TXV – 17 ความโกรธเกรี้ยวของเจียงหยู่ยี่ !
TXV – 17 ความโกรธเกรี้ยวของเจียงหยู่ยี่ !
เมื่อตาข้างซ้ายของเซี่ยเหล่ยถูกเปิดใช้งาน เขาสามารถเรียนรู้หรือมองเห็นสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ ทำให้เขาทำในสิ่งที่ใจปราถนาได้ทันทีมันเป็นพรสวรรค์ที่วิเศษสำหรับเขา เขากวาดสายตาไปทั่วชั้นหนังสือก็มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่ดึงดูดสายตาเขามากก็คือ ‘การค้นพบอารยธรรมโบราณ’ แต่ของชิ้นนี้ไม่ใช่หนังสือเป็นเพียงกระดาษที่ถูกคั่นไว้ระหว่างหนังสือเท่านั้น !
เซี่ยเหล่ยหยิบหนังสือการค้นพบอารยธรรมโบราณจากชั้นวางหนังสือและนำกระดาษแผ่นนั้นออกจากหนังสืออย่างช้าๆ
ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนว่า : ฉันมองดูแผนที่และนำมาเทียบกับลวดลายของกุญแจ สรุปว่ากุญแจมันเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่และมันมีความหมายมากสำหรับสิ่งที่ฉันได้ศึกษามาทั้งหมดในชีวิต ทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นคู่กันที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ สิ่งนี้บ่งบอกสถานที่คือเกาะจิวเว่ยในทะเลจีนทางตะวันออก เขาต้องการทำงานร่วมกับฉันแต่ฉันปฏิเสธเขาไป สิ่งของล้ำค่าเหล่านี้มันเป็นทรัพย์สมบัติของประเทศเราไม่ควรนำมาเป็นของส่วนบุคคล ฉันจะไปที่กรมวัฒนธรรมในวันพรุ่งนี้เพื่อทำรายงานขออนุญาตค้นหาซากโบราณเหล่านี้ให้เร็วขึ้น ฉันเชื่อว่ามันจะมีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ทางโบราณคดีถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
“เกาะจิวเว่ย ?” หัวใจของเซี่ยเหล่ยเต้นเร็วขึ้นเพราะความตื่นเต้น “ชายและหญิงเหล่านั้นฆ่าศาสตราจารย์ชางปัวชิงและขโมยกุญแจไป ! นับตั้งแต่วันนั้นที่เราช่วยเชื่อมกุญแจเก่าแก่นี้ให้กลับเป็นเหมือนเดิมตอนนี้พวกเขาน่าจะอยู่บริเวณเกาะจิวเว่ยแล้ว เพื่อค้นหาซากโบราณพวกเขาคงไม่คิดว่าเราจะสืบคดีให้พวกตำรวจจับตัวพวกเขาให้เร็วขึ้นและนำตัวพวกเขามาลงโทษ !”
ในขณะที่เจียงหยู่ยี่เดินเข้าไปในห้องใบหน้าของเธอดูมีความสุขมาก “เหล่ย ฉันโทรหาผู้บัญชาการซูแล้วบอกเขาว่าฉันพบหลักฐานชิ้นสำคัญ หึ ! ฉันรายงานพฤติกรรมเล็กๆในน้อยเกี่ยวกับฮัวชางห่ายไปด้วย ฮ่าาาฮ่า ! ความคิดของเหล่ยมันดีจริงๆ !”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “คุณควรจะขอบคุณผมนะ ?”
เจียงหยู่ยี่เดินผ่านและมองไปที่เซี่ยเหล่ยขณะที่เธอส่งสายตาล้อเลียนไปที่เขา “เหล่ยต้องการให้ฉันขอบคุณแบบไหนล่ะ ?”
“เหล่ยต้องการ…… ลืมมันไปเถอะ ! เหล่ยไม่อยากกินอาหารสือฉวนแล้ว” เซี่ยเหล่ยถอนหายใจ
“ดีเลย ! ฉันประหยัดเงินไปได้ถึง 200 หยวน” เจียงหยู่ยี่หัวเราะออกมา
เซี่ยเหล่ยหยิบกระดาษของศาสตราจารย์ชางปัวชิงไว้ในมือของเจียงหยู่ยี่ “เธอเป็นคนขี้เหนียวจริงๆ ! แต่เหล่ยเป็นคนใจดีเสมอต้นเสมอปลาย นี่เป็นกระดาษที่เขียนโดยศาสตราจารย์ชางปัวชิง มันบอกถึงตำแหน่งของคนร้ายเธอสามารถนำทีมตำรวจไปยังเกาะจิวเว่ยได้เลย”
เจียงหยู่ยี่หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน
“ผมช่วยคุณได้เพียงแค่เท่านี้ ที่เหลือเธอต้องเป็นคนทำด้วยตัวเอง ผมทำในสิ่งที่ผมทำได้หมดแล้ว ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือเธอก็เพียงแค่โทรมาหาผม” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“เดี๋ยว !” เจียงหยู่ยี่เรียกเซี่ยเหล่ยในตอนนี้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสน “เหล่ยพบกระดาษแผ่นนี้ได้ยังไง ? ทีมช่างเทคนิคของตำรวจไม่สามารถเจอสิ่งสำคัญเช่นนี้แต่ทำไมเหล่ยถึงเจอ ?”
เซี่ยเหล่ยชี้ไปที่ชั้นวางหนังสือ “จริงๆแล้วเหล่ยเพียงแค่จะหาหนังสืออ่านสักเล่มหนึ่งแต่บังเอิญไปเจอกระดาษแผ่นนี้และหยิบมาอ่านโดยบังเอิญ”
“นี่มัน….คือเรื่องบังเอิญจริงๆหรอ ?” เจียงหยู่ยี่ยังคงสับสน
เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดว่า “เธอบอกเองไม่ใช่หรอว่าผมเป็นเหมือนดวงดาวที่ส่องสว่างและนำโชคมาให้เธอ ผมก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ”
เจียงหยู่ยี่มองที่เซี่ยเหล่ยแบบไม่คาดคิดมาก่อน ทีมตำรวจมืออาชีพไม่สามารถค้นเจอเบาะแสอะไรเลยแต่เซี่ยเหล่ยเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานเขาก็เจอหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะนำไปสู่การจับกุมฆาตกร ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามีความเก่งกาจเช่นนี้ ? เขาเหมือน เชอร์ลอค โฮม มากๆ !
ในขณะนั้นก็มีเสียงรถตำรวจดังมาจากบริเวณบ้านจากนั้นไม่นานเสียงของรองฮัวชางห่ายก็ตามมาติดๆ “เจียงหยู่ยี่คุณทำผิดกฎ คุณคิดว่าคุณเป็นหัวหน้าแล้วจะนำคนนอกเข้ามาในสถานที่เกิดเหตุได้ ?”
เซี่ยเหล่ยและเจียงหยู่ยี่ยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมคนที่มาถึงเป็นพวกที่น่าขยะแขยงพวกนี้ ?” เซี่ยเหล่ยถาม “คุณเธอแน่ใจหรอ ว่าโทรหาผู้บัญชาการซู ?”
เจียงหยู่ยี่พยักหน้า “ใช่ ฉันมั่นใจว่่าโทรหาผู้บัญชาการซู เขาบอกว่าเดี๋ยวจะส่งคนมาช่วยฉันทันที !”
“แล้ว…. เขาส่งฮัวชางห่ายมา ?”
“ฉันไม่คิดแบบนั้น ฉันมีความรู้สึกว่าเขาก็ไม่ได้ประทับใจอะไรในตัวของฮัวชางห่าย มากนัก เขาน่าจะส่งหัวหน้าคนอื่นที่มาที่นี่” เจียงหยู่ยี่กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ “ฮัวชางห่ายมาที่นี่ทำไม ?”
ฮัวชางห่ายปรากฏตัวที่หน้าประตูทางเข้าในขณะที่เธอกำลังเอ่ยคำเหล่านั้นออกมา ด้านหลังของเขามีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2-3 คนและพวกเขาก็ได้หลีกเลี่ยงสายตาที่ดุดันจากเจียงหยู่ยี่
“รองฮัวชางห่ายคุณมาที่นี่ทำไม ?” ตำรวจที่ตามฮัวชางห่ายมาพวกเขาไม่รู้ว่าเจียงหยู่ยี่เป็นหัวหน้าตำรวจและพวกเขารู้สึกกลัวกับกระทำของเธอเช่นนี้
ฮัวชางห่ายยิ้มอย่างร่าเริง “คุณรู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาใช่มั้ยหัวหน้าเจียง ? การที่คุณนำคนนอกเข้ามาในสถานที่เกิดเหตุคุณกำลังทำให้การสืบสวนคดียากยิ่งขึ้น !”
“ฉัน….” เจียงหยู่ยี่กำลังจะพูดในขณะที่เซี่ยเหล่ยยืนอยู่ข้างหลังเธอ ปากเขาพูดคำว่า ‘ไอ้เหี้…’ โดยที่ไม่มีเสียงออกมา
เซี่ยเหล่ยกระซิบเบาๆข้างใบหูของเจียงหยู่ยี่ “ถ้าเธอบอกเขาเกี่ยวกับหลักฐานที่พวกเราเจอทั้งหมดเขาจะยึดหลักฐานพวกนั้นเป็นผลงานของตัวเอง”
“คุณอยากตายหรอ หรืออยากเจ็บตัว ? คุณรีบออกไปก่อนที่ฉันจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ….” เจียงหยู่ยี่กล่าวขณะที่เธอกำลังกัดฟันและขมวดคิ้ว มีเพียงเจียงหยู่ยี่เท่านั้นที่ได้ยินคำพูดของเซี่ยเหล่ย
“คุณกล้า ? กล้าพูดกับผมแบบนี้ ?” ฮัวชางห่ายกล่าว
เซี่ยเหล่ยกระซิบเบาๆข้างใบหูของเจียงหยู่ยี่อีกครั้ง “ทำไมเธอต้องกลัวพวกเขาด้วยล่ะ ? เธอเป็นหัวหน้า ! เรียนรู้จากความผิดพลาดของเธอได้แล้ว พวกเขาเป็นลูกน้องของเธอและเธอก็มีหลักฐานเพียงพอที่จะไปจับกุมฆาตกรในมือของเธอ ทำไมเธอไม่กล้าที่จะต่อว่าพวกเขา ?”
เจียงหยู่ยี่สงบนิ่งสักครู่หนึ่ง “ใช่ ทำไมฉันต้องกลัว ฉันคือหัวหน้าตำรวจ !”
“คุณยินสิ่งที่ผมพูดใช่ไหม หัวหน้าเจียง ?” ฮัวชางห่ายกล่าวอย่างไม่เกรงกลัว “ผมกำลังรอฟังคำอธิบายของคุณ !”
เจียงหยู่ยี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตะโกนว่า “ให้กูอธิบายอะไร ! ไอ้ฮัวชางห่าย หุบปากของมึงซะ !”
ฮัวชางห่ายและตำรวจ2-3คนตะลึงไปชั่วหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจ้องมองไปที่เจียงหยู่ยี่และทำให้คลายข้อสงสัยที่พวกเขาสงสัยมาตลอดและเรียกได้เต็มปากว่า “หัวหน้าเจียง !” คำพูดของเธอทำให้พวกเขาพูดอะไรออกมาไม่ได้และมันมีน้ำหนักเพียงพอสำหรับคำพูดที่ออกจากปากของหัวหน้าของตำรวจ
“เจียง….” ฮัวชางห่ายกำลังจะพูดแต่โดนเจียงหยู่ยี่พูดตัดประโยคก่อนที่จะพูดจบ “กูบอกให้มึงหุบปากไง ! กูเป็นหัวหน้าและมึงก็เป็นหนึ่งในลูกน้องของกู นี่ไม่ใช่ธุระของมึง ดังนั้นมึงกลับไปได้แล้ว ! ลองดูที่ตัวมึงสิ คอยขัดขวางกูไม่ให้สืบคดีได้สำเร็จ ในแต่ละวันมึงทำอะไรบ้าง ?”
ในตอนนี้ปากของเธอเหมือนปืนกลที่เต็มไปด้วยความโกรธและมันพร้อมที่จะเบิดกระสุนออกมาทุกเมื่อ !
เจียงหยู่ยี่ชี้ไปที่ประตูทางออกและสั่งว่า “ฮัวชางห่าย มึงกลับไปที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้และรอจนกว่ากูจะสั่งให้มึงช่วยสืบคดีนี้ !”
เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2-3 คนพวกเขาจ้องมองไปที่ฮัวชางห่ายและกำลังฟังคำสั่งจากเขา พวกเขากำลังดูสถานการณ์และตรวจสอบดูว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่ข้างใคร !
ฮัวชางห่ายส่ายหัวและหัวเราะเย้ยหยัน “เจียงหยู่ยี่ ผม ฮัวชางห่ายจะไม่รับฟังคำสั่งจากหัวหน้าแบบคุณ !”
ทันใดนั้นมีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากข้างหลังประตู “ทำเป็นใหญ่โต ! ถ้าเธอไม่สามารถสั่งคุณได้ แล้วผมล่ะจะสั่งให้คุณทำอะไรได้บ้าง ?”
ตำรวจนายหนึ่งรูปร่างสูงและผอมบางปรากฏตัวหน้าทางเข้าพร้อมกับเสียงที่เข้มแข็ง สายพาดไหล่สีเงินมะกอก บั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจระดับที่ 2 ติดอยู่บนไหล่ของเขากำลังเดินเข้ามา
เซี่ยเหล่ยไม่เคยเห็นตำรวจนายนี้มาก่อน แต่เขาคาดได้ว่าเขาเป็นตำรวจที่คงจะมียศสูงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากผู้บัญชาการซู จากนั้นเขาเหลือบเห็นป้ายชื่อ ‘ซู่เจิงยี่’
ซู่เจิงยี่ไม่ได้มาเพียงลำพังด้านหลังของเขามีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก ช่างเทคนิคถือกล่องเครื่องมือและเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนอาชญากรรมมากับเขาด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2-3 คนที่ยืนอยู่ทางเข้าประตูที่มาจากสถานีตำรวจทางเหนือได้หลีกตัวออกไปทันที
ฮัวชางห่ายหยุดนิ่งสักครู่หนึ่งเมื่อเขาเห็นซู่เจิงยี่เขาก็เปลี่ยนท่าทีไปทันทีโดยการไปพูดต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันสดใสบนหน้าและยื่นมือออกไป 2 ข้างและพูดจาอย่างประจบประแจงว่า “คุณซูท่านมาที่นี่เพื่อแสดงแนวทางในการทำงานให้พวกเราดูใช่ไหม ?”
ซู่เจิงยี่เดินผ่านเขาไปโดยไม่ได้จับมือของฮัวชางห่ายที่ยื่นออกมา
ฮัวชางห่ายรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก “ผู้บัญชาการซูพวกเรากำลังคุยกันเรื่องความคืบหน้าของคดีกับหัวหน้าเจียง ในตอนนี้ผมมีข้อมูลสำคัญอยู่ก็คือภาพสเก็ตของผู้ต้องสงสัย”
ฮัวชางห่ายยื่นภาพสเก็ตทั้ง 2 ใบที่เจียงหยู่ยี่วาดไว้
เจียงหยู่ยี่โกรธจัด “ฮัวชางห่าย คุณไม่รู้สึกอับอายบ้างเลยหรอ ? ผู้ต้องสงสัยสองคนนี้ฉันเป็นคนวาดและเหล่ยเป็นคนบอกรูปร่างของฆาตกร ตอนนี้มันกลายเป็นข้อมูลของคุณได้ยังไง ?”
“หัวหน้าเจียงผมเข้าใจนะว่าคุณต้องการผลงานแต่บางสิ่งบางอย่างก็ไม่ต้องรีบพูดก็ได้มั้ง ?” ฮัวชางห่ายกล่าวแบบโจ่งแจ้ง
“คุณ…..” เจียงหยู่ยี่โกรธจนพูดอะไรไม่ออก
เซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า “รองฮัวชางห่ายคุณบอกว่าคุณได้รับข้อมูลสำคัญนี้มาคุณก็ต้องทราบสิว่าตัวตนของผู้ต้องสงสัยเป็นใคร ? คุณก็ต้องรู้ว่าคนร้ายทั้งสองคนนี้กำลังหลบซ่อนตัวและวางแผนจะทำอะไรกันอยู่ ถูกต้องมั้ย ?”
“ผม…..” ฮัวชางห่ายไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ซู่เจิงยี่จ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ย “เขาคนนี้ดูแปลกไปแต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้อะไรบางอย่าง” ซู่เจิงยี่คิดอยู่ในใจ
เซี่ยเหล่ยกล่าวต่อว่า “รองฮัวชางห่ายคุณไม่ได้มีความพยายามอะไรเลยในคดีนี้ คุณมัวแต่คิดวิธีที่จะขัดขวางหัวหน้าเจียงเพื่อให้เธอถูกปลดออกจากตำแหน่งหัวหน้าใช่ไหม ?”
“ไอ้เศษสวะ !” ฮัวชางห่ายไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป
เซี่ยเหล่ยยิ้มเบาๆบนใบหน้าของเขา เขาก็พูดต่อว่า “หัวหน้าเจียงคุณรู้ใช่ไหมว่าควรทำอะไรต่อ คุณสามารถคลี่คลายคดีได้แล้ว”
“หืม… มีอะไรคืบหน้าบ้าง ?” ซู่เจิงยี่ยืนดูด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เจียงหยู่ยี่รีบวางหลักฐานไว้บนโต๊ะและเริ่มอธิบาย “ผู้บัญชาการซูนี่เป็นหลักฐานที่สำคัญที่ผู้ต้องสงสัยทิ้งไว้ชิ้นส่วนเล็บเหล่านี้มีร่องรอยของเลือดอยู่ เส้นผมเหล่านี้ก็น่าสงสัยเราสามารถใช้การวิเคราะห์ผลจากดีเอ็นเอเพื่อหาตัวตนของฆาตกรได้นอกจากนี้ยังมีกระดาษที่ถูกเขียนโดยศาสตราจารย์ชางปัวชิงชี้ไปยังตำแหน่งที่ผู้ต้องสงสัยอยู่ในเวลานี้ ในตอนนี้คงไม่มีเวลาแล้ว ฉันคิดว่าพวกเราควรจะแบ่งทำงานเป็น 2 ทีม ทีม 1 วิเคราะห์ผลและสืบหาตัวตนของผู้ต้องสงสัยและอีกทีมเดินทางไปยังสถานที่ที่ผู้ต้องสงสัยอยู่และจับกุมตัวพวกเขา”
ซู่เจิงยี่มองเล็บที่อยู่ในกระดาษทิชชูและกระดาษที่ศาสตราจารย์ชางปัวชิงทิ้งไว้และยิ้มออกมา “ทำได้ดี ! หยู่ยี่คุณคิดว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมใช่มั้ย ?”
เจียงหยู่ยี่หันไปมองที่เซี่ยเหล่ยโดยไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเธอ “ฉันคิดว่าฆาตกรน่าจะเป็นคนที่รอบคอบแต่อย่างไรก็ตามพวกเขาคงจะมีหลักฐานหลงเหลือไว้อย่างแน่นอน พวกเราจึงไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดในการหาหลักฐานครั้งแรกจากนั้นในครั้งหลังที่ฉันเข้ามาฉันได้มองเข้าไปใกล้ๆและพบว่าเล็บพวกนี้อยู่ในเครื่องดูดฝุ่นต่อมาฉันมองไปที่ชั้นหนังสือและเห็นดาษที่ศาสตราจารย์ชางปัวชิงเขียนทิ้งไว้”
“ดี ดีมากเลย ผมคิดไม่ผิดจริงๆที่ให้คุณทำงานนี้” ซู่เจิงยี่พอใจมาก
เจียงหยู่ยี่เหลือบมองมาที่เซี่ยเหล่ยด้วยดวงตาเป็นประกายและรู้สึกขอบคุณเขาอย่างจริงใจ
เซี่ยเหล่ยก็ดีใจกับเธอด้วย เขาไม่ได้ใส่ใจที่เจียงหยู่ยี่เอาผลงานของเขาทั้งหมดไปเป็นของตัวเอง เป็นเพราะว่าผลงานนั้นมันไม่มีประโยชน์กับตัวเขาเลยแต่มันจำเป็นมากสำหรับอนาคตของเจียงหยู่ยี่
ซู่เจิงยี่มองไปที่ฮัวชางห่ายและพูดอย่างดุดันว่า “ฮัวชางห่ายกลับไปที่สถานีตำรวจ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหลังจากที่คดีนี้เสร็จสิ้นแล้ว”
ฮัวชางห่ายทิ้งตัวลงมา มันแสดงอย่างชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่ซู่เจิงยี่พูดก่อนหน้านี้จะเป็นความจริง !
ขณะที่ซู่เจิงยี่โทรหาตำรวจและขอกำลังเสริมด้านเทคนิคเพื่อมาตรวจสอบหลักฐานของเจียงหยู่ยี่ เธอหันไปทางเซี่ยเหล่ยและจับมือเขาออกมา
เซี่ยเหล่ยไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะจบลงได้ด้วยดีขนาดนี้ “คุณจะทำอะไร ?”
“เหล่ยหยิกฉัน ฉันหยิกเหล่ย” เจียงหยู่ยี่หัวเราะ “พี่ใหญ่คนนี้จะพาเหล่ยไปกินอาหารตะวันตก ! มันไม่ใช่เรื่องตลกอย่างแน่นอนในครั้งนี้เราจะไม่กินอาหาร 200 หยวนอีกแล้ว”
เจียงหยู่ยี่หยิกที่ก้นเสี่ยเหล่ยเบาๆ
เซี่ยเหล่ยรู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองมากที่จะเอื้อมมือไปหยิกก้นของเธอแต่เขาไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถที่จะไปสัมผัสบริเวณนั้นของเธอมันอาจจะทำให้กระตุ้นอารมณ์ของเขากลับมาอีกครั้งและจะทำให้เขามองเห็นเธอเปลือยกายต่อหน้าเขาอีก !......
ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ติดตามข่าวสารและเรื่องราว https://www.facebook.com/Tranxending-Vision-1843606792370694/ ขอเพียงแค่กดไลค์กดติดตาม ก็เป็นกำลังใจให้ผมแปลต่อได้แล้วคร้าบบบ ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
###################################################################