ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 77 สถานการณ์ที่แปลกประหลาด (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 79 วิญญาณดวงที่หก (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 78 ผลลัพธ์เป็นไปตามความคาดหมาย (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 78 ผลลัพธ์เป็นไปตามความคาดหมาย

แปลโดย iPAT 

ในห้องประชุม อวี๋โป้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยสายตาที่มีนัยยะ

ผู้อาวุโสทั้งหมดนั่งตัวตรงและใช้เพียงหางตาชำเลืองมองเพื่อพิจารณาความหมายที่ซ่อนอยู่ในการแสดงออกของผู้นำตระกูล

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นซับซ้อน

‘ฟางหยวนได้ที่หนึ่ง ความหมายที่ซ่อนอยู่ไม่ธรรมดา เขากล่าวว่าเขาพบถุงใส่เขี้ยวหมูป่าที่นักล่าบางคนซ่อนเอาไว้ เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป’

‘ถุงใบนี้อาจถูกเตรียมไว้โดยบางคน มันเป็นไปไม่ได้ที่ฟางหยวนจะล่ามาด้วยตัวเขาเอง คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือบางคนให้ความช่วยเหลือเขาอยู่ในที่มืด’

‘การสอบกลางปีครั้งนี้ไม่เหมือนกับปีก่อนหน้า มีผู้ใช้วิญญาณระดับสองมากมายเฝ้ามองอยู่ สำหรับหัวข้อของการสอบในปีนี้ ไม่เพียงอาจารย์อาวุโสเท่านั้นที่รู้ มันยังมีผู้อาวุโสของตระกูลอีกหลายคนที่ล่วงรู้เช่นกัน’

‘หากบางคนเตรียมถุงใบนี้เอาไว้ล่วงหน้า มันต้องผู้อาวุโสของตระกูลหรืออาจเป็นได้กระทั่งผู้นำตระกูล’

ผู้อาวุโสของตระกูลแต่ละคนล้วนฉลาดเฉลียวไม่ต่างไปจากจิ้งจอกเฒ่า หลังจากอยู่ในแวดวงการเมืองของตระกูลมานานหลายปี พวกเขาสามารถคิดถึงความน่าจะเป็นต่างๆ

ฟางเจิ้งเป็นผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง หากการบ่มเพาะของเขาบรรลุระดับสี่ นั่นหมายถึงสิ่งใด?

มันหมายความว่าเขาจะกลายเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป

ฟางหยวนเป็นพี่ชายของฟางเจิ้ง แม้เขาจะมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่ด้วยความสัมพันธ์ทางสายเลือด เขาจึงมีความน่าสนใจที่ผู้อาวุโสบางคนต้องการลงทุน

สำหรับผู้นำตระกูลอวี๋โป้ หากเขาให้ความช่วยเหลือฟางหยวนอย่างลับๆและนำฟางหยวนเข้าสู่ฝ่ายของเขา มันจะกลายเป็นเข็ดขัดที่ผูกมัดฟางเจิ้งเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง

ด้านผู้อาวุโสของตระกูล พวกเขารู้ว่าฟางเจิ้งถูกอวี๋โป้ดึงตัวไปแล้ว หากเขาได้รับการดูแลอย่างดี ฝ่ายของผู้นำตระกูลอวี๋โป้จะแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก อย่างไรก็ตามหากผู้อาวุโสบางคนสามารถดึงตัวฟางหยวนให้เข้าร่วมกับพวกเขา ด้วยความสัมพันธ์ทางสายเลือด เขาจะเป็นตัวหมากที่ดีหากต้องจัดการฟางเจิ้งในอนาคต

ดังนั้นมันจึงหมายความว่าผู้อาวุโสนับสิบที่อยู่ในห้องประชุมแห่งนี้ล้วนมีแรงจูงใจที่จะให้ความช่วยเหลือฟางหยวนด้วยกันทั้งสิ้น

แต่มันคือผู้ใด?

ซื่อเหลียงคิด 'ข้าไม่ได้ช่วยเหลือฟางหยวน แล้วมันคือผู้ใด? เจ้าแก่สกุลโม่งั้นหรือ? ฮืม เป็นไปได้ แม้ฟางหยวนจะฆ่าคนรับใช้สกุลโม่ แต่มันก็เป็นเพียงทาส ต่อให้พวกมันตายทั้งหมดก็ยังไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อสกุลโม่ ผู้นำตระกูลยิ่งมีความเป็นไปได้มากกว่า หากเขาบ่มเพาะฟางหยวนอย่างดี เขาจะควบคุมฟางเจิ้งได้มากขึ้น แต่ตามบรรทัดฐานเดิม เด็กๆจะถูกดึงตัวในช่วงเวลาของการสอบปลายปี ความช่วยเหลือระหว่างการสอบกลางปีถือเป็นการทำลายกฎ'

'มันไม่ใช่การทำลายกฎ แต่มันเป็นการโยนหินนำทาง มันเป็นเพียงว่าผู้ใดที่สามารถมองเห็นศักยภาพของฟางหยวนนอกจากข้า?' โม่เฉินคิด

ความจริงที่ฟางหยวนสังหารเกาเหวินและส่งชิ้นส่วนของศพกลับมายังสกุลโม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เปลี่ยนความคิดที่โม่เฉินมีต่อฟางหยวนและต้องการดึงตัวฟางหยวนเข้าสู่ฝ่ายของตน

แต่ปกติแล้วการดึงตัวเด็กบางคนจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตามขณะนี้ฟางหยวนกลับถูกจองตัวล่วงหน้า นี่ทำให้โม่เฉินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

อวี๋โป้มองซื่อเหลียงและโม่เฉิน สองผู้อาวุโสที่ทรงอำนาจที่สุด

ผู้นำตระกูลผู้นี้มีสายตาที่ค่อนข้างแหลมคม

ฟางหยวนกล่าวความเท็จและคว้าอันดับหนึ่งไปครอง การกระทำนี้เป็นข้อความจากบางคนที่ต้องการบอกว่า ข้าปกป้องฟางหยวน ตอนนี้เขาเป็นคนของข้า มันจะดีที่สุดหากเจ้าไม่แตะต้องเขา

แต่มันคือผู้ใด?

กลุ่มอิทธิพลทางการเมืองของตระกูลแสงจันทร์แบ่งออกเป็นสามฝ่าย หนึ่งฝ่ายของอวี๋โป้ สองฝ่ายของซื่อเหลียง และสามฝ่ายของโม่เฉิน

อวี๋โป้รู้ว่าตนเองไม่ได้ทำเรื่องนี้ ดังนั้นผู้ต้องสงสัยที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือซื่อเหลียงกับโม่เฉิน

'สหายเฒ่าสองคนนี้ช่างแสดงออกได้แนบเนียนนัก เห็นการแสดงออกของพวกเขา ข้าไม่สามารถบอกได้จริงๆว่าเป็นผู้ใด อย่าบอกข้าว่ามันไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นกลุ่มเล็กๆบางกลุ่ม มันยากที่จะเชื่อเช่นนั้น'

อวี๋โป้สังเกตและสันนิษฐานอย่างระมัดระวัง แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือผู้อาวุโสทั้งหมดกำลังสังเกตการณ์คนอื่นๆอยู่เช่นกัน

สำหรับอาจารย์อาวุโส เขาเป็นกลางทางการเมือง ดังนั้นความคิดของเขาจึงค่อนข้างเรียบง่าย 'เช่นนั้นฟางหยวนก็ถูกดึงตัวโดยผู้อาวุโสบางคนของตระกูลไปแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดเขาถึงสามารถนำหน้าฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน สำหรับผู้ที่ต้องการตัวเขา มีเพียงผู้นำตระกูลอวี๋โป้ ผู้อาวุโสซื่อเหลียง หรือผู้อาวุโสโม่เฉินเท่านั้น แต่นี่ถือเป็นข่าวดี มันแสดงให้เห็นว่าเขาได้รับการยอมรับและเริ่มผสานตัวเข้ากับตระกูลแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น ตอนนี้เขาก็กลายเป็นสมาชิกของตระกูลไปแล้ว เมื่อใดที่เขาเข้าร่วมกับตระกูลอย่างสมบูรณ์แบบ เขาจะอุทิศชีวิตเพื่อตระกูลแสงจันทร์'

หลังจากชั่วครู่อวี๋โป้เปิดปากอีกครั้ง "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เมื่อบางกลุ่มเริ่มเล็งเป้ามาที่ฟางเจิ้ง ตระกูลแสงจันทร์ของเราก็ไม่สามารถนิ่งเฉย พวกเราต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าตระกูลแสงจันทร์ไม่สามารถถูกกลั่นแกล้ง ผู้อาวุโสห้องมืดเตรียมแผนการให้พร้อมและรายงานข้าหลังจากนี้"

"รับทราบ" ผู้อาวุโสห้องมืดพยักหน้ารับคำสั่ง

"สำหรับฟางเจิ้ง ข้าเกรงว่าจิตใจของเขาจะได้รับความกระทบจากเรื่องนี้ เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง เขาเป็นบุคคลสำคัญของตระกูล ดังนั้นจากนี้ไปข้าจะเป็นผู้สั่งสอนเขาด้วยตัวข้าเอง" อวี๋โป้กล่าว

ไม่มีผู้อาวุโสคนใดคัดค้าน

หลายคนรู้อยู่แล้วว่าอวี๋โป้ดูแลฟางเจิ้งอย่างลับๆมาตลอด สิ่งที่เขากล่าวอาจเป็นการละเมิดกฎของตระกูล แต่ด้วยเหตุผลที่เพียงพอ คนอื่นๆจึงไม่มีสามารถกล่าวสิ่งใด

"สำหรับฟางหยวน..." อวี๋โป้ลากเสียงยาว

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ทุกคนต่างตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องการรู้ว่าผู้นำตระกูลจะบอกว่าตัวเขาลอบสนับสนุนฟางหยวนหรือไม่?

อวี๋โป้กวาดตามองทุกคน แต่เมื่อเห็นการแสดงออกของพวกเขา อวี๋โป้กลับรู้สึกผิดหวัง

เขากล่าวต่อ "ด้วยพรสวรรค์นภาที่สาม การผลักดันให้เขากลายเป็นตัวตนระดับแนวหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย ในความคิดเห็นของข้า ข้าจะมอบหินวิญญาณให้เขาเป็นรางวัลจำนวนสามสิบก้อน อาจารย์อาวุโสนำคำของข้าไปบอกต่อเขาและให้เขาทำงานหนักต่อไป"

"รับทราบ" อาจารย์อาวุโสโค้งคำนับและรับคำสั่ง

'หินวิญญาณสามสิบก้อน รางวัลนี้มีความหมายว่าอย่างไร?' กลุ่มผู้อาวุโสขมวดคิ้ว

'ไม่ว่าผู้ใดที่ต้องการดึงตัวฟางหยวน หินวิญญาณสามสิบก้อนของข้าจะเป็นสิ่งบ่งบอกว่าข้าต้องการผูกมิตรกับเขา ไม่ว่าอย่างไรเราก็เป็นสมาชิกตระกูลแสงจันทร์เช่นเดียวกัน แต่ศัตรูที่แท้จริงของพวกเราคือตระกูลไป่กับตระกูลซ่ง' อวี๋โป้ลอบถอนหายใจกับตนเอง

ฟางเจิ้งถูกลอบสังหารจากคนนอกแต่กลโกงของฟางหยวนเป็นเพียงความขัดแย้งภายใน

เผชิญหน้ากับศัตรูภายนอก เขาต้องใช้วิธีการที่รุนแรงที่สุด สำหรับความขัดแย้งภายใน เขาเลือกที่จะใช้วิธีการที่อ่อนโยนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของตระกูล

"เอาล่ะ เมื่อมันถูกตัดสินแล้ว ทุกคนก็จงกลับไปทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ความรุ่งเรืองของตระกูลขึ้นอยู่กับผลงานของทุกคน" อวี๋โป้โบกมือเบาๆ

"ท่านผู้นำ พวกเราขอลา"

กลุ่มผู้อาวุโสค่อยๆเดินจากไปทีละคน สุดท้ายเหลือเพียงผู้นำตระกูลอวี๋โป้ที่ถูกทิ้งไว้ในห้องประชุมแห่งนี้

เขาถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นบีบขมับ

แม้เขาจะมีอำนาจสูงสุดในตระกูล แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถทำทุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย เขาต้องให้ความสำคัญกับความคิดของฝ่ายอื่นหากต้องการทำบางสิ่ง เขาไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยความต้องการของตนเองเพียงฝ่ายเดียว กองกำลังของตระกูลถูกแบ่งออกเป็นฝ่ายต่างๆและมันจะสืบทอดต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น แต่ละฝ่ายล้วนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและคอยคานอำนาจกันมาตลอด

สำหรับกองกำลังภายนอก เขาต้องเผชิญหน้ากับตระกูลซ่งที่หยิ่งยโสกับตระกูลไป่ที่พุ่งสูงขึ้นทีละน้อย

เรื่องราวภายในตระกูล เขาจะต้องแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ค่อนข้างซับซ้อน แม้อวี๋โป้จะเป็นเพียงชายวัยกลางคน แต่ตอนนี้เส้นผมของเขากลับเปลี่ยนเป็นสีขาวไปเรียบร้อยแล้ว

‘หลายปีที่ผ่านมาในฐานผู้นำตระกูล แม้ข้าจะครอบครองทรัพยากรมากมาย แต่การบ่มเพาะของข้ากลับไร้ความก้าวหน้า หัวใจของข้าเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายในตระกูล บางทีข้าก็ต้องการบ่มเพาะอยู่อย่างสงบและไม่ต้องแบกรับปัญหายุ่งยากเหล่านี้ หากข้าสามารถทำเช่นนั้นบางทีข้าอาจก้าวหน้าไปได้อีกมาก’

อวี๋โป้ถอนหายใจอีกครั้ง

ตราบเท่าที่ยังอยู่ในระบบตระกูล พวกเขาต้องรับผิดชอบกับมัน เมื่อพวกเขาต้องแบกรับความรับผิดชอบ มันก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะสามารถบ่มเพาะได้ดังใจปรารถนา

ในทางตรงข้าม หากพวกเขาไม่เข้าสู่ระบบตระกูล พวกเขาจะไม่สามารถใช้ทรัพยากรของตระกูล การบ่มเพาะของพวกเขาจะหยุดลงในที่สุด

นี่เป็นกงล้อแห่งโชคชะตาที่ขัดแย้งในตัวของมันเอง

ด้วยกงล้อชนิดนี้ มันทำให้อนาคตของผู้คนมากมายถูกทำลายและเป็นเหตุให้ผู้มีพรสวรรค์ไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรค

หวังต้าตายแล้ว...

สามวันถัดมาฟางหยวนได้รับข่าวนี้ในที่สุด

ในเวลาเดียวกันเขายังได้ยินจากเจียงอี้ว่านักล่าหนุ่มสองคนหายตัวไปในภูเขาขณะออกล่าสัตว์ สำหรับนักล่าที่ถูกหักแขนโดยฟางหยวน เขาฆ่าตัวตายในบ้านของตนเองเนื่องจากอาการซึมเศร้า

เจี้ยงอี้มองฟางหยวนอย่างลึกซึ้งขณะที่เขาแจ้งข่าวเหล่านี้ เขาเห็นศพของหวังต้าและเขาจำได้

แต่เจี้ยงอี้ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของหวังต้า

เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลหมู่บ้านแห่งนั้น มันเป็นความรับผิดชอบของเขา ตราบเท่าที่อยู่ในระบบ โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่ง พวกเขาต้องแบกรับความรับผิดชอบบางอย่าง

หวังต้ากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจตั้งแต่สามปีก่อน แต่เจี้ยงอี้กลับละเลยไม่ตรวจสอบ หากเขาถูกบังคับให้รับผิดชอบ มันจะเป็นเรื่องร้างแรงที่ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติของเขา ในอนาคตเขาจะถูกตระกูลละทิ้งในที่สุด

แน่นอนว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงของสามนักล่าถูกปกปิดเอาไว้โดยเขาเช่นกัน

"ฟางหยวน ตั้งแต่เราเป็นคนรู้จัก หลังจากนี้เจ้าจะได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่งทุกครั้งที่เจ้าไปซื้อของในร้านค้าของเจียงหยาน้องชายของข้า" เจียงอี้กล่าวกับฟางหยวน

ทุกคนตายไปหมดแล้ว มีเพียงเขากับฟางหยวนที่รู้ความจริง แต่หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย มันจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฟางหยวนมากนัก ตรงข้าม เจียงหยาจะได้รับผลกระทบที่รุนแรง

การฆ่าคนรับใช้สามคนของตระกูลหรือกระทั่งสิบคน ฟางหยวนเพียงต้องจ่ายค่าปรับด้วยหินวิญญาณสิบก้อนเป็นการลงโทษ

ดังนั้นเจียงหยาจึงต้องปิดปากฟางหยวนด้วยสินน้ำใจบางอย่าง

หวังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ฟางหยวนที่ไม่มีรากฐานในตระกูลกลับได้รับความสัมพันธ์ปลอมๆและได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอิทธิพลที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง

ผู้สนับสนุนลึกลับผู้นี้กลายเป็นเกราะคุ้มภัยอีกชั้นหนึ่งของฟางหยวน เมื่อเขาเริ่มแสดงความแข็งแกร่งออกมา เกราะคุ้มภัยนี้จะสามารถปกป้องเขา อย่างน้อยเขาก็สามารถบ่มเพาะไปจนถึงระดับสองได้โดยปราศจากสิ่งกีดขวาง

ตอนนี้เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าทัศนคติของอาจารย์อาวุโสที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปแล้วอย่างสมบูรณ์

มากกว่าสิบวันผ่านไป

หลังจากฟางเจิ้งและโม่เป่ยก้าวขึ้นสู่ระดับหนึ่งขั้นสูง ฟางหยวนและซื่อเฉินก็ตามไปแทบจะในเวลาเดียวกัน

แม้ว่าการกรรโชกทรัพย์จะยังคงดำเนินต่อไป แต่เขาไม่ได้เรียกร้องหินวิญญาณจากฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน ภาพลักษณ์ของเขาเริ่มที่ดี ขณะเดียวกันการบ่มเพาะของเขาก็ก้าวหน้าขึ้นด้วยความเร็วที่สูงล้ำกว่าในชีวิตก่อนหน้าหลายเท่า กล่าวได้ว่าผลลัพธ์เป็นไปตามความคาดหมายของเขาทั้งหมด