ตอนที่23
ผมรู้สึกไม่ดีเลยใจคอวันนี้ผมไม่ดีเลย ผมรู้สึกไม่ดีในทุกๆวันนั่นแหละตั้งแต่บอกความจริงกับน้องปอยไป ที่ผมต้องทำแบบนั้นเพราะผมอยากจะให้มันจบๆไปจะได้ไม่ต้องติดค้างอะไรกัน แต่ดูเหมือนตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้วล่ะไม่จำเป็นเอามากๆเลย เพราะว่าปอยไม่รักผมอีกต่อไปไม่คิดถึงผมอีกต่อไป เพราะผมผิดเธอจึงทำเช่นนั้นมันก็ถูกต้องแล้ว เฮ้อข้าวก็ไม่เป็นอันจะกินเลยเพราะคิดมากกับเรื่องนี้แหละไม่รู้จะใช้วิธีไหนในการง้อน้องปอยเขาดี ส่วนตัวของผมก็ไม่มีเวลาที่จะไปง้อน้องปอยเลยอะเฮ้อคิดแล้วท้อใจ ส่วนนิ้งก็ยังตามผมอยู่ตลอดทั้งๆที่ผมก็บอกนิ้งไปแล้วว่าผมไม่หมั้นกับเธอไม่ได้ชอบเธอและไม่อยากเป็นอะไรกับเธอ ตอนนี้ขนาดเที่ยงๆแล้วเธอยังตามติดผมมาเลย ผมซื้อข้าวซื้อน้ำมานั่งกินนิ้งก็ยังตามผมเข้ามาในกลุ่มคิดเอาสิ
“เอ็งจริงๆฉันก็ไม่อยากจะพูดอะไรหรอกนะ แต่ว่าวันนี้ฉันได้ยินข่าวลือในโรงเรียนที่ดังออกมาจากน้องมัธยมปลายสี่ด้วยว่ะ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟนของเอ็งอะไอ้เบส แต่ว่าฉันจะบอกเอ็งทีหลังนะไว้ตอนไอ้นิ้งมันไม่อยู่โอเคเปล่า”
เสียงกระซิบจากเพื่อนของผมที่ดังมาจากข้างหน้าของผมได้พูดขึ้น เรื่องของปอยหรอ ?? เรื่องอะไรกันล่ะ แต่พูดถึงผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับนิ้งแน่นอนไว้ตอนจะกลับบ้านค่อยไปคุยกับมันหลังโรงเรียนก็แล้วกัน
“นี่เบสคุยอะไรกันมีซุบซิบกันด้วยหืม ???”
ผมสะดุ้งทันทีที่นิ้งพูดขึ้นผมกับเพื่อนรีบส่ายหน้ากันในทันทีแล้วพากันตักข้าวกินอย่างรวดเร็ว พอพวกเรากินข้าวกันเสร็จก็พากันกลับไปเรียนอีกครั้งไอ้ตอนที่กำลังเรียนพละอยู่ น้องๆก็พากันมองผมตาไม่กระพริบเลยแถมโดดเรียนมาดูกันด้วย มันเริ่มแปลกๆแล้วนะถึงแต่ก่อนจะมีคนแอบมาดูผมแบบนี้ แต่ว่าวันนี้รู้สึกมันเยอะผิดปกติแถมแต่ละคนก็แต่งหน้ากันจัดจ้านมากๆเลย
“นี่เอ็งว่าวันนี้มันแปลกๆหรือเปล่าเหมือนกับว่ามีแต่คนมองมาที่ฉันยังไงก็ไม่รู้ว่ะ”
ผมลองถามเพื่อนดูซึ่งเพื่อนก็ตอบเหมือนกันกับผมเลยผมชักจะไม่แน่ใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“น่าจะเป็นเรื่องข่าวลือที่ฉันกำลังจะบอกแกนี่แหละไอ้เบส แต่ขอให้นอถึงตอนเย็นเราไปเจอกันที่หลังโรงเรียน ฉันขอให้แน่ใจกับเรื่องนี้ก่อนว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หรือมันเป็นแค่สิ่งที่น้องๆเขาพูดกันเท่านั้นโอเคไหม”
ผมพนักหน้าให้กับเพื่อนของผมก่อนที่ผมจะกลับมาเล่นบาสอีกครั้ง เวลาผ่านไปร่วงเลยจนกระทั่งตกเย็น ผมกำลังจะกลับบ้านแต่ก็จำได้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีของผมบอกให้ผมไปที่หลังโรงเรียนก่อนที่นาไปพูดถึงเรื่องน้องปอย แต่ว่าผมจะไปอย่างไรไม่ให้นิ้งเขาจับได้ว่าผมไป ถ้าเกิดนิ้งรู้เข้านิ้งจะต้องขัดขวางทุกวิถีทางให้ไปส่งเธอ ไม่ก็จะตามมาฟังด้วยแน่ๆเลยล่ะ งั้นแผนของผมที่ต้องบังคับคงต้องใช้จริงๆแล้วล่ะ
“เฮ้ยพวกแกขอแผนบังคับกับนิ้งหน่อยโว๊ย สละชาติย๊าก!!!!” ผมพูดขึ้นก่อนที่จะวิ่งออกจากห้องโดยทันที ส่วนเพื่อนๆของผมที่เคยรู้แผนแบบนี้อยู่แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปกระโดดจับนิ้งเอาไว้ไม่ให้ตามผมมา นี่แหละแผนที่เวลาอยู่กับเพื่อนเอาไว้หนีคนที่ผมไม่อยากเจอ แถมเพื่อนผมส่วนมากกก็น่ารักกกันช่วยๆกันด้วยเพื่อนซี้ก็แบบนี้เหละ
“ไปเลยเพื่อนสู้เพื่อนชาติ!!” เพื่อนผมพูดไล่หลังมาก่อนที่ผมจะรีบวิ่งออกมาในทันที
“เดี๋ยวก่อนจะไปไหนพวกแกทำอะไรเนี่ย” เสียงนิ้งก็ดังมาด้วยเช่นกันซึ่งผมก็ไม่ได้ฟังสิ่งที่นิ้งพูดแล้ววิ่งไปที่หลังโรงเรียนในทันที ผมรอเวลาที่เพื่อนของผมมาสักพักจนกระทั่งเพื่อนของผมไอ้เต้ก็เดินมาจากจากข้างตึกเรียนพอดี
“เฮ้ยมาแล้วหรอกนี่แกนัดฉันมาไม่ใช่หรือไงมาช้าเสียจริงๆเลยนะไอ้คนขี้เลทเวลา”
ผมด่ามันไปก่อนที่มันจะเดินมาข้างๆผมพร้อมกับสีหน้าที่จริงจังแบบสุดๆ อะไรของมันกันนะสงสัยเรื่องปอยมันไม่ใช่แค่เรื่องข่าวลือแล้วล่ะมันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆเลย
“ทำหน้าแบบนั้นมีอะไรเกี่ยวกับเรื่องน้องหรือเปล่า ข่าวลือที่ว่ามันร้ายแรงขนาดไหนแล้วมันเป็นแบบนั้นจริงๆไหม ??”
ผมถามมันไปเพราะผมอยากรู้เรื่องของน้องเอาเสียมากๆเลย
“คือว่าเอ็งต้องทำใจนิดนึงนะมันอาจจะยากมากสำหรับเอ็ง คือว่า. . น้องเขากำลังจะไปต่างประเทศแล้วน้องเขาพึ่งมาลาออกจากที่โรงเรียนเมื่อช่วงที่พวกเรากำลังเรียนอยู่ ฉันได้ยินมาจากรุ่นน้องน่ะเพราะรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนในชั้นเรียนของปอยบอกฉันมา แถมที่ฉันมาช้าเพราะไปถามผู้อำนวยการมาเขาบอกว่าเป็นเรื่องจริง เขาเป็นคนเซ็นใบเทียบโอนกับมือเอง ตอนนี้น้องยังไม่ไปหรอกนะแต่ว่าถ้าแกไปตอนนี้แกคงไปหาน้องไม่ทันแน่”
ผมได้ยินเช่นนั้นมันทำให้ผมขาแทบทรุดลงไปเลย สิ่งที่เพื่อนผมพูดทำให้ผมแทบจะกลั้นน้ำตาตัวเองไม่อยู่ ตอนนี้ผมว่ามันยังมีทางที่จะไปหาปอยอยู่ผมจะต้องไปหาปอยเดี๋ยวนี้ ขอแค่ได้เจอสักครั้งก็ยังไงดีแต่ที่สำคัญผมต้องไปหยุดเรื่องพวกนี้ให้ได้
“งั้นฉันขอไปก่อนนะฉันจะไปหาน้องเดี๋ยวนี้จะทันไม่ทันฉันจะต้องไปให้ได้ ขอบใจมากนะที่บอกฉันเดี๋ยวไว้เลี้ยงข้าว”
ก่อนที่ผมจะวิ่งผ่านมันไปผมก็เอามือไปแตะที่ไหล่มันเบาๆเพื่อให้รู้ว่าผมขอบคุณมันมากจริงๆ จากนั้นผมก็วิ่งไปที่รถแล้วขับรถไปที่บ้านของปอยในทันที อย่าพึ่งไปนะปอยรอให้พี่ไปถึงก่อน ผมขับสุดกำลังไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะไม่ยอมหยุดอยู่ตรงนี้แน่นอน ในตอนที่ผมเลี้ยวเข้าซอยไปไปจนถึงบ้านของปอยรถบรรทุกได้ขับออกจากหน้าบ้านปอยไปแล้ว แต่ว่าปอยยังไม่ไปผมน่าจะไปถึงได้ ผมรีบจอดรถลงแล้วรีบวิ่งไปที่บ้านของปอยในทันที แต่ในระหว่างที่ผมกำลังวิ่งไปอยู่นั้นรถของปอยก็ได้ออกไปจากหน้าบ้านพอดี ทำให้ผมต้องมองไปที่รถคันนั้นแล้วก็วิ่งสุดชีวิตเพื่อที่จะไปหาปอย แต่แล้วผมก็ดันสะดุดกับหิวแล้วล้มลงไปกลิ้งเข้าไปในพุ่มไม้เสียได้ ผมรีบลุกขึ้นมาอีกครั้งและพยายามวิ่งไปแต่มันก็ดันไม่ทัน. . มันไม่ทันรถของปอยเลย ผมหยุดลงที่หน้าบ้านของปอยแล้วคุกเข่าลงก่อนจะร้องไห้ออกมา ร้องออกมาแบบไม่หยุดไม่หย่อนเหมือนขาดอะไรในชีวิตไป คนที่รักที่สุดคนที่รักมากๆของผมได้จากผมไปแล้ว
“พี่ขอโทษ.. ฮืออออ” น้ำตาของผมไหลออกมากตาสู่แก้มลงไปยังคางของผม ผมหันไปที่หน้าบ้านของปอยแล้วพบกับกล่องของอะไรบางอย่าง ที่ติดป้ายด้วยชื่อของผมเป็นกล่องใหญ่ๆ ผมหยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะหมุนไปมาดูว่ามีอะไรหรือเปล่า แล้วก็พบกับกระดาษที่ติดไว้ใบหนึ่ง
[ขอบคุณนะคะที่ช่วยเหลือทุกอย่าง รักเสมอไม่เคยเปลี่ยนไปนี่คือของขัวญร่วงหน้าวันเกิดครั้งสุดท้ายที่ปอยจะให้พี่ได้ ถ้าจำเป็นจริงๆขอให้ลืมปอยให้ได้นะคะ ถ้าดีที่สุดของปอยๆก็อยากให้เราได้เจอกันอีกถ้าเราเป็นเนื้อคู่หรือมันคือพรมลิขิต รักพี่เสมอนะพี่เบส ปอยไปแล้วนะ ; )]
ผมเก็บกระดาษใบที่ปอยเขียนเอาไว้แล้วรีบฉีกของในกล่องออกมาดูในทันที กล่องใบใหญ่เมื่อถูกเปิดออกผมพบกับลูกโป่งที่ลอยออกมาเต็มไปหมดในกล่องมีรูปของพวกเราแทบจะครึ่งกล่อง พร้อมกับกล่องอะไรบางอย่างเล็กๆและหนังสือมากมายที่เขียนด้วยลายมือของน้อง ผมหยิบกล่องใบนั้นขึ้นมาดูแล้วเปิดมันออกผมเจอกับสร้อยที่มีอักษร P กับ B มันทำให้ผมน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดอีกครั้ง ผมรีบเก็บรูปและหนังสือพวกนั้นใส่ไว้ในรถในทันที ผมเอาสร้อยมากอดเอาไว้แน่นและแน่นมากๆ
“พี่ขอโทษ ฮืออออ”