ตอนที่แล้วส่งจอมยุทธไปต่างโลก ตอนที่ 5 ค้นหาสาเหตุความวุ่นวาย ( 2 )
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปส่งจอมยุทธไปต่างโลก ตอนที่ 7 การมาถึงของกลุ่มจอมเวท

ส่งจอมยุทธไปต่างโลก ตอนที่ 6 เวทมนตร์น้ำแข็ง


ตอนที่ 6

เวทมนตร์น้ำแข็ง

 

“เอ๊ะ! เวทมนตร์ของฉัน?”หญิงสาวถามกลับด้วยสีหน้าตกใจ อยู่ๆเด็กชายตรงหน้าก็เปลี่ยนเรื่องทั้งๆที่เธอกำลังกังวลเรื่องของหมู่บ้านเขาแท้ๆ

 

“ใช่ ก็สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่ เป็นเพราะคูณใช่ไหมละ”ลูเซียสถามเสียงเรียบเล่นเอาหญิงสาวก้มหน้าอีกรอบ ดูเธอจะรู้สึกผิดมากๆเลยทีเดียว

 

“ค่ะ เป็นเพราะฉันเอง หมู่บ้านของเธอ..เป็นอะไรมากหรือเปล่า”หญิงสาวพร้อมแสดงความกังวลออกมา

 

“บ้านของพวกเราพังไปครึ่งหนึ่ง”ลูเซียสพูดพลางแกล้งทำหน้าหมองหม่น

 

“พวกผู้ใหญ่ที่พอจะต่อสู่ได้ก็บาดเจ็บกันหมด”ทั้งๆที่มีแค่ปู่แกรนคนเดียวเท่านั้นที่บาดเจ็บ แถมอาการยังไม่ถึงกับต้องล้มหนอนนอนเสื่อด้วย แต่ลูเซียสก็ยังเลือกที่จะบอกเธอแบบก้ำกึ่ง

 

“ตอนนี้คนที่พอจะมีพลังเวทอยู่ก็มีแต่ผมเท่านั้น ผมเลยอยากเรียนรู้เวทมนตร์เพื่อใช้ปกป้องหมู่บ้าน” พอพูดทั้งหมดจบ หญิงสาวก็มีสีหน้าสลดทันที เธอก้มมองลงพื้นพลางเหล่มองเด็กชายก่อนจะกลับไปมองพื้นอีกรอบ ในหัวเธอตอนนี้ปรากฏภาพหมู่บ้านที่พังเละเทะและมีทหารนอนอยู่กับพื้นโดยที่ร่างเต็มไปด้วยผ้าพันแพรพร้อมเสียงครวนครางอย่างทรมาน

 

“ละ.. แล้วมีใครตายหรือเปล่า”หญิงสาวถามด้วยท่าทีราวกับจะร้องให้

 

“โชคดีครับที่ไม่มี”ลูเซียสพูดจบหญิงสาวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

“ถ้าอย่างนั้น”หญิงสาวใช้นิ้วจับไปที่เส้นผมของตนเองราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง นิ้วชี้ของเธอม้วนเส้นผมของตัวเองด้วยความเคยชิน ก่อนจะมองมาทางเด็กชาย

 

“ถ้าจะให้สอน ก็ได้อยู่หรอก แต่ฉันมีเวลาอยู่ที่นี่ได้แค่ไม่กี่วัน...”หญิงสาวพูดด้วยท่าทีลำบากใจ ความจริงแล้วเธอได้รับคำไหว้วานจากเพื่อนคนหนึ่งให้ไปช่วยสอนเด็กที่เพื่อนคนนั้นกำลังฝึกฝนให้อยู่ แต่เพราะโดนศัตรูลอบโจมตีทำให้ต้องหลบมาพักรักษาตัวที่นี่ หากเด็กชายตรงหน้าเธอต้องการให้เธอสอนวิชาให้มันก็ได้อยู่หรอก แต่เธอเองก็มีธุระต้องไป บางทีเธออาจจะอยู่สอนเขาได้แค่วันเดียวด้วยซ้ำ

 

“ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยผมก็อยากใช้เวทมนตร์เป็นบ้าง”ลูเซียสยิ้มกว้างพลางมองหน้าหญิงสาว ถึงจะรู้สึกไม่ดีที่เขาหลอกให้เธอรู้สึกผิดก็เถอะ แต่แถวนี้ไม่มีใครจะสอนเวทมนตร์เขาได้อีกแล้ว เมืองที่ใกล้ที่สุดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินเช้าไปเย็นกลับ แล้วแม่ของเขาคงไม่ปล่อยให้เด็ก 7 ขวบไปพักแรมต่างเมืองคนเดียวแน่ๆ แถมต่อให้ไปก็ใช่ว่าจะสามารถหาคนมาสอนเขาได้อยู่ดี

 

“ถ้าอย่างนั้น เธออ่านหนังสือออกหรือเปล่า”หญิงสาวถามเสียงเบา พลางหยิบหนังสือออกมาจากอากาศว่างเปล่า ทำเอาลูเซียสจ้องมองหนังสือนั่นตาเป็นประกาย เธอไม่ได้ดึงมันออกมาจากกระเป๋าหรือส่วนใดของเสื้อผ้าแน่นอน แต่เธอกลับวางมือไว้เฉยๆแล้วหนังสือก็โผล่ออกมาราวกับเวทมนตร์ ไม่สิ มันต้องเป็นเวทมนตร์แน่ๆ

 

“ครับ อ่านออก”พอได้ยินคำตอบของลูเซียส หญิงสาวก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นหนังสือให้

 

“นี่เป็นตำราที่ฉันเคยใช้เมื่อนานมาแล้ว ถึงฉันจะอยู่สอนเธอได้ไม่นานแต่ถ้าทำตามในตำราคงช่วยเธอได้”หลังจากพูดจบหญิงสาวก็สังเกตเห็นมือของลูเซียสที่ยื่นมารับหนังสือ ดวงตาของเธอเบิกกว้างก่อนจะทิ้งหนังสือลงบนพื้นทันที

 

“ขอโทษ”หญิงสาวพูดพลางถอยหลังออกห่างจากลูเซียสทันที

 

“ถะ ถ้าจะให้ฉันสอนให้ สัญญาได้ไหมว่าจะไม่แตะต้องตัวฉัน”หญิงสาวถามพลางมองท่าทีของเด็กชาย

 

“ทำไมละครับ”ลูเซียสขมวดคิ้วขณะมองท่าทีของหญิงสาว เธอมีท่าทีตื่นกลัวเกินกว่าจะเรียกว่ารักนวลสงวนตัว ราวกับไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้องเธอแม้แต่ปลายนิ้ว

 

“เพราะว่า....”หญิงสาวไม่ได้พูดต่อ เธอยื่นมือไปจับกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ๆ วินาทีต่อมากิ่งไม้ที่แต่เดิมก็มีน้ำแข็งเกาะอยู่แล้วก็ยิ่งมีสีขาวซีดลงเรื่อยๆราวกับสีสันของมันกำลังถูกดูดออกไป

 

กร๊อป! กิ่งไม้หักออกจากต้นอยู่บนมือของหญิงสาว ทำให้ลูเซียสเข้าใจคำตอบในทันที บางทีหญิงสาวอาจจะเป็นผู้ฝึกวิชาต้องห้ามบางอย่างจนกระทั่งวิชานั้นๆมีผลกับสภาพร่างกายของเธอ บางทีร่างกายของเธอผู้ใช้วิชาเยือกแข็งอาจจะปล่อยไอเย็นออกมามากเกินไปจนแช่แข็งสิ่งต่างๆรอบตัวโดยที่เธอเองก็ไม่สามารถควบคุมได้

 

“อ่า...ผมเข้าใจแล้ว”ลูเซียสตอบเสียงอึ้งๆ พลางมองหนังสือบนพื้น มันไม่ได้มีท่าทีว่าจะโดนแช่แข็งเช่นเดียวกับกิ่งไม้ เพียงแต่บนหน้าหนังสือก็ยังมีเกร็ดน้ำแข็งเกาะอยู่ บางทีก่อนอ่านเขาคงต้องนำมันไปตากแดดเสียก่อน และต้องทนอ่านมันในสภาพพองๆ

