เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 73 เครื่องหมายวงกลมสีแดง (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 73 เครื่องหมายวงกลมสีแดง
แปลโดย iPAT
"เจ้าบอกว่าการกรรโชกทรัพย์ครั้งนี้ แม้ฟางหยวนจะสามารถเอาชนะฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน แต่เขากลับไม่เรียกร้องหินวิญญาณจากพวกเขางั้นหรือ?" หลังจากอาจารย์อาวุโสได้รับรายงาน เขารู้สึกประหลาดใจมาก
"ผู้น้อยไม่กล้าโกหก มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ" ยามคุกเข่าลงบนพื้น
"อืม" อาจารย์อาวุโสไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาเพียงโบกมือไล่ยามผู้นั้นออกไปเท่านั้น "ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปได้"
"ผู้น้อยขอลา" ยามเร่งทำความเคารพและจากไป
หลังจากนั้นอาจารย์อาวุโสก็จมลงสู่ห้วงแห่งความคิด
เดิมทีเขากังวลว่าฟางหยวนจะชิงหินวิญญาณสามสิบก้อนไปจากฟางเจิ้ง หากเป็นเช่นนั้นระบบการศึกษาจะกลายเป็นไร้ความหมายขณะที่อาจารย์อาวุโสจะไม่สามารถปล่อยผ่านและต้องลงโทษฟางหยวน
แต่โดยไม่คาดคิด ไม่เพียงฟางหยวนจะไม่ปล้นชิงหินวิญญาณของฟางเจิ้ง เขายังปล่อยโม่เป่ยและซื่อเฉินไปเช่นกัน
‘ฟางหยวนมีหินวิญญาณนับร้อยก้อนอยู่ในมือ เขาอาจไม่สนใจหินวิญญาณเพียงสามสิบก้อน นี่เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่การข่มขู่ฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน มีเหตุผลใดซ่อนอยู่?’
อาจารย์อาวุโสขมวดคิ้วลึก เขาคิดถึงความน่าจะเป็นบางอย่าง
ฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน พวกเขาเป็นตัวแทนของสามกลุ่มอิทธิพล การปล่อยพวกเขาไปหมายความว่าฟางหยวนต้องการดึงดูดความสนใจจากทั้งสามฝ่าย เรื่องนี้สามารถเข้าใจได้ เมื่อทัศนคติของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง เขาจะเข้าสู่ระบบตระกูลในที่สุด
‘มันควรจะเป็นเช่นนี้ ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณสุรา การบ่มเพาะของเขาพุ่งสูงขึ้นเล็กน้อย แม้เขาจะมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่มันก็ช่วยปลดปล่อยความรู้สึกในเชิงลบของเขา ตอนนี้จิตใจของเขาเริ่มดีขึ้นแล้ว’
‘ดูเหมือนคำกล่าวของท่านผู้นำจะเป็นจริง ฟางหยวนอายุเพียงสิบห้า แล้วเขาจะต่อต้านตระกูลได้อย่างไร? ตอนนี้เขาเริ่มยอมรับความจริงได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงเริ่มมองหาจุดยืนและค่อยๆผสานตนเองเข้ากับตระกูลอย่างเป็นธรรมชาติ’
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อาจารย์อาวุโสจึงสามารถถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและรู้สึกร่าเริงขึ้น
สามวันผ่านไป เวลาของการสอบกลางปีมาถึงในที่สุด
"เร็วเข้า เร็วเข้า ข้าล่อหมูป่ามาแล้ว" เด็กหนุ่มวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
บนเท้าทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มปรากฎวงแหวนแสงสีเขียวหมุนวนอยู่ สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากกว่าเด็กคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตามหมูป่าที่วิ่งตามหลังเขามากลับกระชั้นชิดเข้าไปเรื่อยๆ
"หมูป่ามาแล้ว ดึงเชือกได้!" เด็กสี่คนที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ดึงเชือกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มเท้าไฟกระโดดข้ามเชือกก่อนจะวิ่งต่อไปข้างหน้า
หมูป่าที่อยู่ข้างหลังสะดุดเชือกล้มลงอย่างรุนแรงและกลิ้งต่อไปอีกห้าหรือหกเมตรก่อนจะหยุดลง
"อา..." เด็กทั้งสี่ถูกลากดึงและล้มลงพร้อมกับหมูป่า
"โจมตีได้!" เด็กหนุ่มเท้าไฟที่วิ่งอยู่ข้างหน้าตะโกนออกคำสั่ง
เด็กที่ล้มอยู่บนพื้นพยายามลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปปิดล้อมหมูป่า
"ปัง!"
ด้วยการซุ่มโจมตี กะโหลกศีรษะของหมูป่าถูกทุบจนแตกละเอียด
"เกือบไปแล้ว" ซื่อเฉินเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตน "โชคดีที่ข้าสามารถใช้วิญญาณจิ้งหรีดมังกรและกระโดดข้ามออกไปทางซ้ายสามเมตร มิฉะนั้นข้าอาจได้รับบาดเจ็บ”
"ฟิ้ว ฟิ้ว"
ดาบแสงจันทร์พุ่งปะทะหมูป่าและฝากรอยแผลตื้นๆเอาไว้บนชั้นผิวหนังของมัน
ใบหน้าของโม่เป่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหมูป่าล้มลงในที่สุด
โม่เป่ยหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลลงมาเป็นเส้นสาย
"การต่อสู้กับหมูป่าต่างจากการต่อสู้จำลองกับหุ่นไม้ในสถานศึกษาจริงๆ ข้าต้องใช้เวลาถึงสามสิบนาทีในการฆ่ามัน ข้าสงสัยว่ากลุ่มอื่นจะเป็นเช่นไร?"
บนเนินเขา มีกระโจมขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นอย่างง่ายๆซ่อนอยู่ในบริเวณนั้น แม้แสงแดดจะสาดส่องแต่ด้วยร่มเงาจากกระโจมเล็กๆหลังนี้ มันกลายเป็นพื้นที่ที่มีบรรยากาศเย็นสบาย
ภายในกระโจมหลังน้อยมีโต๊ะเก้าอี้หลายชุด ผู้อาวุโสหลายคนนั่งอยู่ที่นั่นและยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาของเขายืนอยู่ด้านข้าง
รอบๆกระโจมมีผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆเฝ้าระวังอยู่อย่างลับๆ
"ฟิ้ว..."
เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งทะยานร่างออกมาจากป่าก่อนจะคุกเข่าลงหน้ากระโจม
"สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?" อาจารย์อาวุโสเปิดปากถาม
"รายงานผู้อาวุโส จนถึงขณะนี้ยังไม่มีศิษย์คนใดได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต" ผู้ใช้วิญญาณเร่งตอบคำถาม
"ดี ดี"
"การสอบผ่านไปครึ่งวันแล้ว แต่ยังไม่มีศิษย์คนใดได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่แตกต่างจากปีที่ผ่านๆมาอย่างสิ้นเชิง"
อาจารย์อาวุโสพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
แต่หลังจากนั้นเขากลับส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้ม เขารู้ว่าทั้งหมดมีสาเหตุมาจากฟางหยวน การกรรโชกทรัพย์ของเขาทำให้เด็กหนุ่มสาวขยันฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นผลงานของพวกเขาจึงออกมาค่อนข้างดี
อาจารย์อาวุโสมองผู้ใช้วิญญาณที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าและกล่าว "แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร?"
"รายงานผู้อาวุโส จนถึงเวลานี้ ฟางหยวน ฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน พวกเขาเป็นผู้นำ ซื่อเฉินฆ่าหมูป่าได้สามตัว ฟางเจิ้งและโม่เป่ยฆ่าได้ห้าตัว สำหรับฟางหยวน เขาฆ่าได้ถึงแปดตัว"
"โอ้ ฟางหยวนกำลังเป็นผู้นำ!"
"โดยทั่วไปมันเป็นเรื่องยากที่ผู้มีพรสวรรค์นภาที่สามจะนำหน้าผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งและสอง"
"แต่เขามีวิญญาณสุรา มันหมายความว่าทะเลวิญญาณของเขาก้าวสู่ระดับหนึ่งขั้นสูงแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"
"อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉินจะค่อยๆกลับมานำหน้าเขา แม้เขาจะมีวิญญาณสุรา มันก็ไม่สามารถเทียบได้กับพรสวรรค์นภาที่หนึ่งหรือสอง"
อาจารย์อาวุโสกล่าว
"เจ้าไปได้" อาจารย์อาวุโสโบกมือไล่ผู้ใช้วิญญาณที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้า "กำชับทุกคนให้ดูแลเด็กๆเป็นอย่างดีโดยเฉพาะฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉิน ให้ความสำคัญกับการปกป้องพวกเขาเป็นพิเศษ"
"รับทราบ" ผู้ใช้วิญญาณถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
การล่าครั้งนี้ถือเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงครั้งแรกของศิษย์ส่วนใหญ่ ดังนั้นอาจารย์อาวุโสจึงต้องส่งผู้ใช้วิญญาณออกไปดูแลความปลอดภัยให้กับพวกเขาอย่างลับๆ นอกจากนั้นในกระโจมยังมีอาจารย์อาวุโสและผู้อาวุโสอีกสามคนนั่งอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น
ดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนคล่อยลงมาทางทิศตะวันตก
แต่หมู่ป่ายังล้มลงอย่างไม่รู้สิ้นสุด
'ยี่สิบสาม' ฟางหยวนคำนวณอยู่ในใจขณะที่นำมีดออกมาตัดเขี้ยวหมูป่าด้วยความชำนาญ
มีถุงผ้าป่านมัดอยู่บนแผ่นหลังของเขาพร้อมกับเขี้ยวหมูป่าจำนวนมาก
นอกจากนั้นเขายังมีถุงที่เต็มไปด้วยเขี้ยวหมูป่าอยู่อีกหนึ่งใบ เขี้ยวหมูป่าเหล่านั้นเป็นสมบัติที่เขาเก็บรวบรวมไว้ก่อนหน้า คืนที่ผ่านมาเขานำพวกมันมาฝังไว้ในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง
‘ข้าคุ้นเคยกับภูมิประเทศและยังรู้ตำแหน่งของรังหมูป่า ขณะเดียวกันพลังการบ่มเพาะของข้าก็อยู่ในระดับหนึ่งขั้นสูง ด้วยการใช้วิญญาณแสงจันทร์คู่กับวิญญาณแสงดาวในการฆ่าหมูป่า คนอื่นๆย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบกับข้า ถุงใบเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ข้าเป็นที่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าอยากเห็นนักว่าพวกเขาจะแสดงออกอย่างไรเมื่อเห็นถุงอีกใบของข้า หึหึ’
ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและตระหนักว่าใกล้ถึงเวลาส่งผลงานแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ช่วยไม่ได้ที่เขาจะลอบหัวเราะอยู่ภายใน
ฟางหยวนจำแผนที่ของนักล่าได้อย่างแม่นยำ จากตำแหน่งปัจจุบันของเขา หากเขาเลี้ยงซ้ายไปตามลำธารและเดินต่อไปเป็นเวลาสิบห้านาที เขาจะพบจุดที่เขาฝังถุงเขี้ยวหมูป่าเอาไว้
แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกลังเล
‘ตำแหน่งในปัจจุบันของข้าอยู่ห่างจากวงกลมสีแดงเพียงห้าหรือหกร้อยเมตรเท่านั้น นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ข้าควรไปสำรวจมันหรือไม่?’
ฟางหยวนไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว
ด้วยเขี้ยวหมูป่าที่เขาครอบครองอยู่ มันเพียงพอให้เขาได้รับอันดับหนึ่ง นอกจากนั้นเวลาก็ยังเหลืออยู่อีกมาก
‘วงกลมสีแดงบนแผนที่หนังสัตว์เป็นสิ่งเดียวที่ข้าไม่สามารถถอดรหัส ข้าควรไปดูด้วยตาของตนเอง’
ฟางหยวนรู้ว่ามีผู้ใช้วิญญาณเฝ้ามองพวกเขาอยู่ นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาต้องระมัดระวัง
เขาทำตัวราวกับกำลังค้นหาหมูป่า แต่ในความเป็นจริงเขากำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมายในใจของเขา
เจ็ดนาทีหลังจากนั้นเขามาถึงตำแหน่งของวงกลมสีแดงบนแผนที่หนังสัตว์
บ้านไม้ถูกซ่อนไว้บนต้นไม้ใหญ่ หากไม่สังเกตอย่างถี่ถ้วน มันค่อนข้างยากที่จะค้นพบบ้านไม้หลังนี้
‘นี่คือที่พักชั่วคราวของครอบครัวหวังงั้นหรือ?’ ฟางหยวนขมวดคิ้วก่อนจะเริ่มปีกขึ้นไปบนต้นไม้
อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองเห็นสิ่งที่อยู่ในบ้านไม้ การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปทันที