท่านต้องการ" เขาหยิบกระดาษออกมา
"ข้าเป็นหัวหน้าของสาขานี้ ข้ารอท่านมาสิบวันแล้ว ทุกสิ่งทุก...."
"ข้าต้องการของทั้งหมดนี้และข้าต้องการข้อมูลของดิ๊ก" แองเจเล่ขัดจังหวะ
"ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้ามีอุปกรณ์เวทมนต์ใช่ไหม เช่น.....แหวนของดิ๊ก ข้าชอบมันมาก ข้าอยากรู้ว่าองค์กรของเจ้าซื้อมาจากที่ไหน"
ชายล่ำสันมีรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้า
"นายท่าน ข้าคิดว่าท่านรู้อยู่แล้วว่าอุปกรณ์เวทมนต์สำคัญกับเรามากแค่ไหน ในฐานะที่เป็นคนธรรมดาข้ามีเพียงวิธีเดียวที่จะได้รับอุปกรณ์เวทมนต์นั่นก็คือการซื้อมาจากท่านพ่อมด แหวนที่ดิ๊กมีเป็นอุปกรณ์เวทมนต์คุณภาพต่ำ ดิ๊กเป็นเพียงนักฆ่าระดับสามและนั่นเป็นสิ่งที่เขาได้รับ ถ้าท่านต้องการข้อมูลเราจะใช้เวลาหลายวันในการจัดเตรียม...."
"กี่วัน" แองเจเล่ถาม
"อย่างน้อยสี่วัน"
"ข้าจะมาที่นี่อีกครั้งหลังจากผ่านไปสี่วัน" แองเจเล่ลุกขึ้นยืน
*******************
สี่วันต่อมา
ในตอนเช้า
มีรถม้าสีเทาออกจากเมืองรากน้ำเงินพร้อมกับคาราวานมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือมารัว
แองเจเล่นั่งอยู่ภายในรถม้ากำลังอ่านกระดาษสีเหลืองอย่างเงียบๆ
ประวัติธุรกรรมและแหล่งที่มาของอุปกรณ์เวทมนต์ส่วนใหญ่มีอยู่ที่กระดาษนี้ บันทึกทั้งหมดมีความสำคัญต่อองค์กรนักฆ่าแต่พวกเขาต้องการทำให้แน่ใจว่าแองเจเล่พอใจกับข้อเสนอของพวกเขา
แองเจเล่ยังคงอ่านต่อไปและหลังจากผ่านไปหลายนาทีในที่สุดเขาก็พบบันทึกที่เขาต้องการ
'แหวนเพิ่มความว่องไว แตกหัก จำนวน 1 ข้อเสนอ: ทอง 2.1 กิโลกรัม ทาส 45 คน ดอกไม้ตื้น 3 ดอก ไพลิน......วันที่ 19 มกราคม 1531'
จำนวนของทรัพยากรและทาสที่พวกเขาจัดหาให้พ่อมดนั้นมันน่าหัวเราะ อุปกรณ์เวทมนต์มันแพงเกินไปสำหรับปุถุชน
อย่างไรก็ตามแองเจเล่คิดว่าชายคนนั้นยังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากเขา เขาไม่คิดว่าแหวนเวทมนต์จะเป็นเพียงการเพิ่มความว่องไวหลังจากที่ทำการวิจัย เขาใช้แหวนด้วยตัวเองและมีประสบการณ์การแช่แข็งของเวลา มันอาจจะเป็นอุปกรณ์แนวคิด นักรบระดับอัศวินจะตายโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พลังเช่นนั้นมันแข็งแกร่งเกินไปสำหรับอุปกรณ์เวทมนต์แตกหัก
เขาต้องการค้นหาความจริงของแหวนวงนั้น
'จากพ่อมดบิซชอฟ(หอคอยหกวงแหวน)' แองเจเล่ยังคงอ่านต่อ
"หอคอยหกวงแหวนอีกแล้ว" แองเจเล่ขมวดคิ้ว
"อุปกรณ์เวทมนต์ในวิทยาลัยแรมโซด้าแต่มันถูกขายโดยพ่อมดในหอคอยหกวงแหวนงั้นหรือ"
มากกว่า 90% ของอุปกรณ์เวทมนต์ที่บันทึกบนกระดาษถูกขายโดยพ่อมดของหอคอยหกวงแหวน พวกมันแตกต่างกันเรื่องธาตุ ระดับและคุณภาพ
หอคอยหกวงแหวนเป็นองค์กรพ่อมดแห่งแสงที่แข็งแกร่งที่สุดที่แองเจเล่รู้ พ่อมดแสงส่วนใหญ่มุ่งมั่นไปกับการเรียนรู้ที่ไม่ใช่คาถาสร้างความเสียหาย พวกเขามักจะพึ่งพาอุปกรณ์เวทมนต์และอุปกรณ์เวทมนต์หายากเมื่อพวกเขาต่อสู้ นอกจากพ่อมดแสงเด่นเรื่องอุปกรณ์และเครื่องมือเวทมนต์แล้วก็ยังมีการปรุงยาดังนั้นมันจึงเข้าใจได้ว่าพวกเขาขายอุปกรณ์เวทมนต์ระดับต่ำเพื่อแลกกับทรัพยากรและเงิน
เครื่องมือเวทมนต์นั้นทำยากกว่าอุปกรณ์เวทมนต์ มันเก็บคาถาที่ใช้ได้ทันทีไว้และเครื่องมือเวทมนต์ก็คล้ายกับคาถาพิเศษ
แองเจเล่ได้พยายามที่จะลองทำอุปกรณ์เวทมนต์ อย่างไรก็ตามถ้าปราศจากความรู้ความชำนาญเขาก็ทำได้เพียงวัตถุเวทมนต์ที่ได้รับจากสิ่งมีชีวิตเวทมนต์เช่นหัวใจจากช้างเรืองแสง
คาถารูนที่เขาได้รับจากเบเนดิกก็ทำได้เพียงการบัพอาวุธของเขาและมันเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ การร่ายรูนสายฟ้าต้องใช้พลังจิตและมานานดังนั้นแองเจเล่จึงใช้เมื่อจำเป็น
'หนังสือเกี่ยวกับอุปกรณ์เวทมนต์ถูกสงวนไว้สำหรับพ่อมดทางการที่ทำสัญญา ข้าไม่ได้เซ็นสัญญาดังนั้นข้าจึงไม่มีความรู้เก็บไว้ในชิป องค์กรนี้ขายอุปกรณ์เวทมนต์มากมายนั่นหมายความว่าพวกเขามีพ่อมดที่เก่งมาก ข้าสามารถเซ็นสัญญากับพวกเขาและรวบรวมความรู้ความเชี่ยวชาญที่จำเป็น.......ตอนนี้ข้าไม่สามารถกลับไปที่แรมโซด้าได้'
แองเจเล่มีแผนในใจ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาต้องการทรัพยากรมากมายในการฝึกฝนอุปกรณ์เวทมนต์ แต่อุปกรณ์เวทมนต์ช่วยเขาในการต่อสู้ นอกจากนี้เขาคิดว่าในท้ายที่สุดเขาก็จะได้ผลของการใช้เงิน
รถม้ายังคงเคลื่อนที่ต่อไป ครั้งนี้เขาจ้างคนขับรถม้าดังนั้นเขาจึงไม่ต้องควบคุมม้าด้วยตัวเอง
หลายเดือนต่อมาเขาก็มาถึงท่าเรือมารัวแต่เขาไม่ได้แจ้งให้คนในเมืองทราบ เขาสร้างบ้านไม้ขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกลข้างช่างฝั่ง เขาตัดสินใจที่จะอยู่ในบ้านและรอฟิวเจอร์มารับเขา
แองเจเล่ยังรอให้สัญลักษณ์ทมิฬส่งทรัพยากรที่สัญญาไว้มาให้เขา เขาต้องการสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อทำให้พลังจิตของเขาเข้มข้นขึ้นและสถานที่นี้นั้นเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบที่เขาต้องการ
**********************
สามปีต่อมา
ข้างชายฝั่ง
บ้านไม้สีน้ำตาลขนาดเล็กที่อยู่ภายใต้หน้าผาสีดำ
บ้านนี้ถูกสร้างติดกับชายหาด มีป่าอยู่ด้านหลังของบ้าน
แองเจเล่สวมชุดคลุมสีดำ เขายืนอยู่ข้างหน้าต่างมองไปที่ชายหาด เขาได้ยินเสียงคลื่น
เขาวางมือบนโต๊ะไม้และมองไปข้างนอกจนกระทั่งแสงแดดมันแรงขึ้น
"สามปี...." แองเจเล่ยืดหลังและถอนหายใจ
"ข้าใช้เวลาสามปีในการวิเคราะห์ความศรัทธาของอัศวินและแยกธาตุ ในที่สุดผลข้างเคียงของยาที่ข้าดื่มก็ถูกจำกัดออกไป....."
เขาหันกลับไปและมองไปที่ขวดแก้วบนพื้น พวกมันเต็มไปด้วยของเหลวสีเขียวและสีน้ำเงิน มีกองกระดูกและพืชแห้งอยู่บนพื้น ของเหล่านี้ทำให้ห้องมันดูรกแต่มันก็ดูลึกลับ
นอกจากการทำวิจัยและการทำให้พลังจิตเข้มข้นแองเจเล่ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำสมาธิ แม้ว่าความคืบหน้าจะช้าลงพลังจิตของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 23 หน่วย สิ่งต่างๆเริ่มดีขึ้นหลังจากที่ผลข้างเคียงหายไป
หลังจากที่ทำการคำนวณแองเจเล่จะต้องมีพลังจิต 40 เพื่อไปถึงขั้นของเหลว ถ้าเขายังคงเพิ่มพลังจิตในอัตราปัจจุบันมันจะทำให้เขาใช้เวลามากกว่าสิบปี นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่ามันช้าลงหลังจากที่พลังจิตเพิ่มขึ้น
มีหลายเหตุผลที่ว่าทำไมความคืบหน้าถึงช้าลง วิธีทำสมาธิเป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้เขาต้องการวิธีทำสมาธิขั้นสูงที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับพ่อมด นอกจากนี้แองเจเล่ยังคิดว่าวิธีทำสมาธิที่เขาได้รับจากวิทยาลัยแรมโซด้ามีบางส่วนที่หายไป