ตอนที่แล้วส่งจอมยุทธไปต่างโลก ตอนที่ 8 โฟรเซนท์ฮาร์ท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปส่งจอมยุทธไปต่างโลก ตอนที่ 10 แกว่งหาเสี้ยน

ส่งจอมยุทธไปต่างโลก ตอนที่ 9 เมืองครอเดียร์


ตอนที่ 9

เมืองครอเดียร์

“แน่ใจแล้วเหรอครับว่าจะออกเดินทางเลย”จอมเวทหนุ่มถามขณะพาลูเซียสขึ้นไปยังรถม้าของพวกเขา งานของจอมเวททั้ง 7 เสร็จสิ้นไปตั่งแต่เช้าแล้วเพราะการสร้างถนนในคราวนี้สิ้นสุดแค่หมู่บ้านรีฟเท่านั้น การสร้างถนนที่เหลือแค่กิโลเมตรกว่าๆก็ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน

 

“เช้าไปงั้นเหรอ”ลูเซียสถามพลางมองทองฟ้า ตอนนี้เป็นเวลาตี 5 ของเช้าวันถัดมาแล้ว

 

“เปล่าครับ ผมหมายถึงเรื่องคนในหมู่บ้าน...”จอมเวทหนุ่มพูดเสียงเบาพลางมองไปยังหมู่บ้านของลูเซียส เมื่อวานลูเซียสเพียงบอกเรื่องการไปเข้าเรียนกับแม่ของเขาเท่านั้นไม่ได้บอกกับคนในหมู่บ้านคนอื่นเลย ปกคิการจะจากบ้านไปไกลๆมันต้องมีการบอกลาด้วยไม่ใช่หรือไง

 

“ไม่เป็นไรหรอก”ลูเซียสตอบเสียงเรียบพลางขึ้นรถม้าของจอมเวททั้ง 7 คน หากจะพูดให้ดูดีละก็ลูเซียสคงบอกว่าเขาชินชากับการบอกลาแล้ว แต่ในความจริงเขาไม่เคยชินชากับมันเขาเพียงแค่หลบหนีจากมันเท่านั้นลึกๆในจิตใจของเขายังคงหวาดกลัวมันอยู่ หวาดกลัวการจะจากลากับคนที่ตนรู้จัก

 

ตั่งแต่ที่รู้ว่าเขาคือคนของตระกูลโฟรเซนฮาร์ท จอมเวททั้ง 7 คนก็มีท่าทีราวกับเป็นคนรับใช้ของลูเซียส ทั้งเกรงใจและให้เกียติลูเซียสอย่างมากจนแม้แต่ลูเซียสเองยังรู้สึกแปลกๆ ขนาดรถม้าออกเดินทางมาได้ 10 นาทีแล้วคนทั้ง 7 ยังไม่กล้าพูดอะไรกันสักคำ

 

“คาร์ล ทำไมคุณถึงเลือกที่จะทำงานเป็นคนสร้างถนนละ”เห็นทั้ง 7 คนมีท่าทีเกร็งกันหมดลูเซียสจึงเริ่มเรื่องคุยขึ้น ส่วนคาร์ลนั้นคือชื่อของจอมเวทหนุ่มที่มักจะเป็นคนตอบคำถามลูเซียสนั่นเอง

 

“เพราะผมมีพลังเวทน้อย ก็เลยเลือกงานได้ไม่มาก งานสร้างถนนถึงจะต้องเดินทางตลอดแต่งานก็ไม่หนักมาก แถมรายได้ก็ดีด้วย”คาร์ลตอบพลางยิ้มเขิลๆ

 

“แต่มันก็เป็นงานที่ดีนะครับ”ชายหนุ่มที่ชื่อวิลล์พูดพลางยิ้มกว้าง

 

“ใช่ ตอนแรกก็รู้สึกไม่ดีเพราะงานมันเหมือนกรรมกรยังไงไม่รู้ แต่พอทำถนนไปถึงหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านพวกเขาก็ดีใจกันมากเลย”คาร์ลว่ายิ้มๆ พลางเร่งความเร็วรถม้าขึ้นเพราะทางเริ่มสว่างแล้ว รถม้าของพวกคาร์ลนั้นถึงจะบอกว่าเป็นรถม้าแต่สัตว์ที่ใช้เทียมรถกลับเป็นสัตว์แปลกๆรูปร่างคล้ายกิ้งก่า แต่มันกลับยืนด้วยขาหลังเท่านั้น ส่วนเรื่องความเร็วของขาทั้งสองข้างนั้นลูเซียสกล้าบอกได้เลยว่ามันมีความเร็วมากกว่าม้าทุกตัวในโลกเก่าของเขาเสียอีก(สัตว์ลากรถของกลุ่มจอมเวทเป็นมังกรดินสายพันธุ์หนึ่งที่คนมักจะนำมาใช้ลากรถ มีรูปร่างคล้ายๆไดโนเสาร์พันธุ์แร็พเตอร์)

 

“ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะเดินทางถึงครอเดียร์เหรอ”ลูเซียสมองรถม้าที่ลากด้วยมังกรดินอย่างสนใจ ความเร็วของมันมากกว่าม้าหลายเท่าทำให้แรงลมแทบจะกลบเสียงของเขาจนหมด

 

“ราวๆ 7 วันครับ”คาร์ลตอบเสียงดังขึ้นเพราะต้องการให้เสียงของตนเองดังกว่าเสียงของลม

 

“เวียร์ ช่วยใช้เวทลมหน่อยพี่จะเร่งความเร็วแล้ว”ตอบคำถามของลูเซียสจบคาร์ลก็หันไปสั่งจอมเวทสาวให้ใช้เวทลม

 

“ได้เลย”เวียร์พูดเสียงใสพลางพึมพำคาถาออกมา เมื่อเธอร่ายคาถาจบแสงสีเขียวก็สว่างจ้าไปทั่วทั้งรถม้าก่อนจะจางลงไปในชั่วอึดใจเดียว

 

“นี่มันอะไรกัน?”ลูเซียสถามพลางมองไปรอบๆ ลมที่ควรจะพัดผ่านพวกเขาอย่างรุนแรงกลับลดความแรงลงราวกับรถม้ากำลังเดินหน้าด้วยความเร็วเท่าๆกับคนเดินเสียอย่างนั้น

 

“นี่เป็ยเวทควบคุมลมครับ เราทำให้ลมภายนอกไม่สามารถเข้ามาภายในเขตได้ทั้งหมด พูดง่ายๆก็คือเราสร้างเกราะลมเพื่อป้องกันแรงลมจากภายนอก”พูดจบคาร์ลก็เร่งความเร็วของมังกรดินเข้าไปอีก ตอนแรกลูเซียสคิดว่าพวกมันเร็วกว่าม้ามากอยู่แล้ว แต่พอคาร์ลเริ่มเร่งความเร็วเข้าไปอีกความเร็วของพวกมันก็ทะยานราวออกไปไวจนลูเซียสยังต้องอึ้ง ขณะมองทิวทัศรอบที่ผ่านตาเขาไปอย่างรวดเร็วก็ครุ่นคิดขึ้นว่า ด้วยความเร็วขนาดนี้พวกเขายังต้องเดินทางถึง 7 วันครอเดียร์นี่ไกลเอาเรื่องเลยทีเดียว

 

ตลอดการเดินทาง 7 วันลูเซียสได้เข้าเมืองทั้งสิ้น 3 ครั้ง โดยเมืองของโลกนี้มีวัฒนธรรมคล้ายๆโลกฝั่งตะวันตกโดยบ้านเรือนของพวกเขาจะทำได้หิน นำมาก่อผสมกับสารยึดติดเพื่อทำเป็นบ้าน บ้างก็เป็นบ้านไม้ที่มีสไตร์การออกแบบคล้ายๆกัน แต่เพราะการเดินทางของคณะจอมเวทค่อนข้างรีบร้อน ลูเซียสจึงไม่มีโอกาสได้เที่ยวรอบๆเมืองสักเท่าไหร่ เพราะพวกเขาจะเข้าเมืองในตอนค่ำ เข้านอนแล้วเดินทางต่อในตอนเช้า จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมา 7 วันลูเซียสก็มาถึงเมืองครอเดียร์จนได้

 

สิ่งแรกที่ลูเซียสเห็นและรู้สึกประทับใจกับการมาเมืองครอเดียร์ครั้งแรกคือ กำแพง มันเป็นกำแพงหินเนื้อเดียว หรือก็คือเป็นกำแพงที่สร้างจากเวทมนตร์คล้ายๆกับถนน มันสูงราวๆ 10 เมตร ยาวจนสุดลูกหูลูกตา ส่วนบ้านเมืองของเมืองครอเดียร์นั้นก็เป็นสไตร์เดียวกับเมืองอื่นๆ นั่นคือบ้านเมืองแบบทางฝั่งตะวันตก เพียงแต่บ้านที่มีขนาดใหญ่หน่อยจะใช้หินที่สร้างจากเวทมนตร์กันทั้งสิ้น

 

“ยอๆ”คาร์ลตะโกนพลางดึงสายบังคับมังกรของเขาให้ชะลอฝีเท้าลง ขณะรถม้ากำลังเดินลอดผ่านประตูกำแพงคาร์ลก็แสดงตราสัญลักษณ์หนึ่งให้ทหารยามดู พอเห็นตราสัญลักษณ์ทหารก็พยักหน้าแล้วปล่อยให้พวกเขาเข้าไป

 

“ที่นี่เป็นเมืองหลวงของเผ่ามนุษย์สินะ”ลูเซียสมองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาถึงเมืองตอนกลางวัน ทำให้สามารถมองเห็นความมีชีวิตชีวาและการใช้ชีวิตของคนที่นี่ได้เป็นครั้งแรก

 

“ครับ แต่ก็มีเผ่าอื่นเดินทางมาเสมอๆ”คาร์ลพูดพลางมองไปยังร้านค้าที่มีคนหลากหลายเผ่ากำลังเลือกซื้อของอยู่ พอเห็นดังนั้นลูเซียสก็จ้องมองพวกเขาอย่างสนอกสนใจ เพราะนอกจากคนเล่านิทานที่มาหมู่บ้านของเขาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นคนจากเผ่าอื่นอีกเลย

 

“ในเมืองนี่ มีร้านขายอาวุธ กับ ชุดเกราะเยอะเหมือนกันนะ”ลูเซียสพูดเมื่อมองไล่สายตาตามทางที่พวกเขานั่งรถผ่านมา ทุกๆ 500 เมตรจะเจอร้านอาวุธ 1 ร้านเสมอ

 

“เพราะอาชีพนักผจญภัยเป็นอาชีพที่ได้เงินดีไงครับ อาวุธเลยเป็นสิ่งจำเป็น”คาร์ลว่าพลางหัวเราะเบาๆ ความจริงจอมเวทก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่สามารถทำงานเป็นนักผจญภัยได้ แต่พวกเขาไม่มีใครอยากเป็นนักผจญภัยนักเพราะงานค่อนข้างอันตราย ถ้าหากตายขึ้นมาเงินจะดีขนาดไหนมันก็ไม่คุ้ม

 

“นักผจญภัยงั้นเหรอ จริงสิพวกนั้นเคยมาตรวจสอบเรื่องสัตว์อสูรโจมตีหมู่บ้านเมื่อ 7 ปีก่อนนี่นา”ลูเซียสว่าพลางหันไปมองคาร์ล

 

“ครับ ส่วนใหญ่นักผจญภัยจะเป็นคนที่ล่าสัตว์อสูรเพื่อหาเงินและคอยทำตามคำขอร้องจากบุคคล หรือหมู่บ้านเพื่อหาค่าตอบแทนเป็นเงิน แต่เพราะงานส่วนใหญ่ของนักผจญภัยต้องเจอกับอันตราย คนที่จะเป็นนักผจญภัยเลยต้องเป็นคนที่รู้ทักษะการต่อสู้นะครับ”พอคาร์ลพูดจบลูเซียสก็ยิ้มออกมาทันที

 

“งั้น ทำยังไงถึงจะเป็นนักผจญภัยละ” พอได้ยินคำถามของลูเซียส คาร์ลก็ชี้ไปที่ตึกแห่งหนึ่งที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลทันที

 

“เห็นรูปปั้นมังกรตรงนั้นไหมครับ ที่นั่นคือสมาคมนักผจญภัย ไม่ว่าใครก็สามารถสมัครเป็นนักผจญภัยและรับทำภารกิจได้ครับ”คาร์ลพูดจบ ลุเซียสก็กระโดดลงจากรถม้าทันที

 

“เดี๋ยว คุณจะไปไหนนะ”คาร์ลถามเสียงเหวอก่อนจะดึงสายบังคับเพื่อให้รถม้าหยุด

 

“ว่าจะไปสมัคเป็นนักผจญภัยนะ”ลูเซียสยิ้มพลางหันหลังให้คาร์ล

 

“แต่ว่ายังไม่ถึงที่พักของพวกเราเลยนะครับ”คาร์ลพยายามห้ามเอาไว้เพราะตอนแรกเขากะจะให้ลูเซียสมาพักที่บ้านของเขาจนกว่าจะจัดการเรื่องเข้าเรียนได้เสียก่อน

 

“ไม่ละ แบบนั้นรบกวนพวกนายเปล่าๆ เอาไว้จะไปเยี่ยมนานๆทีนะ”ลูเซียสยิ้มพลางเดินจากพวกคาร์ลมาเสียดื้อๆเล่นเอาเหล่าจอมเวททั้ง 7 ได้แต่มองตามตาค้าง

 

“ไม่เป็นไรเหรอพี่ ปล่อยเขาไปแบบนั้น”เวียร์ถามพลางมองตามแผ่นหลังของลูเซียสไป

 

“ไม่รู้สิ แต่พี่รู้สึกว่าเขาไม่เป็นไรนะ”คาร์ลถอนหายใจพลางบังคับให้รถม้าเดินหน้าอีกครั้ง ปกติเจอเหตุการณ์แบบนี้คนธรรมดาต้องรู้สึกห่วงอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ห่วงลูเซียสเลย

 

ทางด้านลูเซียส หลังจากเดินเข้ามาในสมาคมนักผจญภัย สิ่งแรกที่สะดุดตาเลยก็คือเคาเตอร์จำนวน 20 ตัวที่ตั้งเรียงเป็นแถวแนวนอนเบื้องหน้าและเหล่านักผจญภัยที่นั่งกันอยู่ในตัวอาคาร

 

“สวัสดีค่ะ ต้องการให้ช่วยอะไรจะ”หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักลูเซียส เพราะเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มอายุไม่มากเธอจึงเข้ามาให้คำแนะนำ

 

“ผมต้องการหาเงินครับ”ลูเซียสตอบตรงๆเพราะเขารู้ค่าเล่าเรียนมาจากคาร์ลแล้วเรียบร้อย

 

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรับภารกิจหรือล่าสัตว์อสูรเพื่อนำคริสตัลเวทมนตร์มาแลกเป็นเงินค่ะ”หญิงสาวพูดพลางยิ้มหวาน เด็กอายุรุ่นลูเซียสเป็นเรื่องปกติที่เริ่มจะอยากเป็นนักผจญภัย จึงมีเด็กหนุ่มเด็กสาวจำนวนมากมาเพื่อสมัครเป็นนักผจญภัย แถมเด็กหนุ่มรอบนี้ก็หน้าตาน่ารักน่าชังดีเสียด้วยเธอจึงตั้งใจบริการเป็นพิเศษ

 

“จริงสิ ผมมีคริสตัลเวทมนตร์อยู่ ไม่ทราบว่าจะแลกเป็นเงินได้ที่ไหนครับ”ลูเซียสถามพลางมองไปที่เคาเตอร์ด้านหลัง

 

“สามารถแลกได้ที่เคาเตอร์ไดก็ได้ค่ะ แต่ผู้แลกจะต้องเป็นสมาชิกของสมาคมนักผจญภัยเสียก่อน”หญิงสาวตอบพลางโยงกลับมาเข้าประเด็นเดิม เพราะสมาคมนักผจญภัยถูกตั้งขึ้นเพื่อนักผจญภัยทำให้คนที่จะนำคริสตัลเวทมนตร์มาขายที่นี่ต้องเป็นนักผจญภัยเท่านั้น แน่นอนว่าถ้าหากไม่ใช่นักผจญภัยสามารถนำคริสตัลเวทมนตร์ไปขายที่ร้านเกี่ยวกับอุปกรเวทมนตร์ได้โดนตรง ซึ่งลูเซียสยังไม่รู้เรื่องในข้อนี้

 

“งั้นผมขอสมัครเป็นนักผจญภัยได้ไหมครับ”ลูเซียสถามพลางยิ้มให้หญิงสาว

 

“ได้ค่ะ เชิญทางนี้”หญิงสาวพูดจบก็พาลูเซียสไปที่เคาเตอร์หนึ่งในเคาเตอร์ทั้ง 20 ตัว พนักงานที่นั่งอยู่หลังเคาเตอร์เองก็เป็นหญิงสาวท่าทางสุภาพเรียบร้อยเช่นเดียวกับหญิงสาวที่เข้ามาต้อนรับลูเซียส ดูท่าทางที่นี่จะคัดคนมาทำงานดีเหมือนกัน

 

“ต้องการติดต่ออะไรคะ”พนักงานสาวหลังเคาเตอร์ถามพลางยิ้มให้เด็กชาย

 

“ผมอยากสมัครเป็นนักผจญภัยครับ”ลูเซียสตอบ

 

“ค่ะ รบกวนกรอกข้อมูลในเอกสารด้วยค่ะ”พนักงานสาวพูดจบก็ยื่นปากกาและกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ ในกระดาษมีข้อมูลให้ลูเซียสกรอกไม่มาก แค่ชื่อ นามสกุล อายุ ที่อยู่อาศัยที่สามารถติดต่อได้ และความสามารถพิเศษ ซึ่งลูเซียสเลือกกรอกแค่ช่อง ชื่อ อายุ และความสามารถพิเศาเท่านั้น เพราะหากเขาเขียนนามสกุลลงไปมันต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ หากดูจากอาการตอบสนองของเหล่าจอมเวทที่ได้รู้ว่าเขาคือคนของตระกูลโฟรเซนฮาร์ท แถมโลกนี้คนที่ไม่มีนามสกุลเองก็ถือเป็นเรื่องปกติทำให้ลูเซียสเว้นว่างช่องนามสกุลเอาไว้ได้อย่างสายใจ ส่วนที่อยู่เนื่องจากเขาพึ่งมาถึงจึงยังไม่มีที่อยู่ที่แน่นอน บางทีเขาคงต้องหาดูก่อนว่าคริสตัลที่ได้จากหมียักษ์ท้องขาวขายได้เท่าไหร่ เขาถึงจะสามารถหาที่พักได้ ส่วนความสามารถพิเศษเขาใส่เอาไว้ว่า ต่อสู้ และ ภาษา เท่านั้น

 

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”พนักงานสาวเก็บข้อมูลของลูเซียสกลับมา ก่อนจะประทับตราลงไปหนึ่งที หลังจากนั้นเธอก็ลอกข้อมูลในกระดาษใส่กระดาษอีกแผ่นที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ

 

“นี่เป็นบัตรของเธอนะ ลูเซียส”พนักงานสาวอ่านชื่อในบัตรพลางยิ้มมาให้เขา

 

“ครับ”ลูเซียสตอบพลางรับบัตรมา

 

“บัตรของเธอเป็นบัตรระดับ F ซึ่งเป็นบัตรระดับต่ำสุดนะ ถ้าเอรับงานทำเรื่อยๆเธอก็จะสามารถเลื่อนระดับได้”พนักงานสาวชี้ไปที่ตัวอักษรบนบัตรของลูเซียส

 

“แล้ว ระดับสูงมีความสำคัญยังไงเหรอครับ”ลูเซียสถามพลางพลิกบัตรไปมา

 

“เพื่อความปรอดภัยของนักผจญภัยเราจึงมีระบบจัดระดับของภารกิจค่ะ โดยภารกิจของเราจะแบ่งเป็นระดับ S A B C D E และ F ซึ่งระดับภารกิจที่รับได้ก็จะแยกตามระดับของบัตรค่ะ”พนักงานตอบพลางผายมือไปทางกระดานขนาดใหญ่ที่ติดแผ่นกระดาษจำนวนมากเอาไว้

 

“พูดง่ายๆก็คือ ถ้าอยากรับภารกิจที่ได้ค่าตอบแทนสูงๆก็ต้องมีระดับสูงตามไปด้วยจ่ะ”พนักงานคนแรกที่พาลูเซียสมายังเคาเตอร์ตอบเพราะตอนแรกลูเซียสบอกเธออย่างชัดเจนว่าต้องการหาเงิน

 

“ครับ ขอบคุณมาก”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด