เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 82 เริ่มต้นการสอบปลายปี (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 82 เริ่มต้นการสอบปลายปี
แปลโดย iPAT
ท้องฟ้าสดใสหลังจากหิมะหยุดโปรยปราย
เช้าวันใหม่ คลื่นผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากหลั่งไหลเข้าไปในสถานศึกษา
"การสอบปลายปีเริ่มขึ้นอีกครั้ง ฮ่าฮ่า ข้ารู้สึกราวกับฉากการสอบปลายปีของข้าเมื่อหลายสิบปีก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง" ผู้ใช้วิญญาณวัยกลางคนที่มีเส้นผมสีเขียวทิ้งตัวยาวลงไปถึงกลางหลังกล่าวขณะยืนอยู่ด้านหน้าสถานศึกษา
"ท่านหัวหน้า เข้าไปกันเถอะ ท่านชอบรำลึกความหลังมิใช่หรือ?" ผู้ใช้วิญญาณสาวกรอกตา นางซุกมือไว้ในกระเป๋าและคาบใบไม้ไว้ในปาก
"ฮ่าฮ่า เหยาหง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน พวกเราต้องเข้าไปอย่างแน่นอน นอกจากนั้นผู้นำตระกูลก็จัดเตรียมที่นั่งสำหรับพวกเราไว้แล้ว สิ่งสำคัญสมาชิกใหม่ของเราก็ถูกตัดสินมานานแล้ว" ชายผมเขียวหัวเราะ
"ผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ฟางเจิ้ง?" ผู้ใช้วิญญาณหญิงเหยาหงกล่าวอย่างไม่มีความสุขนัก "ผู้นำตระกูลจะให้เราดูแลเด็กนั่นงั้นหรือ?"
"ภารกิจดูแลเด็กผู้นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย" ชายวัยกลางคนผมเขียวถอนหายใจ "เอาล่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ"
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ใช้วิญญาณเข้าไปในสถานศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ใช้วิญญาณที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ ผู้ใช้วิญญาณวัยกลางคน และผู้ใช้วิญญาณชรายืนอยู่รอบๆลานประลอง
โดยปกติหลังจบการศึกษา ผู้ใช้วิญญาณจะเริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆเพื่อปฏิบัติภารกิจให้แก่ตระกูล ดังนั้นในช่วงเวลานี้ผู้ใช้วิญญาณกลุ่มต่างๆจะมาที่นี่เพื่อดึงตัวสมาชิกใหม่เข้ากลุ่มของตน
สมาชิกใหม่ของแต่ละกลุ่มจะอยู่ภายใต้การดูแลของสมาชิกเก่า ด้วยวิธีนี้มันจะทำให้พวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับบทบาทใหม่ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นมันยังลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ใช้วิญญาณลงได้อีกด้วย
ดวงอาทิตย์ค่อยๆลอยสูงขณะที่เด็กหนุ่มสาวทะยอยเดินเข้ามา
"ผู้คนมากมายนัก!" เด็กบางคนอุทาน
"ดูเร็ว! นั่นท่านฉิงซู เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองอันดับหนึ่งของตระกูล ลือกันว่าเขาเป็นมิตรและอ่อนโยนมาก" เด็กผู้หนึ่งชี้นิ้วไปที่ชายผมเขียว
"พี่ชายซื่อซานก็อยู่ที่นี่เช่นกัน!"
"นั่นคุณหนูแห่งครอบครัวสกุลโม่ โม่เยี่ยน"
ฉิงซู ซื่อซาน และโม่เยี่ยน พวกเขาคือผู้ใช้วิญญาณดาวรุ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี
"เห้อ...กลุ่มของพวกเขายากเกินกว่าที่ข้าจะสามารถเข้าร่วม ข้ามีพรสวรรค์นภาที่สี่เท่านั้น วิญญาณหลักของข้าคือวิญญาณแมงมุมไหม ข้าเป็นได้เพียงผู้ใช้วิญญาณสายสนับสนุน" เด็กหนุ่มคนหนึ่งถอนหายใจก่อนถามสหายด้านข้าง "แล้วเจ้าล่ะ?"
"โอ้ ข้าถูกเลือกแล้วโดยการใช้เส้นสายของพี่สาวของญาติบุตรชายสุดที่รักของท่านลุงข้า"
"..."
ขณะที่เด็กหนุ่มสาวสังเกตเห็นฉิงซู ซื่อซาน และโม่เยี่ยน ในทางตรงข้ามพวกเขาก็สังเกตเห็นกลุ่มเด็กหนุ่มสาวเช่นกัน
"โอ้ นั่นคือผู้ใช้วิญญาณระดับสองฟางเจิ้ง" เมื่อเหยาหงเห็นฟางหยวนกับฟางเจิ้ง นางส่งเสียงอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ชายผมเขียวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง "เจ้าเห็นข้อมูลที่ข้าส่งให้เมื่อวานหรือไม่? ฟางเจิ้งมีพี่ชายฝาแฝดที่ดูคล้ายกับเขาเป็นอย่างมาก แต่พี่ชายของเขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม"
"โอ้ ถูกต้อง ข้าเคยได้ยินเรื่องการแต่งบทกวีล้ำยุคตั้งแต่ยังเยาว์ เช่นนั้นเขาก็คือฟางหยวน ท่านจะรับเขาเข้าร่วมหรือไม่?" เหยาหงกล่าวทุกสิ่งที่นางคิดออกมาอย่างไม่แยแส
ฉิงซูส่ายศีรษะ "ผู้นำตระกูลไม่ได้บอกให้ข้ารับเขาเข้ากลุ่ม ดูเหมือนท่านผู้นำกำลังเฝ้ามองบางสิ่ง นอกจากนั้นพี่น้องคู่นี้ก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก กระทั่งพวกเราจะต้องการรับฟางหยวน แต่อาจเป็นฟางหยวนที่ไม่ยินดีเข้าร่วมกับพวกเรา"
เหยาหงพึมพำออกมาโดยไม่คิดมาก "กลุ่มของพวกเราได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่ง การเข้าร่วมกับพวกเราหมายถึงอนาคตที่สดใส แล้วผู้ใดจะไม่ต้องการเข้าร่วมกับพวกเรา?"
ฉิงซูหัวเราะ "นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่รู้จักเขา ลองดูข้อมูลที่ข้าให้เจ้าก่อนหน้านี้"
เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้นำตระกูลอวี๋โป้ ผู้อาวุโสซื่อเหลียง และผู้อาวุโสโม่เฉินเดินทางมาถึงและเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งของตนอยู่ในกระโจม
"ไม่เพียงท่านผู้นำแต่กระทั่งผู้อาวุโสซื่อเหลียงและผู้อาวุโสโม่เฉินยังมาชมการประลองในปีนี้"
เห็นเช่นนั้น ไม่เพียงเด็กหนุ่มสาวแต่กระทั่งผู้ใช้วิญญาณรุ่นใหญ่ยังรู้สึกตื่นเต้นเพราะนี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหลายปีที่ผ่านมา
"ไม่มีสิ่งใดแปลกประหลาด หลายชายของผู้อาวุโสซื่อเหลียงและผู้อาวุโสโม่เฉินเรียนอยู่ในรุ่นนี้"
"ฟางเจิ้งเป็นความสำเร็จของท่านผู้นำ เขาคือความหวังของตระกูลในการต่อสู้กับไป่หนิงปิง ดังนั้นท่านผู้นำจึงต้องมาดูเขา"
บทสนทนามากมายดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มคนจำนวนมาก
"ทำให้ดีที่สุด น้องข้า!" โม่เยี่ยนมองโม่เป่ยและอธิษฐานให้เขาอยู่อย่างเงียบๆ กลุ่มของนางเป็นกลุ่มใหญ่ที่มีสมาชิกมากที่สุด รอบกายของนางเต็มไปด้วยผู้ติดตาม นั่นทำให้นางดูเป็นผู้มีอำนาจบารมีสูงส่ง
คู่แข่งคนสำคัญของนางคือซื่อซานจากครอบครัวสกุลซื่อ เขายืนอยู่เพียงลำพัง ร่างกายที่ใหญ่โตของเขาดูราวกับภูเขาสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผู้คน
ด้วยการกวาดตามองซื่อเฉินเพียงครั้ง ซื่อซานก็เบือนสายตาไปจากเขา
หลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำตระกูล การสอบปลายปีก็เริ่มต้นขึ้นในที่สุด
การต่อสู้เริ่มขึ้นพร้อมกันในสามลานประลอง
ทันทีที่การประลองเปิดฉาก ไม่ว่าจะเป็นเสียงกรีดเฉือนอากาศของดาบแสงจันทร์ เสียงหมัดหรือเท้า พวกมันผสมผสานกันเป็นหนึ่งพร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนที่อยู่รอบๆ
"ทักษะการต่อสู้ของเด็กปีนี้สูงมาก" เพียงไม่นาน เหยาหงก็ตระหนักถึงบางสิ่ง
"ฮ่าฮ่าฮ่า ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณฟางหยวน" ฉิงซูหัวเราะ
"ท่านหมายความว่าอย่างไร?" เหยาชิงงุนงง
ฉิงซูอธิบายและทำให้เหยาหงตกใจมาก "ความกล้าหาญของฟางหยวนผู้นี้ไปถึงจุดที่กล่าวได้ว่าไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น ฮ่าฮ่า กลั่นแกล้งกระทั่งน้องชายของตนเอง น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ"
นางมองฟางหยวนกับฟางเจิ้งและพยายามแยกแยะว่าผู้ใดคือแฝดผู้พี่ผู้ใดคือแฝดผู้น้อง
"ต่อไป ผู้ใช้วิญญาณจินซูและผู้ใช้วิญญาณโม่เป่ย" เสียงของผู้ตัดสินดังขึ้นบนลานประลอง
โม่เป่ยกระโดดขึ้นไปขณะที่จินซูเดินเข้าไปด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม
ทั้งสองแสดงความเคารพซึ่งกันและกันแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดก่อนที่ดาบแสงจันทร์จะเริ่มโบยบิน
พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง แม้ผู้ใช้วิญญาณหญิงจินซูจะมีทักษะที่ค่อนข้างดี แต่ความแข็งแกร่งของนางกลับลดลงอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายเมื่อร่างกายของนางเต็มไปด้วยเหงื่อและสูญสิ้นพลังงาน นางจึงต้องยอมแพ้ไปในที่สุด
ในทางกลับกัน โม่เป่ยกลับดูปลอดโปร่งและไร้กังวลอย่างสิ้นเชิง
‘วิญญาณที่ช่วยเพิ่มพละกำลัง มันควรจะเป็นวิญญาณด้วงจอมพลัง’ ฟางหยวนสามารถมองเห็นความลับของโม่เป่ยได้อย่างง่ายดาย
โดยปกติแล้วเด็กหนุ่มสาวจะครอบครองวิญญาณเพียงหนึ่งหรือสองดวงเท่านั้น แน่นอนว่าฟางหยวนเป็นข้อยกเว้น
นอกจากเหตุผลด้านการเลี้ยงดูวิญญาณ การใช้วิญญาณยังต้องพึ่งพาความเชี่ยวชาญอีกด้วย
ความโลภอาจนำมาสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงปรารถนา ดังนั้นเด็กหนุ่มสาวจะเริ่มต้นด้วยการทำความคุ้นเคยและฝึกใช้งานวิญญาณเพียงหนึ่งหรือสองดวงเท่านั้น
เว้นเพียงฟางหยวนที่ร่ำรวยประสบการณ์ เขามีความเข้าใจวิญญาณทุกดวงที่เขาครอบครอง นี่เป็นเหตุผลที่เขาสามารถใช้งานพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสอบยังดำเนินต่อไป
