ตอนที่แล้วEternal Martial Sovereign ตอนที่ 16 – สายเลือดสูงสุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEternal Martial Sovereign ตอนที่ 18 – เจ้ายังเป็นแค่เด็กน้อย

Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 17 - เจ้าแห่งทักษะกระบี่


Chapter 17  - เจ้าแห่งทักษะกระบี่

 

“มันห่างไปเพียง 3 เมตรเท่านั้น ข้ายังสามารถแก้ไขได้!” เซี่ยวหยุนรู้สึกไม่พอใจกับการฆ่ายุง ประสาทสัมผัสที่ทรงพลังของเขาได้ให้เขาสามารถติดตามทุกการกระทำของยุงตัวนั้นได้

 

ยุงซึ่งดูเหมือนได้ใช้ความเร็วพอสมควรแต่ตอนนี้กลับดูเหมือนจะช้ามาก

 

เขาสามารถใช้ประสาทสัมผัสของเขาเพื่อคาดเดาว่ายุงจะบินไปที่ไหน

 

บุซซ!

 

ในเวลานี้ ยุงได้บินเข้ามาในระยะแล้ว

 

“ห่างไปเกือบ 6 เมตร สมบูรณ์แบบ!”

 

ดวงตาของเซี่ยวหยุนสว่างขึ้นขณะที่เขาก้าวออกมา และได้ยิงรัศมีแห่งแสงกระบี่ไป เจาะทะลุเข้าไปในยุง

 

ในตอนที่เท้าของเซี่ยวหยุนแตะลงบนพื้น ยุงก็ลอยอยู่บนพื้นด้วยเหมือนกัน

 

การโจมตีของกระบี่นั่นรวดเร็วอย่างสุดโต่ง – ถ้าเขาได้ต่อสู้กับใครสักคน เขาจะสามารถโจมตีพวกเขาโดยที่พวกเขาจะไม่ได้เคลื่อนไหว!

 

“ทำต่อ!” เซี่ยวหยุนไม่ได้ผ่อนคลายและแทนที่ด้วยการส่งประสาทสัมผัสของเขาไปทั่วลานบ้าน จับตาดูแมลงทุกตัวที่บินอยู่รอบๆ ซึ่งเขาได้ค้นพบ

 

ตลอดทั้งวัน แมลงจำนวนมากภายในลานบ้านได้ถูกฆ่าโดยเขา

 

เมื่อยามค่ำคืน กองไฟก็ว่างขึ้นภายในลานบ้าน ดึกดูดแมลงนับไม่ถ้วนมา

 

ชวิ้ง ชวิ้ง!

 

ข้างกองไฟ เด็กหนุ่มยังฆ่าแมลงอย่างต่อเนื่อง

 

“พี่ใหญ่เมื่อไหร่กันที่ท่านจะหยุด?” เซี่ยวหลิงเอ๋อนั่งอยู่ใต้เจดีย์หินขณะที่นางกำมือของตัวเองพร้อมกัน มองดูเบื่อหน่าย มันผ่านไปทั้งวันแล้ว แต่พี่ใหญ่ของนางไม่ได้ดูเหมือนกับว่าเขากำลังจะหยุดลง แล้วเขาเริ่มหมกมุ่นอยู่กับการฝึกของเขา

 

“ฮิฮิ นายน้อยหยุนได้เสพติดการฝึกฝนอยู่เสมอ มองดูแมลงต่ำต้อยเหล่านี้สิ” แม่บ้านฮวนเอ๋อกล่าวขณะที่นางเฝ้าดูด้วยดวงตาที่โตของนาง อย่างไรก็ตาม เมื่อนางมองไปยังเด็กหนุ่ทที่ทำการฝึกซ้อมด้วยกระบี่ของเขา การแสดงออกของความเคารพปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง “นายน้อยหยุนนั้นหล่อเหลามาก และเขาดูเยือกเย็นอย่างมากในขณะที่ฝึกด้วยกระบี่ของเขา ด้วยความขยันหมั่นเพียรของเขา แน่นอนว่าเขาจะต้องทรงพลังอย่างมากในอนาคต”

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และเด็กหนุ่มยังคงโจมตีออกมาด้วยกระบี่ของเขาอย่างต่อเนื่องเพื่อฆ่าแมลงเหล่านั้น

 

บุซซ!

 

ห่างออกไป 10 เมตร ได้มีกลุ่มของแมลง พวกมันตีปีกของตนเองเพื่อที่จะบินออก ไปดวงตาของเซี่ยวหยุนส่งแสงวูบขณะที่เขากระโดดลงมาและฟันออกไป

 

ชวิ้ง ชวิ้ง!

 

แสงสะท้อนออกจากกระบี่ขณะที่พวกแมลงได้ร่วงหล่นสู่พื้น ทั้งหมดนั้นได้รับการถูกแทงโดยกระบี่หรือถูกตัดแบ่งครึ่ง พวกมันทั้งได้ถูกฆ่าโดยกระบี่ของตัวพวกมันเอง ในขณะที่ได้ต่อต้านลมที่ถูกนำมาโดยกระบี่

 

ถ้าผู้ฝึกตนระดับ 8 ขั้นหลอมร่างกาย(หมายถึงตัวเซี่ยวหยุน)ได้โจมตีด้วยความแข็งแกร่งเต็มกำลังของเขา พลังที่ถูกนำมาโดยกระบี่ก็จะเพียงพอแล้วที่จะฆ่ากลุ่มแมลงได้

 

อย่างไรก็ตามการพวกมันด้วยกระบี่ของตัวมันเองนั้นแตกต่างออกไป

 

นี้จึงเป็นบททดสอบควบคุมกระบี่ของผู้ฝึกตน เช่นเดียวกับความเร็วและประสาทสัมผัสของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเซี่ยวหยุนประสบความสำเร็จได้แล้ว

 

“ในที่สุดข้าก็สำเร็จในการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน” ในตอนนี้สุดท้ายเซี่ยวหยุนก็หยุดฝึกซ้อม

 

“พี่ใหญ่ ข้าจะเช็ดเหงื่อให้ท่าน!” เมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่ของนางได้ฝึกเสร็จแล้ว เซี่ยวหลิงเอ๋อรีบไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาอย่างขยัน การปรากฏของความจริงใจและน่ารักของนางทำให้นางดูเหมือนกับภรรยาตัวน้อย

 

“ข้าจะทำด้วยตนเอง!” เห็นว่าน้องสาวของเขาดูน่ารักและระรื่น เซี่ยวหยุนก็ได้ยิมและต้องการจะเอาผ้าเช็ดตัวจากนาง

 

“ไม่ พี่ใหญ่จะไม่ปล่อยให้ข้าทำอะไรบ้างหรือ?” เซี่ยวหลิงเอ๋อกระพริบตาและมองไปยังเด็กหนุ่มอย่างเฉียบขาด ราวกับว่าถ้าเข้าปฏิเสธมันจะทำร้ายความรู้สึกของนาง และทำให้นางรู้สึกไร้ประโยชน์ หลังจากที่ทุกอย่างมักจะเป็นพี่ชายมักจะดูแลนางเสมอ และนางไม่สามารถทำอะไนเพื่อช่วยเขาได้เลย

 

“เด็กสาว เจ้าไม่คิดว่าพี่ใหญ่ของเจ้าจะมีกลิ่นเหม็น?” เซี่ยวหยุนได้หัวเราะขณะที่เขาลูบหัวของนาง

 

“ถ้าพี่ใหญ่ต้องการ หลิงเอ๋อจะอยู่ท่านตลอดไปและจะคอยดูแลท่านเอง” เซี่ยวหลิงเอ๋อขณะที่นางกระพริบและมองไปที่เด็กหนุ่มเบื้องหน้านาง มีแสงที่แปลกประหลาดอยู่ในดวงตาของนางขณะที่ขนตาของนางสั่นสะท้านและนางก็มองลงไป

 

“ท่านหญิงหลิงเอ๋อ นายน้อยหยุนได้มีข้าที่จะคอยดูแลเขาแล้ว” ฮวนเอ๋อเดินมากับหม้อซุบเผ็ดงูหลามอสูรขณะที่นางยิ้มให้อย่างสดใส กล่าวว่า “นายน้อยหยุนดื่มซุบงูหลามไฟนี่สิ มันจะช่วยต้านทานความหนาวได้”

 

เมื่อนางได้ยินคำพูดของฮวนเอ๋อ ลักษณะของความเศร้าโศกเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาที่สวยงามของเซี่ยวหลิงเอ๋อ เซี่ยวหยุนรู้สึกแปลกมากขณะที่นางบุ้ยปากและมองดูไม่ชอบใจ เขาได้กล่าวบางสิ่งผิดไปหรือ?

 

หลังจากกินและดื่มซุบ เซี่ยวหยุนไม่ได้ฝึกซ้อมกระบี่ของเขาต่อ แต่กลับเข้าไปในห้องของเขาและบ่มเพาะทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ต่อแทน

 

หลังจากค่ำคืนแห่งการบ่มเพาะ สุดท้ายเด็กหนุ่มก็หยุดลง และดวงตาของเขาดูสดใสและแหลมคม เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในอารมณ์ที่ดี

 

“พลังวิญญาณของข้าได้แข็งแกร่งขึ้นและถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้า ข้าจะสามารถใช้พลังวิญญาณของข้าเพื่อทำลายจิตใจและจิตวิญญาณของคนอื่นได้ แต่ตอนนี้ข้าควรไปภูเขาเมฆาม่วงได้แล้ว” ตอนนี้นั้นเขาบรรลุถึงความเชี่ยวชาญพื้นฐานของทักษะกระบี่แทงเมฆาและทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อในตนเองของเซี่ยวหยุนได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และเขารู้สึกว่าเขาสามารถไปที่ภูเขาเมฆาม่วงได้แล้ว หลังจากที่ทั้งหมดการได้พึ่งพาแก่นแท้ปราณที่เบาบางของที่นี่ มันจะทำให้การทะลวงผ่านของเขามันยากขึ้น

 

“แต่ข้าจำเป็นต้องไปดูพี่สางซือเฟยก่อนที่ข้าจะไป” เซี่ยวหยุนคิดขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของดยุค

 

ย้อนไปเมื่อตอนนั้น หยานซือเฟยไปยังภูเขาเมฆาม่วงเพื่อค้นหาเถาวัลย์จิตวิญญาณม่วง แต่กลับได้รับบาดเจ็บ

 

เมื่อใดก็ตามี่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซี่ยวหยุนก็จะรู้สึกผิดอย่างมาก เขามักต้องการจะตอบแทนนางเสมอมา ดังนั้นครั้งนี้ เขาต้องการจะดูว่าถ้าเขาสามารถค้นพบเถาวัลย์จิตวิญญาณม่วงในส่วนของภูเขาเมฆาม่วงได้หรือไม่ ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถบรรลุความปรารถนาของเขาในหลายปีที่ผ่านมาได้

 

เมื่อเซี่ยวหยุนเข้าไปในที่พักอาศัยตระกูลหยาน สมาชิกตระกูลจำนวนมากทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง “สวัสดีนายน้อยหยุน”

 

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเซี่ยวหยุนที่กำลังเข้าลานบานของหยานซือเฟย แม่ของนางก็กล่าวว่า “เซี่ยวหยุนเข้ามาพบเฟยเอ๋ออีกแล้ว?” เมื่อเขาเห็นนางจ้องมองมา มันดูเหมือนนางจะไม่ค่อยอยากตอนรับเขาและอยากจะไล่เขาออกให้

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

“อือ” เซี่ยวหยุนพยักหน้า

 

“นายน้อยหยุน ขอบคุณท่านมากสำหรับการดูแลเฟยเอ๋อในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามท่านไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไป ดังนั้นถ้าไม่มีอะไรสำคัญ ได้โปรดอย่ามาหานาง มันไม่ใช่อะไรที่ดีเลยสำหรับท่านหรือนาง อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของหญิงสาวนั้นมีความสำคัญมาก”

 

แม่ของหยานซือเฟยหัวเราะเบาๆ แกล้งทำเป็นสุภาพ อย่างไรก็ตามคำพูดของนางทำให้เห็นได้ชัดเจนว่านางไม่ต้องการเพราะเซี่ยวหยุนและลูกสาวของนางกลายเป็นใกล้ชิดกัน ชื่อเสียงที่พูดถึงนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

 

ในช่วง 2 ปีที่ผ่าน มันเป็นที่รู้กันอย่างดีเกือบในทุกที่ของเขตเมฆาม่วงว่าเซี่ยวหยุนนั้นได้มาช่วยท่านหญิงคนโตของตระกูลหยานในการสกัดสารพิษของนางทุกครั้งในขณะที่อาการกำเริบ พวกเขานั้นสนิทกันมากดังนั้นชื่อเสียงของนางอาจจะถูกทำให้สกปรกได้ตลอดหลังจากนี้เช่นใด?

 

เซี่ยวหยุนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเขาตระหนักได้ว่ามันหมายถึงเรื่องอะไร “มันอาจจะเป็นแบบนี้เพราะเรื่องกับฝางเฮ่า

 

เหตุการณ์ที่ฝางเฮ่าขู่ตระกูลเซี่ยวก็อาจจะกระจายไปรอบๆเขตเมฆาม่วงทั้งหมดแล้วก็ได้ ท่าทีของแม่ของหยานซือเฟยเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด “นางคิดว่าข้าด้อยกว่าฝางเฮ่าจริงๆหรือ?” ปากของเซี่ยวหยุนกระตุกเมื่อคิดเช่นนี้

 

“ข้าจะไม่อยู่นานเกินไป” เซี่ยวหยุนตอบขณะที่เขามองไปยังแม่ของหยานซือเฟย

 

“อืม นั่นแหละดีแล้ว” นางตอบ

 

เซี่ยวหยุนกำมือโค้งคำนับและเดินไปยังลานบ้านของหยานซือเฟย

 

“ชายชราได้ขอให้ผู้คนในตระกูลร้องขอยาแก้พิษชั้นยอด ด้วยวิธีนี้เราจะไม่จำเป็นต้องให้เซี่ยวหยุนช่วยหยานซือเฟยสกัดพิษของนางอีกต่อไป และลูกสาวของเราจะไม่ต้องมีสัมพันธ์กับเขาอีกต่อไป เขามีจิตวิญญาณการต่อสู้ขยะและเขายังได้ล่วงเกินฝางเฮ่าอีกด้วย ความสามารถประเภทใดกันที่เขามี?” แม่ของหยานซือเฟยพึมพำกับตัวเองขณะที่นางมองไปที่เด็กหนุ่ม แล้วจึงจากไป

 

หลังจากเดินเข้าไปในลานบ้าน รอยยิ้มเบาๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยวหยุน

 

ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เซี่ยวหยุนได้รับการปฎิบัติอย่างนี้มานานแล้วโดยคนอื่น

 

เช่นนี้ เขาจึงเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ว่ามารดารของหยานซือเฟยกำลังคิดอย่างไร

 

เซี่ยวหยุนส่ายหัวของเขาและเดินเข้าไปยังลานบ้าน

 

“นายหญิงของพวกเจ้าอยู่ไหน?” เซี่ยวหยุนถามสาวใช้คนหนึ่ง

 

“นายหญิงกำลังอาบน้ำอยู่ นายน้อยหยุนโปรดรอสักครู่” สาวใช้ที่ดูสวยงามกล่าวอย่างสุภาพ

 

เซี่ยวนั้นค่อนข้างน่าทึ่งกับคนเหล่านี้ แม้กระทั่งเซียนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงก็ยังไม่สามารถที่จะสกัดพิษร้ายแรงนี้ได้ แต่เขาก็ยังสามารถมันได้อย่างง่ายดาย มีคนมากมายเท่าไหร่กันที่สามารถช่วยคนอื่นจากความตายได้เหมือนเขา?

 

มันน่าเสียว่านี่คือโลกที่อำนาจคือจุดสูงสุดเช่นนี้

 

เว้นแต่ว่าเขาจะสามารถจนไปขอบเขตที่เขาสามารถนำคนตายกลับมามีชีวิตและทำให้เลือดเนื้องอกออกมาจากกระดูกได้ ไม่งั้นมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะได้รับความรับเคารพจากผู้ฝึกบ่มเพาะทักษะการต่อสู้

 

หลังจากนั้นชั่วครู่ หญิงสาวก็อาบน้ำเสร็จและเชิญเซี่ยวหยุนเข้ามา

 

หยานซือเฟยสวมเสื้อคลุมยาวสง่างาม และผมสีดำสลวยของนางแกว่างไปรอบๆช่วงล่างที่น่ารักของนางขณะที่เอวของนางบิด หน้าอกของนางค่อนข้างใหญ่และมีชีวิตชีวา และเสื้อคลุมของนางก็ไม่สามารถปกปิดมันได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งปล่อยให้ความขาวบางส่วนแสดงออกมา

 

ภายใต้ความขาวที่เป็นหุบเขาลึก

 

อึก!

 

 

เมื่อเขามองไปยังร่างกายที่สมบูรณ์แบบของหญิงสาว มันเป็นเช่นเดียวกันกับกระต่าขาวที่เกือบจะระเเบิดออกมา แล้วเซี่ยวหยุนก็ได้กลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึก

 

พี่ใหญ่ซือเฟยกลายเป็นมีขนาดใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น” เซี่ยวหยุนขณะที่เขาเหลือบมองไปยังหน้าอกของหญิงสาว

 

สายตาของเขาถูกดึงดูดโดยสิ่งที่เขาเห็น

 

“น้องเล็กเซี่ยวหยุน เหตุใด้เจ้าจึงมาหาพี่สาวอีกครั้ง?” เอวของหยานซือเฟยหันมาขณะที่นางลูบของนางด้วยมือ ทำให้ลูกปัดน้ำตกลงมาบนพื้น ด้วยการกระทำที่เรียบง่ายเพียงอย่างเดียวก็ขับเน้นรูปร่างที่ความสวยงามของมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะเมื่อใดก็ตามที่นางเคลื่อนไหวมือของนาง หน้าอกที่ใหญ่ของนางจะสะเทือนไปด้วย ความขาวทำให้เด็กหนุ่มต้องถลึงตาขณะที่เขาต้องการจะเห็นฉากอันน่าหลงใหลที่วางอยูใต้นั่น

 

“เอ๋?” หยานซือเฟยพูด แต่กลับไม่ได้ยินการตอบรับจากเด็กหนุ่มซึ่งทำให้นางงง

 

นางได้มองไปและได้เห็นสายที่เร่าร้อนของเด็กหนุ่มที่ได้จ้องมาบนร่างกายของนาง

 

“สารเลว เจ้ากำลังมองไปที่ใด?” หยานซือเฟยกลอกตาของนางไปยังเด็กหนุ่ม และหยุดขยับผมของนาง นางได้ยืดออกมา จากนั้นเดินไปยังเซี่ยวหยุนขณะที่บิดสะโพกอันนิ่มนวลด้วยร่องรอยของความโกรธในดวงตาของนาง

 

อย่างไรก็ตาม เซี่ยวหยุนซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่กลัวมากนักกับการแสดงออกของนาง กลับกัน เขารู้สึกว่านางดูสวยงามและน่าทึ่งมากขึ้นไปอีก เด็กหนุ่มแหว่งมือของเขาขณะที่มอบรอยยิ้มเบาๆและพูดว่า “ใครบอกให้พี่ใหญ่ซือเฟยน่าหลงใกลกันเล่า?”

 

หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำเสร็จสิ้น และนางก็ค่อนข้างมีบรรยากาศสวยงามรอบๆตัวนาง  เซี่ยวหยุนมองไปทางอื่นอย่างไม่เต็มใจ

 

“เจ้าเริ่มได้กลายเป็นมีปากร้ายที่ไวมากยิ่งขึ้น” หยานซือเฟยหัวเราะขณะที่นางตำหนิเขาแต่นางก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจ

 

“ไม่มีทาง มันเป็นเพราะพี่ใหญ่ซือเฟยเริ่มสวยมากยิ่งขึ้นนั่นแหละ” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่เขายักไหล่อย่างหมดหนทาง

 

เมื่อ 2 ปีที่แล้วร่างกายของหญิงสาวคนนี้ยังไม่พัฒนาเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกหลงใหล อย่างไรก็ตามเซี่ยวหยุนรู้สึกราวกับว่า 2 ปีที่ผ่านมานั้นได้เหมือนกับฝัน และรูปร่างของหญิงสาวนางนี้ก็เป็นแม่แหล็กที่ดึงดูดสายตาของเขา

 

พี่ใหญ่ซือเฟยส่วนขึ้นมากหรือว่าข้าโตขึ้นกัน?

 

“โอ้เจ้า พี่สาวไม่รู้จริงๆว่าจะทำอย่างไรกับเจ้า” หยานซือเฟยยิ้มให้เขาและดูเหมือนจะมีความสุขมาก นางนั่งลงที่เก้าอี้ถัดจากเด็กหนุ่มขณะที่นางถือถ้วยชาเบาๆ และจิบมัน นางไม่ได้โกรธเขาเลย

 

ตลอด 2 ปีนี้ เพราะว่าพิษร้าย นางจึงมีประสบการณ์ไม่น้อย

 

หลังจากนั้น นายน้อยที่ร่ำรวยและทรงพลังเกือบทั้งหมดของเขตเมฆาม่วงได้พยายามเข้าใกล้นาง อย่างไรก็ตามหลังจากที่ประกาศว่ามันไม่มีความหวังสำหรับนาง พวกเขาทั้งหมดได้เย็นชาและห่างเหินไป อย่างช้าๆ ไม่ใครสักคนมาเยี่ยมนาง รักษานางเหมือนกับคนที่ได้กลายเป็นศพแล้ว

 

หลังจากลิ้มลองความเย็นจากผู้คนเหล่านั้น หยานซือเฟยก็แทบไม่ได้เข้าไปติดต่อกับคนอื่นเลย

 

อย่างไรก็ตาม เซี่ยวหยุนยังคงมาสกัดให้นางอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นางรู้สึกขอบคุณอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ในรูปแบบการดำเนินชีวิตที่น่าเบื่อและสันโดษ การพูดคุยกับเขาและเย้าแหย่ซึ่งกันและกัน ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายมาก

 

เช่นนี้หยานซือเฟยค่อยๆกลายเป็นเริ่มใช้การแหย่เล่นกึ่งผู้ใหญ่กับเด็กหนุ่ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด