Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 17 - เจ้าแห่งทักษะกระบี่
Chapter 17 - เจ้าแห่งทักษะกระบี่
“มันห่างไปเพียง 3 เมตรเท่านั้น ข้ายังสามารถแก้ไขได้!” เซี่ยวหยุนรู้สึกไม่พอใจกับการฆ่ายุง ประสาทสัมผัสที่ทรงพลังของเขาได้ให้เขาสามารถติดตามทุกการกระทำของยุงตัวนั้นได้
ยุงซึ่งดูเหมือนได้ใช้ความเร็วพอสมควรแต่ตอนนี้กลับดูเหมือนจะช้ามาก
เขาสามารถใช้ประสาทสัมผัสของเขาเพื่อคาดเดาว่ายุงจะบินไปที่ไหน
บุซซ!
ในเวลานี้ ยุงได้บินเข้ามาในระยะแล้ว
“ห่างไปเกือบ 6 เมตร สมบูรณ์แบบ!”
ดวงตาของเซี่ยวหยุนสว่างขึ้นขณะที่เขาก้าวออกมา และได้ยิงรัศมีแห่งแสงกระบี่ไป เจาะทะลุเข้าไปในยุง
ในตอนที่เท้าของเซี่ยวหยุนแตะลงบนพื้น ยุงก็ลอยอยู่บนพื้นด้วยเหมือนกัน
การโจมตีของกระบี่นั่นรวดเร็วอย่างสุดโต่ง – ถ้าเขาได้ต่อสู้กับใครสักคน เขาจะสามารถโจมตีพวกเขาโดยที่พวกเขาจะไม่ได้เคลื่อนไหว!
“ทำต่อ!” เซี่ยวหยุนไม่ได้ผ่อนคลายและแทนที่ด้วยการส่งประสาทสัมผัสของเขาไปทั่วลานบ้าน จับตาดูแมลงทุกตัวที่บินอยู่รอบๆ ซึ่งเขาได้ค้นพบ
ตลอดทั้งวัน แมลงจำนวนมากภายในลานบ้านได้ถูกฆ่าโดยเขา
เมื่อยามค่ำคืน กองไฟก็ว่างขึ้นภายในลานบ้าน ดึกดูดแมลงนับไม่ถ้วนมา
ชวิ้ง ชวิ้ง!
ข้างกองไฟ เด็กหนุ่มยังฆ่าแมลงอย่างต่อเนื่อง
“พี่ใหญ่เมื่อไหร่กันที่ท่านจะหยุด?” เซี่ยวหลิงเอ๋อนั่งอยู่ใต้เจดีย์หินขณะที่นางกำมือของตัวเองพร้อมกัน มองดูเบื่อหน่าย มันผ่านไปทั้งวันแล้ว แต่พี่ใหญ่ของนางไม่ได้ดูเหมือนกับว่าเขากำลังจะหยุดลง แล้วเขาเริ่มหมกมุ่นอยู่กับการฝึกของเขา
“ฮิฮิ นายน้อยหยุนได้เสพติดการฝึกฝนอยู่เสมอ มองดูแมลงต่ำต้อยเหล่านี้สิ” แม่บ้านฮวนเอ๋อกล่าวขณะที่นางเฝ้าดูด้วยดวงตาที่โตของนาง อย่างไรก็ตาม เมื่อนางมองไปยังเด็กหนุ่ทที่ทำการฝึกซ้อมด้วยกระบี่ของเขา การแสดงออกของความเคารพปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง “นายน้อยหยุนนั้นหล่อเหลามาก และเขาดูเยือกเย็นอย่างมากในขณะที่ฝึกด้วยกระบี่ของเขา ด้วยความขยันหมั่นเพียรของเขา แน่นอนว่าเขาจะต้องทรงพลังอย่างมากในอนาคต”
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และเด็กหนุ่มยังคงโจมตีออกมาด้วยกระบี่ของเขาอย่างต่อเนื่องเพื่อฆ่าแมลงเหล่านั้น
บุซซ!
ห่างออกไป 10 เมตร ได้มีกลุ่มของแมลง พวกมันตีปีกของตนเองเพื่อที่จะบินออก ไปดวงตาของเซี่ยวหยุนส่งแสงวูบขณะที่เขากระโดดลงมาและฟันออกไป
ชวิ้ง ชวิ้ง!
แสงสะท้อนออกจากกระบี่ขณะที่พวกแมลงได้ร่วงหล่นสู่พื้น ทั้งหมดนั้นได้รับการถูกแทงโดยกระบี่หรือถูกตัดแบ่งครึ่ง พวกมันทั้งได้ถูกฆ่าโดยกระบี่ของตัวพวกมันเอง ในขณะที่ได้ต่อต้านลมที่ถูกนำมาโดยกระบี่
ถ้าผู้ฝึกตนระดับ 8 ขั้นหลอมร่างกาย(หมายถึงตัวเซี่ยวหยุน)ได้โจมตีด้วยความแข็งแกร่งเต็มกำลังของเขา พลังที่ถูกนำมาโดยกระบี่ก็จะเพียงพอแล้วที่จะฆ่ากลุ่มแมลงได้
อย่างไรก็ตามการพวกมันด้วยกระบี่ของตัวมันเองนั้นแตกต่างออกไป
นี้จึงเป็นบททดสอบควบคุมกระบี่ของผู้ฝึกตน เช่นเดียวกับความเร็วและประสาทสัมผัสของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเซี่ยวหยุนประสบความสำเร็จได้แล้ว
“ในที่สุดข้าก็สำเร็จในการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน” ในตอนนี้สุดท้ายเซี่ยวหยุนก็หยุดฝึกซ้อม
“พี่ใหญ่ ข้าจะเช็ดเหงื่อให้ท่าน!” เมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่ของนางได้ฝึกเสร็จแล้ว เซี่ยวหลิงเอ๋อรีบไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาอย่างขยัน การปรากฏของความจริงใจและน่ารักของนางทำให้นางดูเหมือนกับภรรยาตัวน้อย
“ข้าจะทำด้วยตนเอง!” เห็นว่าน้องสาวของเขาดูน่ารักและระรื่น เซี่ยวหยุนก็ได้ยิมและต้องการจะเอาผ้าเช็ดตัวจากนาง
“ไม่ พี่ใหญ่จะไม่ปล่อยให้ข้าทำอะไรบ้างหรือ?” เซี่ยวหลิงเอ๋อกระพริบตาและมองไปยังเด็กหนุ่มอย่างเฉียบขาด ราวกับว่าถ้าเข้าปฏิเสธมันจะทำร้ายความรู้สึกของนาง และทำให้นางรู้สึกไร้ประโยชน์ หลังจากที่ทุกอย่างมักจะเป็นพี่ชายมักจะดูแลนางเสมอ และนางไม่สามารถทำอะไนเพื่อช่วยเขาได้เลย
“เด็กสาว เจ้าไม่คิดว่าพี่ใหญ่ของเจ้าจะมีกลิ่นเหม็น?” เซี่ยวหยุนได้หัวเราะขณะที่เขาลูบหัวของนาง
“ถ้าพี่ใหญ่ต้องการ หลิงเอ๋อจะอยู่ท่านตลอดไปและจะคอยดูแลท่านเอง” เซี่ยวหลิงเอ๋อขณะที่นางกระพริบและมองไปที่เด็กหนุ่มเบื้องหน้านาง มีแสงที่แปลกประหลาดอยู่ในดวงตาของนางขณะที่ขนตาของนางสั่นสะท้านและนางก็มองลงไป
“ท่านหญิงหลิงเอ๋อ นายน้อยหยุนได้มีข้าที่จะคอยดูแลเขาแล้ว” ฮวนเอ๋อเดินมากับหม้อซุบเผ็ดงูหลามอสูรขณะที่นางยิ้มให้อย่างสดใส กล่าวว่า “นายน้อยหยุนดื่มซุบงูหลามไฟนี่สิ มันจะช่วยต้านทานความหนาวได้”
เมื่อนางได้ยินคำพูดของฮวนเอ๋อ ลักษณะของความเศร้าโศกเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาที่สวยงามของเซี่ยวหลิงเอ๋อ เซี่ยวหยุนรู้สึกแปลกมากขณะที่นางบุ้ยปากและมองดูไม่ชอบใจ เขาได้กล่าวบางสิ่งผิดไปหรือ?
หลังจากกินและดื่มซุบ เซี่ยวหยุนไม่ได้ฝึกซ้อมกระบี่ของเขาต่อ แต่กลับเข้าไปในห้องของเขาและบ่มเพาะทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ต่อแทน
หลังจากค่ำคืนแห่งการบ่มเพาะ สุดท้ายเด็กหนุ่มก็หยุดลง และดวงตาของเขาดูสดใสและแหลมคม เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในอารมณ์ที่ดี
“พลังวิญญาณของข้าได้แข็งแกร่งขึ้นและถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้า ข้าจะสามารถใช้พลังวิญญาณของข้าเพื่อทำลายจิตใจและจิตวิญญาณของคนอื่นได้ แต่ตอนนี้ข้าควรไปภูเขาเมฆาม่วงได้แล้ว” ตอนนี้นั้นเขาบรรลุถึงความเชี่ยวชาญพื้นฐานของทักษะกระบี่แทงเมฆาและทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อในตนเองของเซี่ยวหยุนได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และเขารู้สึกว่าเขาสามารถไปที่ภูเขาเมฆาม่วงได้แล้ว หลังจากที่ทั้งหมดการได้พึ่งพาแก่นแท้ปราณที่เบาบางของที่นี่ มันจะทำให้การทะลวงผ่านของเขามันยากขึ้น
“แต่ข้าจำเป็นต้องไปดูพี่สางซือเฟยก่อนที่ข้าจะไป” เซี่ยวหยุนคิดขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของดยุค
ย้อนไปเมื่อตอนนั้น หยานซือเฟยไปยังภูเขาเมฆาม่วงเพื่อค้นหาเถาวัลย์จิตวิญญาณม่วง แต่กลับได้รับบาดเจ็บ
เมื่อใดก็ตามี่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซี่ยวหยุนก็จะรู้สึกผิดอย่างมาก เขามักต้องการจะตอบแทนนางเสมอมา ดังนั้นครั้งนี้ เขาต้องการจะดูว่าถ้าเขาสามารถค้นพบเถาวัลย์จิตวิญญาณม่วงในส่วนของภูเขาเมฆาม่วงได้หรือไม่ ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถบรรลุความปรารถนาของเขาในหลายปีที่ผ่านมาได้
เมื่อเซี่ยวหยุนเข้าไปในที่พักอาศัยตระกูลหยาน สมาชิกตระกูลจำนวนมากทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง “สวัสดีนายน้อยหยุน”
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเซี่ยวหยุนที่กำลังเข้าลานบานของหยานซือเฟย แม่ของนางก็กล่าวว่า “เซี่ยวหยุนเข้ามาพบเฟยเอ๋ออีกแล้ว?” เมื่อเขาเห็นนางจ้องมองมา มันดูเหมือนนางจะไม่ค่อยอยากตอนรับเขาและอยากจะไล่เขาออกให้
ด้วยเหตุนี้ทำให้เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อือ” เซี่ยวหยุนพยักหน้า
“นายน้อยหยุน ขอบคุณท่านมากสำหรับการดูแลเฟยเอ๋อในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามท่านไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไป ดังนั้นถ้าไม่มีอะไรสำคัญ ได้โปรดอย่ามาหานาง มันไม่ใช่อะไรที่ดีเลยสำหรับท่านหรือนาง อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของหญิงสาวนั้นมีความสำคัญมาก”
แม่ของหยานซือเฟยหัวเราะเบาๆ แกล้งทำเป็นสุภาพ อย่างไรก็ตามคำพูดของนางทำให้เห็นได้ชัดเจนว่านางไม่ต้องการเพราะเซี่ยวหยุนและลูกสาวของนางกลายเป็นใกล้ชิดกัน ชื่อเสียงที่พูดถึงนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
ในช่วง 2 ปีที่ผ่าน มันเป็นที่รู้กันอย่างดีเกือบในทุกที่ของเขตเมฆาม่วงว่าเซี่ยวหยุนนั้นได้มาช่วยท่านหญิงคนโตของตระกูลหยานในการสกัดสารพิษของนางทุกครั้งในขณะที่อาการกำเริบ พวกเขานั้นสนิทกันมากดังนั้นชื่อเสียงของนางอาจจะถูกทำให้สกปรกได้ตลอดหลังจากนี้เช่นใด?
เซี่ยวหยุนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเขาตระหนักได้ว่ามันหมายถึงเรื่องอะไร “มันอาจจะเป็นแบบนี้เพราะเรื่องกับฝางเฮ่า”
เหตุการณ์ที่ฝางเฮ่าขู่ตระกูลเซี่ยวก็อาจจะกระจายไปรอบๆเขตเมฆาม่วงทั้งหมดแล้วก็ได้ ท่าทีของแม่ของหยานซือเฟยเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด “นางคิดว่าข้าด้อยกว่าฝางเฮ่าจริงๆหรือ?” ปากของเซี่ยวหยุนกระตุกเมื่อคิดเช่นนี้
“ข้าจะไม่อยู่นานเกินไป” เซี่ยวหยุนตอบขณะที่เขามองไปยังแม่ของหยานซือเฟย
“อืม นั่นแหละดีแล้ว” นางตอบ
เซี่ยวหยุนกำมือโค้งคำนับและเดินไปยังลานบ้านของหยานซือเฟย
“ชายชราได้ขอให้ผู้คนในตระกูลร้องขอยาแก้พิษชั้นยอด ด้วยวิธีนี้เราจะไม่จำเป็นต้องให้เซี่ยวหยุนช่วยหยานซือเฟยสกัดพิษของนางอีกต่อไป และลูกสาวของเราจะไม่ต้องมีสัมพันธ์กับเขาอีกต่อไป เขามีจิตวิญญาณการต่อสู้ขยะและเขายังได้ล่วงเกินฝางเฮ่าอีกด้วย ความสามารถประเภทใดกันที่เขามี?” แม่ของหยานซือเฟยพึมพำกับตัวเองขณะที่นางมองไปที่เด็กหนุ่ม แล้วจึงจากไป
หลังจากเดินเข้าไปในลานบ้าน รอยยิ้มเบาๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยวหยุน
ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เซี่ยวหยุนได้รับการปฎิบัติอย่างนี้มานานแล้วโดยคนอื่น
เช่นนี้ เขาจึงเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ว่ามารดารของหยานซือเฟยกำลังคิดอย่างไร
เซี่ยวหยุนส่ายหัวของเขาและเดินเข้าไปยังลานบ้าน
“นายหญิงของพวกเจ้าอยู่ไหน?” เซี่ยวหยุนถามสาวใช้คนหนึ่ง
“นายหญิงกำลังอาบน้ำอยู่ นายน้อยหยุนโปรดรอสักครู่” สาวใช้ที่ดูสวยงามกล่าวอย่างสุภาพ
เซี่ยวนั้นค่อนข้างน่าทึ่งกับคนเหล่านี้ แม้กระทั่งเซียนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงก็ยังไม่สามารถที่จะสกัดพิษร้ายแรงนี้ได้ แต่เขาก็ยังสามารถมันได้อย่างง่ายดาย มีคนมากมายเท่าไหร่กันที่สามารถช่วยคนอื่นจากความตายได้เหมือนเขา?
มันน่าเสียว่านี่คือโลกที่อำนาจคือจุดสูงสุดเช่นนี้
เว้นแต่ว่าเขาจะสามารถจนไปขอบเขตที่เขาสามารถนำคนตายกลับมามีชีวิตและทำให้เลือดเนื้องอกออกมาจากกระดูกได้ ไม่งั้นมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะได้รับความรับเคารพจากผู้ฝึกบ่มเพาะทักษะการต่อสู้
หลังจากนั้นชั่วครู่ หญิงสาวก็อาบน้ำเสร็จและเชิญเซี่ยวหยุนเข้ามา
หยานซือเฟยสวมเสื้อคลุมยาวสง่างาม และผมสีดำสลวยของนางแกว่างไปรอบๆช่วงล่างที่น่ารักของนางขณะที่เอวของนางบิด หน้าอกของนางค่อนข้างใหญ่และมีชีวิตชีวา และเสื้อคลุมของนางก็ไม่สามารถปกปิดมันได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งปล่อยให้ความขาวบางส่วนแสดงออกมา
ภายใต้ความขาวที่เป็นหุบเขาลึก
อึก!
เมื่อเขามองไปยังร่างกายที่สมบูรณ์แบบของหญิงสาว มันเป็นเช่นเดียวกันกับกระต่าขาวที่เกือบจะระเเบิดออกมา แล้วเซี่ยวหยุนก็ได้กลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึก
“พี่ใหญ่ซือเฟยกลายเป็นมีขนาดใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น” เซี่ยวหยุนขณะที่เขาเหลือบมองไปยังหน้าอกของหญิงสาว
สายตาของเขาถูกดึงดูดโดยสิ่งที่เขาเห็น
“น้องเล็กเซี่ยวหยุน เหตุใด้เจ้าจึงมาหาพี่สาวอีกครั้ง?” เอวของหยานซือเฟยหันมาขณะที่นางลูบของนางด้วยมือ ทำให้ลูกปัดน้ำตกลงมาบนพื้น ด้วยการกระทำที่เรียบง่ายเพียงอย่างเดียวก็ขับเน้นรูปร่างที่ความสวยงามของมากยิ่งขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะเมื่อใดก็ตามที่นางเคลื่อนไหวมือของนาง หน้าอกที่ใหญ่ของนางจะสะเทือนไปด้วย ความขาวทำให้เด็กหนุ่มต้องถลึงตาขณะที่เขาต้องการจะเห็นฉากอันน่าหลงใหลที่วางอยูใต้นั่น
“เอ๋?” หยานซือเฟยพูด แต่กลับไม่ได้ยินการตอบรับจากเด็กหนุ่มซึ่งทำให้นางงง
นางได้มองไปและได้เห็นสายที่เร่าร้อนของเด็กหนุ่มที่ได้จ้องมาบนร่างกายของนาง
“สารเลว เจ้ากำลังมองไปที่ใด?” หยานซือเฟยกลอกตาของนางไปยังเด็กหนุ่ม และหยุดขยับผมของนาง นางได้ยืดออกมา จากนั้นเดินไปยังเซี่ยวหยุนขณะที่บิดสะโพกอันนิ่มนวลด้วยร่องรอยของความโกรธในดวงตาของนาง
อย่างไรก็ตาม เซี่ยวหยุนซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่กลัวมากนักกับการแสดงออกของนาง กลับกัน เขารู้สึกว่านางดูสวยงามและน่าทึ่งมากขึ้นไปอีก เด็กหนุ่มแหว่งมือของเขาขณะที่มอบรอยยิ้มเบาๆและพูดว่า “ใครบอกให้พี่ใหญ่ซือเฟยน่าหลงใกลกันเล่า?”
หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำเสร็จสิ้น และนางก็ค่อนข้างมีบรรยากาศสวยงามรอบๆตัวนาง เซี่ยวหยุนมองไปทางอื่นอย่างไม่เต็มใจ
“เจ้าเริ่มได้กลายเป็นมีปากร้ายที่ไวมากยิ่งขึ้น” หยานซือเฟยหัวเราะขณะที่นางตำหนิเขาแต่นางก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจ
“ไม่มีทาง มันเป็นเพราะพี่ใหญ่ซือเฟยเริ่มสวยมากยิ่งขึ้นนั่นแหละ” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่เขายักไหล่อย่างหมดหนทาง
เมื่อ 2 ปีที่แล้วร่างกายของหญิงสาวคนนี้ยังไม่พัฒนาเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกหลงใหล อย่างไรก็ตามเซี่ยวหยุนรู้สึกราวกับว่า 2 ปีที่ผ่านมานั้นได้เหมือนกับฝัน และรูปร่างของหญิงสาวนางนี้ก็เป็นแม่แหล็กที่ดึงดูดสายตาของเขา
พี่ใหญ่ซือเฟยส่วนขึ้นมากหรือว่าข้าโตขึ้นกัน?
“โอ้เจ้า พี่สาวไม่รู้จริงๆว่าจะทำอย่างไรกับเจ้า” หยานซือเฟยยิ้มให้เขาและดูเหมือนจะมีความสุขมาก นางนั่งลงที่เก้าอี้ถัดจากเด็กหนุ่มขณะที่นางถือถ้วยชาเบาๆ และจิบมัน นางไม่ได้โกรธเขาเลย
ตลอด 2 ปีนี้ เพราะว่าพิษร้าย นางจึงมีประสบการณ์ไม่น้อย
หลังจากนั้น นายน้อยที่ร่ำรวยและทรงพลังเกือบทั้งหมดของเขตเมฆาม่วงได้พยายามเข้าใกล้นาง อย่างไรก็ตามหลังจากที่ประกาศว่ามันไม่มีความหวังสำหรับนาง พวกเขาทั้งหมดได้เย็นชาและห่างเหินไป อย่างช้าๆ ไม่ใครสักคนมาเยี่ยมนาง รักษานางเหมือนกับคนที่ได้กลายเป็นศพแล้ว
หลังจากลิ้มลองความเย็นจากผู้คนเหล่านั้น หยานซือเฟยก็แทบไม่ได้เข้าไปติดต่อกับคนอื่นเลย
อย่างไรก็ตาม เซี่ยวหยุนยังคงมาสกัดให้นางอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นางรู้สึกขอบคุณอย่างไม่น่าเชื่อ
ในรูปแบบการดำเนินชีวิตที่น่าเบื่อและสันโดษ การพูดคุยกับเขาและเย้าแหย่ซึ่งกันและกัน ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายมาก
เช่นนี้หยานซือเฟยค่อยๆกลายเป็นเริ่มใช้การแหย่เล่นกึ่งผู้ใหญ่กับเด็กหนุ่ม