เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 80 พลังการต่อสู้ที่เพิ่มสูงขึ้น (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 80 พลังการต่อสู้ที่เพิ่มสูงขึ้น
แปลโดย iPAT
สายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านทุ่งหญ้าที่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง
หมูป่าวิ่งอย่างบ้าคลั่งด้วยกีบเท้าทั้งสี่
ฟางหยวนยืนอยู่ด้านหน้าหมูป่าด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง
ฆ่า!
เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าโดยไม่มีความคิดที่จะหลบเลี่ยง
เขี้ยวสีขาวของหมูป่าพุ่งเข้ามาด้วยเจตนาสังหาร
ฟางหยวนบิดร่างหลบเขี้ยวหมูป่าและฟันศอกลงบนกะโหลกศีรษะของเป้าหมาย
ก่อนที่ทั้งสองปะทะกัน ศอกของฟางหยวนส่องแสงสีเขียวออกมา
วิญญาณกายาหยกเขียว!
"ปัง!"
เสียงปะทะดังสนั่น ฟางหยวนถอยหลังกลับไปสามก้าวขณะที่หมูป่าล้มลง
หมูป่าค่อยๆลุกขึ้น
ด้วยเสียงตะโกนของฟางหยวน เขาออกวิ่งอีกครั้งก่อนจะใช้มือซ้ายจับเขี้ยวหมูป่าและส่งกำปั้นขวาที่เรืองแสงสีเขียวออกไป
"ปัง!"
กำปั้นปะทะศีรษะหมูป่าและทำให้มันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ด้วยมัดกล้ามเนื้อที่โป่งพอง เส้นเลือดสีเขียวที่วิ่งไปรอบๆแขน เขายังจับเขี้ยวหมูป่าเอาไว้อย่างแน่นหนา
ในเวลาเดียวกันกำปั้นข้างขวาของเขาก็ยังคงทุบลงมาอย่างต่อเนื่อง
"ปัง ปัง ปัง!"
ทุกครั้งที่กำปั้นปะทะกับศีรษะหมูป่า มันจะเรืองแสงสีเขียวออกมาทุกครั้ง
หมูป่าถูกทุบตีจนเริ่มอ่อนแรง
"สุดท้าย!" ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขายกแขนขวาขึ้นสู่อากาศก่อนจะแทงศอกลงมาอย่างเต็มกำลัง
"ปัง!"
ฟางหยวนคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับข้อศอกที่กระแทกลงกลางศีรษะของหมูป่าอย่างรุนแรง สุดท้ายเสียงกรีดร้องของหมูป่าก็หยุดลง
กะโหลกศีรษะของหมูป่าแตกเป็นเสี่ยงๆพร้อมกับเลือดและสมองที่ไหลออกมาอย่างช้าๆ
สายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงพัดกลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ
"ชีวิตงดงามเหมือนดอกไม้ในฤดูร้อน ความตายละเอียดอ่อนราวกับใบไม้ที่ร่วงโรย" ฟางหยวนพึมพำขณะที่ชื่นชมทัศนียภาพอันงดงาม
ผู้รอดชีวิตจะก้าวไปสู่ความรุ่งโรจน์ขณะที่ผู้ตายจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
ชีวิตและความตายเต็มไปด้วยสิ่งที่แตกต่าง มันสะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายของธรรมชาติและความน่าตื่นเต้นแห่งชีวิต
‘ไม่ว่าจะเป็นโลกใบใด ผู้ชนะจะได้รับการสรรเสริญ ผู้แพ้จะต้องทรมานกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ สำหรับข้ามันหมายถึงชีวิตหรือความตาย บนเส้นทางสายปีศาจ หากพ่ายแพ้ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่’
ฟางหยวนนั่งลงบนพื้นด้านข้างศพหมูป่าและปล่อยให้วิญญาณหมูขาวกินอาหารของมันขณะเดียวกันเขาก็ปิดเปลือกตาลงและตรวจสอบทะเลวิญญาณ
ภายในทะเลวิญญาณ น้ำทะเลสีฟ้าเข้มประกายทองแดงยังสาดซัด
เดิมทีฟางหยวนมีพลังวิญญาณอยู่สี่สิบสี่ส่วน แต่หลังจากใช้วิญญาณกายาหยกเขียวหลายครั้ง ตอนนี้พลังวิญญาณของเขาลดลงเหลือสามสิบหกส่วน
หากนับรวมพลังวิญญาณทั้งหมดที่ถูกใช้งาน เขาเสียค่าใช้จ่ายไปเพียงแปดร้อย มันไม่แม้แต่จะถึงสิบ นี่เป็นเพราะมันคือทะเลวิญญาณระดับหนึ่งขั้นสุดยอด น้ำทะเลสีฟ้าเข้มประกายทองแดงมีความเข้มข้นของพลังวิญญาณค่อนข้างสูง
ทะเลวิญญาณระดับหนึ่งขั้นต้นมีน้ำทะเลสีครามซีดประกายทองแดง
ทะเลวิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลางมีน้ำทะเลสีครามอ่อนประกายทองแดง
ทะเลวิญญาณระดับหนึ่งขั้นสูงมีน้ำทะเลสีครามประกายทองแดง
ทะเลวิญญาณระดับหนึ่งขั้นสุดยอดมีน้ำทะเลสีฟ้าเข้มประกายทองแดง
ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด พลังวิญญาณก็จะเข้มข้นขึ้นเท่านั้น
การกระตุ้นใช้งานดาบแสงจันทร์ต้องใช้พลังวิญญาณจากทะเลวิญญาณสีครามซีดประการทองแดงสิบส่วน หากเป็นทะเลวิญญาณสีครามอ่อนประกายทองแดง มันจะเสียค่าใช้จ่ายเพียงห้าส่วน ในทำนองเดียวกันทะเลวิญญาณสีครามประกายทองแดงและทะเลวิญญาณสีฟ้าเข้มประกายทองจะเสียค่าใช้จ่ายดลดลงขั้นละครึ่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พลังวิญญาณสีฟ้าเข้มประกายทองแดงสิบส่วนเท่ากับพลังวิญญาณสีครามประกายทองแดงยี่สิบส่วนหรือเท่ากับทะเลวิญญาณสีครามอ่อนประกายทองแดงสี่สิบส่วนและเท่ากับทะเลวิญญาณสีครามซีดประกายทองแดงแปดสิบส่วน
การสังหารหมูป่าครั้งนี้ ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณกายาหยกเขียวหลายครั้งและต้องจ่ายด้วยพลังวิญญาณสีฟ้าเข้มประกายทองแดงแปดส่วน นั่นเท่ากับพลังวิญญาณสีครามซีดประกายทองแดงหกสิบสี่ส่วน
หากฟางหยวนยังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นต้นที่มีพลังวิญญาณสี่สิบสี่ส่วน เมื่อเขาใช้วิญญาณกายาหยกเขียวโจมตีหมูป่า พลังวิญญาณของเขาจะหมดลงก่อนที่เขาจะสามารถสังหารมัน
‘เมื่อการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณสูงขึ้น พลังการต่อสู้ของพวกเขาก็จะสูงขึ้นเช่นกัน ทะเลวิญญาณระดับสูงจะมีความเข้มข้นของพลังวิญญาณที่สูงขึ้น แท้จริงแล้วทะเลวิญญาณสีฟ้าเข้มของข้ายังเป็นทะเลวิญญาณระดับหนึ่งขั้นสูงที่อยู่ระหว่างการยกระดับด้วยความสามารถในการควบแน่นพลังวิญญาณของวิญญาณสุรา ตรงข้ามกับฟางเจิ้งที่เข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นสุดยอดอย่างแท้จริง’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เวลาโบยบินไปอย่างรวดเร็ว สองเดือนผ่านมาแล้วหลังจากหวังต้าพยายามลอบสังหาร
ฟางเจิ้งถูกโจมตีด้วยพิษและตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน หลังจากตื่นขึ้น เขาราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ยิ่งขยันและบ่มเพาะอย่างมีระเบียบวินัย ดังคำกล่าวที่ว่าชีวิตที่ยากลำบากมีค่าดั่งทอง
ฟางเจิ้งผ่านความยากลำบากครั้งนี้ เขาเริ่มเปลี่ยนไปเพราะได้รับประสบการณ์ที่ล้ำค่า เขาเหมือนหยกเนื้อดีที่ผ่านการเจียรไนและสามารถส่องประกายขึ้นในที่สุด
เขาเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นสูงและไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เป็นคนแรกที่ก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นสุดยอดโดยทิ้งสหายร่วมชั้นเรียนทั้งหมดเอาไว้เบื้องหลัง ข้อได้เปรียบของผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งเริ่มเผยให้เห็นในเวลานี้
‘ข้าอยู่ไม่ไกลจากระดับหนึ่งขั้นสุดยอดมากนัก อย่างมากก็อีกไม่เกินครึ่งเดือน แม้ข้าจะควบแน่นพลังวิญญาณทุกวัน แต่พรสวรรค์นภาที่สามยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับพรสวรรค์นภาที่หนึ่งหรือสอง และยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง...’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาต้องฆ่าวานรหินตาหยกเพื่อหาอาหารให้กับวิญญาณกายาหยกเขียว ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องค้นหาเงื่อนงำในการรับสืบทอดมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ในป่าหินที่กว้างใหญ่
ป่าหินเต็มไปด้วยความซับซ้อนและหินงอกหินย้อยที่ทิ้งตัวลงมาจากเพดาน หากเขาไม่ระมัดระวังและเดินเข้าไปใกล้หินงอกหินย้อยเหล่านั้น เขาอาจถูกวานรหินตาหยกจำนวนมากรุมโจมตี
หลายครั้งที่เขาถูกไล่ล่าโดยฝูงวานรหินตาหยกหลายสิบตัวและต้องหลบหนีอย่างสุดชีวิต ในช่วงเวลาอันตรายเขายังก้าวเข้าไปใกล้หินย้อยต้นหนึ่งก่อนที่จะจบลงด้วยการถูกไล่ล่าโดยวานรหินตาหยกนับร้อย
โชคดีที่ลิงเหล่านี้มักจะอยู่นิ่งๆ กินและนอน ดังนั้นหลังจากพวกมันออกไล่ล่าอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง พวกมันจะกลับเข้าไปนอนอยู่ในรังของมันดังเดิม
แต่ถึงกระนั้นฟางหยวนก็ยังก้าวเข้าสู่หุบเหวแห่งความตายมาแล้วหลายครั้ง ในช่วงเวลาวิกฤตวิญญาณกายาหยกเขียวกลายเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมของเขา
ด้วยการทุ่มเทเวลาและความพยายามในการค้นหาเงื่อนงำของการรับสืบทอดมรดก มันทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะของฟางหยวนช้าลง
‘อย่างไรก็ตามนี่ยังเป็นเส้นทางที่ดีกว่าในชีวิตก่อนหน้า สำหรับโลกใต้พิภพ อย่างน้อยข้าก็รู้แล้วว่ากำแพงหินรอบๆไม่มีปัญหา มันหมายความว่าเงื่อนงำในการรับสืบทอดมรดกจะต้องอยู่ที่ใดสักแห่งภายในป่าหิน’
ขณะที่ฟางหยวนกำลังครุ่นคิด เสียงเหยียบกิ่งไม้แห้งพลันดังขึ้น
มันเป็นหมาป่าเฒ่าขนสีน้ำตาลที่ตาบอดข้างหนึ่ง
มันมองฟางหยวนด้วยสายตาระแวดระวังและกระตุกจมูกสูดดมอย่างต่อเนื่อง หมาป่ากับหมาบ้านต่างมีความสามารถพิเศษในด้านการดมกลิ่น หมาป่าตัวนี้ถูกดึงดูดเข้ามาโดยกลิ่นลือดหมูป่า
หมาป่ามักอยู่รวมกันเป็นฝูง แต่มีบางส่วนที่แยกตัวอยู่เพียงลำพัง เพราะกระทั่งในฝูงหมาป่าก็ยังมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง เพื่อรักษาเสถียรภาพ หมาป่าเฒ่าและพิการเช่นนี้จะถูกขับไล่ออกจากฝูง
ฟางหยวนลุกขึ้นยืนและมองหมาป่าเฒ่าอย่างเงียบๆ
หลังจากสังหารหมูป่า พลังวิญญาณของเขาถูกใช้ไปแล้วจำนวนหนึ่ง ตอนนี้พลังการต่อสู้ของเขาลดลง หากเขาพพบสัตว์ป่าอีกครั้ง ทางที่ดีที่สุดคือการหลบหนี
แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้นมากและด้วยการคงอยู่ของวิญญาณกายาหยกเขียว มันเพียงพอที่เขาจะเผชิญหน้ากับหมาป่าเฒ่าตัวนี้
ต้นไม้บนภูเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
ดวงอาทิตย์ค่อยๆดับแสงและเปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นสีดำ
ท่ามกลางความมืดสลัว ดวงตาของหมาป่าเฒ่าเรืองแสงสีเขียวและแสดงให้เห็นถึงความดุร้ายตามธรรมชาติของมัน แต่ดวงตาของฟางหยวนกลับน่าสยดสยองยิ่งกว่าด้วยความมืดมิดอันไร้จุดสิ้นสุด
วิญญาณหมูขาวกลับไปหาฟางหยวนแล้วหลังจากอิ่มหนำกับอาหารอันโอชะ
หมาป่าเฒ่ามองซากศพหมูป่าที่เหลือเพียงกระดูกและผิวหนังบางส่วนก่อนจะค่อยๆก้าวถอยหลังและกระโดดหายเข้าไปในพุ่มไม้
หมาป่าเฒ่าตาบอดตัวนี้สามารถมีชีวิตมาถึงวันนี้ นั่นหมายความว่ามันมีสติปัญหาที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นเมื่อมันตระหนักถึงภัยคุกคามจากฟางหยวน มันจึงตัดสินใจล่าถอย
การมาและการจากไปของมันทั้งรวดเร็วและฉับพลัน
มันไม่ได้ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนและไม่ได้คำรามออกมาเหมือนเสือโคร่ง
มันเป็นการเผชิญหน้าโดยปราศจากเสียง การเริ่มต้นและจบลงอย่างรวดเร็ว
‘ชีวิตและความตาย นี่เป็นความท้าทายของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่’ ฟางหยวนไม่มีความคิดที่จะไล่ล่าหมาป่าไร้ค่าตัวนี้
"อะวู้..."
แต่วินาทีถัดมาเสียงกรีดร้องของหมาป่าเฒ่ากลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน
เสียงแหบแห้งของมันดังขึ้นอย่างฉับพลันและจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นผู้คนก็ยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงกลิ่นอายแห่งความตาย
"แค่ก"
เสียงเหยียบกิ่งไม้ดังใกล้เข้ามาอีกครั้ง
เมื่อเสียงที่ไร้ความหวาดกลัวเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา รูม่านตาของฟางหยวนพลันหดเล็กลง
'สามารถสังหารหมาป่าเฒ่าภายในไม่กี่วินาที...' ดวงตาของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