 

“นี่เป็นความผิดพลาดจากการฝึกเวทมนตร์ต้องห้าม ถ้าเธอโตขึ้นก็อย่าฝืนคำเตือนของผู้อื่นละ”หญิงสาวยิ้มเศร้าพลางหลุบตาลงต่ำ

 

“เข้าใจแล้วครับ”ลูเซียสตอบพลางหยิบหนังสือขึ้นมาดู มันถูกเขียนด้วยตัวหนังสือคนละแบบกับตัวหนังสือของคนเล่านิทาน แต่ด้วยความสามารถที่พระเจ้าให้มา แค่เขากวาดตามองก็สามารถเข้าใจความหมายได้ในทันที

 

“เวทมนตร์น้ำ?”ลูเซียสพูดพลางขมวดคิ้ว ตรงหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่ามันคือ เวทมนตร์น้ำขั้นพื้นฐาน

 

“เพราะเวทน้ำแข็งเป็นเวทมนตร์ชั้นสูงของเวทมนต์น้ำจ่ะ ถ้าอยากใช้เวทมนตร์น้ำแข็งได้จำเป็นต้องเข้าใจเวทมนตร์น้ำอย่างถ่องแท้เสียก่อน”หญิงสาวพูดพลางยิ้มบางๆ นึกถึงเมื่อครั้งที่ตนเริ่มเรียนเวทมนตร์น้ำใหม่ๆก็อดอมยิ้มไม่ได้

 

“แล้วทำยังไงถึงจะใช้งานน้ำหรือน้ำแข็งได้ละครับ ผมพยายามมาหลายครั้งแล้วแต่นอกจากเวทเสริมพลังก็ไม่สามารถใช้งานเวทมนตร์อื่นได้เลย”ลูเซียสพูดพลางถอนหายใจ วิชาในโลกเก่าของเขาไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิชาที่สามารถใช้ความร้อนหรือความเย็นได้ แต่เขากลับไม่สามารถใช้พวกมันได้เลย

 

“น่าจะเพราะ ขาดส่วนคาถาไป”หญิงสาวตอบพลางใช้กิ่งไม้ที่ตนพึ่งจะหักเขียนข้อความบนพื้น

 

“เวทมนตร์จำเป็นต้องใช้คาถาหรือแม้กระทั่งวงแหวนเวทเพื่อช่วนในการสั่งการ”เขียนจบเธอก็หันหน้ามาทางลูเซียสเหมือนต้องการให้เขาอ่านข้อความบนพื้น

 

ลูเซียสมองข้อความบนพื้นพลางอ่านตาม ทันทีที่อ่านจบกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่เด็กชายก็หัวไวพอที่จะคาดเดาได้ เพราะเมื่อครู่เขาแค่อ่านธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้ใช้พลังเวทในร่างกายเลยแม้แต่น้อย ลูเซียสจึงเริ่มอ่านอีกครั้งพร้อมกับรวบรวมพลังเวทไว้ที่ฝ่ามือ ทันทีที่ร่ายจบแสงสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏบนมือของเขาพร้อมลูกบอลน้ำที่ลอยอยู่เหนือฝ่ามือ มันกำลังลอยอย่างอ้อยอิ่งราวกับฟองอากาศที่กำลังลอยตามลม เมื่อลูเซียสคิดให้มันไปขวามันก็ไปขวาเมื่อคิดให้มันไปซ้ายมันก็ไปซ้าย

 

“หัวไวมากเลยนี่นา”หญิงสาวพูดพลางมองลูเซียสด้วยท่าทีอึ้งๆ เด้กปกติอย่าว่าแต่ควบคุมมันในทันทีเลย แค่เรียกออกมาให้ได้ยังยาก เธอกะจะสอนแค่พื้นฐานให้เด็กคนนี้เรียนรู้จากตำราที่เธอให้ไว้เอาเอง เขาอาจจะเรียกบอลน้ำออกมาได้ราวๆ 2 – 3 เดือน แต่ใครจะไปคิดว่าแค่ให้คาถาเขาไปเขาก็สามารถเรียกมันออกมาได้อย่างง่ายดาย แถมยังควบคุมทิศทางได้ในทันที

 

“แล้วทำยังไงให้มันเป็นน้ำแข็งละครับ”พอลูเซียสถาม หญิงสาวก็ได้สติในทันที

 

“ก็ ทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งไงละ”หญิงสาวตอบเรียบๆ ตามปกติแล้วคนในโลกนี้มักจะเข้าใจว่า น้ำแข็ง เกิดจากเวทมนตร์ของโลก บางคนถึงกับเข้าใจว่ามันเป็นต้นกำเนิดของน้ำเสียด้วยซ้ำ ประมานว่าพลังเวทของผืนดินสร้างน้ำแข็งแล้วละลายเป็นน้ำ แต่จอมเวทน้ำแข็งกลับต้องศึกษามันให้เขาใจอย่างแท้จริงว่าน้ำแข็งนั้นเกิดจากน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำลงจนถึงจุดเยือกแข็ง

 

แกร๊ก! ขณะกำลังคิดอยู่นั้นบนฝื่อของลูเซียสก็ปรากฏบอลน้ำแข็งก้อนหนึ่งแทนที่บอลน้ำอย่างรวดเร็ว เล่นเอาหยิงสาวพูดไม่ออก หากถามว่าตัวลูเซียสนั้นเข้าใจความหมายของน้ำและน้ำแข็งหรือไม่ ในช่วงเวลากว่าพันปีเขาเที่ยวศึกษาเรื่องราวต่างๆมาจากทั่วโลก รวมทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์จากฝั่งตะวันตกอีกด้วย นอกจากจะเข้าใจเรื่องความเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิว่าหากน้ำมีอุณหภูมิต่ำลงจะเยือกแข็งยังรู้อีกว่าเมื่อมันร้อนถึงขีดสุดจะกลายเป็นไปอยู่ในอากาศและรวมตัวกันเป็นเมฆ และนอกจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์แล้วในตำราวิชายุทธของประเทศตนยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำในเชิงต่างๆอีกมากมาย ในเมื่อชาติก่อนเขายังใช้วิชาที่เปลี่ยนน้ำเป็นน้ำแข็งได้ทำไมชาตินี้เขาจะทำไม่ได้ละ

 

“แบบนี้นี่เอง”ลูเซียสพูดเสียงเบาพลางสั่งให้บอลน้ำแข็งเริ่มเปลี่ยนรูปร่างอย่างช้าๆ เล่นเอาหญิงสาวได้แต่มองตาค้าง

 

“ไม่น่าเชื่อ เธอทำมันได้เร็วมาก”หญิงสาพูดเสียงสั่นพลางมองเด็กชาย ความรวดเร็วในการเรียนรู้ของเด็กคนนี้มากกว่าเธอเสียอีก หากเกคนนี้เรียนรู้อย่างรวดเร็วต่อไปแบบนี้ บางทีอาจจะเข้าถึงวิชาต้องห้ามในเร็ววันก็ได้

 

“เด็กน้อย เธอให้สัญญาได้ไหมว่าจะไม่เรียนวิชาต้องห้าม”พอได้ยินคำถามของหยิงสาว ลูเซียสก็พยักหน้าช้าๆ ถ้าวิชาต้องห้ามมันมีผลเสียเขาก็คงไม่เรียนมันอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากมันมีข้อดีมากกว่าบางทีเขาอาจจะเรียนก็ได้

 

“ดี ส่วนเรื่องบทร่ายของคาถาต่างๆจะอยู่ในหนังสือพร้อมคำอธิบาย ฉันคิดว่าเธอคงจะสามารถศึกษาเองต่อไปได้”หญิงสาวว่าพลางชี้ไปที่หนังสือ ปกติแล้วกว่าจะเรียกใช้งานบอลน้ำได้ก็เป็นเวลากว่า 2 – 3 เดือน ยิ่งบอลน้ำแข็งคนปกติต้องใช้เวลาเกือบ 20 หรือ 30 ปี หากเด็กคนนี้ทำได้ในทันทีละก็เธอก็ไม่คิดว่าเวทมนตร์ในหนังสือจะมากพอให้เด็กคนนี้ได้เรียน

 

“นี่เป็นหนังสือเกี่ยวกับเวทมนตร์น้ำแข็ง”หญิงสาวหยิบหนังสือออกมาจากความว่างเปล่าอีกครั้ง พลางส่งให้เด็กชาย

 

“ขอบคุณครับ”ลูเซียสตอบพลางรับหนังสือมา แต่ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปเหมือนหญิงสาวจะนึกอะไรออก เธอจึงวางหนังสือไว้บนพื้น ก่อนจะถอยออกห่างทีละน้อย ปกติแล้วคนที่จะเข้ามาใกล้เธอได้มีไม่มากนักเพราะความเย็นที่อยู่รอบตัวเธอ บอกตามตรงว่าเธอไม่ชินกับการต้องอยู่ใกล้คนอื่นเท่าไหร่

 

“ถือว่าเป็นคำขอโทษแล้วกัน”หญิงสาวย่อมหมายถึงเรื่องที่หมียักษ์ท้องขาวเข้าโจมตีหมู่บ้าน สำหรับคนจิตใจอ่อนโยนอย่างเธอแล้ว ความรู้สึกที่ปล่อยให้สัตว์อสูรเข้าโจมตีคนอื่นเป็นความรู้สึกผิดอย่างมหันต์เลยทีเดียว

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงยังไงก็ไม่มีใครตาย แล้วอีกอย่างมันก็ไม่ใช่ความผิดคุณทั้งหมดด้วย”ลุเซียสตอบยิ้มๆ

 

“จริงสิ ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย”ลูเซียสถามเสียงฉงนเหมือนพึ่งนึกออก

 

“ฉันชื่อ เนเน่ ไวท์คราวน์”หญิงสาวแนะนำตัวก้วยรอยยิ้ม แต่ลูเซียสกลับขมวดคิ้วแน่น เนเน่ เป็นชื่อหนึ่งที่เขาจดจำได้เป็นอย่างดี เพราะนั่นเป็นชื่อของ 1 ใน 5 ราชันอมตะ

 

“แล้วเธอละหนุ่มน้อย”หญิงสาวถามด้วยท่าทีสบายๆ แน่ละเธอไม่คิดว่าเด็กที่อาศัยในหมู่บ้านเล็กๆในป่าจะรู้จักชื่อเสียงของเธอ

 

“ละ ลูเซียสครับ”ลูเซียสตอบพลางนึกถึงชื่อสกุลของตน เพราะหมู่บ้านของเขาเล็กเกินไปจึงไม่มีใครถามชื่อกัน แล้วส่วนใหญ่ก็เรียกกันด้วยชื่อเล่น ทำให้เขาโตมา 7 ปีแล้วยังไม่รู้เลยว่าตนเองมีชื่อสกุลว่าอะไร

 

“จ่ะ ลูเซียส หวังว่าเราจะได้พบกันอีกนะ”หญิงสาวพูดพลางยิ้มบางๆ

 

“พบกันอีก? คุณ...เนเน่จะไปแล้วเหรอครับ”

 

“จ่ะ ขอโทษที่อยู่สอนได้ไม่นาน แต่ถ้าเธอยังคงก้าวเดินในเส้นทางนี้ละก็ สักวันเราคงได้พบกัน”หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มแสนจะอ่อนโยน หากเด็กคนนี้ฝึกฝนไปเรื่อยๆ เธอเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นจอมเวทแถวหน้าอย่างแน่นอน และเมื่อเขากลายเป็นจอมเวทแถวหน้าแล้ว การจะได้พบเธอก็มีความเป็นไปได้ และอีกอย่างเธอเองก็มีเวลารอเจอเขาอีกตั้งมากมาย

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด