Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 18 – เจ้ายังเป็นแค่เด็กน้อย
Chapter 18 – เจ้ายังเป็นแค่เด็กน้อย
ดวงตาที่สวยงามของหยานซือเฟยกระพริบแล้วมองไปยังเด็กหนุ่มด้านขางนางขณะที่นางถอนหายใจอยู่ในใจ
2 ผ่านปีได้ผ่านไปในพริบตาเด็กหนุ่มครึ่งผู้ใหญ่ก็ได้เติบโตอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่คิดแบบนั้น นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะว่าเด้กหนุ่มเริ่มจ้องมองนางด้วยสายตาที่ร้อนแรง การจ้องมองนี้ทำให้นางเข้าใจว่าบางทีเด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไป
ดวงตาของหยานซือเฟยได้เปล่งรัศมีและนางดูน่าหลงใหลอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับว่านางเป็นปีศาจจอมยั่วยวน
ขนตาของนางสั่นไหวขณะที่นางมองไปยังเด็กหนุ่มแล้วถามว่า “พี่ใหญ่คนนี้สวย?”
“สวยอย่างมาก” เซี่ยวหยุนตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก
“แล้วเจ้าต้องการดู?” หยานซือเฟมอบรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนรอยยิ้ม นางสูดลมหายใจเบาๆ ทำให้เซี่ยวรู้สึกราวกับว่าวิญญาณกำลังจะออกจากร่างของเขา
“แน่นอน” ได้ยินเสียงนั้นเซี่ยวหยุนรู้สึกราวกับร่างกายของเขากำลังล่องลอย
“เจ้าสารเลวน้อย เจ้ายังไม่ได้แก่เท่าไหร่แต่เจ้าก็เป็นเช่นนี้แล้ว” หยานซือเฟยหัวเราะด้วยความสุขและมอบการชำเลืองที่เจ้าชู้ให้เขา ซึ่งสามารถขโมยหัวใจของบุรุษไปได้ นางได้กระแอมเบาๆ ซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยของความโกรธ
ได้ยินเสียงกระแอมนี้ เซี่ยวหยุนได้กลับมารู้สึกตัวและรู้สึกอึดอัดอย่างมาก
เขาถูกสะกดจิตโดยสมบูณ์โดยพี่สาวใหญ่ซือเฟย
มันไม่ใช่ทักษะล่อลวงแต่อย่างใด แต่เพียงแค่ความงามที่น่าทึ่งของนาง มันก็น่ากลัวยิ่งกว่าทักษะล่อลวงแล้ว
หยานซือเฟยหัวเราะเมื่อเห็นเซี่ยวหยุนเป็นเช่นนี้ “ในท้ายที่สุด เจ้ายังคงเป็นแค่เด็กที่ขัดเขินได้อย่างง่ายดาย” นางรู้สึกค่อนข้างพอใจขณะที่นางยังแกล้งเขาต่อ “เจ้าต้องการดูไหม?”
หน้าของเซี่ยวหยุนกลายเป็ยนสีแดงแต่เขากลับมาตั้งสติได้อย่างรวดเร็วขณะที่เขาหัวเราะหึๆ “ถ้าพี่สาวใหญ่ซือเฟยเต็มใจ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงาม” ถ้าเขาให้ในอีกครั้งนั้นจะเป็นเรื่องน่ากลัว
เขาไม่ได้ต้องการให้หญิงสาวคนนี้คิดว่าเขาเป็นเจ้าสารเลวน้อยอยู่
หยานซือเฟยกระพริบตาและมองไปยังเด็กหนุ่มที่กลายเป็นไร้ยางอายมากยิ่งขึ้น นางตระหนักได้ว่าเขาได้เติบโตขึ้นแล้วอย่างแท้จริง และไม่ได้มีหลักเกณฑ์อีกต่อไป กลับกันนางยิ้มและถามว่า “น้องชายเซี่ยวหยุนมาหาพี่สาวเพื่ออะไร? แน่นอนว่าเข้าไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงเพื่อจะพบข้า”
ตอนนี้พวกเขาพูดถึงบางสิ่งที่จริงจังมากขึ้น รอยยิ้มล้อเล่นของเซี่ยวหยุนหายไปขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าจะไปที่ภูเขาเมฆาม่วง”
หยานซือเฟยยกคิ้ว “ภูเขาเมฆาม่วง? เพราะเรื่องกับฝางเฮ่าหรือ?”
เซี่ยวหยุนพยักหน้าและกล่าวว่า “แก่นแท้ปราณมีหนาแน่นเป็นพิเศษเฉพาะที่บริเวณภูเขาเมฆาม่วงเท่านั้น ดังนั้นข้าจะสามารถทะลวงผ่านไปยังขอบเขตต้นกำเนิดได้ที่นั่น”
“แต่ที่นั่นมีสัตว์อสูรจำนวนมากเช่นเดียวกับกล่มนักผจญภัยจำนวนมาก มันจะอันตรายอย่างมากสำหรับเจ้าที่จะไปคนเดียว!” หยานซือเฟยดูค่อนข้างกังวล ย้อนกลับไปเมื่อนางได้ไปที่ภูเขาเมฆม่วงกับเซียนขอบเขตต้นกำเนิดหลายคน
แม้จะมีจำนวนเช่นนี้ นางก็ยังคงได้รับบาดเจ็บกลับมา
เซี่ยวหยุนโบกมือของเขาและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าจะระมัดระวังตัวให้มาก”
“มีอะไรที่พี่สาวสามารถช่วยเจ้าได้บ้าง?” หยานซือเฟยถาม
เซี่ยวหยุนกล่าวในขณะที่เขายิ้ม “เพียงแค่ให้แผนที่ที่ท่านใช้ในตอนนั้นให้กับข้า และบอกข้าด้วยว่าเถาวัลย์จิตวิยญาณม่วงอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผ่านมาถึง 2 ปีแล้ว เถาวัลย์จิตวิยญาณม่วงน่าจะมีพลังมากยิ่งขึ้น”
หัวใจของหยานซือเฟยกระตุก “เถาวัลย์ม่วง? เจ้าต้องการไปหาเถาวัลย์จิตวิญญาณม่วงเพื่อข้า?”
“เนื่องจากพี่สาวต้องการเถาวัลย์จิตวิญญาณม่วง ข้าจะพยายามมองหามันในขณะที่ข้าอยู่ที่นั่น” เซี่ยวหยุนยักไหล่ขณะที่เขายิ้ม
คำพูดของเด็กหนุ่มและท่าทางสบายๆแต่พวกมันสามารถสัมผัสหัวใจของหยานซือเฟยได้
ดังนั้นเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้มาที่นี่เพียงแค่แผนที่เฉยๆ เขายังคงต้องการจะรู้ถึงสถานที่ที่เถาวัลย์จิตวิญญาณม่วงอยู่!
“ที่นั่นมันอันตรายมาก – ไอพิษที่นั่นหนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อและมีแมลงพิษอยู่เต็มไปทั่ว แม้กระทั่งเซียนแก่นแท้ที่แท้จริงยังไม่กล้าที่จะวิ่งไปอย่างซี้ซั้ว มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ไป” หยานซือเฟยรู้สึกตื่นเต้นและมีความหวังเล็กน้อย - ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้สามารถให้เถาวัลย์จิตวิญญาณม่วงกับนางได้จริงๆ มันน่าจะมีค่าน่าจดจำ?
ถ้ามันน่าจะเป็นเหมือนเจ้าชายรูปงามที่จัดช่อดอกไม้ที่สวยงามไปมอบให้กับหญิงสาว
การได้รับบางสิ่งเช่นนี้จะทำให้คนอื่นรู้สึกอิจฉาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เหตุผลของนางกำลังบอกนางว่านี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาด
“อย่ากังวล ข้าจะระวังอย่างมาก ข้าไม่เล่นกับชีวิตตัวเองหรอก” เซี่ยวหยุนยิ้มขณะที่มองไปยังหยานซือเฟยและกล่าวว่า “ถ้าข้าตายข้าเกรงว่าพี่สาวใหญ่ซือเฟยจะกลายเป็นเศร้าอย่างไม่น่าเชื่อ ข้าจะอนุญาตให้มันเกิดสิ่งนั้นได้อย่างไร?”
หยานซือเฟยกลิ้งตาของนาง แต่ลึกลงไปนั้นนางรู้สึกมีความสุขมาก “เจ้าจะไปจริงๆหรือ?”
“อืม” เซี่ยวหยุนพยักหน้าและมองอย่างจริงจัง “ท่านควรรู้ว่าไม่กี่วันที่ฝางเฮ่าได้มาสร้างปัญหาให้กับตระกูลของข้า ถ้าข้าไม่ก้าวเข้าไปในขอบเขตต้นกำเนิด มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะจัดการเรื่องนี้”
“เจ้ามั่นใจไหมว่าเจ้าจะสามารถก้าวเข้าไปในขอบเขตต้นกำเนิดได้?” หยานซือเฟยถามอย่างกังวล
“ข้ามั่นใจเต็มที่” อันที่จริงเซี่ยวหยุนมั่นใจเต็มที่ จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาไม่ได้ขโมยแก่นแท้ปราณไปจากตันเถียนของเขาอีกต่อไป และตอนนี้เขาก็มีทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่มีแก่นแท้ปราณเพียงพอ เขาก็แน่ใจได้ว่าเขาจะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้เร็วๆนี้
หยานซือเฟยไม่ได้พยายามที่จะพูดกับเขาให้ออกจากมันเมื่อนางเห็นเด็กหนุ่มคนนี้ได้ตัดสินใจไปแล้ว กลับนางได้นำแผนที่โดยละเอียดของภูเขาเมฆาม่วงออกมา
มีบริเวณที่เป็นอันตรายหลายแห่งที่ถูกกำกับอยู่บนแผนที่
“ข้าไม่แน่ใจว่าข้าจะไปนานแค่ไหนดังนั้นข้าจะช่วยท่านสกัดพิษในวันนี้” เซี่ยวหยุนกล่าวหลังจากวางแผนที่ไว้
ร่องรอยความลำบากใจปรากฏบนใบหน้าที่สวยงามของหยานซือเฟยขณะที่นางพยักหน้า
เช่นนี้เซี่ยวหยุนจึงเริ่มสกัดพิษออกจากหยานซือเฟย
แม้ว่าเขาจะได้กำจัดพิษภายในหยานซือเฟยออกมาเป็นจำนวนมากแล้ว แต่ก็ยังมีพิษบางส่วนตกค้างอยู่ที่สามรถแสดงอาการได้ตลอดเวลา
ตอนนี้ เซี่ยวหยุนกำลังพยายามที่จะกำจัดรากของพิษ
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องที่ยากมากว่าครั้งก่อน พิษได้เข้าสู่กระดูดของนางแล้และมันเป็นอยากมากที่จะสกัดมันโดยสมบูรณ์
หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง สุดท้ายเซี่ยวหยุนก็สิ้นสุด
“จงระมัดระวังเมื่อเจ้าไปที่ภูเขาเมฆาม่วง” หยานซือเฟยกล่าวขณะที่นางเดินไปที่ประตูเพื่อส่งเด็กหนุ่มไป
“ให้สามงามเช่นท่านต้องกังวลเกี่ยวกับข้า แล้วข้าจะปล่อยให้มันเกิดอะไรกับตัวเองขึ้นได้อย่างไร?” เซี่ยวหยุนยิ้ม
“ใครกังวลเกี่ยวกับเจ้ากัน” หยานซือเฟยกลอกตาของนางไปที่เด็กหนุ่ม
หลังจากกล่าวลา เซี่ยวหยุนได้เดินออกมาจากห้อง ขณะที่เขาออกมาจากห้องแล้ว เขาได้พบว่ามีหญิงสาวอยู่ที่ข้างประตู มันดูเหมือนว่านางได้แอบฟังตั้งแต่ต้น นางยังดูค่อนข้างระมัดระวังอีกด้วย
เซี่ยวหยุนรู้สึกประหลาดใจมากและพูดว่า “น้องสาวซือหยัน? เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“มะ-ไม่มีอะไร ข้าพึ่งมาถึงที่นี่” หยานซือเฟยรีบมองไปอย่างรวดเร็ว ดูรู้สึกผิดอย่างน่าเหลือเชื่อ อย่างไรก็ตามนางชำเลืองไปที่เด็กหนุ่มขณะที่นางบุ้ยปากและดูไม่ค่อยมีความสุข “ผู้ชายคนนี้จริงๆแล้วเขาชอบพี่สาว”
“หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะไปแล้วนะ” หลังจากมองไปอย่างหยานซือหยันที่ทำตัวแปลกๆ เซี่ยวหยุนก็เริ่มก้าวออกไป
“ฮึ่ม!” ตั้งแต่ที่เซี่ยวหยุนไม่ได้ให้ความสนใจนาง หยานซือหยันก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วกระทืบของนางและมองดูไม่พอใจอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดนางก็ไล่ตามหลังเขาอย่างทำอะไรไม่ถูกและร้องออกมา “พี่ใหญ่เซี่ยวหยุนรอข้าก่อน”
“มีอะไรหรือ?” เซี่ยวหยุนหยุดเดินขณะที่เขาถาม
“พี่ใหญ่เซี่ยวหยุน ท่านจะไปที่ภูเขาเมฆาม่วงหรือ?” หยานซือหยันกล่าวขณะที่นางมองขึ้นไปที่เด็กหนุ่ม
“อือ” เซี่ยวหยุนตอบกลับขณะที่เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
มันดูเหมือนว่าเด็กสาวได้แอบฟังเขากับพี่สาวใหญ่จริงๆด้วย
“นางจะบอกแม่ของนางหรือ?” เซี่ยวหยุนรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ถ้าเกิดขึ้นมันจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะได้พบกับหยานซือเฟยในอนาคต
อย่างไรก็ตามเขารีบส่ายหัวและยิ้ม
เขากำลังจะไปที่ภูเขาเมฆาม่วง และเมื่อเขากลับ เขาก็จะอยู่ในขอบเขตต้นกำเนิด
เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เขาจะต้องยังคงกังวลเกี่ยวกับแม่ของพวกนางซึ่งไม่ชอบที่เขาจะมาพบพวกนางทำไม?
ขณะที่เซี่ยวหยุนคิดกับตนเอง หยานซือเฟยได้พูดและมองไปที่เขาอย่างคาดหวัง “ข้าอยากจะไปด้วย”
“เจ้าต้องการจะไปด้วย?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วแล้วมองไปยังการแสดงออกที่กระตือรือร้นบนใบหน้าของหยานซือหยัน
“อืม” หยานซือหยันพยักหน้า
เซี่ยวหยุนคิดสักครู่ก่อนจะตอบว่า “ไม่ เจ้าไม่สามารถมาได้”
“ทำไมกัน?” หยานซือหยันบุ้ยปากขณะที่นางขมวดคิ้ว นางรู้สึกราวกับว่ามีถังน้ำเย็นได้ราดลงบนนสงและนางรู้สึกไม่เห็นด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ
นี่เป็นเหตุให้เซี่ยวหยุนสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับเด็กสาวคนนี้กัน
“ท่านไม่พูดกับข้าเพราะว่าท่านชอบพี่สาว?” หยานซือหยันถามหลังจากรวบรวมความกล้าหาญ
“เจ้ายังเป็นแค่เด็กสาวตัวน้อย เจ้ากำลังทำอะไรอยู่กัน?” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่เขาส่ายหัว
เขาจะเอาเด็กหญิงคนนี้ไปยังสถานที่อันตรายอย่างเหลือเชื่ออย่างภูเขาเมฆาม่วงได้อย่างไร?
“ข้าเป็นเด็กน้อยอย่างไร?” หยานซือหยันย่นจมูกของนางและไม่พอใจกับคำพูดของเซี่ยวหยุน
“อย่างนั้นเจ้าก็ไม่ได้เป็นเด็กน้อย?” ขณะที่เขาพูดแบบนี้ เซี่ยวหยุนได้ชำเลืองไปยังหน้าอกที่ค่องข้างแบนราบของนางอย่างช่วยไม่ได้
หยานซือหยันเหยียบเท้าของเซี่ยวหยุนอย่างแรงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ฮึ่ม เจ้าโง่เซี่ยวหยุน เจ้าคนเลอะเลือน! ข้าจะเป็นเด็กน้อยได้อย่างไร? ข้าอายุ 15 ปีแล้ว ฮึ่ม ในอีก 2 ปี ข้าจะใหญ่กว่าพี่สาวนั่นอย่างแน่นอน”
“ฮ่าฮ่า พวกเราจะรอดูเมื่อเจ้าอายุมากกว่านี้” เซี่ยวหยุนหัวเราะขณะที่เขาบึ่งออกมาจากลานบ้าน
“เจ้าเลมทราวเซี่ยวหยุน เจ้าเลวเซี่ยวหยุน เจ้าผู้ชายต่ำช้า!” หยานซือหยันรู้สึกค่อนข้างโกรธ นางไปที่มองหน้าอกของนางขณะที่นางพึมพำว่า “ข้าจะเป็นเด็กน้อยได้อย่างไร? พวกมันใหญ่ทีเดียวเชียว”
หยานซือหยันอายุเพียงแค่ 15 ปีและแม้ว่าหน้าอกของนางจะเริ่มมีการพัฒนาขึ้นบ้างแล้ว พวกมันก็ยังดูเหมือนว่ายังไม่สุกงอมเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเซี่ยวหยุนปฏิบัติกับนางเหมือนเด็กหญิงตัวน้อย
“ฮี่ฮี่ หยันเอ๋อของพวกเราโตขึ้นแล้ว เอ๋?” ในขณะนี้หยานซือเฟยได้เดินออกมาขณะที่ยิ้ม
“พี่สาว ท่านก็ยังเยาะเย้ยข้าด้วยหรือ?” หยานซือหยันมองไปและรู้สึกอายเล็กน้อย หลังจากเห็นหน้าอกของพี่สาวนางที่ใหญ่และกว้างขวาง ความโกรธของนางลดลงอย่างมาก นางน้อยกว่าพี่สาวอย่างมากจริงๆ
“ทำไมพี่สาวต้องเยาะเย้ยเจ้าด้วยเล่า?” หยานซือเฟยเดินออกมาและลูบไล้ผมของนางสาวนางด้วยความรักใคร่
“พี่สาว ผู้ชายทุกคนชอบหน้าอกที่ใหญ่หรือ?” หยานซือหยันถามขณะที่นางกระพริบตา
หยานซือเฟยหัวเราะ “เด็กโง่ เจ้าชอบผู้ชายเพียงเพราะเขาหล่อเหลา?”
“แน่นอนว่าไม่” หยานซือเฟยรีบสายศีรษะของนาง เมื่อนางคิดย้อนกลับไปความเจ็บป่วยที่รักษาไม่หายของนางได้รับการรักษาโดยเด็กหนุ่ม นางพบว่านางไม่สามารถลืมเกี่ยวกับเขาได้เลย
หยานซือเฟยยิ้มและพูดว่า “นั่นแหละถูกแล้ว หัวใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เจ้ายังคงเป็นเด็กหนุ่ม เจ้าจะเข้าใจได้เองในอนาคต”
“หัวใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด?” หยานซือหยันพยักหน้าดูเหมือนจะเข้าใจบางสิ่ง
อย่างไรก็ตามเมื่อนางคิดถึงประโยคสุดท้ายของพี่สาวของนาง หยานซือเฟยบุ้ยปากแล้วนางก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “พี่สาว ข้าอายุ 15 ปีแล้ว ข้าไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไป เด็กสาวหลายคนในราชอาณาจักรจันทราวายุได้แต่งงานกันไปแล้วในวัยนี้”
หยานซือเฟยเลิกคิ้วของนางแล้วหัวเราะขณะที่นางพูดว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าไม่ได้เป็นเด็ก นี่ดีรึยัง? หยันเอ๋อของพวกเราได้เติบโตขึ้นแล้ว”
“นั่นแหละถูกต้องแล้ว ข้าได้โตขึ้นแล้ว”
หยานซือหยันกล่าวขณะที่นางแอบชำเลืองมองไปยังพี่สาวของนาง นางกำหมัดของนางไว้พร้อมกันขณะที่นางพึมพำด้วยเสียงเล็กๆ “ข้าจะต้องโตขึ้นแล้วใหญ่กว่าของท่านในอนาคตแน่นอน”
มันดูเหมือนว่าเด็กสาวคนนี้ได้ตัดสินที่จะ ‘เติบโต’ อย่างมหาศาล