เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 77 สถานการณ์ที่แปลกประหลาด (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 77 สถานการณ์ที่แปลกประหลาด
แปลโดย iPAT
หมูป่าที่มีร่างกายใหญ่โตราวกับพญาคชสารนอนอยู่ในบ่อโคลน
มันปิดเปลือกตาคุกเข่าครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ที่นั่น
แสงยามสนธยาส่องสะท้อนขนสีดำบนแผ่นหลังของมันขณะที่มันส่งเสียงกรนที่ก้องกังวาลออกมา
ราชาหมูป่า!
ฟางหยวนอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรแต่เขายังต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก
‘แม้ตอนนี้ข้าจะสามารถเอาชนะหมูป่าหลายตัวพร้อมกัน แต่เผชิญหน้ากับราชาหมูป่า ข้าทำได้เพียงวิ่งหนีเท่านั้น กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับสองก็ยังไม่สามารถฆ่ามัน หากพวกเขาไม่เห็นวิญญาณที่อยู่ในร่างของมัน พวกเขาก็ต้องตายเท่านั้น’
ราชาอสูรทั่วไปจะมีวิญญาณอาศัยอยู่ในร่างกายของพวกมัน
ในร่างของราชาหมูป่ามักมีวิญญาณหมูชมพูหรือวิญญาณหมูดอกไม้อาศัยอยู่ แต่ราชาหมูป่าบางตัวก็มีวิญญาณกายาอสูรหรือวิญญาณขนเหล็ก
ในโลกใบนี้มีวิญญาณทุกประเภท ปกติแล้ววิญญาณจะอาศัยอยู่ในร่างกายของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง
เมื่อสัตว์อสูรตัวนั้นถูกโจมตี วิญญาณในร่างของพวกมันจะรับรู้ถึงภัยคุกคามและช่วยต่อต้านศัตรู
ร่างกายของราชาหมูป่าตัวนี้ค่อนข้างใหญ่โตและแข็งแกร่งกว่าหมูป่าทั่วไป ฟางหยวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันโดยยังไม่ต้องกล่าวถึงวิญญาณที่อาศัยอยู่ในร่างของมัน
อย่างไรก็ตามเป้าหมายของฟางหยวนไม่ใช่การสังหารราชาหมูป่าแต่เป็นการหลีกเลี่ยงการไล่ล่าของหวังต้า
หวังต้ารู้ว่าฟางหยวนครอบครอบแผนที่หนังสัตว์ ในสถานการณ์ปกติเป็นธรรมดาที่ฟางหยวนจะต้องใช้ความรู้ดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ แต่สถานที่ที่ฟางหยวนกำลังมุ่งหน้าไปในเวลานี้กลับตรงข้าม เขากำลังมุ่งหน้าสู่อาณาเขตของราชาหมูป่า
ราชาหมูป่าภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นสัตว์อสูร ไม่มีมนุษย์ที่มีสติปัญญาคนใดต้องการมาที่นี่ อย่างไรก็ตามเมื่อเฒ่าหวังที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาสามารถมาที่นี่และยังสามารถหลบหนี แล้วเหตุใดฟางหยวนจะไม่สามารถ?
การมาที่นี่อาจดูเหมือนอันตราย แต่มันซ่อนหนทางรอดเอาไว้
ฟางหยวนเดินห่างออกไปอย่างช้าๆและค่อยๆทิ้งราชาหมูป่าเอาไว้เบื้องหลัง ตามแผนที่หนังสัตว์ ฟางหยวนออกมาจากตำแหน่งวงกลมสีแดงและเดินอ้อมไปรอบๆกากบาทสีแดง ในที่สุดเขาก็บรรลุถึงเนินเขาที่ผู้อาวุโสหลายคนกำลังเฝ้ามองการสอบกลางปีครั้งนี้
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเด็กหนุ่มที่ร่างกายเต็มไปด้วยเศษไม้ใบหญ้า เสื้อผ้าฉีกขาด และสวมรองเท้าที่เต็มไปด้วยโคลนก็เดินขึ้นไปบนเนินเขาพร้อมกับถุงผ้าป่านใบใหญ่
แน่นอนว่าเด็กที่ดูน่าสงสารผู้นี้ก็คือฟางหยวน
‘ข้ากลับมาในที่สุด ที่นี่มีผู้อาวุโสคอยดูแลอยู่ มันค่อนข้างปลอดภัย อย่างไรก็ตามข้ายังต้องระวังตัว’ ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
บนเนินเขามีกระโจมเล็กๆตั้งอยู่ มีเด็กหนุ่มสาวประมาณสิบคนอยู่ใกล้ๆ เจ้าหน้าที่ของสถานศึกษากำลังตรวจนับเขี้ยวหมูป่าของเด็กแต่ละคน อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหลายคนกลับหายตัวไปและทิ้งอาจารย์อาวุโสเอาไว้ที่นี่เพียงลำพัง
"เหตุใดบรรยากาศถึงดูแปลกประหลาด?" ฟางหยวนขมวดคิ้วและรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
เมื่อเขาเข้าไปใกล้กระโจม เขาเริ่มได้ยินบทสนทนา
"เจ้าได้ยินหรือไม่? มีการลอบสังหารเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ผู้ใช้วิญญาณระดับสองหลายคนตายในเหตุการณ์นี้"
"มันเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?"
"นั่นเป็นเรื่องจริง ข้ามาถึงที่นี่ค่อนข้างเร็ว ข้าเห็นกลุ่มผู้อาวุโสเร่งนำตัวฟางเจิ้งกลับไป"
"ฟางเจิ้งเคราะห์ร้ายที่พบเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นระหว่างการสอบ"
"เจ้าไม่รู้หรือว่าเป้าหมายของนักฆ่าก็คือฟางเจิ้งที่มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง"
"ข้าสงสัยนักว่าเขาจะตายหรือไม่?"
"แม้เขาจะไม่ตาย แต่เขาก็ต้องได้รับผลกระทบ บางทีพรสวรรค์ของเขาอาจลดลงหลังจากได้รับบาดเจ็บ"
เท้าของฟางหยวนหยุดลงทันที เขารู้รายละเอียดที่แท้ริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
'หวังต้าต้องการกำจัดข้าเพื่อแก้แค้น หลังจากข้าค้นพบบ้านไม้ ข้าเปลี่ยนเส้นทางและเดินเข้าไปในอาณาเขตของราชาหมูป่า หวังต้าคิดไม่ถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขากลับพบฟางเจิ้งโดยบังเอิญ แหล่งข้อมูลของเขามาจากกลุ่มนักล่า เขาไม่รู้ว่าข้ามีพี่น้องฝาแฝด ด้วยเหตุนี้เขาจึงเข้าใจผิดและคิดว่าฟางเจิ้งคือข้าและต้องการสังหารฟางเจิ้ง สุดท้ายเขาถูกหยุดโดยผู้ใช้วิญญาณที่อยู่รอบๆ คำถามคือหวังต้าตายหรือไม่?'
ฟางหยวนขมวดคิ้ว หวังต้าอาจประสบความสำเร็จในการหลบหนี หวังต้าอาจถูกจับกุม หรือหวังต้าอาจตายไปแล้ว? ทั้งสามกรณีล้วนมีความเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดมันก็จะส่งผลกระทบต่อแผนการของเขาในอนาคตทั้งสิ้น
หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนตัดสินใจทำตามแผนเดิมของเขา
การแสดงออกของอาจารย์อาวุโสกลายเป็นน่าเกลียด ฟางเจิ้งถูกลอบสังหาร ไม่มีพยานหรือหลักฐานใดๆ เขาไม่สามารถคาดเดาว่าฟางเจิ้งเป็นแพะรับบาปของฟางหยวน เขาคิดได้เพียงว่านี่เป็นการลอบสังหารของตระกูลไป่หรือตระกูลซ่ง
ฟางเจิ้งเป็นผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งเพียงผู้เดียวในรอบสามปี แน่นอนว่าตระกูลไป่และตระกูลซ่งย่อมไม่ยินดีที่จะเห็นฟางเจิ้งเติบโตขึ้น การส่งนักฆ่ามาลอบสังหารเขาถือเป็นเรื่องปกติ
กระทั่งตระกูลแสงจันทร์ก็ทำสิ่งเดียวกัน
'ฆาตกรตายในที่เกิดเหตุ แต่ข้าสงสัยว่าอาการของฟางเจิ้งจะเป็นอย่างไร?' อาจารย์อาวุโสคิด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่บางคนก็ส่งแผ่นกระดาษให้กับเขา
อาจารย์อาวุโสอ่านข้อความในกระดาษ
"การสอบกลางปีในครั้งนี้ ผลลัพธ์เป็นดังนี้ ซื่อเฉิน สิบหกชิ้น โม่เป่ย สิบสี่ชิ้น..."
เด็กหนุ่มสาวตั้งใจฟังผลการสอบ
ผู้มีพรสวรรค์นภาที่สี่ แม้พวกเขาจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็สามารถรวบรวมเขี้ยวหมูป่าได้เพียงสามหรือสี่ชิ้นเท่านั้น สำหรับผู้มีพรสวรรค์นภาที่สองหรือสาม พวกเขารวบรวมได้ประมาณแปดหรือเก้าชิ้น การครอบครองเขี้ยวหมูป่ามากกว่าสิบชิ้นถือเป็นผลงานที่ดี
ผู้ที่รวบรวมได้มากที่สุดก็คือซื่อเฉิน ตามมาด้วยโม่เป่ย ฟางเจิ้งรวบรวมเขี้ยวหมูป่าได้สิบชิ้น ซื่อเฉินเผยรอยยิ้มมั่นใจ เขาโชคดีที่พบหมูป่าสองตัวกำลังต่อสู้กัน มันทำให้เขาได้รับรางวัลใหญ่ ด้านโม่เป่ย เขาแสดงออกด้วยความไม่พอใจที่ซื่อเฉินสามารถเอาชนะเขา
อาจารย์อาวุโสยังประกาศต่อไป "เช่นนั้นข้าก็จะประกาศชื่อผู้ที่ได้รับอันดับหนึ่งในการสอบครั้งนี้..."
"หยุดก่อน!" ฟางหยวนก้าวเท้าออกไปด้านหน้าอย่างกะทันหัน
"ฟางหยวน เจ้ามาช้า การสอบสิ้นสุดตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ตามกฎ เจ้าจะต้องถูกปรับลดจำนวนเขี้ยวหมูป่าสี่ชิ้นเป็นการลงโทษ" ซื่อเฉินตะโกนเสียงดัง
ฟางหยวนเพิกเฉยต่อเขาอย่างสิ้นเชิง เขาเทสิ่งที่อยู่ในถุงผ้าออกมา
เขี้ยวหมูป่าจำนวนมากกองอยู่ที่เท้าของเขา
"นี่..." ซื่อเฉินอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
โม่เป่ยและคนอื่นๆต่างเบิกตากว้าง
"มากมายนัก!" กระทั่งอาจารย์อาวุโสยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ "ฟางหยวน เจ้าล่าทั้งหมดนี้มาด้วยตนเองงั้นหรือ?"
ฟางหยวนป้องหมัดทำความเคารพก่อนกล่าว "ข้าล่าด้วยตนเองมาได้เพียงสิบสองชิ้น แต่ข้าโชคดีที่บังเอิญพบถุงสมบัติที่ถูกซ่อนไว้โดยนักล่าบางคน ในถุงมีเขี้ยวหมูป่าเก็บไว้เป็นจำนวนมาก ข้าคิดว่าการสอบครั้งนี้คือการรวบรวบเขี้ยวหมูป่าให้ได้มากที่สุดภายในเวลาหนึ่งวัน แต่ไม่มีกฎข้อใดกล่าวว่าต้องฆ่ามันด้วยตนเอง ดังนั้นข้าจึงนำมันกลับมาที่นี่"
เมื่อเขากล่าวจบ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ปะทุขึ้นทันที
"นี่...เป็นไปได้อย่างไร?"
"โชคดีเกินไปแล้ว"
"มันเป็นเรื่องโกหก หัวข้อการสอบต้องรั่วไหล เขาทุจริต!"
อาจารย์อาวุโสมองฟางหยวนชั่วครู่ก่อนประกาศ "การสอบครั้งนี้ ฟางหยวนเป็นอันดับหนึ่ง"
.....
บรรยากาศในห้องโถงหลักของตระกูลเคร่งเครียดมาก
อวี๋โป้นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำ ผู้อาวุโสจำนวนมากนั่งเป็นสองแถว ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความโกรธ
"เหยาจี้ เจ้าเป็นแพทย์อันดับหนึ่งของตระกูล ข้าขอถาม ตอนนี้อาการของฟางเจิ้งเป็นเช่นไรบ้าง?" อวี๋โป้ถามผู้อาวุโสบางคน
เหยาจี้เป็นหญิงชราหลังค่อมที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
นางกล่าวอย่างช้าๆ "รายงานท่านผู้นำ สถานการณ์อยู่ในการควบคุม ชีวิตของฟางเจิ้งไม่มีอันตราย แต่เขายังไม่ฟื้น พรสวรรค์ของเขาไม่ได้ลดลง"
"เป็นเรื่องดีที่พรสวรรค์ไม่ลดลง" อวี๋โป้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาหันหน้าไปถามผู้อาวุโสห้องพิพากษา "คดีลอบสังหารครั้งนี้สรุปแล้วหรือยัง?"
ผู้อาวุโสห้องพิพากษาอาวุโสน้อยกว่าเหลาจี้ เขาเร่งลุกขึ้นยืนและก้มศีรษะลงเล็กน้อย "รายงานท่านผู้นำ คนร้ายเป็นชายอายุประมาณสามสิบห้าปีที่ไม่สามารถระบุตัวตน มีความเป็นไปได้ว่าเขาคือผู้ใช้วิญญาณปีศาจ วิญญาณที่เขาครอบครองมีสองดวงคือวิญญาณเงาติดตามและวิญญาณอำลารัก"
อวี๋โป้พยักหน้า "ดูเหมือนเขาจะเป็นนักฆ่า วิญญาณอำลารักเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งพิษอันดับหนึ่งในกลุ่มวิญญาณระดับสอง ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาจึงสามารถสังหารผู้ใช้วิญญาณของข้าได้ถึงสามคน"
"ท่านผู้นำ เราต้องตรวจสอบต่อไปว่าเขาเป็นนักฆ่าของตระกูลไป่หรือตระกูลซ่ง" ซื่อเหลียงกล่าวเสียงดังด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้น
"วิญญาณเงาติดตามและวิญญาณอำลารัก พวกมันไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลไป่หรือตระกูลซ่งจะมีในครอบครอง บางทีเขาอาจเป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจจากภายนอกที่ต้องการเข้าร่วมกับตระกูล ดังนั้นเขาจึงรับงานลอบสังหารฟางเจิ้งเพื่อแสดงความภักดี เรื่องนี้ต้องเกี่ยวพันกับตระกูลไป่หรือตระกูลซ่งอย่างไม่ต้องสงสัย" โม่เฉินกล่าวเสียงเย็น
ซื่อเหลียงและโม่เฉินเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูล แม้พวกเขาจะเป็นคู่แข่ง แต่เมื่อศัตรูของตระกูลปรากฎตัว พวกเขาจะละทิ้งความเกลียดชังและร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่น
อวี๋โป้พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้
หวังต้าหายตัวไปจากหมู่บ้านอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลาหลายปี ชาวบ้านทุกคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว ดังนั้นตัวตนของหวังต้าจึงกลายเป็นเรื่องลึกลับ ตัวตนระดับสูงของตระกูลไม่รู้เรื่องนี้ ทั้งหมดก็คือพวกเขาไม่สนใจการตายของทาส ตรงข้าม พวกเขาให้น้ำหนักกับตระกูลไป่และตระกูลซ่งมากที่สุด
เป็นเพียงเวลานี้ที่อาจารย์อาวุโสเดินเข้ามา
"ท่านผู้นำ..." เขากล่าวทักทายด้วยความกังวล
เมื่อเห็นการแสดงออกของอาจารย์อาวุโส อวี๋โป้กล่าวออกมาด้วยความเข้าใจ "อาจารย์อาวุโส ฟางเจิ้งไม่เป็นไรแล้ว พรสวรรค์ของเขายังอยู่ในนภาที่หนึ่งเช่นเดิม"
ได้ยินคำตอบนี้อาจารย์อาวุโสจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"โอ้ ถูกต้อง ศิษย์คนอื่นๆปลอดภัยหรือไม่? แล้วการสอบครั้งนี้ ฟางเจิ้งได้อันดับที่เท่าใด?" อวี๋โป้ถามอย่างไร้กังวล
เมื่ออาจารย์อาวุโสรายงานความจริงที่เกิดขึ้นว่าฟางหยวนพบถุงใส่เขี้ยวหมูป่าที่ถูกซ่อนเอาไว้โดยนักล่าบางคนและทำให้เขาได้รับอันดับหนึ่ง ดวงตาของอวี๋โป้กลายเป็นเบิกกว้าง
ห้องโถงตกสู่ความเงียบสงัด ผู้อาวุโสทุกคนต่างรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความกังวลกลับกลายเป็นแปลกประหลาด