"น่าอาย! กระโดดไปมาราวกับกระต่าย!" บนลานประลอง เด็กผู้หนึ่งตะโกนด้วยความโกรธ "ซื่อเฉิน เจ้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย เจ้าทำได้เพียงหลบหนี หากมีความกล้าก็เข้ามาต่อสู้กับข้าอย่างตรงไปตรงมา"
"ฮืม มีเพียงคนโง่ที่จะต่อสู้ระยะประชิดกับเจ้า" ซื่อเฉินหัวเราะเย้ยหยัน ด้วยวิญญาณจิ้งหรีดมังกร เขากระโดดไปรอบๆด้วยร่างกายที่คล่องแคล่วว่องไว
ฝ่ายตรงข้ามครอบครองวิญญาณหมูชมพูเพียงดวงเดียว แม้มันจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพให้กับเจ้าของ แต่มันกลายเป็นไร้ประโยชน์ต่อหน้าซื่อเฉินที่ไม่ยินดีต่อสู้กับเขาอย่างตรงไปตรงมา
สุดท้ายเด็กหนุ่มผู้นี้จึงถูกโจมตีด้วยดาบแสงจันทร์ของซื่อเฉินและต้องยอมแพ้เพราะเสียเลือดมากเกินไป
ผู้ใช้วิญญาณสายรักษารีบวิ่งขึ้นไปบนลานประลองเพื่อช่วยปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ
เมื่อเวลาผ่านไป เด็กหนุ่มสาวเริ่มถูกคัดออกอย่างไร้ปรานีโดยดาวรุ่งมากมายที่ต้องการแสดงความสามารถ
ซื่อเฉิน โม่เป่ย ฟางเจิ้ง ฟางหยวน และคนอื่นๆ
กระทั่งถึงเวลาเที่ยงวัน
ผู้มีพรสวรรค์นภาที่สี่ถูกคัดออกทั้งหมด ด้วยพรสวรรค์ที่มีอยู่อย่างจำกัด การใช้วิญญาณสายสนับสนุนในด้านการผลิตและขนส่งเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา พลังการต่อสู้ของพวกเขามีอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"น้องสาว วิญญาณของเจ้าคือลมหายใจแห่งชีวิต นี่เป็นสิ่งที่กลุ่มของพวกเรากำลังมองหา"
"ผู้อาวุโส ข้าหวังจะได้เข้าร่วมกับพวกท่าน วิญญาณหลักของข้าคือวิญญาณแสงจันทร์"
"เสียใจด้วย กลุ่มของเราไม่ได้มองหาผู้ใช้วิญญาณสายต่อสู้"
กลุ่มต่างๆเริ่มคัดเลือกเด็กที่มีความสามารถตรงกับความต้องการของพวกเขา ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มสาวก็เลือกเข้ากลุ่มที่พวกเขาพึงพอใจ
ถึงเวลานี้การต่อสู้บนลานประลองเริ่มไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้าง หลังจากการต่อสู้ผ่านไปเพียงไม่กี่รอบ มันก็กลายเป็นน่าเบื่อ นี่เป็นเพราะเด็กหนุ่มสาวส่วนใหญ่ต่างเลือกใช้วิญญาณแสงจันทร์และปลดปล่อยดาบแสงจันทร์ออกมาอย่างต่อเนื่องกระทั่งพลังวิญญาณของพวกเขาหมดลง
เมื่อถึงจุดที่พลังวิญญาณของพวกเขาสูญสิ้น พวกเขาก็จะเริ่มต่อสู้ด้วยการชกต่อยก่อนจะล้มลงในท้ายที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ กลุ่มผู้ใช้วิญญาณ หรือกระทั่งผู้อาวุโส พวกเขาล้วนเฝ้ามองด้วยสายตาที่เบื่อหน่าย บางคนกระทั่งผล็อยหลับไป
"ในที่สุด" ผู้ใช้วิญญาณบางคนตะโกนพื่อปลุกตนเองให้ตื่นขึ้นจากภวังค์
นั่นเป็นเพราะผู้ตัดสินบนลานประลองประกาศออกมาว่า "รอบต่อไป ผู้ใช้วิญญาณฟางเจิ้งพบกับผู้ใช้วิญญาณโม่เป่ย"